28 มีนาคม 2560

รวมบทความเทศกาลปัสกา(Passover)

"ความก้าวหน้า ไม่ใช่เพียงการก้าวให้ทันโลก หรือก้าวล้ำตามใคร หากแต่เป็นก้าวไกลในความเชื่อ และก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่เป้าประสงค์ลิขิตของพระเจ้า"

ร่วมฉลองเทศกาลปัสกา(Passover) เริ่มเย็นวันที่10-18 เม.ย. 2017
นี้  ผมจึงขอรวบรวมบทความเทศกาลปัสกาที่เคยเขียนไว้ สามารถอ่านได้ตาม Link นี้นะครับ 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทศกาลปัสกาและอีสเตอร์



   
  

27 มีนาคม 2560

พระเจ้าไม่ทรงจดจำบาปของผู้เชื่อ

พระเจ้าไม่ทรงจดจำบาปของผู้เชื่อ
โดย Haiyong Kavilar
พันธสัญญาอันประเสริฐกว่า
(ฮีบรู 8:6) แต่​บัดนี้​พระ​เยซู ทรง​ได้​รับ​พันธ​กิจ​ที่​สูงส่ง​กว่า​ของ​พวก​เขา เช่น​เดียว​กับ​ที่​พระ​องค์​ทรง​เป็น​คน​กลาง​แห่ง​พันธ​สัญ​ญา​อัน​ประ​เสริฐ​กว่า ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​บน​พระ​สัญ​ญา​ที่​ประ​เสริฐ​กว่า

ใน (ฮีบรู 8:6) ได้กล่าวว่าพันธสัญญาใหม่เป็นพันธสัญญาที่ประเสริฐกว่าพันธสัญญาเดิม ซึ่งผู้คนจะก้าวเข้าสู่พันธสัญญาใหม่นี้ได้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พันธสัญญานี้ถูกตราขึ้นโดยพระโลหิตพระคริสต์ ในพันธสัญญาใหม่นี้ พระเจ้าทรงอภัยบาปให้ผู้เชื่อและไม่จดจำบาปของผู้เชื่ออีก

(มัทธิว 26:28) เพราะ​ว่า​นี่​เป็น​โลหิต​ของ​เรา​อัน​เป็น​โลหิต​แห่ง​พันธ​สัญญา​ที่​หลั่ง​ออก​เพื่อ​อภัย​บาป​โทษ​คน​จำนวน​มาก

(ฮีบรู 8:12) เพราะ​เรา​จะ​เมต​ตา​ต่อ​การ​อธรรม​ของ​พวก​เขา และ​จะ​ไม่​จด​จำ​บรร​ดา​บาป​ของพวก​เขา​ไว้​เลย 

เทวนิยมแบบดั้งเดิม (Classical Theism)
คำถามมีอยู่ว่า ถ้าพระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่ง(สัพพัญญู) แล้วพระเจ้าจะไม่จดจำบาปของผู้เชื่อได้อย่างไร? ในมุมมองของเทวนิยมแบบดั้งเดิมยึดมั่นว่าพระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่ง ดังนั้นตามมุมมองเทวนิยมแบบดั้งเดิม การที่พระคัมภีร์เขียนว่าพระเจ้าจะไม่จดจำบาปจึงไม่ได้มีความหมายแบบนั้นตามตัวอักษร แต่พระคัมภีร์เขียนแบบเปรียบเปรยเพื่อให้มนุษย์เข้าใจได้ (ภาษาวิชาการเรียกว่า Anthropomorphism) นี่เป็นคำอธิบายที่นักศาสนศาสตร์บางส่วนยึดถือ

เทวนิยมแบบเปิด (Open Theism)
ในช่วงปีคริสตศักราชที่ 1980 มีนักวิชาการบางกลุ่มได้เสนอมุมมองทางศาสนศาสตร์ที่แตกต่างไปจากเทวนิยมแบบดั้งเดิม มุมมองนี้เสนอว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และมีเอกสิทธิ์ในการจำกัดความรู้ของพระองค์ กล่าวคือถ้าพระเจ้าเลือกที่จะไม่รู้ในเรื่องใด พระองค์ก็สามารถกระทำเช่นนั้นได้ มุมมองนี้มีชื่อในเชิงวิชาการว่าเทวนิยมแบบเปิด
ในพระคัมภีร์มีหลายเหตุการณ์ที่ดูประหนึ่งว่าพระเจ้าเลือกที่จำกัดพระองค์โดยไม่รับรู้ในบางเรื่อง เช่น (ปฐมกาล 18:20-21)

(ปฐมกาล 18:20-21)  พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​ว่า “เสียง​ร้อง​กล่าว​โทษ​เมือง​โสโดม​และ​เมือง​โกโม​ราห์​นั้น​ดัง​เหลือ​เกิน และ​บาป​ของ​เขา​ก็​หนัก​มาก เรา​จะ​ลง​ไป​ดู​ว่า​พวก​เขา​ทำ​ผิด​จริง​ตาม​คำ​ร้อง​ที่​มา​ถึง​เรา​นั้น​หรือ​ไม่ ถ้า​ไม่ เรา​ก็​จะ​รู้”

ในหนังสือ Who is God? (พระเจ้าคือผู้ใด) ที่เขียนโดย Harold Eberle (ฮาร์โรล เอเบอร์เล) ได้กล่าวถึงข้อพระคัมภีร์นี้ว่า
       ข้อพระคัมภีร์นี้ทำให้คุณปั่นป่วนหรือประหลาดใจไหม? ข้อพระคัมภีร์นี้ชี้ว่าพระเจ้ารับรู้ถึงความบาปในเมืองโสโดมกับเมืองโกโมราห์ ทว่าพระองค์รู้แบบบางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด พระองค์ได้ส่งเหล่าทูตสวรรค์ไปในพื้นที่นั้นเพื่อที่จะตรวจสอบดูว่าผู้คนในเมืองเหล่านั้นได้กระทำบาปตามคำร้องที่มาถึงหรือไม่? พระเจ้าทรงไปตรวจสอบเพื่อที่ว่าพระองค์จะได้ “รู้”
        เป็นไปได้ว่าพระเจ้าทรงยอมจำกัดการทรงสถิตของพระองค์และซ่อนพระพักตร์จากสถานที่ชั่วร้ายอย่างเมืองโสโดมกับเมืองโกโมราห์ นั่นคือพระองค์เลือกที่จะไม่สำแดงความบริสุทธิ์ของพระองค์ต่อสิ่งชั่วร้าย และดังนั้นพระองค์เลือกที่จะไม่รับรู้ในบางเรื่องแบบทั้งหมด บางทีพระองค์สามารถเลือกที่จะรู้เรื่องไหนก็ได้ที่พระองค์ต้องการจะรู้ บางทีพระองค์ทรงมีเอกสิทธิ์ในการเลือกที่จะไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ดาเนียล จัสเตอร์
       ตามมุมมองของเทวนิยมแบบเปิด พระเจ้าทรงมีเอกสิทธิ์ที่จะไม่รับรู้ในบางเรื่องได้ นั่นหมายความว่าพระเจ้าทรงไม่จดจำบาปของผู้เชื่อที่อยู่ในพันธสัญญาใหม่ได้จริงๆ พระองค์ทรงมีเอกสิทธิ์ในการเลือกที่จะไม่จดจำรู้บาปของผู้เชื่อ มุมมองเทวนิยมแบบเปิดจึงตีความข้อพระคัมภีร์ที่ว่า พระเจ้าทรงไม่จดจำบาปได้ตรงตามตัวอักษร
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่านักวิชาการทุกคนจะยอมรับเรื่องเทวนิยมแบบเปิด ในแวดวงศาสนศาสตร์ประเด็นเรื่องเทวนิยมแบบเปิดเป็นเรื่องที่โต้เถียงกันมาก กระนั้นก็มีนักวิชาการพระคัมภีร์ชาวยิวที่เป็นคริสเตียนบางคน เช่น ดาเนียล จัสเตอร์ ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดเทวนิยมแบบเปิด เนื่องจากเขาเห็นว่า มุมมองของเทวนิยมแบบเปิดสอดคล้องกับความเป็นพระเจ้าของอิสราเอลมากกว่ามุมมองของเทวนิยมแบบดั้งเดิม
หนังสือแนะนำเพิ่มเติม
ถ้าเพื่อนๆสนใจศึกษาเรื่องเทวนิยมแบบเปิดอย่างลึกซึ้งขึ้น ผมขอแนะนำหนังสือดังต่อไปนี้

1. Who is God? เขียนโดย Harold R. Eberle หนังสือเล่มนี้ใช้อ่านเข้าใจง่าย เพราะใช้ภาษาที่ง่ายและกระชับ

2. God of the Possible เขียนโดย Gregory A. Boyd หนังสือเล่มนี้มีความเป็นวิชาการบ้าง แต่ก็ยังอ่านง่าย

12 มีนาคม 2560

เทศกาลปูริม ถอดหน้ากากเปิดเผยตัวตน

ในเดือนอาดาร์(Adar) มีเทศกาลสำคัญของคนอิสราเอล นั่นคือ "เทศกาลปูริม"(Purim) ช่วงวันที่ 14-15 เดือนอาดาร์ สำหรับปี 2017 จะตรงกับวันที่ 12-13 มี.ค.  

ต้นกำเนิดของเทศกาลปูริมถูกบันทึกไว้ในพระธรรมเอสเธอร์  เทศกาลนี้ เป็นการระลึกเหตุการณ์สมัยพระราชาอาหสุเอรัสแห่งเปอร์เชียร  เมื่อพระราชินีเอสเธอร์และโมรเดคัยลูกพี่ลกน้องของเธอช่วยคนยิวให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากศัตรูตัวร้าย คือ ฮามาน

คำว่า ปุริม  มาจากภาษาฮีบรู פּוּרִים  แปลว่า สลาก”(lot) เป็นการอ้างอิงถึงการทอดสลากของฮามาน เพื่อหาวันที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวทั้งผู้ใหญ่และเด็ก 
เอสเธอร์ 3:7  ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสานปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดเปอร์ คือ สลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวัน และเขาทอดเปอร์เพื่อหาเดือน ได้วันที่สิบสามและเดือนที่สิบสอง คือเป็นเดือนอาดาร์
เอสเธอร์ 9:24-26 
24 เพราะฮามานบุตรฮัมเมดาธาคนอากัก ศัตรูของพวกยิวทั้งปวง ได้ปองร้ายต่อพวกยิวเพื่อทำลายเขาได้ทอดเปอร์ คือสลาก เพื่อล้างผลาญและทำลายเขา...
26 เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกวันเหล่านี้ว่า ปูริม ตามคำเปอร์ ดังนั้น เพราะทุกอย่างที่เขียนไว้ในจดหมายนี้ และเพราะสิ่งที่พวกยิวต้องเผชิญในเรื่องนี้และสิ่งที่อุบัติแก่เขา

หลังจากที่พระราชินีเอสเธอร์และโมรเดคัยช่วยคนยิวให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์  โมรเดคัยจึงบันทึกเหตุการณ์นี้และประกาศให้คนยิวจัดเทศกาลปูริมในวันที่ 14-15 อาดาร์ ขึ้นทุกๆปี เพื่อระลึกถึงการช่วยกู้จากพระเจ้าให้รอดจากความตาย 
เอสเธอร์ 9:20-22 
20 และ​โมร​เดคัย​บันทึก​เรื่อง​นี้​และ​ส่ง​จดหมาย​ไป​ยัง​พวก​ยิว​ทั้ง​ปวง ผู้​อยู่​ใน​มณฑล​ทั้ง​ปวง​ของ​กษัตริย์​อาห​สุ​เอรัส ทั้ง​ใกล้​และ​ไกล​
21 ชักชวน​เขา​ให้​ถือ​วันที่​ 14 ดือน​อา​ดาร์ และ​วันที่​ 15 เดือน​เดียว​กัน​ทุกๆ ปี​
22 เป็น​วันที่​พวก​ยิว​พ้น​จาก​ศัตรู​ของ​เขา และ​เป็น​เดือน​ที่​เปลี่ยน​ความ​โศก​เศร้า​เป็น​ความ​ยินดี และ​การ​คร่ำ​ครวญ​เป็น​วัน​รื่น​เริง​ให้แก่​เขา และ​ให้​เขา​ถือ​เป็น​วัน​กิน​เลี้ยง​และ​วัน​ยินดี เป็น​วันที่​ส่ง​ของขวัญ​แก่​กัน​และ​กัน และ​ให้​ของขวัญ​แก่​คน​จน
เทศกาลปูริมเป็นเทศกาลที่ชื่นชมยินดีในความรอดโดยพระคุณจากพระยาห์เวห์ คนยิวจะจัดเตรียมตะกร้าใส่ของขวัญไว้  เรียกว่า “ตะกร้าปูริม” นำไปมอบกับคนในครอบครัว  รวมถึงคนยากจนและด้อยโอกาสต่างๆ  การมอบของขวัญให้กับผู้อื่น มาจากความรู้สึกสำนึกในพระคุณของพระยาห์เวห์ที่พระองค์ทรงประทานของขวัญล้ำค่าซึ่งก็คือ ชีวิตที่ได้รับความรอด เช่นเดียวกัน
 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นของขวัญล้ำค่า  คือ ความรอดที่ทรงประทานให้กับเรา (ยอห์น 3:16) และเพื่อให้เรามอบให้ผู้อื่นด้วยใจยินดี  

ตัวอักษรฮีบรูสำหรับเดือนอาดาร์  คือ  ק   ตัวอักษรโคฟ (kuf) หรือ (Qoph) ออกเสียงเหมือนตัวอักษร Q ในภาษาอังกฤษ   
ความหมาย คือ “การหัวเราะ” (laughter) และอีกความหมายหนึ่งคือ “การสวมหน้ากาก”(masquerade)

หากเป็นช่วงเวลานี้ รายการสุดฮิตทางช่อง Work point (ช่อง 23) คือ รายการหน้ากากนักร้อง(The Mask Singer) เป็นการแข่งขันร้องเพลงที่ผู้เข้าแข่งขันต้องสวมหน้ากากมาร้องเพลง ผู้ใดแพ้จะตกรอบและต้องถอดหน้ากาก เผยโฉมตัวตนออกมาให้ผู้ชมได้รู้ว่า  นักร้องคนนี้เป็นใคร 

เทศกาลปูริม  ฮามาน(Haman) ที่เสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีต่อพระราชาก็ได้เปิดเผยตัวว่า เป็น "หน้ากากนักฆ่า"(The Mask Killer) หมายที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยิว แต่ราชินีเอสเธอร์ก็ได้เผยโฉมเปิดเผยตัวตนของเธอว่าเธอยืนเคียงข้างอิสราเอล ชนชาติของเธอ เพื่อช่วยคนยิวให้รอด

สำหรับความหมายเชิงการเผยพระวจนะของเดือนอาดาร์ เป็นเดือนที่เราจะถอดหน้ากากออก  เพื่อว่าเราจะสามารถหัวเราะได้ 
เมื่อเราได้ถอดหน้ากากแห่งตัวเก่าของเรา เราจะสามารถชื่นชมยินดีได้อย่างแท้จริงในความเป็นตัวของเรา  หน้ากากนั้นมักจะหยุดยั้งความชื่นชมยินดีเอาไว้เสมอ  
อาดาร์เป็นเดือนที่อัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราจะถูกเปิดเผยออกมา พระเจ้าทรงมีเป้าประสงค์ลิขิตสำหรับเรา  จงค้นให้พบอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราในมิติฝ่ายวิญญาณ  จงเรียนรู้ว่าเราเป็นใครในองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจำเป็นจะต้องรู้ของประทานฝ่ายวิญญาณของเรา  
ให้เราได้ทบทวนดูถ้อยคำการเผยพระวจนะที่มาถึงชีวิตของเรา เราไม่ต้องพยายามที่จะเป็นในบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ได้เป็น และจงเริ่มต้นเคลื่อนรุดหน้าไปสู่เป้าประสงค์ลิขิตของเราในพระเจ้า ! 

เหตุการณ์ที่สำคัญมากที่สุดในเดือนอาดาร์ คือ "เทศกาลปูริม" เป็นช่วงเวลาเฉลิมฉลองที่คำแช่งสาปได้ถูกล้มล้างไป(The curse is overturned)
ในเทศกาลปูริม คนยิวได้เผชิญหน้ากับความตายการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุโดยฮามาน แต่โดยความกล้าหาญของเอสเธอร์ เหตุการณ์ต่างๆ กลับพลิกผันไปอย่างน่าอัศจรรย์ การคุกคามหมดไปและคนยิวรอดตาย จึงเป็นช่วงเวลาที่ท่วมท้นไปด้วยความสุขความยินดี

ในเชิงเผยพระวจนะแล้ว เทศกาลปูริม ในปีนี้ คือ ปี 5777 ตัวอักษรฮีบรูสำหรับปีนี้ คือ 
 ז  อักษรซายิน (Zayin) เป็นภาพของดาบ (Sword) นี่เป็นปีแห่งดาบ นอกจากนี้ยังให้ความหมายถึง พิธีราชาภิเษก(Coronation), การสวมมงกุฏ(Crowning) และสิทธิอำนาจใหม่(New authority) 
ซายินยังเป็นภาพของคทาของกษัตริย์(Royal Scepter) อีกด้วย 

ปี 5777 จึง เป็นปีแห่งความโปรดปราน ที่ได้เข้ามาต่อพระพักตร์องค์กษัตริย์! คือ พระยาห์เวห์ นั่นหมายความว่า นี่เป็นปีที่จะอธิษฐานด้วยความมั่นใจและความกล้าหาญ!
ราชินีเอสเธอร์
 


ตามพระคัมภีร์แล้ว ชนชาติหนึ่งที่เชื่อมโยงกับตัวอักษรซายิน คือ ชนชาติเปอร์เซีย(Persia)  ปีนี้เป็นปีแห่งการสวมมงกุฎ หรือ พิธีราชาภิเษก  ปีนี้ยังเป็นปีแห่งคทาขององค์กษัตริย์อีกด้วย
สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเทศกาลปูริม 

เทศกาลปูริมเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้งดงามชาวยิว ผู้มีชื่อว่า "ฮาดาชาห์" (Hadassah) ที่กลายเป็น "ราชินีเอสเธอร์"(Esther) 
เธอถอดหน้ากากที่พลางอยู่ เปิดเผยความเป็นยิว และเข้าไปร้องทูลต่อพระราชาด้วยความกล้าหาญ เพื่อปกป้องชนชาติยิวให้รอดพ้นจากความตาย!

พระราชาอา​หสุ​เอ​รัส( Ahasuerus)ได้ทรงยื่นคทาออกรับพระราชินีเอสเธอร์ ทรงสำแดงความโปรดปรานต่อเธอ และทรงช่วยกู้ชีวิตผู้คนของเธออีกด้วย 


เอสเธอร์ทูลขอพระราชาให้จัดการฮามาน
ดาบที่หมายจะทำลายคนยิวกลับย้อนทำลายศัตรูของพวกเขาแทน ! 
ตะแลงแกงที่ฮามานตั้งใจจะแขวนคอโมรเดคัย(Mordecai)คนยิว กลับกลายเป็นที่แขวนคอตัวเขาเอง! 


เอสเธอร์ 8:4-7 
4 กษัตริย์​จึง​ยื่น​พระ​คทา​สุวรรณ​แก่​พระ​นาง​เอสเธอร์ พระ​นาง​เอส​เธอร์​ก็​ทรง​ลุก​ขึ้น​ยืน​เฝ้า​กษัตริย์
5 พระ​นาง​ทูล​ว่า “ถ้า​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​กษัตริย์ และ​ถ้า​หม่อม​ฉัน​เป็น​ที่​โปรดปราน​ต่อ​พระ​พักตร์​ของ​พระ​องค์ท่าน ถ้า​สิ่ง​นั้น​ถูก​ต้อง​เหมาะ​สม​ต่อ​พระ​พักตร์​กษัตริย์ และ​หม่อม​ฉัน​เป็น​ที่​โปรด​ปราน​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​องค์ท่าน ขอ​ทรง​ให้​มี​พระ​อัก​ษร​รับ​สั่ง​ให้​กลับ​ความ​ใน​จด​หมาย​ซึ่ง​ฮา​มาน​บุตร​ฮัม​เม​ดา​ธา คน​อากัก ได้​คิด​และ​เขียน​ขึ้น​เพื่อ​ทำ​ลาย​พวก​ยิว​ที่​อยู่​ใน​มณฑล​ทั้ง​สิ้น​ของ​กษัตริย์

6 เพราะ​หม่อม​ฉัน​จะ​ทน​ดู​เหตุ​ร้าย​มา​ถึง​ชนชาติ​ของ​หม่อม​ฉัน​ได้​อย่าง​ไร? หม่อม​ฉัน​จะ​ทน​ดู​การ​ทำลาย​ญาติ​พี่​น้อง​ของ​หม่อม​ฉัน​ได้​อย่าง​ไร?”
7 กษัตริย์​อา​หสุเอรัส​จึง​ตรัส​กับ​พระ​ราชินี​เอส​เธอร์​และ​กับ​โมร​เด​คัย​คน​ยิว​ว่า “ดู​สิ เรา​มอบ​บ้าน​ของ​ฮา​มาน​แก่​พระ​นาง​เอส​เธอร์​แล้ว และ​พวก​เขา​ก็​แขวน​คอ​มัน​บน​ตะแลง​แกง เพราะ​มัน​ยื่น​มือ​ออก​ทำ​ร้าย​พวก​ยิว

พระเจ้าต้องการให้เราทั้งหลายได้มองดูที่ เอสเธอร์ ในปีนี้ เรื่องราวของเอสเธอร์ ทั้งสิ้นแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือกที่จะรับเอาเป้าประสงค์ชีวิตของพระเจ้า (destiny) ที่ได้ทรงเลือกสรร ไว้สำหรับชีวิตของเรา และเป็นเพราะว่า เอสเธอร์ได้เลือกที่จะติดตามการทรงเรียกที่พระเจ้าทรงมีในชีวิตของเธอ คนยิวจึงรอดชีวิตจากการทำลายของศัตรู และแผนการแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าก็ได้เคลื่อนรุดหน้าไปในแผ่นดินโลก!
เรื่องราวของเอสเธอร์เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับตัวเรา เพราะว่าตัวเราเองก็มีการทรงเรียกจากพระเจ้าในชีวิตเฉกเช่นเดียวกัน !

นี่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์อิสราเอล!  อนาคตทั้งหมดตามแผนการแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า ได้วางอยู่บนชีวิตของหญิงสาวเพียงแค่คนๆ เดียว!
มีวาระเวลาที่เอสเธอร์ได้เข้าไปต่อพระพักตร์พระราชา และได้วิงวอนขอชีวิตให้กับประชาชนของเธอ
ซึ่งนั่นก็คือ การทรงเรียก หรือ เป้าประสงค์สูงสุดที่พระเจ้ามีในชีวิตของเธอในแผ่นดินโลกนี้ “เจ้าเข้ามาอยู่ในอาณาจักรนี้ก็เพื่อวาระเวลาเช่นนี้แหละ” (“You have come into the kingdom for such a time as this.!” )

เอสเธอร์ได้เอาชนะกฤษฏีกาอันชั่วร้ายของฮามาน โดยวางชีวิตของเธอให้เข้ามาสอดคล้องไปกับกฤษฏีกาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปของพระเจ้า
สำหรับเอสเธอร์แล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่น่าหวาดกลัว แต่เมื่อเธอกล้าหาญที่จะเข้ามาร้องขอต่อพระราชา เธอก็ได้วางชีวิตให้สอดคล้องไปกับฤทธิ์อำนาจทั้งสิ้นในฟ้าสวรรค์
ซาตานมักจะมีแผนการที่จะคอยขัดขวาง  มันมักจะมีกฤษฏีกาเพื่อทำลายล้างแต่พระเจ้าทรงมีวาระฤดูกาลที่ดูเหมือนว่าศัตรูกำลังมีชัย แต่ถ้อยคำของพระเจ้าทรงมีกฤษฏีกาที่สร้างสรรค์สร้างอนาคต


อิสยาห์  46:9-10  "เรา​เป็น​พระ​เจ้า และ​ไม่​มี​อื่น​ใด​เหมือน​เรา…. ‘แผนงาน​ของ​เรา​จะ​ยั่งยืนและ​เรา​จะ​กระทำ​ให้​ความ​ประสงค์​ของ​เรา​สำเร็จ​ทั้งสิ้น’


เยเรมีย์ 29:11 พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า “เพราะ​เรา​รู้​แผนงาน​ที่​เรา​มี​ไว้​สำหรับ​เจ้า เป็น​แผนงาน​เพื่อ​สวัสดิภาพ ไม่ใช่​เพื่อ​ทุกข​ภาพ เพื่อ​จะ​ให้​อนาคต​และ​ความ​หวัง​ใจ​แก่​เจ้า​” 

นั่นก็คือ กฤษฏีกาของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของของเรา ในเทศกาลปูริมปีนี้

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เอสเธอร์ได้อดอาหารและอธิษฐานเพื่อชนชาติของเธอ เธอไม่ได้ก้มหัวยอมแพ้หรือแช่งด่าในโชคชะตาฟ้าลิขิต 

ในเวลาที่มืดมิดไร้ความหวัง คริสเตียนควรที่จะอธิษฐานเผื่อประเทศและลุกขึ้นมาส่องสว่างพระสิริของพระเจ้าในชีวิตของเรา ดั่งคำกล่าวที่ว่า "จุดเทียนให้สว่างดีกว่าที่จะสาปแช่งความมืด” (Better to light a candle than to curse the darkness.)

"เทศกาลปูริม" ช่วงวันที่ 12-13 มี.ค. เป็นเวลาที่เราควรจะทำสิ่งต่างๆดังนี้ 


1.เฝ้าดูจับตามองดูอิสราเอล และอธิษฐานเผื่อ 
 สดุดี122:6-7
6 จง​อธิษ​ฐาน​ขอ​สันติ​ภาพ​ให้​เย​รู​ซา​เล็ม​ว่า “ขอ​บรร​ดา​ผู้​ที่​รัก​เธอ​จง​จำ​เริญ
7 ขอ​สันติ​ภาพ​จง​มี​อยู่​ภาย​ใน​กำ​แพง​ของ​เธอ และ​ขอ​ให้​ความ​ปลอด​ภัย​อยู่​ภาย​ใน​ป้อม​ของ​เธอ


อธิษฐานป่าวประกาศการรื้อฟื้นคืนชีวิตขึ้นในอิสราเอลให้พวกเขากลับมาหาพระเจ้า 

บทเพลงคร่ำครวญ 5:21 โอ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้กลับสู่พระองค์เถิด แล้วพวกข้าพระองค์จะกลับสู่พระองค์  ขอทรงฟื้นเดือนปีของข้าพระองค์ให้เหมือนดังก่อน 

2. ค้นหาอัตลักษณ์ที่แท้จริงของเราในมิติฝ่ายวิญญาณ  พัฒนาของประทานฝ่ายวิญญาณ ทบทวนถ้อยคำการเผยพระวจนะที่มาเหนือชีวิตของเรา

3.เรียนรู้ในการเผชิญความยากลำบากโดยไม่ขมขื่นใจ ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี (1เธสะโลนิกา 5:18)
อธิษฐานป่าวประกาศกฤษฏีกาของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของของเรา

4.ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพร จดบันทึกและแบ่งปันประสบการณ์แห่งพระพรออกไป

สุขสันต์ในเทศกาลปูริม "Chag Purim Sameach!”

11 มีนาคม 2560

รวมบทความ "สนุกเพลิดเพลินกับการอ่านพระคัมภีร์"

รวมบทความ "สนุกเพลิดเพลินกับการอ่านพระคัมภีร์" เพื่อสะดวกในการติดตามนะครับ มี 3 ตอน 3 ส.นะครับ นั่นคือ สนุกกับพระคำ,สนิทกับพระวจนะและสะสมพระดำรัส

บทความที่ผมเขียน ผมขอแบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้นะครับ
ตอนแรก สนุกกับพระคำ เป็นการแบ่งปันเกี่ยวกับ ความสนุกในการศึกษาพระคำที่เป็นสัจจะวาทะ(Logos-โลกอส) และการนำไปใช้
ตอนที่ 2 สนิทกับพระวจนะ เป็นการฝึกฝนการเฝ้าเดี่ยวเพื่อเราจะสนิทสนมในพระวจนะฟังเสียงพระวจนะที่เป็นถ้อยคำมาถึงชีวิตเรียกว่า "Rhema
-เรม่า"
ตอนที่ 3 สะสมพระดำรัส เป็นการศึกษาพระดำรัสที่สั่งสอนเราที่เป็นข้อคิดในชีวิตเพื่อเราจะสะสมไว้เพื่อห่างไกลจากบาป
ติดตามอ่านได้นะครับ

10 มีนาคม 2560

คำเผยพระวจนะเดือนมีนาคม 2017 (The Wind of Change & the Glory of God Returning)

Prophetic Word for March: "The Wind of Change & the Glory of God Returning" 

By  Doug Addison

ลมแห่งการเปลี่ยนแปลงของเดือนมีนาคม (March Wind of Change)

ทุกปีลมแห่งการเปลี่ยนแปลงจากสวรรค์เริ่มต้นที่จะพัดสิ่งต่างๆ เข้าไปสู่ที่ต่างๆ ปีนี้มันจะเริ่มต้นในเดือนมีนาคมและต่อเนื่องไปจนเถึงเดือนพฤษภาคม ผมได้สังเกตทูตสวรรค์องค์นี้ตลอดมาตั้งแต่ปี 2012 และในขณะที่ลมแห่งทูตสวรรค์องค์นี้เริ่มที่จะพัด มันก็มักจะพัดเอาซากปรักหักพังในชีวิตของเราขึ้นมา ซึ่งมันอาจจะก่อให้เกิดการสูญเสียนิมิตเป็นการชั่วคราว แต่จะไม่นาน
ผู้​ทรง​ใช้​ลม​เป็น​ทูต​สื่อสาร​ของ​พระ​องค์ ไฟ​และ​เปลว​เป็น​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์ สดุดี 104:4
เมื่อทูตลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัด มันจะเปิดเผยสิ่งต่างๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ (สดุดี 104:4) 
สิ่งต่างๆ ที่ถ่วงรั้งคุณไว้จะชัดเจนขึ้น ลมนี้จะพัดเมฆแห่งความหมดหวังที่หนักหน่วงไปเสีย คนมากมายจะถูกทดลองให้ยอมแพ้ต่อความท้อแท้ แต่อย่ายอมแพ้เพราะเวลาของการต่อต้านนี้จะไม่ยืนยาว สิ่งที่จะมาจากสิ่งนี้จะเป็นการสำแดงที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เข้ามาในการทรงเรียกและภาระกิจจากสวรรค์ของพระเจ้า
เช่นเดียวกับคำอธิบายเรื่องข้าวสาลี เมล็ดถูกเปลือกข้าวห่อหุ้มไว้เพื่อรักษาให้มันมีชีวิตอยู่ในขณะที่กำลังเติบโต แต่เมื่อเมล็ดข้าวเติบโตเต็มที่และสุกพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว สิ่งที่ครั้งหนึ่งทำหน้าที่ปกป้องเมล็ดไว้ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เปลือกข้าวกลายเป็นแกลบ ลมที่พัดมาในระหว่างการเก็บเกี่ยวก็พัดมันไปเสีย พระเจ้าจะทรงใช้ลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดการโจมตีคุณไปเสีย
 “ให้เขาทั้งหลายเป็นเหมือนแกลบต่อหน้าลม โดยมีทูตของพระยาเวห์ขับไล่เขาไป "สดุดี 35:5

เสียงใหม่นำการหันกลับอย่างรวดเร็ว (A new sound brings fast turnaround)

สิ่งต่างๆ จะดูเป็นอย่างไรก็ตามไม่ว่าจากลักษณะภายนอกหรือในฝ่ายธรรมชาติ พระเจ้ากำลังปลดปล่อยสิ่งต่างๆ อย่างมียุทธศาสตร์ในเดือนนี้ มีหลายสิ่งที่คุณต่อสู้เพื่อมันในอดีต แต่เพราะคุณเผชิญหน้ากับการต่อต้านอย่างมากทำให้คุณอาจจะถอยร่นหรือเลิกรา แต่นี่เป็นเวลาที่จะหันกลับมาและขอพระเจ้าให้เปิดประตูต่างๆ เพื่อสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นความจริงขึ้นมา
ในขณะที่ลมแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้พัด มันจะปลดปล่อยเสียงใหม่ที่จะเริ่มทำให้คนที่เคยเป็น "กองหนุนที่บาดเจ็บ" หรือรู้สึกพระเจ้าลืมพวกเขาไปแล้วเริ่มตื่นตัวขึ้น เช่นเดียวกับโยเซฟในปฐมกาล 41 ที่อยู่ในคุกแต่เขาได้รับ 24 ชั่วโมงแห่งการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในชีวิตของเขา จงคาดหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และการหลุดแบบทันทีทันใด
“ความหวังที่ถูกหน่วงไว้ทำให้อ่อนใจ แต่การสมปรารถนาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต” สุภาษิต 13:12
มองหาการเชื่อมต่อต่างๆ อย่างมียุทธศาสตร์จากสวรรค์ที่จะเริ่มมา ผมเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในอดีต เมื่อพวกเราเคลื่อนเข้าสู่ฤดูกาลของการตั้งศูนย์ใหม่ ส่วนหนึ่งที่ลมแห่งการเปลี่ยนแปลงทำคือ จะนำการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ บางอย่างมาในความสัมพันธ์ การร่วมงานกัน ที่ตั้งและที่มากที่สุดคือ มันจะนำภาระกิจที่ถูกมอบหมายใหม่มาให้แก่คุณ 

พระสิริของพระเจ้ากำลังกลับคืนมาในปี 2017 (The Glory of God is returning in 2017)
ลมแห่งการเปลี่ยนแปลงระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมจะเตรียมเวทีสำหรับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน มันจะเริ่มเปิดฟ้าสวรรค์เหนือเราในวิถีใหม่ และปลุกผู้คนให้ตื่นตัวต่อความต้องการที่พวกเขามีสำหรับความรักและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า สิ่งนี้จะปลดปล่อยพระสิริและการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างมากมาย 
"ในทันใดนั้น มีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุแรงกล้าดังก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น" 
กิจการฯ 2:2
การฟื้นฟูครั้งสุดท้ายในอเมริกาเหนือคือ การเคลื่อนไหวมวลชนคนของพระเยซู (the Jesus People movement) ในตอนต้นของทศวรรษ 1970 มีการทรงสถิตของพระสิริพระเจ้าอย่างรุนแรงในช่วงเวลานี้ มันเป็นเหมือนการเจิมที่มีลักษณะเหมือนของเหลว หรือบรรยากาศฝ่ายวิญญาณที่เหมือนจับต้องได้ซึ่งคนมากมายสามารถสัมผัสรับรู้ได้ หากปราศจากพระสิริและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่มากกว่าเดิม เราไม่สามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูและการขับเคลื่อนมวลชนที่ใหญ่เท่ากับสิ่งที่พระเจ้าเตรียมไว้สำหรับเรา 
ในปี 1975 พระเจ้าตรัสกับผู้เผยพระวจนะบ๊อบ โจนส์ที่เสียชีวิตไปแล้วว่า พระสิริที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระเจ้ากำลังพรากไปจากคริสตจักร เพราะพระสิริถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ แทนที่จะใช้เพื่อการฟื้นฟูและพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในวันที่ 17 มีนาคม 1977 บ๊อบเห็นพระสิรินี้ลอยขึ้น แล้วพรากไปจากคริสตจักร และไม่กลับคืนมาอีกเลย จริงอยู่ที่ยังมีคนมากมายที่ยังมีส่วนหนึ่งของมัน แต่โดยรวมแล้ว พระสิริของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในคริสตจักรในภาพรวมตั้งแต่เวลานั้น 
Doug Addison
มีนาคม 2017 ครบรอบ 40 ปีของพระสิริที่พรากไป นี่เป็นปีที่พระสิริของพระเจ้ากำลังจะกลับคืนสู่คริสตจักร เช่นเดียวกับพระสิริในปีทศวรรษที่ 1970 ซึ่งไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ภายในคริสตจักร เหมือนกับการเคลื่อนไหวมวลชนคนของพระเยซูที่พระสิริของพระเจ้ามาพร้อมกับหมายสำคัญและการอัศจรรย์ การรักษาโรค การอิทธิฤทธิ์ และจะเริ่มแตะต้องคนทั้งหลายนอกคริสตจักร รวมทั้งตามท้องถนน 
ผมไม่ได้กำลังบอกว่าทั้งหมดนี้คือการฟื้นฟูใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2017 หรือบอกว่านี่จะปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจนในเดือนมีนาคม แต่พระเจ้ากำลังจะปลดปล่อยบางอย่างหลังจากวันที่ 17 มีนาคม ซึ่งจะวางเราในจุดที่จะรับพระสิริและการทรงสถิตของพระองค์ที่สัมผัสได้มากยิ่งขึ้น 
ปีนี้เป็นปีที่เปิดตัวด้วยสิ่งที่ดูเหมือนชั่วร้ายและมืดคลุ้ม แต่มันจะจบลงด้วยความหวังใจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งความสว่างขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกปลดปล่อย จงเตรียมตัวให้พร้อมที่จะก้าวข้ามเข้าไปสู่ฤดูกาลใหม่ในเดือนนี้!

ข้อมูล จาก http://dougaddison.com

08 มีนาคม 2560

รวบรวมบทความเกี่ยวกับ “12 เผ่าประจำแต่ละเดือนของอิสราเอล”

รวบรวมบทความ เกี่ยวกับ 12 เผ่าประจำแต่ละเดือนของอิสราเอล 
(สามารถ Click เข้าไปอ่านบทความต่างๆได้ตาม link)

อิสยาห์ 66:22-23
22 “เพราะ​สวรรค์​ใหม่ และ​แผ่นดิน​โลก​ใหม่ ซึ่ง​เรา​จะ​สร้าง จะ​ยัง​อยู่​ต่อ​หน้า​เรา​ฉัน​ใด ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้ เชื้อ​สาย​ของ​เจ้า​และ​ชื่อ​ของ​เจ้า​จะ​ยัง​อยู่​ฉัน​นั้น
23 ​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า ทุก​วัน​ขึ้น​ค่ำ และ​ทุก​วันสะบาโต มนุษย์​ทั้งสิ้น​จะ​มา​นมัสการ​ต่อ​เรา

No.
เดือน
เผ่า
ความหมาย
ชื่อเล่นภาษาไทย
บทความ
1.
นิสาน
ยูดาห์     
การยกมือขึ้นสรรเสริญ
“สรรเสริญ”
2.
อิยาร์
อิสสาคาร์  
สินจ้าง    
"สินชัย"
3.
สิวัน
เศบูลุน  
การให้เกียรติ
"สมเกียรติ"
4.
ทัมมุส
รูเบน  
บุตรชาย
"สมชาย"
5.
อับ
สิเมโอน
รับฟัง
"สดับฟัง"
6.
เอลูล  
กาด 
โชค 
"สบโชค"
7.
ทิชรี
เอฟราอิม  
เกิดผลและทวีคูณ
"เสริมพงศ์"
8.
เชสวาน
มนัสเสห์  
ทำให้ลืม
"สิ้นโศก"
9.
คิสเลฟ
เบนยามิน
บุตรชายแห่งศักดิ์ศรี
"ศักดิ์ชาย"
10.
เทเบท
ดาน
การพิพากษา 
"สมควร"

11.
เชบัท
อาเชอร์   
 ความสุข
สุขใจ
12.
อาดาร์
นัฟทาลี   
พละกำลัง,ความแข็งแรง
สมชัย


ขอบคุณข้อมูลจาก... 

หนังสือเรื่อง “วงจรเวลาแห่งพระพร”  โดย  อ.นิมิต พานิช 
หนังสือเรื่อง   "A Time to Advance : Understanding the Significance of the Hebrew Tribes and Months! " โดย ดร.ชัค เพียร์ซ (Chuck D. Pierce) และ ดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์ (Robert Heidler)