29 ตุลาคม 2556

คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนคิสเลฟ(Kislev) 5774

คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนคิสเลฟ(Kislev - כִּסְלֵו)

เดือนนี้เป็นเดือนที่ 9 หากนับตามปฏิทินฮีบรูแบบศาสนา (Ecclesiastical year) เป็นเดือนที่ 3ตามปฏิทินฮีบรูแบบราชการ(Civil year) เดือนนี้จะ มี 29 วัน ระหว่างวันที่ 4 พ.ย.-3 ธ.ค. 2013 หรือปี 5774 ตามปฏิทินฮีบรู)



ในเดือนนี้เทศกาลสำคัญคือ "ฮานุกกะห์ (Hanukkah)" เทศกาลแห่งแสงไฟของชาวยิว (festival of lights)
ในภาษาโรมันใช้คำว่า "คานุกกะห์(Chanukah)อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-5 ธ.ค.เป็นเวลา 8 วัน
 (สามารถอ่านบทความได้ตาม Link นี้ Hanukkah(ฮานุกกะห์) เทศกาลแสงสว่างแห่งความหวังใจ )
"คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือน" เพื่อให้เรานำสิ่งเหล่านี้มาอธิษฐานป่าวประกาศในแต่ละเดือน เป็นการเริ่มต้นเดือนใหม่ ด้วยพระพรจากพระเจ้าดังนี้ครับ

(ศึกษาและเรียบเรียงข้อมูลจาก http://www.arise5.com/#/hebrew-months)
 

1.เดือนแห่งเผ่าเบนยามิน เบนยามินเป็นเพียงหนึ่งเดียวใน 12 คนที่เกิดในดินแดนอิสราเอล ดังนั้นจงเฝ้าดูอิสราเอล สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนวิถีทางของเขา เบนยามินเป็นบุตรชายที่ยาโคบรักเพราะเกิดจากนางราเชล

2.เดือนที่จะพัฒนายุทธศาสตร์สงครามของเรา
เดือนที่จะรับการสำแดงเชิงเผยพระวจนะสำหรับสงคราม เราจะได้รับการสำแดงเชิงเผยพระวจนะสำหรับยุทธศาสตร์ต่างๆ เบนยามินนั้นมีความสามารถพิเศษในเรื่องศิลปะการยิงธนูมากที่สุด(ซึ่งเล็งถึงยุทธศาสตร์ด้านการเผยพระวจนะ)
ในพระธรรม ปฐมกาล 49:27 "ฝ่ายเบนยามินเป็นสุนัขป่าที่ล่าเหยื่อ เวลาเช้าก็กินเหยื่อเสีย เวลาเย็นก็แบ่งปันของที่แย่งชิงไว้"
พระเจ้าทรงประสงค์จะให้ยุทธศาสตร์กับเราเพื่อโจมตีศัตรูและทำให้เรามั่งคั่ง


3.เดือนที่จะพุ่งตรงไปและเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว

(A month to shoot straight and move quickly) อย่าเถลไถลไปรอบๆ หยุดความสูญเสียของเราไว้ตรงนี้แล้วเคลื่อนผ่านไปข้างหน้า เป็นช่วงเวลาที่จะพุ่งให้ไกลสู่เป้าหมาย


4.เดือนแห่งราศีธันว์(Sagittarius-นักธนู)



นี่เป็นเวลาต่อสู้กับราชอาณาจักรและวัฒนธรรม
จงเฝ้าดูอิสราเอล อเมริกา และประเทศที่ทำสนธิสัญญา ระหว่างประเทศร่วมกัน(covenant nation)


5.เดือนที่จะเข้าสู่ระดับใหม่แห่งการวางใจและพักสงบ
ถ้าเราเชื่อมต่อกับพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์บัญชา (เช่น มีใจขอบพระคุณในทุกสิ่ง) แล้วเราจำเป็นต้องเชื่อว่าเราสามารถจัดทัพและยุทธศาสตร์ใหม่และมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งหลายได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากำลังรู้สึกในความกดดันด้านการเงิน จงอย่ากังวลใจ แต่เลือกที่จะขอบพระคุณแทน ให้แน่ใจว่าเรามีใจขอบพระคุณในทุกสถานการณ์ยากลำบากที่เราเผชิญ

 
1 เธสะโลนิกา 5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย

โคโลสี 3:17 และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และขอบพระคุณพระบิดาเจ้า โดยพระองค์นั้น

6.เดือนแห่งตัวอักษรซาเมค (Samekh)
 
ตัวอักษรนี้ซึ่งดูคล้ายกับวงกลม เล็งถึงความวางใจ ความมั่นใจ การสนับสนุน และการบรรจบ เราอยู่ในฤดูกาลแห่งการพัฒนาความวางใจและความเชื่อมั่น ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกพัฒนา
เราจะพบว่าตัวเราเองวนอยู่ในวงจรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจะไม่ทะลวงเข้าสู่สิ่งใหม่เลย ลองสำรวจชีวิตของยาโคบและโยเซฟ สิ่งต่างๆก็บรรจบลงสำหรับยาโคบเมื่อเขากลับไปที่คานาอันหลังจากทำงานให้กับลาบัน 20 ปี
โยเซฟก็ถูกเชื่อมกลับเข้าสู่ครอบครัวของเขาอีกครั้ง

7.เดือนที่จะทบทวนระบบการสนับสนุนของเรา

เราสนับสนุนผู้ใดและผู้ใด เป็นผู้ที่สนับสนุนเรา ผู้ใดเป็นเพื่อนของเรา

8.เดือนแห่งสายรุ้ง เราต้อง "ทำสงคราม" เพื่อสันติภาพ

หลักพระคัมภีร์อันนี้สำคัญมากที่เราจะต้องตระหนักรู้ สันติสุขไม่ใช่ว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นมาเอง เราต้องเลือกที่จะยืนมั่นในความเชื่อ ความชื่นชม และการขอบพระคุณ

9.เดือนแห่งความรู้สึกสงบและมีสันติสุข
เราเพิ่งจะผ่านอุทกภัยมา พระเจ้าไม่ประสงค์ให้คุณเผชิญมันอีกครั้ง สงครามไม่ใช่แค่การปะทะกับความยุ่งเหยิงสับสนรอบตัวเรา เราต้องเป็นฝ่ายรุก มองให้เห็นว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และมีสันติสุขได้ท่างกลางปัญหานั้น

10.เดือนแห่งความฝัน พระเจ้าได้รวบรวมสิ่งต่างๆไว้ตลอดปี และเดี๋ยวนี้พระองค์กำลังปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกมาทางนิมิตในเวลากลางคืน

จงฝันไปกับพระเจ้า และพระเจ้าจะประทานความเข้าใจในการตีความหมายของความฝันให้กับเรา

(สามารถอ่านบทความ ได้ ตาม link :ฝันไปกับพระเจ้า)

11.เราอาจจะต้องให้พระเจ้าเยียวยาบาดแผลของเราเพื่อเราจะได้หลับได้ดีขึ้น

(ความฝันบางอย่างนั้นเพียงแค่พระเจ้าทรงฉายซ้ำความทรงจำในบางสิ่ง ถ้าคุณเคยประสบสิ่งนี้ ก็จงทูลต่อพระองค์ให้เยียวยาคุณจากบาดแผลนั้น แล้วพระองค์จะทรงกระทำ)
"พระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย"(สดด.127:2)

12.เดือนแห่งช่องท้อง/ครรภ์/ท้องน้อย/แม่น้ำแห่งพระเจ้า
(belly/womb/abdomen/river of God)
มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องระหว่างความเงียบสงบและความสมบูรณ์ กับความสามารถที่จะเข้าใจระดับมาตรฐานใหม่ของเรา 
 
ในเดือนนี้ขออธิษฐานให้เราก้าวลงลึกมากขึ้นในประสบการณ์แห่งการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ลึกมากขึ้น จนไหลท่วมท้นในชีวิตของเรา สรรเสริญพระเจ้า

08 ตุลาคม 2556

คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนเชสวาน(Cheshvan) 5774

เดือนเชสวาน(Cheshvan) - เดือนที่ 8 ตามปฏิทินฮีบรู
(4 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2013 )
 

1.เดือนแห่งเผ่ามนัสเสห์ (ลืม,กระโดดหนี) ดังความหมายของชื่อเผ่ามนัสเสห์ (ปฐก 41:51)


โยเซฟได้ลืมความยากลำบากที่เผชิญและเมื่อได้รับการยกชูจากพระเจ้าจึงตั้งชื่อลูกว่า "มนัสเสห์" (ทำให้ลืม)

พระเจ้าทรงอวยพรเรา ดังนั้นเราสามารถที่จะลืมความยากลำบากและความทุกข์ยาก เราต้องระมัดระวังในเดือนนี้ กิจกรรมที่ดำเนินไปคุณต้องถามพระเจ้าว่าจะจัดการให้ผ่านไปได้อย่างไร จงระลึกถึงพระเยซูผู้ที่อดทนต่อกางเขนเพื่อความรื่นเริงยินที่ที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์
(ฮบ 12:2)  หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า

2.เดือนแห่งน้ำท่วมของโนอาห์ (1 ปี กับ 10 วัน) เราจะเห็นน้ำท่วมเคลื่อนรอบข้างเรา จนกว่าบางสิ่งจะรับการจัดการ ให้เราแน่ใจที่จะจัดการกับประเด็นต่างๆ ฝนที่ตกจะเป็นฝนแห่งการเจิมและฝนแห่งการอวยพระพร เป็นฝนที่ตกต้นฤดูจนกว่าจะไปสู่ฝนปลายฤดูในช่วงเทศกาลเพ็นเทคอสต์คือการฟื้นฟูและการเก็บเกี่ยว
อสค.34:26 และเราจะกระทำให้เขากับสถานที่รอบๆเนินเขาของเราเป็นแหล่งพระพร เราจะส่งฝนลงมาให้ตามฤดูกาล เป็นห่าฝนแห่งพระพร

3.เดือนที่ถูกสงวนไว้สำหรับการเจิม มันอาจจะทำให้ง่ายหรือยากก็ได้ การเจิมจะหักแอก (อสย.10:27)และในวันนั้นภาระของเขาจะพรากไปจากบ่าของเจ้า และแอกของเขาจะถูกทำลายเสียจากคอของเจ้า"เขาขึ้นไปจากสะมาเรียแล้ว


การทำน้ำมันเพื่อเจิมจะใช้ผลมะกอกเทศมาบีบเพื่อน้ำมันก็จะต้องถูกบีบออกมา ดังนั้น จงชื่นชมแม้ว่าสถานการณ์รอบข้างอาจจะบีบเราอย่างหนัก
จงปลดปล่อยการเจิมของพระเจ้าในชีวิตของเราออกมา!

4.เดือนที่จะต้องจัดการกับความยากลำบาก และการทดลอง ด้วยการรับการเจิม จงให้ความเจ็บปวดของคุณเปลี่ยนคุณให้อยู่ในแผนการของพระเจ้า เราไม่ได้รับการยกเว้นที่จะไม่ต้องอยู่ในเวลาที่เลวร้าย แต่เราสามารถถูกเปลี่ยนโดยรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจโดยไม่เกี่ยวกับว่าเราเจออะไรมาบ้าง (รม.12:2) ถ้าเราเป็นของโลก ทั้งหมดที่เราสามมารถทำได้ก็คือไปตามอย่างโลก (เหมือนบุตรของเบลีอัล-2 คร.6:15, ฉธบ.13:13)
เรามีฤทธิ์และโลหิตของพระเยซูไหลผ่านเรา ฉะนั้นเราเปลี่ยนแปลงได้

5.ดังนั้นจงขอพระเจ้าให้ทรงล้างวิญญาณแห่งความอิจฉา ขมขื่น การบ่น การมุ่งหาประโยชน์สำหรับตน
(ยก.3:13-16) สิ่งเหล่านี้เข้ามาได้ง่าย ๆ และจะกลายเป็นป้อมปราการที่ขวางเราไว้จากการเลียนแบบอย่างพระเยซูคริสต์ จงทบทวนดูชีวิตของโมเสสจนกว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมความโกรธจะยั้งคุณไว้ไม่ให้ดำเนินก้าวหน้าไป (โมเสสถือกำเนิดในเดือนนี้)
 
6.เดือนที่จะต้องจัดการกับเรื่องที่เป็นราก อีกนัยหนึ่งคือ นี่เป็นเวลาแห่งการปลดปล่อย


7.เดือนของกลิ่น ในเดือนนี้นั้น วิญญาณจะตอบสนองในทางที่ไม่ปกติ กลิ่นจะมีผลต่อวิญญาณ ไม่ใช่ร่างกาย กลิ่นหอมของพระเจ้าสามารถแทรกซึมเข้ามาในธรรมชาติฝ่ายวิญญาณได้ และเปลี่ยนทั้งเราและคนรอบตัวเรา
(2คร 2:14-16)

14 แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงนำเราเสมอมาโดยพระคริสต์ด้วยความมีชัย และทรงโปรดประทานกลิ่นหอมแห่งความรู้ของพระองค์ ให้ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่ง

15 เพราะว่าเราเป็นกลิ่นอันหอมหวาน ที่พระคริสต์ถวายพระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด และคนที่กำลังประสบความพินาศ
16   ฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นแห่งความตายซึ่งนำไปสู่ความตาย และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นกลิ่นหอมแห่งชีวิตซึ่งนำไปสู่ชีวิต ใครเล่าจะมีความสามารถเหมาะสมกับพันธกิจเหล่านี้

8.เดือนแห่งต้นเมอหรือเมอเทิล(“myrrh”or“myrtle”)(ดอกเมอเทิลหรือไมร์เทิล มีความหมายว่าความรัก-แสดงสัญลักษณ์ของการแต่งงานของฮีบรู) ใช้ตกแต่งในงานแต่งงาน 
เมื่อมีการกล่าวคำปฏิญาณตนแล้ว คู่บ่าวสาวจะเอาแก้วไวน์นั้นมาเหยียบให้แตก เป็นการประกาศ ว่า ณ บัดนี้ ข้าทั้งสองตั้งใจมั่นว่าจะก้าวเข้าสู่ภาวะใหม่ เป็นภาวะที่สมบูรณ์ ภาวะของคนที่เติบโตขึ้น แก้วหมายถึงร่างกาย เป็นภาชนะบรรจุจิตวิญญาณ หากจะก้าวไปสู่แดนแห่งจิตวิญญาณ ก็ต้องข้ามผ่านร่างกายไปเสียก่อน การแต่งงานในความเชื่อของยิว ไม่ใช่เพียงเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตหญิงและชายคู่หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการหลอมรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้า เพื่อเข้าสู่ภาวะสมบูรณ์  
 
9.เดือนที่จะสัมผัสกลิ่นของความยำเกรงพระเจ้า

จงขอจากพระเจ้า คือกลิ่นหอมแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะฟุ้งออกจากชีวิตของเรา

10.เดือนที่คุณจะเริ่มเห็นสีสัน เดือนนี้คือสีม่วง ซึ่งมักจะหมายถึง "ความปรารถนาอันแรงกล้าของพระเจ้า"

11.ความปรารถนาอันแรงกล้าจะช่วยให้เราได้รับการเปิดเผยสำแดง ซึ่งจะส่งเสริมให้เราเคลื่อนเข้าไปสู่ภาวะเหนือธรรมชาติ

12.เดือนแห่งราศีพิจิก หรืออสรพิษ(งู)แห่งเอเดน ศัตรูต้องการวางยุทธศาสตร์ล้อมตัวคุณเพื่อขัดขวางคุณ ดังนั้นนี่อาจเป็นเวลาแห่งอึดอัดลำบาก แต่จงจำไว้ว่าพระเยซูทรงกระทืบหัวงู และเราสามารถทำและจะต้องทำอย่างเดียวกับพระองค์ (รม.16:20) ไม่ช้าพระเจ้าแห่งสันติสุข จะทรงปราบซาตานให้ยับเยินลงใต้ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลาย ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

13.เดือนของตัวอักษรฮีบรูนูน (NUN) ตัวอักษรนี้ดูคล้ายกับเขตแดนและอ้างอิงถึงแสงสว่าง ซึ่งแม้ว้าเราจะถูกจำกัดด้วยขอบเขตของธรรมชาติ แต่เราก็จะเจาะทะลุสิ่งต่าง ๆ ออกไปได้เพื่อจะสร้างเสียงใหม่แห่งการเริ่มต้น หากปราศจากการเจิมใหม่ในเดือนนี้ ซาตานจะได้เปรียบ
 
14.นี่คือเดือนที่จะขึ้นไปเหยียบแผนของศัตรู คุณต้องร้องขอการเจิม คุณจะสามารถมีชัยชนะเหนืออุบายทั้งสิ้นของผีร้ายได้ด้วยการให้อภัย

(2คร.2:10-11)
10 ถ้าพวกท่านจะยกโทษให้ผู้ใด ข้าพเจ้าก็จะยกโทษของผู้นั้นด้วย ถ้าข้าพเจ้ายกโทษของคนใดๆข้าพเจ้าได้ยกโทษของคนนั้น เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายต่อพระพักตร์พระคริสต์
11 เพื่อไม่ให้ซาตานมีชัยเหนือเรา เพราะเรารู้กลอุบายของมันแล้ว

15.เดือนแห่งลำไส้ นี่เป็นเดือนที่การย่อยสมบูรณ์ มีความสามารถในการแยกแยะและซึมซับสิ่งต่างๆ


16.เดือนที่คุณต้องทำสงครามกับถ้อยคำ นี่ควรเป็นเดือนที่เราจะร้องว่า "ฉันรู้สึกพอใจแล้ว" อันเป็นการผลักไสถ้อยคำที่นำความไม่พอใจมาออกไป ถ้อยคำที่พูดออกมาอย่างไม่ถูกต้องจะลงไปลึกถึงห้วงในสุดของความเป็นเราได้ บางทีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องท้องอาจเกิดขึ้นเพราะเรารับเอาถ้อยคำที่ไม่ถูกต้อง

(ข้อมูลจาก http://arise5.com/updates/2013/10/01/cheshvan-2/)
 

02 ตุลาคม 2556

ขับเคลื่อนการเจิมของเผ่าอิสสาคาร์ – เศบูลุน สู่ “วาระแห่งความรุ่งเรือง”

เยเรมีย์ 31:1-3  
 1   พระเจ้าตรัสว่า  "ในวาระนั้น  เราจะเป็นพระเจ้าของบรรดาตระกูลแห่งอิสราเอลและเขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา   
2   พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า  "ชนชาติที่รอดตายจากดาบ  ได้ประสบพระกรุณาคุณที่ในถิ่นทุรกันดาร  เมื่ออิสราเอลแสวงหาการหยุดพัก
3   พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขาจากที่ไกล  ตรัสว่า  'เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์  เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป

ข้อความจากพระธรรมตอนนี้ สะท้อนให้เราเห็นถึงการขับเคลื่อนชนชาติของพระเจ้า คือ อิสราเอล ตามวาระเวลาแห่งความรักและการจัดสรรของพระเจ้า ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่แห่งหนไหน แต่พระกรุณาคุณและความรักของพระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาเสมอ 

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกชนชาติของพระองค์ออกจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์  ในช่วงอพยพพระองค์ทรงวางกำลังของเผ่าอิสราเอลไว้ 12 เผ่า แต่ละเผ่ามีอัตลักษณ์ (Identity) เป็นของตนเองแต่พระเจ้าทรงให้มีการเคลื่อนกองกำลังโดยให้คนเผ่าเลวีหามหีบพันธสัญญา และเคลื่อนไปเป็นเผ่าต่างๆ

เริ่มต้นด้วย เผ่ายูดาห์ เป็นนักรบแห่งการสรรเสริญนมัสการ  ตามด้วยเผ่าอิสสาคาร์ ผู้รู้กาลเวลาของพระเจ้า ตามด้วยเศบูลุน จากนั้นเป็นกลุ่ม 3 เผ่าคือ รูเบน,สิเมโอนและกาด, ตามด้วย เบนยามิน,เอฟราอิมและมนัสเสห์ และปิดท้ายด้วย 3 เผ่าที่เฝ้าระวังหลังคือ ดาน อาเชอร์ และนัฟทาลี 

พระยาห์เวห์ทรงจัดทัพและขับเคลื่อนทัพตามวาระเวลาของพระองค์   เราได้เรียนรู้ถึงการขับเคลื่อนตามปฏิทินฮีบรู  ใน 12 เดือนการเป็นการเคลื่อนตามวาระแห่งการเผยพระวจนะประจำแต่ละเดือน  ซึ่งเราได้มีการถวายผลแรกของเวลา อธิษฐานอวยพรในการเริ่มต้นเดือนใหม่ (Rosh Chodesh)   
(สามารถอ่านบทความเรื่อง เริ่มต้นเดือนใหม่ (Rosh Chodesh) และคำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนได้ใน Blog)

ปฏิทินฮีบรู เริ่มต้นจาก  3 เดือนแรก คือเดือน นิสาน อิยาร์และสิวัน  จะเป็นการเชื่อมต่อกันของ 3 เผ่าที่เคลื่อนไปข้างหน้า คือ ยูดาห์ อิสสาคาร์และเศบูลุน

ในการเริ่มต้นวงจรใหม่ของพระเจ้า นับจากเทศกาลปัสกา จนถึงเทศกาลเพ็นเทคอสต์ ไปจนถึงเดือนสุดท้ายคือ อาดาร์ นั่นคือ เผ่านัฟทาลี 

คริสตจักรต้องมีการขับเคลื่อนตามการทรงนำ ผ่านทางการวางรากฐานตามของประทานอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ(อฟ.2:20) 
เอเฟซัส 2:20  ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น  บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ  พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก

โดยเริ่มต้นจากการเจิมแบบเผ่ายูดาห์คือการเตรียมทีมนมัสการ และมีการสอนในโรงเรียนอิสสาคาร์(Issachar) ถึง 4 ครั้งแล้วเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเจิมแบบอิสสาคาร์ ผู้ที่รู้กาลเวลาของพระเจ้า (1 พศด. 12:32)  นั่นคือ



Issachar
 
อิสสาคาร์ 1 เข้าใจเรื่องความหมายของเวลา” (Interpreting the Times)

อิสสาคาร์ 2 “ร่วมขับเคลื่อนการเผยพระวจนะ(How to move corporately in God’s prophetic camp)
อิสสาคาร์ 3 ลุกขึ้นและครอบครอง” (Arise and Rule)

อิสสาคาร์ 4 แคมป์ลงลึกกับการเผยพระวจนะ” (Going deeper in the prophetic)

(หนุนใจให้ติดต่อฟังคำสอนได้ที่ http://www.uccfellowship.com) 
 
สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้เป็นการสัมมนา โรงเรียนอิสสาคาร์ เศบุลุน  วาระแห่งความรุ่งเรือง (A Time to prosper) 
วิทยากรโดย ดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์และทีมงานจาก Glory of Zion)
ครั้งนี้เราสามารถทำความเข้าใจเรื่องการเจิมแห่งเผ่าเศบูลุน คือ เผ่านักธุรกิจ  พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรุ่งเรือง  

 คำอวยพรของยาโคบที่มีต่อเศบูลุน(Zebulun) "...เศบูลุน จะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือริมทะเล เขาจะเป็นท่าจอดเรือ เขตแดนของเขาจะต่อกันกับเมืองไซดอน..."(ปฐก.49:13)

คำอวยพรของโมเสสแก่เผ่าเศบูลุน

"...เศบูลุนเอ๋ย จงปีติร่าเริงเมื่อท่านออกไป และอิสสาคาร์เอ๋ย จงปีติร่าเริงในเต็นท์ของตน เขาจะเรียกชนชาติทั้งหลายมาที่ภูเขาและถวายเครื่องสัตวบูชาอันถูกต้องที่นั่น เพราะเขาจะดูดความอุดมจากทะเล และได้ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทราย" (ฉธบ. 33:18-19)
 

Zebulun
เรามาทำความรู้จัก เผ่าเศบูลุน เพื่อเข้าใจวาระเวลาแห่งความรุ่งเรือง (A Time to Prosper)

เผ่าเศบูลุน เป็น 1 ในบรรดา 12 เผ่าของอิสราเอล ตามบันทึกในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ในหมวดพระธรรมเบญจบรรณ(Torah)  เศบูลุน ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่ 10 ของยาโคบ (อิสราเอล)ที่เกิดกับนางเลอาห์ ภรรยาคนแรกของยาโคบ โดยเศบูลุนนั้น เป็นบุตรชายคนที่ 6 ที่นางเลอาห์มีให้แก่ยาโคบ  
นางจีงได้กล่าวว่า "บัดนี้สามีคงจะให้เกียรติข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้ให้บุตรชายแก่เขาหกคนแล้ว" เศบูลุน จึงมาจากคำภาษาฮีบรู ที่ออกเสียงว่า ศาบัล ซึ่งแปลว่า ให้เกียรติ (ปฐก.30:20)

การเจิมของเผ่าอิสสาคาร์และเศบูลุนทำงานร่วมกัน โมเสสอวยพรเผ่าเศบูลุนและอิสสาคาร์พร้อมกัน เพราะทั้งสองเผ่าอยู่ใกล้กัน มีมารดาคนเดียวกัน ทั้ง 2 เผ่ามีสถานที่แห่งเดียวกัน (บนภูเขาทาโบร์-ภูเขาที่พระเยซูจำแลงพระกาย)
 และมีอาชีพเป็นพ่อค้าเหมือนกัน "ดูดความอุดมจากทะเล" หมายความว่า เผ่าทั้ง 2 เผ่าทำการเกษตรและค้าขายทางทะเลกับชาวเฟนีเชีย  

คำว่า  "ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทราย" อาจหมายถึงการใช้ทรายผลิตกระจก (บางคนเข้าใจว่าหมายถึงหอยชนิดหนึ่งที่ใช้ทำสีย้อมผ้าได้)   
การเจิมของเผ่าอิสสาคาร์เป็นความเข้าใจ(Understanding) และเศบูลุนเป็นการยอมรับ(Acknowledgement) ความจริงใจ(sincerely) ที่เดินไปร่วมกันตามการทรงนำของพระเจ้า เศบูลุนจะเป็นผู้สนับสนุนกองกำลังของอิสราเอล เพราะเขาจะดูดความอุดมจากทะเล และได้ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทราย"
(ฉธบ. 33:18-19)  

ดังนั้นเราต้องเตรียมชีวิตของเราเพื่อรับการเจิมแบบเผ่าเศบูลุน เพราะเป็นการเจิมมาสู่ผู้เชื่อทุกคนไม่ใช่เพียงนักธุรกิจเท่านั้น เพราะความรอดที่พระเยซูคริสต์ประทานให้กับเราคือความอุดมรุ่งเรือง

เอเฟซัส 2:7-9
7   เพื่อว่าในยุคต่อๆไปพระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น  ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์
8   ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ  และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง  แต่พระเจ้าทรงประทานให้
9  ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้  เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้

การสิ้นพระชนม์ที่กางเขนของพระเยซูไม่ใช่เพียงเพื่อไถ่บาปเราให้ได้รับความรอดเท่านั้น แต่ให้เราเข้าสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ด้วยทั้งด้านจิตวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย  จึงเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของเราในฐานะบุตรที่จะดำเนินในมรดกแห่งพระสัญญาของพระบิดา  เป็นหัวมิใช่หาง เป็นคนให้ยืมมิใช่ขอยืม เป็นผู้ประสบความสำเร็จในบรรดากิจที่เราทำ
 
ถึงเวลาแล้วที่เราจะรับเอาความบริบูรณ์ และจัดการยึดคืนทุกสิ่งที่ศัตรูได้ทำลายลักขโมยไปจากเรา    นี่คือเวลาที่ต้องรับการสร้างชีวิตให้หยั่งรากลึกในพระวจนะ รองรับการเจิม เพื่อทำลายป้อมปราการศัตรู ทะลุทะลวง เข้าสู่ความรุ่งเรือง

ถึงเวลาแห่งความรุ่งเรืองที่เราจะเตรียมชีวิตในการเคลื่อนกับพระองค์ด้วยกัน!
 
โรงเรียนอิสสาคาร์ เศบุลุน วาระแห่งความรุ่งเรือง (A Time to prosper) 
 
วันศุกร์ที่ 25 - วันเสาร์ที่ 26 ต.ค.นี้ เวลา 9.00-18.00 น.ทั้ง 2 วัน
ณ คริสตจักรใจสมาน สุขุมวิท 6
วิทยากรโดยดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์ และทีมงานจาก Glory of Zion ค่าลงทะเบียน 1,200 บาท (รวมคู่มือและอาหาร )
 
สมัครได้แล้วที่ UCC service /http://www.uccfellowship.coms หรือ
ส่ง e-mail: UCCfellowship1@gmail.com

01 ตุลาคม 2556

วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว (3)

สวัสดีครับเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน บทความในครั้งนี้ ผมกลับมาเขียนเรื่อง "วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว" ต่อนะครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว นั่นคือการ "รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา" หลังจากที่รู้จักเพื่อรู้ทันพวก 8 อันธพาลวิญญาณชั่วมาแล้ว
(สามารถกลับไปอ่านในบทความตอนที่ 1 และ 2 ได้ตาม linkนี้นะครับ
วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว(1), วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว(2))

 สาเหตุที่เราต้อง "รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา"เพื่อเราจะเข้าใจถึงแผนการของพระเจ้าที่ทรงสร้างเรามาและมีเป้าประสงค์(Destiny)ในชีวิตของเรา ทั้งนี้เพราะมนุษย์ถูกสร้างมาตามพระฉายของพระเจ้า แต่เมื่อมนุษย์ทำบาปเพราะถูกล่อลวงโดยมารซาตานที่สวนเอเดน  มุมมองความเข้าใจของมนุษย์เปลี่ยนไป  เมื่อมนุษย์ทำบาป เขามองสำรวจที่ร่างกายของตนเอง  เขารู้ว่าตัวเปลือยเปล่าอยู่ พวกเขาจึงเอาใบมะเดื่อมาสำหรับปกปิดร่างกาย

ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้” (ปฐมกาล 3:7)     
 
นั่นเป็นเพราะอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนได้สูญเสียไปแล้ว  โดยความบาปที่เขาไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปนำมาซึ่งมาตายและนำมาซึ่งความน่าอับอายที่ต้องปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้  เมื่ออาดัมและเอวาได้รับประทานผลไม้จากต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว (ปฐก.3:5-7)   
แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉาย แต่ละคนที่ถูกสร้างมีอัตลักษณ์(Identity) เราทุกคนเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า เนื่องด้วยความบาปนี้เองทำให้มนุษย์ได้สร้างอัตลักษณ์ใหม่ในความคิดของเขา เมื่อเขามองรูปร่างตนเอง เห็นสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ ดูแล้วชั่งอัปลักษณ์จึงรู้สึกอับอายเอาใบมะเดื่อมาปกปิด

ใบมะเดื่อ ในที่นี้เป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์ (Identity) เป็นความรู้สึกนึกคิดที่บุคคลมี
(สามารถอ่านรายละเอียดได้จากบทความเรื่องบทเรียนจากต้นมะเดื่อสอนใจ)

ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการเข้าสังคมระหว่างตัวเรากับคนอื่น โดยผ่านการมองตนเองและการที่คนอื่นมองเรา มนุษย์เริ่มห่างไกลใน
ความสัมพันธ์กับพระเจ้า เพราะการสูญเสียความเป็นตัวตน จึงทำให้เขาเอาความเป็นตัวตนของเขามากำหนดเอาเองจาก
สังคม แต่ท้ายสุดมนุษย์จะต้องมาถึงจัดตระหนักของเขาเองว่า ใบมะเดื่อที่หุ้มกายนั้นเป็นสิ่งที่ชั่วคราว ไม่ได้เป็นสิ่งถาวร อัต
ลักษณ์ที่เขาสร้างขึ้นในความคิดของเขาเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่เรียกว่า “อนิจจัง” (ปญจ.5:10)

ความรู้ทำให้เขาหยิ่ง ความจริงของพระเจ้าทำให้เขาได้ตระหนัก และความรักของพระองค์ทำให้เขากลับใจ และกลับมาหาพระเจ้า เพราะพระองค์ประทานแผนการไถ่ของพระองค์ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เสื้อหนังสัตว์จึงเล็งถึงการไถ่และอัตลักษณ์ใหม่ที่พระเจ้าจะสวมให้เมื่อกลับมาหาพระองค์ (ปฐก.3:21-22) ดังนั้นแผนการไถ่ของพระเจ้าจึงเป็นการทำให้เราได้รับการเยียวยาและค้นพบอัตลักษณ์ต่อตนเองว่า ฉันคือใครในพระคริสต์

อาวุธอย่างหนึ่งที่อันธพาลวิญญาณชั่วชอบทำร้ายคนของพระเจ้าคือ พยายามทำลายอัตลักษณ์ในชีวิตของเรา มันเคยทำเมื่อในปฐมกาลตั้งแต่ในสวนเอเดนและปัจจุบันมันก็ยังทำอยู่


Satanic Ritual Abuse
บางคนถูกทำลายอัตลักษณ์ตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ เนื่องจากถูกบรรพบุรุษยกให้เป็นลูกของเหล่าอำนาจมืดหรือกราบไหว้รูปเคารพต่างๆ หรือร้ายแรงกว่านั้นคือได้ไปทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์กับมาร เรียกว่า "การขายวิญญาณให้กับมาร"(SRA: Satanic Ritual Abuse) พิธีกรรมเหล่านี้เกี่ยวกับกับเรื่องของเพศ ทำสัญญาด้วยเลือด เป็นต้น

สิ่งที่เป็นผลกระทบคือ  "การแตกสลายของอัตลักษณ์" ( Dissociative identity disorder (DID) เรียกว่า


Dissociative identity disorder (DID)
"การแตกสลายของอัตลักษณ์(Identity) จนอัปลักษณ์ "

เป็นภาวะที่ความทรงจำ สติสัมปชัญญะ ความรู้ตัว อัตลักษณ์ หรือการรับรู้สภาพแวดล้อมของผู้นั้นเสียไปหรือถูกรบกวน 

บุคลิกภาพของคนที่เป็นแบบนี้จะเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำและมีหลากหลายอารมณ์ เป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมีอาการทางประสาท ในทางการแพทย์เรียกว่า " โรคจิตแตกแยกเป็นเอกลักษณ์"
(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/)
(หมายเหตุ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้ในการรับพันธกิจเยียวยาภายใน  ซึ่งผมขอสรุปไว้เบื้องต้นเท่านี้) 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบอันมากจากวัยเด็กที่ถูกกระทำ  และส่งผลในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อมารู้จักพระเจ้า บุคคลเหล่านี้จึงจำเป็นต้องรับการเยียวยารักษา และการรับการอธิษฐานปลดปล่อยออกจากพันธนาการของวิญญาณชั่ว
ฉะนั้นเราจึงต้อง"รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา" และเห็นถึงความสำคัญว่า

ทำไมเราต้องเข้าสู่กระบวนการการเยียวยาและค้นพบอัตลักษณ์ เพราะเราทุกคนสืบเชื้อสายจากอาดัมเอวาที่ทำบาป จึงได้รับมรดกแห่งบาปที่ตกทอดมาตามสายบรรพบุรุษ เพราะเราทุกคนทำบาปจึงเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า(รม.3:23)  ความเสื่อมทรามจำเป็นต้องรับการรื้อฟื้นสู่สภาพที่ดี
โดยเริ่มจากการ "กลับใจใหม่กลับสู่ความสัมพันธ์ในพระเจ้า" (Be converted) หันกลับจากหนทางเดิมมาสู่ทางแห่งความจริงในพระเจ้า
 โดยมีกระบวนการดังนี้
Turn away สำนึกผิด, Turn from หันทิศออกห่าง,  Turn into เดินในทางที่ถูก...

(นิยามโดย Ps.Jack Hayford ศบ.The Church On The Way,USA)

2โครินธ์ 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น

หลังจากนั้นก็จะเป็นการเข้าสู่กระบวนการชำระชีวิต(Sanctification) เพื่อจะไปสู่ความไพบูลย์ตามพระลักษณะของพระเจ้าที่ทรงสร้าง
กระบวนการชำระ(Sanctification) ต้องใช้เวลา เหมือนการอาบน้ำ เราต้องอาบน้ำทุกวัน แม้ว่าเมื่อเราตัดสินใจรับเชื่อ(Be converted) ในพระคริสต์แต่เราต้องรับการชำระชีวิตเพื่อนำเอาขยะ(สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป)ออกไป
เพราะในโลกนี้เต็มไปด้วยความบาป แม้เราจะไม่ได้ทำบาปแต่บาปก็ส่งอิทธิพลต่อเรา ภาพเปรียบเทียบเหมือนเราอยู่ในกองขยะเราได้รับกลิ่นและความแปดเปื้อน เราจึงต้องอาบน้ำชำระตัวอยู่เสมอโดยการสารภาพบาป

 1 ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น

นอกจากนี้เราต้องรับการชำระชีวิตโดยการรักษาบาดแผล หรือรากขมขื่นที่เป็นอิทธิพลของบาปที่ตกทอดผ่านสายโลหิตทางบรรพบุรุษ ดังนั้นเครื่องมือหนึ่งในการชำระชีวิตคือ "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing)

เราต้องทำความเข้าใจว่า  "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing) เป็นการพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ในการรักษา ไม่ใช่ว่าเราคิดว่า เรารอดแล้วผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์และเราจะสมบูรณ์แบบ สิ่งนั้นเป็นทางนิตินัยแต่ในทางพฤตินัย เราจำเป็นต้องรับการชำระชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับพระองค์และผู้ที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือเราคือผู้ที่ทำพันธกิจ "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing)
 
ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เราไม่ยอมรับว่าเราป่วย เมื่อเราป่วยก็ไปทำให้คนอื่นบาดเจ็บหรือป่วยไปด้วย 

ตัวของผมเองได้ทำความเข้าใจและตระหนักถึงสิ่งนี้ และผมก็รับพันธกิจ "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing) เพื่อช่วยเหลือเอาสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตออกอยู่เรื่อยๆ
แม้แต่ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึง การทำพันธกิจการเยียวยา

ตัวอย่างชีวิตของอัครทูตเปโตร
ท่านได้ค้นพบอัตลักษณ์ชีวิตของท่าน เมื่อท่านพบกับพระเยซูและพระเยซูทรงเรียกให้ท่านเป็นผู้จักคนดั่งจับปลา  ท่านต้องรับการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์(Sanctification)นั่นคือการเอาขยะในชีวิตออกเพื่อจะให้พระเจ้าทรงสร้างชีวิตในการเป็นสาวกของพระองค์(มธ.3:11,ยน. 15:3-4 )  
จากความผิดหวังที่เป็นเหตุกระทบความรู้สึกของท่านอย่างรุนแรง(Trauma)ที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจ เพราะพระเยซูถูกตรึงกางเขน และท่านได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูถึง 3 ครั้งก่อนไก่ขัน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับโดยทหารโรมัน(มธ.26:75)

พระเยซูคริสต์ทรงเข้ามารักษาเยียวยาภายในชีวิตของท่าน (ยน. 21:1-17) เหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเยียวยารักษาจิตใจภายในของอัครทูตเปโตร
โดยพระองค์พาเขากลับไปในบรรยากาศที่ท่านคุ้นเคย ที่เคยสนทนากับพระเยซูคริสต์ จับปลาและนั่งสนทนาด้วยกัน

สิ่งที่สำคัญคือ  พระเยซูให้อภัยด้วยความรักที่ปราศจากเงื่อนไขให้กับอัครทูตเปโตร

พระเยซูคริสต์ทรงมอบพระบัญชาของพระองค์ให้กับท่าน นั่นคือ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข(ภาษากรีก คือ อากาเป้ Agape) ไม่ใช่แบบความรักทั่วไป (ภาษากรีก คือ พิเลโอ Phileo) ความรักแท้จึงมาจากพระเจ้า (1ยน.4:7) ความรักจึงเป็นแรงขับเคลื่อน เปลี่ยนจาก”ความกลัว”กลับกลายเป็น”ความกล้า”

นี่เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในชีวิตของเปโตร(1 ยน.4:18) แม้ว่าพระเยซูคริสต์จะได้บอกว่าอัครทูตเปโตรจะต้องตายเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ และให้ตามพระองค์มา (ยน.21:19)
ครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้ท่านต้องกลัวอีกแล้ว แต่ท่านได้กล้าหาญเทศนาในวัน Pentecost มีคนกลับใจเชื่อถึง 3,000 คนในคราวเดียว (กจ. 2:41)

นี่เป็นก้าวกระโดดในชีวิตของเราด้วย!

ดังนั้นเราจะต้องทบทวนชีวิตของเราในช่วงที่ผ่านมา และรับการเยียวยารักษาด้วยความรักจากพระเจ้า โดยรับพระเมตตาและพระคุณจากพระองค์

โรม 6:23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาป คือ ความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

พระเมตตาคือ เราควรจะได้รับแต่เราไม่ต้องรับ นั่นคือ การพิพากษาลงโทษ เนื่องจากเราทำผิด

พระคุณ คือ เราได้รับในสิ่งที่เราไม่ควรได้รับ นั่นคือ การให้อภัยจากความผิดบาป

ฮีบรู 4:15-16
15 เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป
16 ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ

สำหรับในบทความครั้งนี้ ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน ในครั้งต่อไป เราจะมาศึกษาวิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว ในภาคปฏิบัติต่อไป ถึงวิธีการตัดคำแช่งสาปที่ตกทอดจากบรรพบุรุษ วิธีการจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว และวิธีการดูแลรักษาชีวิตของเราเพื่อป้องกันตัวจาก 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว

ขอสรุปจบท้ายด้วยคำพูดของ แบลซ ปัสกาล(Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์เอกของโลก กล่าวว่า 
Blaise Pascal
 "มนุษย์ทุกคนมีที่ว่างในหัวใจที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นจะเติมเต็มได้ สิ่งอื่น ๆ ไม่อาจทดแทนและให้ความอิ่มใจแก่มนุษย์ได้เลย
เมื่อเราแสวงหาสิ่งอื่นในโลกนี้ เราจะไม่มีวันค้นพบตัวตนของเราเลย จนเมื่อเรากลับมามีความสัมพันธ์กับพระผู้สร้างในชีวิตของเรา
เมื่อนั้นเราจะพบอัตลักษณ์ "รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา"

วันนี้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นทางแห่งความรอดและเป็นผู้ประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้กับเราทุกคน เราจึงต้องรับการเติมเต็มจากพระองค์ร่วมกัน
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ พบกันในครั้งหน้าครับ
ยอห์น 10:10   ขโมย(มาร) นั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เรา(พระเยซูคริสต์) ได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์