26 กรกฎาคม 2556

วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว(1)

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน บทความในวันนี้ขอนำเสนอ วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ววิญญาณชั่วเป็นศัตรูที่สำคัญที่มันจ้องทำลายคนของพระเจ้า  ด้วยวิธีการต่างๆที่มันจะสร้างสรรค์ออกมาเพื่อทำลายล้าง เราต้องทำความเข้าใจในเรื่องของวิญญาณชั่ว(Spirit-ชั่ว) สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของสงครามในฝ่ายวิญญาณ(Spiritual Warfare) สงครามฝ่ายวิญญาณเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่มันเป็นความจริงและน่ากลัวมากกว่าสงครามใด ในพระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวถึงสงครามฝ่ายวิญญาณว่าคนของพระเจ้าต้องต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วซึ่งมีฝีมือ "ขั้นเทพ"
เอเฟซัส 6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง (principalities),ศักดิเทพ(powers) เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ (The rulers of the darkness of this world)  ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
 
พวกผีวิญญาณชั่วมันมีลำดับชั้นการปกครองต่างๆ ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจเรื่องสิทธิอำนาจของพระเจ้าและของวิญญาณชั่ว เพราะ 2 สิ่งนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สิทธิอำนาจของพระเจ้า (Divine Authority)พระเจ้าทรงมอบสิทธิอำนาจให้กับเรา เพื่อใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐ และเพื่อการปกครองแห่งอาณาจักรของพระเจ้าที่จะมาเมื่อสิ้นยุค
 
มัทธิว 28:18-20
18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"

เราจะได้ครอบครองราชอาณาจักรร่วมกับพระเจ้าเมื่อสิ้นยุค แต่ในขณะที่เราอยู่โลกนี้เราอยู่ในสมรภูมิรบฝ่ายวิญญาณเราต้องต่อสู้ด้วยฤทธานุภาพที่พระเจ้ามอบกับเราตามพระมหาบัญชาและเหล่าอัครสาวกได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในกจ.2 เทศกาลเพ็นเทคอสต์
 
ฤทธานุภาพ(ภาษากรีกใช้คำว่า เอ็กซูเซีย(exousia) มีบุพบท ex นำหน้า ซึ่งหมายถึง “ออกไป” เราจึงต้องออกไปด้วยสิทธิอำนาจจากพระเจ้า)  
ดังที่ นักบุญออกัสติน(Saint Augustine) กล่าวว่า "หากเราจะยิ่งใหญ่   จงเริ่มด้วยการดำเนินชีวิต ความยิ่งใหญ่มาจากความบริสุทธิ์ไม่ใช่สิ่งอื่น"
ดั่งนั้นสิทธิอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ เราจะต้องเป็นผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่และมีความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งในการประกาศข่าวประเสริฐจนสุดปลายแผ่นดินโลก(กจ.1:8)
 
สำหรับสิทธิอำนาจของมารจะเป็นการครอบครองแบบครอบงำ ทำลาย มันจะใช้การล่อลวงดังที่เคยหลอกให้มนุษย์ล้มลงในความบาปที่ไม่เชื่อฟังสิทธิอำนาจของพระเจ้าในปฐมกาลบทที่ 3 มันจึงได้สิทธิอำนาจในการครอบครองโลกนี้ตั้งแต่ตอนนั้นมา
 
แต่เมื่อพระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกนี้และมาตายไถ่บาปให้กับเราบนกางเขนเป็นการนำสิทธิอำนาจของพระเจ้ากลับคืนให้กับผู้ที่เชือ(ยน.3:16)
ครั้งหนึ่งเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงรักษาโรคและใช้สิทธิอำนาจในการขับผีออกแต่ฟาริสีไม่เข้าใจและหมิ่นประมาทสิทธิอำนาจนี้
มัทธิว 12:22-33
22 ขณะนั้นเขาพาคนหนึ่งมีผีเข้าสิงอยู่ ทั้งตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์ พระองค์ทรงรักษาให้หาย คนใบ้นั้นจึงพูดจึงเห็น... 
24 แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า "ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น"
25ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสกับเขาว่า "ราชอาณาจักรใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้ว ก็คงพินาศ เมืองใดๆ ครัวเรือนใดๆ ซึ่งแตกแยกกันแล้ว จะตั้งอยู่ไม่ได้
26 และถ้าซาตานขับซาตานออกมันก็แตกแยกกันในตัวมันเอง แล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่อย่างไรได้
27 และถ้าเราขับผีออกโดยเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านทั้งหลายขับมันออกโดยอำนาจของใครเล่า เหตุฉะนั้นพวกพ้องของท่านเองจะเป็นผู้ตัดสินกล่าวโทษพวกท่าน
28 แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว
29  หรือใครจะเข้าไปในเรือนของคนที่มีกำลังมาก และปล้นเอาทรัพย์ของเขาอย่างไรได้ เว้นแต่จะจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อน แล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้
30 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป
31 เพราะฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ความผิดบาปและคำหมิ่นประมาททุกอย่างจะโปรดยกให้มนุษย์ได้ เว้นแต่คำหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ไม่ได้
32 ผู้ใดจะกล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะโปรดยกให้ผู้นั้นได้ แต่ผู้ใดจะกล่าวร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะทรงโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้ ทั้งยุคนี้ยุคหน้า
33 "พึงกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน
 
นี่เป็นหลักการที่สำคัญ ในการทำสงครามฝ่ายวิญญาณ นั่นคือ
 
1.เมื่ออาณาจักรของพระเจ้ามาตั้งอยู่ เราจะมีสิทธิอำนาจในการขับไล่วิญญาณชั่วออกไป
2.วิญญาณชั่วมีลำดับขั้นการปกครอง ผีที่มีอำนาจมากกว่าจัดการขับไล่ผีตัวเล็กได้
3.พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่ผี มีสิทธิอำนาจมากกว่าผี อย่าหมิ่นประมาทเพราะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยกโทษได้
4.ผีและพระวิญญาณบริสุทธิ์มีฤทธิ์เดชเช่นเดียวกัน แต่ส่งผลที่ต่างกันดังเช่นต้นไม้ที่ดีและเลว ผีจะส่งผลที่เลว แต่พระวิญญาณจะสะท้อนผลพระวิญญาณ(กท.5:22-23)ให้ผลที่ดี 
 
ผมขอสรุปเบื้องต้นไว้เท่านี้ก่อน เพราะในบทความครั้งต่อไปเราจะมาเจาะลึกถึงวิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว

ในบทความครั้งนี้ เราต้องรู้จักศัตรูก่อนตามตำราพิชัยสงครามคือ "รู้เขา รู้เรา ร้อยศึกร้อยชัย"
เรามีทำความรู้จักเพื่อเข้าใจวิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่วร้ายที่ทำลายชีวิตของเราดังนี้
(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki)
8 อันธพาลวิญญาณชั่ว ที่เราต้องอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงจัดการ อย่าปล่อยให้ วิญญาณชั่ว ลอยนวลมีดังนี้
1. วิญญาณราคะตัณหา (Spirit of lust) แอสโมดิวส์(Asmodeus)
2. วิญญาณตะกละ(Spirit of gluttony) เบลเซบับ(Beelzebub)
3. วิญญาณความโลภ(Spirit of greed) แมมมอน (Mammon)
4. วิญญาณเกียจคร้าน (Spirit of sloth ) เบลเฟกอร์ (Belphegor)
5. วิญญาณริษยา (Spirit of envy ) ลิเวียธาน (Leviathan)
6. วิญญาณโทสะ (Spirit of wrath) วิญญาณมังกรแห่งพระดาโกน ( Dragon Spirit)
7. วิญญาณการควบคุม (Spirit of control) เยเซเบล (Jezebel)
8. วิญญาณความหยิ่ง (Spirit of pride) ลูซิเฟอร์ (Lucifer)
 
เราแค่รู้จักมันก็พอนะครับ อย่าเข้าไปสนิทสนมกับมันเพราะจะเป็นภัยในชีวิต
เราจะมารูัจักแต่ละวิญญาณด้วยกัน
 
1.วิญญาณราคะตัณหา (Spirit of lust)
(ภาษาละติน คือ คำว่า "ลุกซุเรีย"(luxuria))


Asmodeus
วิญญาณนี้มีชื่อว่า "แอสโมดิวส์(Asmodeus)" ในภาษาฮีบรูมีการบันทึกไว้ว่ามีอีกชื่อว่า อาบัดโดน แปลว่า ผู้ทำลาย

วิวรณ์ 9:11 มันมีทูตแห่งช่องบาดาลนั้นเป็นกษัตริย์ปกครองมัน ชื่อทูตแห่งช่องบาดาลนั้น ภาษาฮีบรูเรียกว่าอาบัดโดน {แปลว่า ผู้ทำลาย} และภาษากรีกเรียกว่าอปอลลิโยน {แปลว่า ผู้ทำลาย}

ผู้ที่ถูกวิญญาณนี้ครอบงำจะมีลักษณะคือมีความต้องการทางเพศที่เร้าร้อน หมกมุ่นทางเพศที่มากจนเกินไป หรือที่ผิดมนุษย์ปกติ มีความใคร่ที่ผิดประเวณี เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ เพศสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัวเช่นพ่อแม่หรือลูกหลานตัวเอง ชอบการข่มขืน การมีชู้ ล่วงประเวณี 
  
สัญลักษณ์แห่งวิญญาณราคะคืองูหรือวัว 

  2.วิญญาณตะกละ(Spirit of gluttony)
 (ภาษาละติน คือ คำว่า "กูลา"(gula))
ในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ใน
Beelzebub
2พงศ์กษัตริย์ 1:2 ฝ่ายอาหัสยาห์ทรงตกลงมาจากช่องพระแกลตาข่าย ที่ห้องชั้นบนของพระองค์ในกรุงสะมาเรีย และทรงประชวรจึงทรงใช้บรรดาผู้สื่อสารไป รับสั่งว่า "จงไปถามบาอัลเซบูบ (Beelzebub)  พระเจ้าแห่งเอโครนว่าเราจะหายจากความเจ็บป่วยนี้หรือไม่"

มัทธิว 12:22-24
22 ขณะนั้นเขาพาคนหนึ่งมีผีเข้าสิงอยู่ ทั้งตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์ พระองค์ทรงรักษาให้หาย คนใบ้นั้นจึงพูดจึงเห็น...
24 แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า "ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูล (Beelzebub)
ผู้เป็นนายผีนั้น"


 วิญญาณนี้จะทำให้ผู้ถูกครอบงำ มีการสนองความต้องการโดยไม่ยั้งคิด มุ่งร้ายเอาของคนอื่น บริโภคสิ่งต่างๆจนขาดการการไตร่ตรอง บริโภคจนมากเกินไป มากจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหาร รวมถึงการบริโภคสิ่งๆ ต่างๆ โดยไม่คำนึงสนใจ หรือเห็นใจคนอื่น ทำให้เวลาสรรเสริญพระเจ้าน้อยลง และยังเป็นบาปที่สามารถชักจูงให้ทำบาปอื่นๆ ได้ เช่น ปรารถนาในความหิว (ราคะ) ฆ่าเพราะความหิว (โทสะ) เป็นต้น

มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ของชาวยิวว่า

เบลเซบับ(Beelzebub) เคยเป็นพวกเดียวกับทูตสวรรค์เสราฟิมมาก่อน
แต่ด้วยการมีอำนาจที่มากกลับต่อต้านพระเจ้า จึงถูกไล่ออกจากสวรรค์มาเป็นปีศาจแห่งขุมนรก เป็นเจ้าชายแห่งนรกหรือเจ้าแห่งหมู่แมลงวัน

สัญลักษณ์ของตะกละคือ หมู หรือ นกกา  

3.วิญญาณความโลภ(Spirit of greed)
(ภาษาละติน คือ คำว่า "อวาริเทีย"(avaritia)) 

Mammon
วิญญาณนี้เรียกอีกชื่อว่า แมมมอน (Mammon) ไม่ใช่ช้างแมมมอธ (Mammoth)นะครับ เป็นวิญญาณที่ทำให้โลภรักเงินทองมากกว่ารักพระเจ้า แท้จริงความ "มั่งมี" ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การโลภ อยาก "มีมั่ง" มันผิดเพราะการมีเงินอยุ่ในใจจะเป็นมูลรากนำไปสู่การทำความชั่วอื่นๆ เราต้องให้เงินอยู่ในมือเพื่อเราจะใช้มัน ไม่ใช่ให้มันอยู่ในใจ เราจะตกเป็นทาสของมัน

มัทธิว 6:24 "ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทอง (Mammon)พร้อมกันไม่ได้

1ทิโมธี 6:10 ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์

ผู้ที่มีวิญญาณแมมมอนครอบงำ จะมีลักษณะดังนี้คือ

มี่ความทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงแนวทางหรือคุณธรรมในการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการขโมย การขู่กรรโชกทรัพย์ ยักยอก การกักเก็บทรัพย์สินต่างๆ โดยไม่แบ่งปันหรือช่วยเหลือผู้อื่น ต่อมาโลภะรวมถึง การหาทรัพย์อย่างทุจริตมาใช้เพื่อประโยชน์ทางศาสนาด้วย ถือเป็นการมุ่งร้ายต่อศาสนา 
"Mammom" เป็นวิญญาณแห่งความมั่งคังที่ไม่เป็นธรรม แท้จริงแล้วมันเป็นวิญญาณแห่งความยากจน คือ ไม่รู้จักพอดี ไม่เคยเพียงพอ 

สัญลักษณ์ของวิญญาณความโลภ คือ กบ 

4.วิญญาณเกียจคร้าน (Spirit of sloth)
(ภาษาละติน คือ คำว่า "อาซีเดีย "(acedia)) 

    วิญญาณนี้เรียกอีกอย่างว่า "เบลเฟกอร์" (Belphegor)
    กันดารวิถี 25:1-4 
    Belphegor
       1   เมื่ออิสราเอลพักอยู่ในเมืองชิทธีม  ประชาชนก็ได้เริ่มเล่นชู้กับหญิงชาวโมอับ
       2   หญิงเหล่านี้ก็เชิญประชาชนให้ไปกระทำบูชาต่อพระของนาง  ประชาชนก็รับประทานและกราบไหว้พระของนาง
       3   ดังนั้นอิสราเอล  ก็เข้าถือพระบาอัลแห่งเปโอร์ ("เบลเฟกอร์" (Belphegor)) และพระเจ้าทรงพระพิโรธต่ออิสราเอล
       4   และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า  "จงนำหัวหน้าทั้งหลายของประชาชนแขวนตากแดดไว้ต่อพระเจ้า  เพื่อว่าพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดของพระเจ้าจะหันเหไปจากอิสราเอลเสีย"

ผู้ที่มีวิญญาณแบบนี้ครอบงำจะไม่สนใจใยดีต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งรอบข้าง ใช้เวลาอย่างไร้ค่า ความไม่ต้องการที่จะทำอะไร โดยปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้ทำงานหนักเพื่อตนเองเท่านั้น การปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเลยที่จะทำดีรวมถึงการละเลยที่จะเคารพต่อพระเจ้าด้วย ผู้ที่เกียจคร้านจะอยู่เฉยๆ รักษาสภาพความเป็นอยู่ของตนเองในภาวะเดิมตลอดเวลา ไม่ทำอะไรมาก แต่ก็ไม่ใช้อะไรมาก

สัญลักษณ์ของเกียจคร้านคือ แพะ 

สำหรับในครั้งนี้ทำความรู้จักใน 4 วิญญาณ อันธพาลวิญญาณชั่วก่อนนะครับ เราจะมารู้จักกับอีก 4 วิญญาณที่เหลือในครั้งหน้า

สุดท้ายขอหนุนใจด้วยข้อคิดให้เราได้ตระหนักว่า

มารชอบ "ปรักปรำ" เรา แต่พระเจ้า ให้ความ "โปรดปราน"กับเรา
มารชอบล่อลวงอย่าง "แยบยล" ให้เรา "อ่อนแอ" แต่พระเจ้าจะ "เยี่ยมเยียน" เราอย่าง "อ่อนโยน"
มารมาเพื่อทำร้ายเรา ให้ "ย่อยยับ" แต่พระเจ้าจะ "เยียวยา" ให้หายดี


การเยี่ยมเยียนจากพระเจ้า (Divine visitation) เพียงสัมผัสเดียว เยียวยารักษาบาดแผลให้เราหายดี

ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ พบกันใหม่ครั้งหน้า
 
 

10 กรกฎาคม 2556

ข้อคิดในเดือนอับ(Av) ได้ยิน เข้าใจ เชื่อฟังพระวจนะได้รับพร


ข้อคิดในเดือนอับ(Av) (ช่วงวันที่ 8..- 6 ..13)
เดือนนี้เป็นเดือนแห่งเผ่า “สิเมโอน” (Simeon) שמעון

มาจากคำภาษาฮีบรูที่ออกเสียงว่า “ชามา” (Shama) שָׁמַע แปลว่า
“ได้ยิน”(to hear) เดือนนี้จึงเป็นเดือนที่จะต้อง "ได้ยินและตระหนัก" (to hear, to be concerned.”) ที่มาของชื่อ “สิเมโอน” เนื่องด้วยเมื่อนางเลอาห์ตั้งครรภ์และคลอดลูกคนที่2เป็นบุตรชาย และตั้งชื่อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่นางไม่ได้เป็นหญิงที่ยาโคบรัก เพราะท่านรักราเชล แต่เธอตระหนักว่าพระเจ้าทรงได้ยินเสียงของเธอ (ปฐก.29:31-33)

นิยาม 3 คำ ของคำว่า “ชามา” (Shama)


จากคำอุปมาเรื่องหว่านเมล็ดพันธุ์พืช มธ.13
Hear ได้ยิน ,Understand เข้าใจ รู้เรื่อง,Obey เชื่อฟัง ทำตามคำสั่ง หรือตอบสนอง
Shama จึงไม่ได้เป็นการได้ยินอะไรเรื่อย ๆ แต่เป็นความเข้าใจที่ชาญฉลาดและ การเชื่อฟังคำสั่งที่ตามมา
 





 

1.Hear ได้ยิน

(มธ. 13:4 และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้าง แล้วนกก็มากินเสีย)
เราต้องได้ยินพระวจนะ เมื่อนกมากินเมล็ดที่ตกตามหนทาง เป็นอุปมาถึงการไม่ได้ยิน

มธ. 13:19 (พระเยซูบอกถึงความหมายของอุปมา) เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง ซาตาน มันชิงเอาความจริง (ถ้อยคำของพระเจ้า)

2.Understand เข้าใจ รู้เรื่อง

(มธ. 13:5-6 บ้างก็ตกในที่ซึ่งมีพื้นหิน มีเนื้อดินน้อย จึงงอกขึ้นอย่างเร็วเพราะดินไม่ลึก แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมันก็ถูกแผดเผา จึงเหี่ยวไปเพราะรากไม่มี) เมื่อรากไม่มี ไม่มีรากที่ดูดซึมแร่ธาตุ หรือสิ่งยึดเกาะ ก็แห้งเหี่ยวไป แห้งเฉาไป

เราต้องเข้าใจพระวจนะแบบหยั่งลึ
มธ. 13:20 และเมล็ดพืชซึ่งหว่านตกในที่ดินซึ่งมีพื้นหินนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะ แล้วก็รับทันทีด้วยความยินดี การที่เราจะมีความเข้าใจ มาจาการที่เราต้องให้ พระวจนะ
คือโทราห์ ของพระเจ้า หยั่งรากลึกภายในเรา (มก.7:14 จงฟังเราและเข้าใจเถิด)


3.Obey เชื่อฟัง ทำตามคำสั่ง หรือตอบสนอง

การเชื่อฟังและ ตอบสนอง นำสู่การเกิดผล
มธ. 13:8 บ้างก็ตกที่ดินดี แล้วเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง


เพราะว่าการเชื่อฟังนำสู่การเกิดผล

ในฉธบ.28:1-13 การเชื่อฟังนำมาซึ่งพระพรตามมาทัน หากไม่เชื่อฟัง พระพรมีแต่บาปบัง

การเชื่อฟังพระบัญชา จะทำให้เราก้าวกระโดดในชีวิต เป็นหัวไม่ใช่หางสูงขึ้นทางเดียวไม่ต่ำลง

หวังว่าเราจะเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าเพื่อรับพระพรนะครับ Obey OK ไหมครับ?

ขอบคุณ ข้อมูลจาก http://missionkorat.blogspot.com/

04 กรกฎาคม 2556

คำอธิษฐานอวยพรในเดือนอับ(Av)ปี 5773

คำอธิษฐานอวยพรในเดือนอับ(Av)ปี 5773
(ช่วงวันที่ 8..- 6 ..13)
เดือนอับ (Av)เป็นเดือนที่ 5 ตามปฏิทินศาสนา (Ecclesiastical calendar) เป็นเดือนที่ 11 ตามแบบปฏิทินราชการ(Civil calendar) ของประเทศอิสราเอล แม้ว่าชื่อเดือนจะเป็นเดือน อับ แต่เชื่อว่าชีวิตของเราจะไม่อับเฉา ไม่อยู่ในที่มืดที่อับแสง เพราะแสงแห่งพระสิริของพระเจ้าจะฉายส่องมาในชีวิตให้เราลุกขึ้นทำการของพระเจ้า
อสย.60:1-2
1จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และพระสิริของพระเจ้าขึ้นมาเหนือเจ้า
2เพราะว่าดูเถิด ความมืดจะคลุมแผ่นดินโลก และความมืดทึบคลุมชนชาติทั้งหลาย แต่พระเจ้าจะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า และเขาจะเห็นพระสิริของพระองค์เหนือเจ้า
คำว่า อับ(อ่านตามภาษาฮีบรู จะอ่านว่า "อัฟ"เพราะสะกดด้วยตัว Beth ไม่มีจุด(Dagesh)จะออกเสียงตัววี AV ไม่ใช่ตัวบี AB)
 אָב ในภาษาฮีบรู ความหมายตามตัวอักษรหมายถึง บิดา”(Father) มีรากศัพท์ให้ความหมายถึง น้ำพระทัย(will) และความปรารถนา (desire) ดังนั้นเราจึงต้องเข้าใจถึงหัวใจของพระบิดา ดังเช่นพระเจ้าทรงมีน้ำพระทัยที่จะอวยพรชนชาติของพระองค์ผ่านทางบิดาแห่งความเชื่อคือ อับราฮัม พระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่อจากอับรามเป็นอับราฮัม บิดาของมวลชน เพื่อแผนการแห่งน้ำพระทัยพระบิดา
ปฐก.17:5 ชื่อของเจ้าจะมิใช่อับราม {แปลว่า บิดาผู้เป็นที่ยกย่อง } อีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัม {ในที่นี้หมายความว่า บิดาของมวลชน} เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย
คำอธิษฐานอวยพรตามพระทัยพระบิดาในเดือนนี้ คือ
1. เดือนนี้เป็นเดือนแห่งเผ่า
สิเมโอน (Simeon) שמעון
มาจากคำภาษาฮีบรูที่ออกเสียงว่า
ชามา” (Shama) שָׁמַע แปลว่า
ได้ยิน”(to hear) เดือนนี้จึงเป็นเดือนที่จะต้อง "ได้ยินและตระหนัก" (to hear, to be concerned.”)
ที่มาของชื่อ สิเมโอน เนื่องด้วยเมื่อนางเลอาห์ตั้งครรภ์และคลอดลูกคนที่2เป็นบุตรชาย และตั้งชื่อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่นางไม่ได้เป็นหญิงที่ยาโคบรัก เพราะท่านรักราเชล
ปฐก.29:31-33
31 พระเจ้าทรงเห็นว่ายาโคบชังเลอาห์ จึงทรงเบิกครรภ์ของนาง แต่ราเชลนั้นเป็นหมัน
32 นางเลอาห์ตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย และตั้งชื่อว่า รูเบน {แปลว่า "ดูซิ บุตรชายแน่ะ"} ด้วยนางว่า "เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพเจ้า บัดนี้สามีจะรักข้าพเจ้าแน่ๆ"
33 นางเลอาห์ตั้งครรภ์มีบุตรชายอีกคนหนึ่งและว่า "เหตุพระเจ้าทรงได้ยิน {ฮีบรู ว่า ชามา} ว่าข้าพเจ้าเป็นที่ชัง พระองค์จึงทรงประทานบุตรชายคนนี้ให้แก่ข้าพเจ้าด้วย" นางตั้งชื่อว่า สิเมโอน)
สิเมโอนจึงมีความรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจ(Insecure) เดือนนี้เราต้องตระหนักว่าเราสามารถที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไปได้ อย่าเกิดความรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตใจ ทั้งนี้เพราะความไม่มั่นคงส่งต่อมาทางสายเลือดอย่างที่สิเมโอนมี เราจำเป็นต้องพัฒนาวินัยฝ่ายวิญญาณ เพราะวิญญาณชั่วจะเข้ามาจากความรู้สึกนี้ พวกมันรู้วิธีในการใช้รูปแบบของความผิดบาปในชีวิตเราดึงเรากลับไปหามัน อธิษฐานให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจด้วยความรักของพระบิดาและอธิษฐานเพิกถอนความบาปทางสายเลือดของสิเมโอน
ถ้อยคำแห่งการอธิษฐาน :
องค์พระผู้เป็นเจ้า ความชั่วร้ายใด ขอพระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพระองค์ เพื่อว่าความชั่วร้ายนั้นจะสามารถสิ้นสุดลง ให้เราป่าวประกาศว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขอบคุณที่โดยองค์พระวิญญาณ ข้าพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงได้
2.เดือนนี้เราจะตัดสินใจต่อสิ่งที่เราได้ยิน
เราจำเป็นต้องตัดสินใจว่า ข้าพเจ้าจะเพียงแค่ได้ยินสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัส หรือจะตอบสนองโดยการทำตาม
คำว่า ชามา”(Shama) คือจงฟังและระวังที่จะทำตามพระบัญชาของพระเจ้า
ฉธบ.6:1-6 โอ คนอิสราเอลทั้งหลาย เหตุฉะนั้นขอจงฟัง และจงระวังที่จะกระทำตามเพื่อพวกท่านจะไปดีมาดี...
ตอบสนองต่อพระเจ้าและรับการเปิดสำแดงเผยที่ช่วยให้เราเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อเราอยู่ในแนวเดียวกับสิ่งที่พระเจ้าทรงนำมา เมื่อนั้นเราก็จะอยู่ในแนวเดียวกับเหล่าทูตสวรรค์(สดด.103:20) และหนทางของเราก็จะง่ายดายขึ้น
   
สดด.103:20 ข้าแต่ท่านทั้งหลาย ผู้เป็นทูตสวรรค์ของพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า ท่านผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้กระทำตามพระวจนะของพระองค์ และฟังเสียงพระวจนะของพระองค์
เราจงมีความมั่นใจและป่าวประกาศพระนามของพระเจ้าว่า พระยาห์เวห์ ธิเคนู (Yahweh Tzikenu) พระเจ้าเป็นความชอบธรรม (ยรม.23:6 …และนี่จะเป็นนามซึ่งเราจะเรียกท่าน คือ 'พระเจ้าเป็นความชอบธรรม {หรือ ความรอด หรือ การช่วยกู้} ของเรา) และพระองค์ทรงฟังคำร้องทูลและทรงสถิตอยู่กับเรา พระนามว่า พระยาห์เวห์ ซามาห์ (Yahweh Shammah) (อสค. 48:35 … พระเจ้าสถิตที่นั่น")
3.เดือนแห่งตัวอักษรฮีบรู “เธท”(Teth))
อักษรภาพหมายถึง วงล้อ”(Wheel) ซึ่งคล้ายกับ ครรภ์สิ่งดี จะถืเนิดอย่างแน่นอน เดือนที่โลกจะเริ่มหดตัว ให้เฝ้าสังเกตดูแผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นบ่อย แต่อย่าตื่น"ตระหนก"ตกใจ แต่จงตื่น "ตระหนัก" เพื่อรับรู้และฟังเสียงขององค์พระยาห์เวห์ พระองค์จะเปิดเผยความลับให้เราเข้าใจเพื่อเตือนภัยให้เรากลับใจ เสียงแผ่นดินไหว นี่คือ "สัญญาณเตือนใจ" วาระเวลาขององค์พระเป็นใจใกล้มาแล้ว จงเตรียมตัวพร้อม

ความลับของการตั้งครรภ์เริ่มที่จะเคลื่อนเข้าสู่มิติโลก เมื่อเราเห็นแผ่นดินไหว จงรู้ว่าพระเจ้าพร้อมแล้วที่จะให้กำเนิดบางสิ่ง
ตัวอักษร เธท เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามตามพระลักษณะของพระเจ้า 
4.เดือนที่สิงห์แห่งยูดาห์ กำลังคำรามเพื่อเรา
เนื่องจากเป็นเดือนของกลุ่มดาวสิงโต (Leo)
ยอล.3:16 พระเจ้าทรงเปล่งพระสิงหนาทจากศิโยน ทรงเปล่งพระสุรเสียงของพระองค์จากเยรูซาเล็ม และฟ้าสวรรค์กับพิภพก็หวั่นไหว แต่พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยแห่งประชากรของพระองค์เป็นที่กำบังเข้มแข็งของอิสราเอล

(คำว่า "พระสิงหนาท" (Voice of the King) -พระดำรัสของกษัตริย์อันน่าเกรงขาม)

คำป่าวประกาศจากกษัตริย์จึงมีสิทธิอำนาจที่ได้รับรองเรียกว่า "พระราชกฤษฎีกา" (royal decree) เป็นตัวบทกฏหมาย สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้
"พระราชกฤษฎีกา"ของพระเจ้าคือ "พระวจนะ" ของพระองค์ที่บันทึกในพระคัมภีร์ที่เราใช้อ่านและอธิษฐานป่าวประกาศ(declare)ตามนั้น จึงจะมีสิทธิอำนาจที่ได้รับรอง อธิษฐานป่าวประกาศ(declare)จึงจะสำเร็จ

ไม่ใช่ว่าเราจะอธิษฐานป่าวประกาศ(declare)อย่างไรก็ได้ เรียกว่า "เอาแต่ตามใจเรา แต่ไม่ได้ตามน้ำพระทัยพระเจ้า"

เราจึงต้องอธิษฐานป่าวประกาศ(declare)ตามพระวจนะของพระเจ้า(decree)  เพื่อคำอธิษฐานของเราจะไม่ถูกปฏิเสธ (decline)
ดังนั้นเราต้องคำรามในความเชื่อ การสรรเสริญนมัสการของเรานำการทรงสถิต

สดด.19:2…สวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า

พระเจ้าจะเริ่มที่จะปลดปล่อยสิ่งต่างๆเพื่อเรา ดังนั้นพระประสงค์ของพระบิดากำลังถูกทำให้สำเร็จ พระองค์จะเริ่มทำสิ่งต่าง ให้สำเร็จ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตอบสนองและการมีส่วนร่วมของเรา จงให้เดือนนี้เป็นแห่งเสียงสรรเสริญที่ยินดีและมีพลัง
5.เดือนนี้พระเจ้าทรงทำลายเพื่อพระองค์จะสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ 

จงขอพระเจ้าให้ทรงทำลายโครงสร้างและรากฐานเก่าที่ขัดขวางเราและการเคลื่อน ไหวของพระเจ้าไม่ให้ก้าวหน้าไป
6.เดือนนี้จะมีจุดที่ตกต่ำหรืออาจจะสูงสุด, ตามประวัติศาสตร์มีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นในวันที่ 9 ของเดือนนี้เป็นเวลาที่พระวิหารถูกทำลาย ตามธรรมเนียมยิว พวกเขาจะถือช่วงเวลา 3 สัปดาห์นี้ตั้งแต่ วันที่ 17 เดือนทัมมุส(Tammuz)จนถึงวันที่ 9เดือนอับ เรียกว่า"Bein ha-Metzarim"
 ( בין המצרים) เป็นช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์เพื่อรำลึกถึงพระวิหารถูกทำลาย และช่วงเดือนนี้มีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าคือ
อาโรน มหาปุโรหิตสิ้นชีวิตในวันที่ 1เดือนนี้ (กดว.33:38)
ดังนั้นเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเฝ้าระวัง รับการชำระชีวิตด้วยพระวจนะของพระเจ้า แต่ขอหนุนใจไม่ให้มัวแต่โศกเศร้าเพราะพระวจนะกล่าวว่า "อย่าร้องไห้เลย นี่แน่ะ สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์...พระองค์ทรงมีชัยแล้ว ..."(วว.5:5)

สิงห์แห่งยูดาห์กำลังคำรามเพื่อเรา!
เมื่อมีจุดตกต่ำจะมีจุดแห่งการยกขึ้นให้สูงสุด

เดือนนี้เป็นเดือนแห่งจุดสูงสุด ถ้าเรายกเปลี่ยนระดับให้ถูกต้อง เราก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่สิ่งที่พระเจ้ามีไว้สำหรับเราในอีกระดับหนึ่งที่สูงขึ้น เราต้องเข้าใจในระดับใหม่ของการพัฒนาอารมณ์นิสัยเสียที่หลงเหลืออยู่ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็จะต่อต้านคำแนะนำของพระเจ้าโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีสิ่งใดต่อต้านการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้

สดด.32:8...เราจะแนะนำและสอนเจ้าถึงทางที่เจ้าควรจะเดินไป เราจะให้คำปรึกษาแก่เจ้าด้วยจับตาเจ้าอยู่
 ถ้อยคำแห่งการอธิษฐาน :
ขอบคุณพระองค์สำหรับความเข้าใจในระดับใหม่ ให้ความเข้าใจนี้เพิ่มพูนทีวีขึ้นเพื่อข้าพระองค์จะไม่ขัดขวางคำแนะนำ ชี้แนะของพระองค์ ขอที่จะไม่มีสิ่งใดขัดขวางการทรงนำของพระองค์สำหรับชีวิตของข้าพระองค์ได้
7.ดือนที่อาณาจักรก้าวหน้าไปผ่านการเป็นหุ้นส่วน

จงตระหนักรู้ถึงหุ้นส่วนของเรา เฝ้ามองดูพวกเขา สิ่งนี้จะเป็นมากกว่าแค่การเชื่อมต่อ(connection) จงตระหนักรู้และสนับสนุนหุ้นส่วนที่พระเจ้าให้กับเรา

ในเดือนข้างหน้าที่จะถึงนี้คือเดือนเอลลูล(Elul)(7ส.ค.-4 ก.ย.2013)จะเป็น "เดือนแห่งจอมราชาที่อยู่ในสมรภูมิชีวิตของเรา!"(The King the field) พระองค์จะอยู่เคียงข้างเราในทุกแห่งหน

โปรดติดตามอ่าน คำอธิษฐานอวยพรในเดือนเอลลูล(Elul)ปี 5773 ในเดือนหน้านะครับ