30 กันยายน 2563

สุขสันต์สำหรับเทศกาลอยู่เพิง 5781

❤️สุขสันต์สำหรับเทศกาลอยู่เพิง🏕

Feast of Tabernacles (เทศกาลอยู่เพิง หรือ “Sukkot” (สุคคท) ปี 5781 ตรงกับช่วงวันที่ 2-9 ตุลาคม 2020
เป็นเทศกาลแห่งการเตือนใจเราว่า...
🌈โลกใบนี้จึงเปรียบเสมือน “เพิง” 🏕เป็นสถานที่พักชั่วคราวที่เราต้องเคลื่อนไปตามการทรงนำของพระเจ้า จนกว่าจะไปพำนักในเพิงแห่งพลับพลาบนสวรรค์ สถานที่พักชั่วนิรันดร์
📕วิวรณ์ 21:3
“ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า “นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา (และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา)
🌱ความหมายของพืชผล 4 ชนิดที่นำมาประดับเพิง🥬 ในเทศกาลอยู่เพิง มีดังนี้
📕เลวีนิติ 23:40 ใน​วัน​แรก​จง​นำ​มา​ซึ่ง​ผล​จาก​ต้น​มะนาว ใบ​อินท​ผลัม กิ่ง​ไม้​ที่​มี​ใบ​มาก กิ่ง​ต้น​หลิว และ​จง​ปีติ​ยินดี​อยู่​ 7 ​วัน​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์ พระ​เจ้า​ของ​เจ้า

🍋มะนาวหรือมะงั่ว(etrog (‫אתרוג‬) :
มะงั่วมีรสชาติที่ดีและมีกลิ่นหอม หมายถึง “คนที่มีทั้งภูมิปัญญา คนที่เรียนรู้พระบัญญัติ(Torah) และทำความดี”
🍋มะงั่วให้ภาพสัญลักษณ์ของหัวใจ ❤️ ต้องมีความดีงาม

☘️กิ่ง​ไม้​ที่​มี​ใบ​มาก ( hadass (‫הדס‬) :
เป็นกิ่งจากต้นไมร์เทิล (myrtle) มีกลิ่นหอมที่ดี แต่กินไม่ได้ หมายถึง “คนที่มีการทำความดี แต่ขาดสติปัญญา”
☘️กิ่ง​ไม้​ที่​มี​ใบ​มากให้ภาพสัญลักษณ์ของดวงตา👁 ต้องมีการมองเห็น ความเข้าใจหยั่งรู้(enlightening)

🌱ใบ​อินท​ผลัม(lulav (‫לולב‬) :
ใบจากต้นอินทผาลัม (date palm) กินได้ แต่ไม่มีกลิ่น หมายถึง “คนที่มีสติปัญญา แต่ไม่มีการทำความดี”
🌱ใบ​อินท​ผลัมให้ภาพสัญลักษณ์ของกระดูกสันหลัง 👤ต้องมีความชอบธรรม

🌿กิ่ง​ต้น​หลิว(Willow) aravah (‫ערבה‬) :
กิ่งต้นหลิวนั้นไม่มีรสชาติและไม่มีกลิ่น หมายถึง “คนที่ไม่มีการทำความดีหรือไม่ได้การเรียนรู้พระบัญญัติ(torah)
🌿กิ่ง​ต้น​หลิวให้ภาพสัญลักษณ์ของปาก💋 คือ ต้องมีถ้อยคำแห่งความจริง และถ้อยคำแห่งการอธิษฐาน

🇮🇱คนยิวจะเปรียบเทียบคนเป็น 4 ประเภท ไม่ใช่แบบคนกรีกที่จะแบ่งคน 2 ประเภทคือ คนชั่วและคนดี
🏕 ดังนั้นการมัดพืชผลทั้ง 4 นี้หมายถึงคนที่มีความเชื่อ 4 ลักษณะที่นำมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันในเทศกาลอยู่เพิง
เทศกาลนี้จึงเป็นการรวมตัวของคนทุกประเภทที่มารวมกันเป็นความงดงามในความแตกต่าง
‭‭
🕎เทศกาลนี้จึงเป็นเวลาการนัดหมายของพระยาห์เวห์(Divine Appointment) ที่เรามาพบกับพระองค์ที่เต็นท์นัดพบ เพื่อฟังเสียงและก้าวตามแผนการของพระองค์
สิ่งสำคัญคือ เราต้องเคลื่อนตามเสียงของพระองค์ในการทรงนำเรา ดั่งเช่นเสียงแตรเขาสัตว์ดังในเทศกาลขึ้นปีใหม่(Rosh Hashanah) เป็นการปลุกจิตวิญญาณของเราให้ตื่นตัว เพื่อมาชำระชีวิตในวันลบมลทินบาป(Yom kippur) และเข้าสู่การพักสงบในเทศกาลอยู่เพิงในแต่ละปี จนกว่าเสียงแตรสุดท้ายในวาระสุดท้ายและเราจะได้เข้าสู่การพำนักในที่ถาวรคือ “สวรรค์”
‭‭📕1 เธสะโลนิกา‬ ‭4:16-17‬
“คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยเสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงรับพวกเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่ขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์”
🏕การพักสงบในเพิงนั้นแม้สถานการณ์ในโลกนี้จะเป็นดั่งลมพายุถาถมเข้ามาในชีวิต แต่เราสามารถนิ่งสงบในการทรงสถิตของพระยาห์เวห์ได้
🌈 ปี 5781 นี้เป็นปีแห่งถ้อยคำที่หักล้างทำลายคำแช่งสาป เป็นปีที่เราจะเข้ามาแสวงหาพระพักตร์ของพระยาห์เวห์ เพื่อรับกำลังและยุทธศาสตร์ในการรบแบบใหม่ให้มีชัยเหนือศัตรู
⚔️เมื่อยามรบอยู่ในสงครามฝ่ายวิญญาณเราจะเป็น "นักรบที่ห้าวหาญ"
แต่ในยามพักสงบ เราต้องเป็น "นักรักที่หวานซึ้ง" ในความรักของพระองค์❤️
📕 ‭‭เศฟันยาห์‬ ‭3:17‬
“พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางเจ้า เป็นนักรบผู้ทรงช่วยให้รอด พระองค์จะทรงเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วยความยินดี และทรงสงบในความรักของพระองค์ พระองค์จะทรงเริงร่าเพราะเจ้าด้วยการร้องเพลงเสียงดัง”

29 กันยายน 2563

บทสรุปของยุคสุดท้าย ตอนที่ 1

 บทสรุของยุคสุดท้าย ตอนที่ 1 

โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์

การศึกษาถึงยุคสุดท้าย มีความซับซ้อน และมีส่วนที่หลากหลาย ที่เคลื่อนที่ไปหลายทาง ผมจึงอยากสรุปภาพรวมของยุคสุดท้าย ใน 7 คำด้านล่างนี้

  1. ความทุกข์เวทนา / ความยากลำบาก
  2. การข่มเหง
  3. อิคลีเซีย (คริสตจักรนานาชาติ)
  4. อิสราเอล
  5. อารมาเกดโดน
  6. การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2
  7. ยุคพันปี 
ห้เรามาดู คำนิยามของคำต่าง ๆ เหล่านี้ โดยย่อ
  1. ความทุกข์เวทนา / ความยากลำบาก
พระเยซูตรัสถึง ยุคสุดท้าย ว่า ยุคสุดท้าย จะเป็น “เหมือน วันนั้นในสมัยของ โนอาห์ … เหมือนวันนั้นในสมัยของ โลท” (ลูกา 17: 26 – 29)  ทั้งวันในสมัยโนอาห์ และวันในสมัยของโลท ความชั่วร้ายอันน่าสยดสยองเพิ่มขึ้นในสังคมมนุษยชาติ ความวิปริตทางเพศอย่างรุนแรง เราเห็นได้จากแนวโน้มของโลกในปัจจุบัน และมันกำลังแย่ลงกว่าเดิม ในที่สุดการปกครองที่ชั่วร้ายกำลังยึดครองโลก เหมือนอย่างในวันแห่งจักรวรรดิฟาโรห์ที่ชั่วร้าย ในช่วงเวลาของโมเสส พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง ศาสนาและรัฐบาลโลกที่ปกครองเป็นรัฐบาลเดียว ว่าเป็น “สัตว์ร้าย” (วิวรณ์ 13: 1)
 
วิวรณ์ 12: 15
งูตัวนั้นก็พ่นน้ำออกจากปากเหมือนอย่างแม่น้ำไหลตามหญิงคนนั้น เพื่อจะทำให้นางถูกน้ำซัดไป
นี่รวมถึงสื่อต่าง ๆในระดับมหาศาล ที่ล้างสมอง บิดเบือนข้อมูลความจริง และการโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายด้วย
  1. การข่มเหง
ช่วงกลาง ของความทุกข์เวทนา จะมีการโจมตีคนชอบธรรม

(สัตว์ร้ายนั้น) ถูกอนุญาตให้มันทำสงครามกับบรรดาธรรมิกชนและชนะพวกเขา และประทานให้มันมีสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประชาชาติ
 
พระเจ้าจะปกป้องคนของพระองค์ในเวลานั้น แต่พวกเขาก็จะอยู่ภายใต้การข่มเหงที่ดุเดือด นี่เป็นโอกาสที่จะอดทนเป็นพยานถึงความจริง การรับการชำระให้บริสุทธิ์ ถ่อมใจลง รับการเสริมกำลังใหม่ และที่จะพิสูจน์ การพิพากษาที่ชอบธรรมของพระองค์ต่อคนชั่วร้าย การข่มเหง มีจุดประสงค์ที่ผู้ใดที่เชื่อในพระเยซู ผู้ใดที่ยืนขึ้นเคียงข้างการให้คุณค่าการแต่งงานแบบดั้งเดิม เพื่ออิสราเอล หรือ เพื่อความชอบธรรมในภาพทั่วๆไป พระเยซูตรัสว่า พวกเราจะ “ถูกมอบให้กับคนเหล่านั้นที่ข่มเหงท่าน (มัทธิว 24: 9)
  1. อิคลีเซีย (คริสตจักรนานาชาติ)
ข่าวประเสรฐเรื่องอาณาจักรจะขยายออกไปถึงทุกชนชาติ ก่อนที่สุดปลายจะมาถึง (มัทธิว 24: 14) คริสตจักร (อิคลีเซีย) ท่ามกลางประชาชาติจะมาถึงซึ่งความเต็มบริบูรณ์ ทั้งในด้านขนาด (วิวรณ์ 7 : 9) ในฝ่ายวิญญาณ (โรม 11: 25)  และ ในความบริสุทธิ์ (วิวรณ์ 19: 7)  จะมีผู้เชื่อที่แท้จริงในทุกชนชาติที่มีการเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์เหนือทุกคน พวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันในหัวใจและในความรัก (ยอห์น 17: 21 – 23)  ความบริบูรณ์ ของคริสตจักรนานาชาติ หรืออิคลีเซียจะสำเร็จตามพระสัญญาต่อบรรพบุรุษของชาวอิสราเอล เพื่อที่จะอวยพรทั้งโลก และกลายเป็นความบริบูรณ์ของคนต่างชาติ
 
ปฐมกาล 12 : 3
… และในท่าน ครอบครัวทั้งโลกจะได้รับพระพร

พระสัญญาอื่นๆ ถึงอิสอัค ยาโคบ โยเซฟ และเอฟราอิม : ปฐมกาล 22: 18 ปฐมกาล 28: 3  ปฐมกาล 35:11 ปฐมกาล 48:8
  1. อิสราเอล
มี มากกว่า 30 พระสัญญา และคำเผยพยากรณ์ในพระคัมภีร์ ที่พระเจ้าจะรวบรวมคนยิวอีกครั้ง จากที่มีการกระจัดกระจายไป จะมีการรื้อฟื้นกลับสู่ประเทศชาติของพวกเขา และนำการฟื้นฟูในฝ่ายวิญญาณมา นี่เป็นสิ่งทีเกิดขึ้นในระดับใหญ่ ตั้งแต่ การเริ่มต้นการกลับมาของชาวยิวในขบวนการไซออนิสต์ (ขบวนการคืนสู่มาตุภูมิของชนชาติยิว) ในช่วงปลายศตวรรษ ปี 1,800 เป็นต้นมา  จนได้มีการก่อตั้งขึ้นเป็นประเทศอิสราเอล ในปี 1948 การเข้าครอบครองเยรูซาเล็มอีกครั้ง ในปี 1967 และอื่น ๆ ตามมา  หนึ่งในมุมมองที่เป็นศูนย์กลางของการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณของอิสราเอลคือการรื้อฟื้นกลับคืนสู่สภาพดี ของเมสยานิคยิวที่เหลืออยู่ การเติบโตขึ้นของชุมชนชาวยิวที่เชื่อในพระเยซู ทั้งในอิสราเอล และทั่วโลก อิสราเอลจะยังคงเติบโตขึ้นและมีอิทธิพล และเป็นที่สนใจของทั้งโลก

19 กันยายน 2563

ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาล Rosh Hashanah

 🕎ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาล Rosh Hashanah🌈

🌘เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ใหม่(New moon) ในการขึ้นค่ำของเย็นวันที่ 29 เดือนเอลูล(Elul) นั่นเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการเปลี่ยนรอบปฏิทินใหม่

( Rosh Hashanah ปีนี้จะเริ่มเย็นวันที่ 18 กันยายน 2020 เป็นการเข้าสู่ปี 5781 ปีแห่งการทำลายคำแช่งสาบและปีแห่งสิทธิอำนาจของอัครทูต ตัวอักษรฮีบรูประจำปี คือ Pe פ และ aleph א)

🕎เสียงแตรเขาสัตว์ หรือ "โชฟาร์"(Shofar) ได้ถูกเป่าขึ้นเพื่อประกาศว่าการเริ่มต้นของปีใหม่ (โรช ฮาชานาห์-Rosh Hashanah) ในวันที่ 1 ของเดือนทิชรี(Tishri)

คนอิสราเอลเรียกเทศกาลนี้ว่า "เทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์" ตามที่พระยาห์เวห์ทรงกำหนดไว้เพื่อให้คนของพระองค์ได้หยุดพักและใช้เวลานัดหมายนี้เพื่อแสวงหาพระองค์🌈

📕เลวีนิติ 23:23-24 ​พระ​ยาห์เวห์​ตรัส​กับ​โมเสส​ว่า “จง​กล่าว​แก่​คน​อิสราเอล​ว่า ใน​วันที่​ 1 ​ของ​เดือน​ที่​ 7 (ทิชรี) เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ถือ​เป็น​วันหยุด​พัก​สงบ​วัน​หนึ่ง เป็น​วัน​ประชุม​บริสุทธิ์ ประกาศ​เป็น​ที่​ระลึก​ด้วย​เสียง​แตร (โชฟาร์)

การเป่าโชฟาร์ในเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์มีความพิเศษกว่าช่วงเวลาอื่นๆ โดยปกติแล้วคนอิสราเอลจะมีการเป่าโชฟาร์ทุกต้นเดือนในวันขึ้นค่ำ หรือที่เรียกว่า "โรช คอเดช" (Rosh Chodesh)

📕กันดารวิถี 10:10 ในวันที่เจ้าทั้งหลายมีความยินดี และในงานเทศกาลและในวันต้นเดือนของเจ้า เจ้าจงเป่าแตรเหนือเครื่องเผาบูชาและเหนือสัตวบูชาอันเป็นเครื่องศานติบูชา เป็นที่ให้พระเจ้าของเจ้าระลึกถึงเจ้า เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า"

การเป่าโชฟาร์ในเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์เป็นการปลุกให้คนของพระยาห์เวห์ยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการพิพากษาของพระยาห์เวห์จะมาถึง !

การเป่าโชฟาร์เป็นการเรียกให้กลับใจใหม่ก่อนวันแห่งการลบมลทินบาปซึ่งเล็งถึงวันแห่งการพิพากษาของยาห์เวห์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยทั่วไป การเป่าแตรในแต่ละเดือนนั้นใช้แตรสั้น แต่การเป่าแตรในเดือนทิชรีนั้นเป็นการเป่าแตรโดยใช้แตรที่มีขนาดยาว แตรแบบนี้จะให้เสียงดังกว่าเสียงดังจะปลุกจิตวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น

🎊คำว่า โรช ฮาชานาห์(Rosh Hashanah) แปลว่า จุดเริ่มต้นของปี (Head of the year)

คนอิสราเอลจะมีปฏิทิน 2 แบบ นั่นคือ ปฏิทินทางศาสนา(Ecclesiastical calendar)และปฏิทินการปกครอง(Civil calendar)

(ภาพเปรียบเทียบกับประเทศไทย เรามีปฎิทิน 2 แบบคือแบบสากล วันปีใหม่คือวันที่ 1 มกราคม และปฏิทินแบบจันทรคติ วันปีใหม่ของเราจะตรงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน)

ปฏิทินทางศาสนาจะเริ่มต้นนับในฤดูใบไม้ผลิ(Spring)

📕อพยพ 12:2 “ให้​เดือน​นี้​เป็น​เดือน​เริ่มต้น​สำหรับ​พวก​เจ้า ให้​เป็น​เดือน​แรก​ใน​ปี​สำหรับ​พวก​เจ้า

เดือนแรกในปีตามปฏิทินทางศาสนา คือ เดือนที่คนอิสราเอลออกจากอียิปต์ และได้ฉลองเทศกาลปัสกา ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งการไถ่ เรียกกันว่า "เดือนอาบิบ"(Aviv) คือ เดือนแห่งการได้ยินเสียง แต่ภายหลังเมื่อคนอิสราเอลกลับจากการเป็นทาสที่บาบิโลน ได้ตั้งชื่อเดือนอาบิบใหม่เป็น "เดือนนิสาน"(Nisan) ซึ่งเริ่มต้นในวันขึ้นค่ำของเดือนมีนาคม หรือเมษายน

ปฏิทินการปกครองจะเริ่มต้นนับในฤดูใบไม้ร่วง(Fall หรือ Autumn)

การเริ่มต้นปีอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งอยู่ในเดือนที่ 7 ภายหลังจากที่อิสราเอลกลับจากการเป็นเชลย ได้เรียกเดือนนี้ว่า "เดือนทิชรี"(Tishri)

🕎ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาลของพระยาห์เวห์ มีดังต่อไปนี้🌈


1. เสียงเรียกให้กลับใจ ❤️

ผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมเป่าโชฟาร์เพื่อทำการเรียกผู้คนให้กลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้า
ตัวอย่าง เช่น ผู้เผยพระวจนะโยเอล เป่าแตรหรือโชฟาร์ ในศิโยนเพื่อเรียกให้คนกลับใจใหม่

📕โยเอล 2:15 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเตรียมทำพิธีอดอาหาร จงเรียกประชุมตามพิธี

เสียงของโชฟาร์เป็นเสียงเรียกให้ตอบสนอง เพื่อใคร่ครวญดูการกระทำของตน และดำเนินชีวิตใหม่ให้ถูกต้อง ก่อนวันแห่งการพิพากษา เป็นการหวนระลึกถึงการกระทำของตน เป็นการเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณภายในของตน

เราต้องตระหนักว่าจะมีวันแห่งการพิพากษาแน่ ในพระคัมภีร์ใหม่ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนจะถึงวันนั้นผู้เชื่อจึงควรสำรวจใจ และกลับใจ

📕ฮีบรู 9:27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา…

พระเจ้ามักสื่อสารและเตือนประชากรของพระองค์ล่วงหน้าเสมอ ก่อนที่พระองค์จะทำการพิพากษา พระเจ้าเตือนประชากรของพระองค์ก่อนน้ำจะท่วมโลก และเตือนนินะเวห์ก่อนจะเกิดหายนะ

เทศกาลแห่งเสียงแตรเขาสัตว์สะท้อนถึง พระประสงค์ของพระเจ้าที่จะรวบรวมประชากรของพระองค์ให้กลับใจใหม่ เพื่อว่าพระองค์จะสามารถกู้พวกเขาในวันแห่งการพิพากษาได้

ชาวยิวมีช่วงเวลา 10 วันเรียกว่า “10 วันแห่งความยำเกรง(Days of Awe)” ซึ่งเริ่มขึ้นในเทศกาลเสียงแตร และสิ้นสุดในวันทำการลบมลทินบาปซึ่งนับว่าเป็นวันสำคัญที่สุดในปฏิทินอิสราเอล 🇮🇱

ในระหว่างเวลาเหล่านี้ พวกประชาชนต่างพยายามแสวงหาโอกาสคืนดีกับศัตรู ระลึกถึงคนขัดสนยากลำบาก และจะกลับใจจากบาป เพื่อเตรียมใจสำหรับวันลบมลทินบาปที่จะมาถึง

เทศกาลเป่าแตรสำคัญมาก เป็นการเปิดฉากการพิพากษาของสวรรค์ ซึ่งนำไปสู่วันลบมลทินบาป ซึ่งจะเผยให้เห็นบาปของคนอิสราเอลแต่ละคน นี่เป็นภาพที่เล็งไปถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ เพื่อพิพากษาโลกนี้ ในวันสุดท้ายนั้น บาปของทุกคนจะถูกเปิดออกให้เห็น

การเป่าโชฟาร์เป็นการเตือนให้ระลึกถึงความยุติธรรมของพระเจ้า และพระเมตตาของพระองค์ เป็นการเตือนให้ประชาชนกลับใจใหม่ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตือนให้ระลึกว่าประชากรของพระเจ้าต้องการพระเจ้า

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์นี้ เป็นเสียงเรียกให้คนกลับใจใหม่แล้ว เราจะเป่าแตร เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราประกาศการกลับใจใหม่ ในเรื่องต่างๆ ใช้เวลาในการสำรวจชีวิตว่าเรามีบาปใดที่ซ่อนเร้นอยู่บ้าง ขอการชำระจากพระพระองค์

📕1 ยอห์น 1:9 ถ้า​เรา​สารภาพ​บาป​ของ​เรา ​พระ​องค์​ทรง​สัตย์​ซื่อ​และ​เที่ยง​ธรรม ​ก็​จะ​ทรง​โปรด​ยก​บาป​ของ​เรา และ​จะ​ทรง​ชำระ​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​อธรรม​ทั้งสิ้น​


2. เสียงเตือนใจให้ระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า ✝️

เสียงการเป่าโชฟาร์ ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความน่ากลัวเสมอไป เราเห็นได้ว่าในพระวจนะบางตอนกล่าวถึงการเป่าเสียงแตรเพื่อเปิดปีแห่งการเฉลิมฉลอง หรือปีเสียงแตรเขาสัตว์ (Jubilee)

📕เลวีนิติ 25:9-11
9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่ 10 เดือนที่ 7 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน
10 เจ้าจงถือปีที่ 50 (Jubilee) ไว้เป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า ให้เป็นปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้า ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน และกลับไปสู่ตระกูลของตน
11 ปี​ที่​ 50 (Jubilee) ​นั้น​เป็น​ปี​เสียง​เขา​สัตว์​ของ​เจ้า ใน​ปี​นั้น​เจ้า​อย่า​หว่าน​พืช​หรือ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ผล​ที่​เกิด​ขึ้น​มา​เอง หรือ​เ​ก็​บ​องุ่น​จาก​เถา​ที่​มิได้​ตกแต่ง​

บางครั้งเสียงเขาสัตว์ก็เป่าออกไปเพื่อประกาศถึงพระเมตตาของพระเจ้าในการปลดปล่อยผู้คนให้เป็นไท คืนกลับสู่เสรีภาพ เป็นการประกาศถึงเมตตาของพระเจ้าในการให้สิ่งต่าง ๆ หยุดพัก (เลวีนิติ 25:11)

การเป่าแตรในวันโรช ฮาชานาห์นี้ เป็นการเตือนให้ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า การให้อภัยบาปของพระองค์ อย่างที่เขาไม่สมควรได้รับเพื่อเตือนใจให้ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า

ในวันทุกนี้คนยิวจะอ่านพระวจนะในธรรมศาลาถึงเรื่องราวของอับราฮัมในการถวามอิสอัค (ปฐมกาล 22) และอับราฮัมได้ชื่นชมกับพระเมตตาของพระองค์ที่พระองค์ได้ส่งแกะมาเพื่อถวายบูชาแทนอิสอัค
นี่เป็นที่มาว่าเหตุใดคนยิวจึงใช้เขาแกะปลายงอน เป่า ทั้งนี้เพื่อจะได้หวนกลับไประลึกถึงพระเมตตาที่ทรงกระทำต่ออับราฮัม

เขาจากแกะที่ถูกจับได้จากพุ่มไม้ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อระลึกถึงคนบาป และการลบล้างบาป

📣การเป่าแตรในการออกศึกสงครามนั้นก็เป็นการเชื่อมโยงถึงเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์ เพื่อเตือนใจว่าพระเจ้าระลึกถึงเรา และจะช่วยเราซึ่งเป็นประชากรของพระองค์

เช่นเดียวกัน ในขณะนี้เราอยู่ท่ามกลางสงครามฝ่ายวิญญาณ และเมื่อเราเดินหน้าในงานพระเจ้า เรารู้ว่าจะมีการปะทะในฝ่ายวิญญาณ

📣เสียงแตรที่เราจะเป่านี้ ก็เป็นการประกาศก้องว่า พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ทรงระลึกถึงเรา และจะช่วยเราให้มีชัยเหนือมารซาตานได้

ในวันแห่งการพิพากษานั้นพระเจ้าก็จะช่วยประชากรของพระองค์ที่กลับใจใหม่ด้วยความเมตตาให้พ้นโทษทัณฑ์แห่งบาปเช่นกัน

ดังนั้น การระลึกถึงเทศกาลเสียงแตรในปัจจุบัน พระเจ้าจึงให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง โดยพระคริสต์ พระองค์จะดูแลความต้องการของเรา และพระองค์จะระลึกหรือจดจำเราได้ในวันแห่งการพิพากษาเมื่อพระคริสต์นั่งอยู่บนบัลลังก์
เมื่อเสียงแตรครั้งสุดท้ายดังขึ้น นั่นหมายถึง พระคริสต์ได้จดจำเราไว้ในฐานะบุตรของพระองค์ตลอดนิรันดร์

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์นี้ เป็นเวลาแห่งการระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เรากล่าวสรรเสริญพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงกระทำในชีวิตของเราในเรื่องต่าง ๆ ชื่นชมยินดีต่อพระเมตตาของพระองค์ ให้เราเป่าเสียงแตรเพื่อประกาศถึงการช่วยกู้ของพระเจ้าในการปะทะในสงครามฝ่ายวิญญาณ ซึ่งโดยเสียงแตรนี้ พระเจ้าจะเข้าช่วยกู้บุตรของพระองค์ให้มีชัย

วันนี้เราในฐานะคริสตชนชาวไทย เราไม่ได้นำรูปแบบพิธีกรรมมาปฏิบัติโดยขาดความเข้าใจแต่เราได้นำหลักการมาประยุกต์ใช้ และเราได้นำชีวิตของเราเข้าสู่ตารางเวลาเดียวกับพระเจ้า เราจึงไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย

📣หากแต่เสียงแตรนั้นเป็นสัญญาณเตือนใจให้เราตื่นตัวอยู่เสมอและเคลื่อนไปตามวาระเวลาของพระองค์ สรรเสริญพระเจ้า


3. เสียงแห่งการประกาศถึงการเริ่มต้นสู่การพิสูจน์ และสำรวจใจ ❤️

การเป่าโชฟาร์ในวัน โรช ฮาชานาห์ ยังเป็นการประกาศก้องถึงการเริ่มต้นของการเข้าสู่การสำรวจใจ ก่อนวันแห่งการพิพากษา การสำรวจนี้กินเวลา สิบวัน จนกระทั่งวันลบมลทินบาป (Yom Kippur) มาถึง
ในระหว่าง 10 วันนี้ ชาวยิวจะตระหนักถึงชีวิตของตน เหมือนเอาชีวิตไปชั่งบนตาชั่ง พวกเขาจะได้ตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต และจะถามคำถามตนเองว่าถ้าชีวิตของเขาจบลงในวันนี้ เขาได้ใช้ชีวิตคุ้มค่า หรือสมควรแล้วหรือไม่

ช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญนี้ จะทำให้ได้ตระหนักว่าชีวิตของคนแต่ละคนนั้น เป็นชีวิตที่อยู่ภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้า เราไม่สามารถกำหนดทุกสิ่งได้ด้วยตนเอง

🌈เสียงโชฟาจะประกาศให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่หลบซ่อนในใจได้ เหมือนการยืนอยู่ต่อหน้าหมู่ทหารที่ทำการยิงเป้า ซึ่งต้องพิสูจน์ในระดับลึกของจิตใจ

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศสู่การเริ่มต้นในการชันสูตรใจ เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราทูลขอชัยชนะเหนือการทดลองใจในเรื่องต่าง ๆ ที่มาถึงชีวิต ขอให้พระเจ้าเข้ามาชันสูตรใจ

ให้เราประกาศว่าเราจะขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ตั้งแต่นี้ไปจะดำรงตนเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์
ให้เราได้กลับไปใคร่ครวญชีวิตของตนเองกับพระเจ้าในด้านต่าง ๆ และมุ่งหน้าเดินติดตามพระเจ้า ปลุกจิตวิญญาณที่อ่อนแอ หรือหลับใหลให้ตื่นขึ้น เพื่อไปกับพระเจ้า


4. เสียงประกาศการทรงสถิตและการครอบครองของพระเจ้า 🌈

เสียงของโชฟาร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเป่าเพื่อให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาครอบครอง

การพิพากษาของพระเจ้าและการครอบครองเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน เมื่อไรก็ตามที่พระเจ้าทรงสถิตและครอบครอง เมื่อนั้น สิ่งผิดสิ่งถูกจะถูกชี้ชัด คนจะเห็นความบาปผิดของตนเอง

เป็นภาพของกษัตริย์นั่งบนบัลลังก์แห่งการครอบครอง และพิพากษาเหนือประชากรของพระองค์
พระวจนะบันทึกเหตุการณ์ว่าเมื่อกษัตริย์ใหม่ขึ้นนั่งครอบครอง จะมีการเป่าแตรเพื่อป่าวประกาศบัลลังก์ของพระองค์

📕 1 พงศ์กษัตริย์ 1:39 แล้วศาโดกปุโรหิตได้นำเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมาจากเต็นท์ของพระเจ้า และเจิมตั้งซาโลมอนไว้ และเขาทั้งหลายก็เป่าเขาสัตว์ และประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า "ขอพระราชาซาโลมอน ทรงพระเจริญ"

เช่นเดียวกันที่ในวัน โรช ฮาชานาห์ หรือ เทศกาลเสียงแตรที่เป่าออกไปเพื่อประกาศก้องว่าพระคริสต์ทรงยิ่งใหญ่และทรงเสด็จมาครอบครอง
เสียงของโชฟาร์ทำให้ระลึกถึงการครอบครองที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรม และเมตตา

พระคริสต์ปรารถนาจะสถิตอยู่ในชีวิตของเรา ทรงปรารถนาการครอบครองเหนือตัวเรา เหนือคริสตจักร

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศการทรงสถิต และการครอบครองของพระเจ้า เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราร้องเรียกพระเจ้า ให้การทรงสถิตของพระองค์เทลงมา


5.เสียงแห่งการปลดปล่อยอิสรภาพ การประกาศถึงระบบระเบียบใหม่ทางสังคมและศาสนา 🌈

นอกจากนี้การเป่าเสียงแตรด้วยโชฟาร์ ยังเป็นการประกาศถึงการจัดระบบระเบียบทางสังคม และศาสนา เป็นการประกาศถึงอิสรภาพ เสรีภาพ เป็นการปลดปล่อยจากความยากจน และพันธนาการ เป็นการประกาศการปลดปล่อยจากบาปและการละเมิด

📕เลวีนิติ 25:9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน

ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ เทศกาลเสียงแตรนี้ เล็งถึงการกลับมาของพระคริสต์ เพื่อประกาศเวลา ฤดูกาลใหม่ ที่พระองค์ทรงปฏิเสธการดำเนินชีวิตอย่างศาสนา แต่สถาปนาการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง

ดังนั้นการเป่าแตรจึงเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศการหลุดพ้นจากวิถีเดิมแห่งพันธการ การตกอยู่ภายใต้วิญญาณแห่งกฏเกณฑ์ และการดำเนินชีวิตอย่างเป็นรูปแบบ

นอกจากนี้การเสด็จมาของพระคริสต์ยังให้ภาพของการจัดระเบียบสังคมใหม่ เป็นสังคมแห่งคุณธรรม
เป็นการสะท้อนว่า อำนาจแห่งการปกครองจะไม่ได้อยู่ในมือของคนตามืดบอด อีกต่อไป แต่จะอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นสัญลักษณ์เล็งถึงการประกาศอิสระภาพ พันธนาการต่าง ๆ เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เราประกาศการปลดปล่อยอิสรภาพให้กับชีวิตของเรา ที่อยู่ในพันธนาการแห่งบาป หรือ อยู่ในปัญหาบางอย่าง ขอพระเจ้าปลดปล่อยเราจากความยากจน ขัดสน หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค

ให้เราปลดปล่อยอิสรภาพมาสู่คริสตจักรที่จะไม่ตกอยู่ภายใต้วิญญาณศาสนา
ให้เราปลดปล่อยอิสรภาพให้กับสังคม และประเทศของเรา ที่จะมีการปฏิรูปการจัดระบบสังคมใหม่ให้เป็นสังคมแห่งคุณธรรม หลุดพ้นจากอำนาจซาตานที่ล่อลวงผู้คนให้เป็นเมืองแห่งความบาปในด้านต่าง ๆ


6.เสียงแห่งการรวบรวมผู้คนเข้าสู่การครอบครองของพระคริสต์ ✝️

ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าทรงสัญญาจะส่งพระเมสิยาห์มาปลดปล่อยชนชาติของพระองค์
เสียงโชฟาร์จึงเป็นเครื่องหมายแห่งการระลึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะส่งพระเมสิยาห์ ผู้ที่จะเสด็จมามารวบรวมลูก ๆ ที่กระจัดกระจายให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว

📕อิสยาห์ 27:13 และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ และบรรดาผู้ที่กำลังพินาศอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และบรรดาผู้ถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์จะมานมัสการพระเจ้า บนภูเขาบริสุทธิ์ที่เยรูซาเล็ม

เสียงโชฟาร์ ไม่เพียงเป็นการประกาศถึงการเสด็จมาเพื่อรวบรวมผู้คนของพระเมสสิยาห์ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เดิม (อิสยาห์ 27:13)📕
ในพระคัมภีร์ใหม่ เป็นการประกาศถึงการครอบครอง การปกครองของพระคริสต์บนแผ่นดินโลก

📕 1 เธสะโลนิกา 4:16
16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน

📕1 โครินธ์ 15:52
52 ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่

พระคริสต์จะเสด็จมาเพื่อรวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว

📕มัทธิว 24:30-31
30 เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก
31 พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการสัญลักษณ์ของยุคพระเมสสิยาห์ หรือของพระคริสต์ที่จะเสด็จกลับมารวมรวมผู้คน เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เราอธิษฐานขอการเชื่อมต่อพระกาย และรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว

ขอความเป็นเอกภาพ การรวมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพี่น้องในคริสตจักร ระหว่างคริสตจักรต่าง ๆ และความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวของคนในประเทศชาติ

อธิษฐานขอการที่คริสตจักรเข้าไปเชื่อมต่อกับอิสราเอลเป็นคนใหม่คนเดียวในพระคริสต์ (One New man)(เอเฟซัส2:15) อธิษฐานขอให้พี่น้องที่หลงหายไปในที่ต่าง ๆ กลับมาหาพระเจ้า


7.เสียงประกาศสู่การเปิดฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย 🌈

มีผู้เผยพระวจนะหลายท่านประกาศการพิพากษาของพระเจ้าด้วยเสียงแตร เช่น

📕โยเอล 2:1 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเปล่งเสียงปลุกบนภูเขาบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า ให้ชาวแผ่นดินทั้งสิ้นตัวสั่น เพราะวันแห่งพระเจ้ากำลังมาแล้ว ใกล้เข้ามาแล้ว

ในพระคัมภีร์ใหม่ พระธรรมวิวรณ์ก็บันทึกเช่นเดียวกัน ว่าเสียงแตรของทูตสวรรค์ดังขึ้น เพื่อคนต่าง ๆ จะรับการพิพากษาโทษ

📕วิวรณ์ 9:20-21
20 มนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ ที่มิได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ ยังไม่ได้กลับใจเสียใหม่จากงานที่มือเขาได้กระทำ ไม่ได้เลิกบูชาผี บูชา รูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ หินและไม้ รูปเคารพเหล่านั้น จะดู หรือฟัง หรือเดินก็ไม่ได้
21 และเขาก็มิได้สำนึกผิดในการฆ่าฟันกัน และการเชื่อเวทมนตร์ การล่วงประเวณี และการลักขโมย

พระธรรมดาเนียลให้ภาพของบรรยากาศและฉากแห่งการพิพากษาโทษในวันสุดท้ายได้อย่างชัดเจน
ในวันนั้น หนังสือแห่งชีวิตจะถูกเปิดออก ทุกคนจะได้รายงานการกระทำของตนต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า

📕ดาเนียล 7:9-10
9 ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้ และผู้หนึ่งผู้เจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ ฉลองพระองค์ขาวอย่างหิมะ พระเกศาที่พระเศียรของพระองค์เหมือนขนแกะบริสุทธิ์พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก
10 ธารไฟพุ่งออก และไหลออกมาต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ คนนับแสนๆ ปรนนิบัติพระองค์ คนนับโกฏิๆ เข้าเฝ้าพระองค์ ผู้พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดขึ้น

คนยิวเชื่อว่า การพิพากษาครั้งสุดท้ายได้เปิดฉากในเทศกาล โรช ฮาชานาห์ ด้วยเสียงแตร และจะปิดฉากเมื่อครบกำหนด10วันหลังจากนั้น ซึ่งเป็นวันลบมนทิลบาป

วันทำการลบมนทิลจะตรงกับวันที่ 10 ของเดือนที่ 7 (Tishri) ในวันนี้มหาปุโรหิตจะแยกตัวออกจากคนอื่น ๆ ปุโรหิตจะถอดเครื่องยศบริสุทธิ์และงดงามออก สวมเพียงเสื้อกางเกงและหมวกผ้าป่านสีขาว (ซึ่งเล็งถึงความเป็นมนุษย์ของพระคริสต์” เขาจะชำระกายห้าครั้งกับล้างมือและเท้าสิบครั้ง

แพะ2ตัวเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญอย่างหนึ่งของวันลบมลทินบาป ตัวหนึ่งจะเป็นแพะรับบาป(อาซาเซล Azazel) และแพะตัวนี้จะถูกปล่อยเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พร้อมทั้งบรรทุกเอาความบาปทั้งสิ้นของประชาชนไปด้วย

📕เลวีนิติ 16:10 แต่​แพะ​อีก​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​ฉลาก​ตก​เพื่อ​อาซาเซล​นั้น จะ​นำ​ถวาย​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยาห์​เวห์​เป็น​สัตว์​ที่​ยัง​มี​ชีวิต เพื่อ​ให้​มลทิน​ตก​ที่​มัน แล้ว​ปล่อย​มัน​เข้า​ไป​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ให้​แก่​อา​ซา​เซล

เขาจะนำเลือดวัวและเลือดแพะประพรมอภิสุทธิสถาน ม่าน แท่นเผาเครื่องหอม และแท่นเครื่องเผาบูชา เพื่อชำระทุกสิ่งเหล่านี้ให้ปราศจากมลทิน
มหาปุโรหิตจะเข้าไปในอภิสุทธิสถานเพียงปีละครั้ง คือ ในวันลบมลทินบาป และต้องนำเลือดเข้าไปถวาย

มหาปุโรหิตไม่เพียงแต่นำเลือดของสัตว์ที่ถวายบูชาเข้าไปในอภิสุทธิสถานเท่านั้น เขายังต้องนำกระถางเผาเครื่องหอมมีถ่านลุกอยู่มาจากแท่นเผาเครื่องหอม ใส่เครื่องหอมทุบละเอียดสองกำมือไว้ และควันเครื่องหอมจะคลุมพระที่นั่งกรุณาซ่อนพระสิริเสียจากสายตาของเขา และมหาปุโรหิตจะได้รอดตาย เพราะขณะนั้นเขาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและวิงวอนพระองค์เพื่อประชาชน โดยออกพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ คือ ยาห์เวห์ (Yahweh)

พระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปสู่เต็นท์อันใหญ่ยิ่งกว่าแต่ก่อน พระองค์ได้เสด็จเข้าไปสู่วิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ (ฮีบรู 9:11-12)
อย่างไรก็ตามสำหรับคนยิวแล้ว วันทั้ง 10 วันก่อนวันลบมลทินบาปนั้น ถูกเรียกกันว่า วันแห่งความน่าสะพรึงกลัว

เทศกาล โรช ฮาชานาห์ถือเป็นวันที่เข้าสู่การพิพากษา แต่วันที่ประทับตราคำพิพากษาคือวันลบมลทินบาป ว่าผลจะออกมาอย่างไรถ้ากลับใจบาปก็ถูกลบ หรือชำระให้หมดสิ้นได้

นี่เป็นภาพที่เล็งถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ที่บอกเราให้มีชีวิตยำเกรงพระเจ้า🌈

📕วิวรณ์ 14:7
7 ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า "จงยำเกรงพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว และจงนมัสการพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และบ่อน้ำพุทั้งหลาย"

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศสู่การเปิดฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เรา ขอการอภัย ขอพระเมตตาจากพระเจ้า

ให้เราประกาศถึงการเป็นบุตรของพระเจ้า ประกาศการมีชัยเหนือมารซาตานที่ล่อลวงในวาระสุดท้ายก่อนการพิพากษา ประกาศชีวิตแห่งการยำเกรงพระเจ้า ยอมสยบอยู่ต่อพระองค์

03 กันยายน 2563

 ✝️เดือนเอลูล(Elul) ปี 5780 (ช่วงวันที่ 21 ส.ค.-18 ก.ย.2020) เป็นเดือนสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีปฏิทินใหม่ของฮีบรู)

ในปี 2020 ตรงกับช่วงเย็นวันที่ 18 กันยายน ที่เรียกว่า “รอช ฮาชชะนาห์” (Rosh Hashanah) ปี5781)

❤️ได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่งหญิงสาว👩🏻‍🦰 ให้ภาพของเจ้าสาวว(Bride) ที่ถูกเตรียมชีวิตเพื่อเจ้าบ่าว💒

ตัวดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของที่รักของดิฉัน และที่รักก็เป็นของดิฉัน 📕เพลงโซโลมอน 6:3📕

💑 เป็นช่วงเวลาที่แสนหวานในความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์

💒เล็งถึง คริสตจักร ที่เปรียบดั่งเจ้าสาวที่เตรียมตัวเข้าสู่งานสมรสของพระเมษโปดก 💝 ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเป็นพิเศษในพันธสัญญาแห่งรัก ณ ลานพลับพลาของงานแต่งงาน(Chuppah חוּפָּה )

ในบทเพลงซาโลมอน พระเจ้าทรงชมเจ้าสาวของพระองค์ ในสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นภายในเธอว่าคุณภาพที่พระองค์ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะฟูมฟักและนำมาใช้

"ดูเถิด ที่รัก​ของ​ฉัน ดู​ช่าง​สวยงาม ดูเถิด เธอ​สวยงาม ดวงตา​ทั้งสอง​ของ​เธอ​ดัง​นก​พิราบ"
📕เพลงซาโลมอน 1:15📕

เมื่อนกพิราบจับจ้องสายตาที่คู่ของมัน กิจกรรมต่างๆรอบตัวมันไม่สามารถทำให้มันวอกแวกได้ ดังนั้น นกพิราบจึงมักถูกใช้อ้างถึงว่าเป็น "นกแห่งความรัก" เพราะมันมี "สายตาจับจ้องที่สิ่งเดียวเท่านั้น" ต่อนกอีกตัวหนึ่ง

องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราชมเราเพราะมี "ตาของนกพิราบ" นี้ บ่งชี้ว่าเราได้เพาะบ่มความไวในฝ่ายจิตวิญญาณ ที่จะยกเราอยู่เหนือสิ่งที่โลกนี้ใช้เพื่อดึงดูดและทำให้เราเสียการจดจ่อ ดังนั้น เราสามารถตอบสนองต่อการประทับอยู่ด้วยของพระองค์ ด้วยการเชื่อฟังต่อความปรารถนาและเป้าประสงค์ของพระองค์ได้

สายตาจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น

ความพึงพอใจของพระเจ้าอยู่เหนือชีวิตของผู้ที่มีสายตาจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น

"ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน" 📕อิสยาห์ 1:19 📕

สิ่งนี้เป็นไปได้ในผู้ที่ฟูมฟักความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น พระเจ้านำคนเหล่านี้ได้ง่ายมาก เพราะพวกเขาอยู่ใกล้พอที่จะเห็นว่า "สายตา" ของพระองค์กำลังมองสิ่งใดที่พระองค์ตั้งใจสำหรับพวกเขาอยู่

"เรา​จะ​แนะนำ​และ​สอน​เจ้า​ถึง​ทาง​ที่​เจ้า​ควร​จะ​เดิน​ไป เรา​จะ​ให้​คำ​ปรึก‌ษา​แก่​เจ้า​ด้วย​จับ​ตา​เจ้า​อยู่"
📕สดุดี 32:8📕

คำปรึกษาด้วยสายตาที่จับจ้องอยู่ไม่ใช่การพูดออกเสียง ซึ่งไปไกลเกินกว่า "คำพูด" ใดที่เราจะได้ยิน

สายตาของพระเจ้าที่จับจ้องนำชีวิตของเราได้นั้น ขึ้นกับการดำเนินชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ มันหมายถึงว่าเราได้อุทิศชีวิตอย่างหมดหัวใจและดำเนินชีวิตในการทรงสถิตอยู่ด้วย รวมทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องกับพระองค์

ในทางตรงกันข้าม ตาของม้ามีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง ม้าจะวอกแวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างทาง ดังนั้น มันจำเป็นต้องมี "ม่านบัง" ติดไว้ด้านข้างตาแต่ละข้าง และมี "บังเหียน" ใส่ไว้ที่ปากของมัน แบบนี้เท่านั้นที่มันจะยังคงอยู่ในเส้นทางที่กำหนดไว้ได้ ดังนั้น เราจึงถูกเตือนว่า:

"อย่า​เป็น​เหมือน​ม้า​หรือ​ล่อ ที่​ปราศจาก​ความ​เข้าใจ ซึ่ง​ต้อง​ติด​สาย​ผ่า​ปาก​และ​บัง‌เหียน มิ​ฉะนั้น​มัน​ก็​ไม่​ไป​กับ​เจ้า" 📕สดุดี 32:9📕

เมื่อเราพัฒนาการที่จะมีสายตาจับจ้องที่พระเจ้าเท่านั้น เราก็จะไม่ตอบสนองต่อพระองค์ดั่งม้าหรือล่อ (ทำตามความปรารถนาของเราเอง) อีกต่อไป แต่จะตอบสนองตามการนำของพระเจ้าเท่านั้น และเราสามารถทูลขอความรู้และพระปัญญาของพระองค์ได้

เราจะถูกยกไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิมในความสัมพันธ์กับพระองค์ ซึ่งเราสามารถจะแบกรับร่วมกับพระองค์ตามเป้าประสงค์แห่งพระราชกิจการไถ่ของพระองค์ เราจะเติบโตก้าวจากทำงานเพื่อพระองค์ มาสู่การทำงานร่วมกับพระองค์

ตอนนี้เรา (เจ้าสาวของพระองค์) สามารถพูดกับพระองค์ว่า "เรา​มี​น้องสาว​คน​หนึ่ง... (เธอยังไม่เติบโตในฝ่ายวิญญาณ): เรา​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​น้องสาว​ของ​เรา เมื่อ​ถึง​วัน​ที่​เขา​มา​สู่ขอ​น้อง​ของ​เรา" 📕บทเพลงซาโลมอน 8:8📕

ตอนนี้พระเจ้าสามารถสอนเรามากขึ้น เพื่อจะเตรียมเราให้ทำงานร่วมกับพระองค์บนความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกับพระองค์ในระดับที่สูงขึ้น พระองค์ตอบว่า:

"ถ้า​หาก​น้องสาว​นั้น​เป็น​กำ‌แพง เรา​ก็​จะ​สร้าง​สันปรา‌การ​เงิน​ไว้ และ​ถ้า​หาก​น้อง​เป็น​ประ‌ตู พวก​เรา​จะ​เอา​กลอน​ไม้​สน​สีดาร์​ขัด​บานประ‌ตู​เสีย"
📕บทเพลงซาโลมอน 8:9📕

การเป็น "กำแพง" หมายถึงประสบการณ์ในเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณของเธอตั้งอยู่บนรากฐานที่มั่นคง ดังนั้น เธอจึงสามารถถูกนำเข้าไปสู่แก่นสารและความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น

แต่ถ้าเธอเป็นประตูสวิงที่เหวี่ยงไปมา (หมายถึงความขึ้นๆลงๆในฝ่ายจิตวิญญาณ, บางทีก็เอาบางทีก็ไม่เอา, เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา) จิตวิญญาณของเธอจึงต้องถูกปกป้องเอาไว้ (เอากลอนไม้สนสีดาร์มาขัดเอาไว้)

นี่เป็นคุณสมบัติ (ดวงตาของเธอจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น) ดังนั้น จึงเคลื่อนใจพระองค์ให้ปรารถนาที่จะอยู่กับเจ้าสาวของพระองค์ในความสัมพันธ์ร่วมมือกันกระทำพระราชกิจ ดังนั้น เมื่อเธอร้องออกมาว่า:

"อ้อ เธอ​ผู้​ที่​ดิฉัน​รัก ขอ​บอก​ดิฉัน​ว่า เธอ​เลี้ยง​ฝูง​สัตว์​อยู่​ที่ไหน ใน​เวลา​เที่ยงวัน เธอ​ให้​มัน​นอน​พัก​ที่ไหน เพราะ​เหตุใด​เล่า​ดิฉัน​จะ​ต้อง​เอา​ผ้า​ปิด​ตาไป​ตาม​ฝูง​สัตว์​ของ​พวก​เพื่อน​เธอ"
📕บทเพลงซาโลมอน 1:7 📕

"ขอบอกดิฉัน" ความปรารถนาอันยิ่งยวดของเธอแสดงออกมาอย่างจดจ่อที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเธอ และเธอแสวงหาที่จะจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น

พระเจ้าตอบเธออย่างรวดเร็ว:

"โอ แม่งามเลิศ​ใน​ท่ามกลาง​หญิง​ทั้งหลาย ถ้า​เธอ​ไม่​รู้ จง​เดิน​ไป​ตาม​รอย​ตีน​ฝูง​แพะ​แกะ แล้ว​จง​เลี้ยง​ฝูง​แพะ​แกะ​ของ​เธอ​ไว้ ที่​ข้าง​เต็นท์​ของ​เมษ‌บาล​เถิด"
📕บทเพลงซาโลมอน 1:8📕

"จง​เดิน​ไป​ตาม​รอย​ตีน​ฝูง​แพะ​แกะ" นั่นคือ จงตามหาคนเหล่านั้นที่รู้จักพระเจ้า และพวกเขาจะนำคุณไปถึงพระเจ้า ไม่ใช่ไปหาโปรแกรมหรือเป้าประสงค์อื่น

เธอไม่พึงพอใจกับแค่ความรู้ในสิ่งต่างๆเกี่ยวกับพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นพันธกิจ ความสามารถ หรือบุคลิกต่างๆของการเป็นผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่จุใจเธออีกต่อไป เพราะตอนนี้ เธอต้องการรู้จักพระองค์อย่างสนิทสนมลึกซึ้ง การลดลงอย่างมากในเรื่องความทะเยอทะยาน ความปรารถนา และความใฝ่ฝันของเธอเองได้นำเธอมาสู่จุดนี้

ตอนนี้สายตาของเธอจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น และพระองค์ก็พร้อมแล้วที่จะนำเธอไป:

"ที่รัก​ของ​ดิฉัน​ได้​เอ่ย​ปาก​พูด​กับ​ดิฉัน​ว่า “ที่รัก​ของ​ฉัน​เอ๋ย เธอ​จง​ลุก​ขึ้น​เถอะคน​สวยงาม​ของ​ฉัน​เอ๋ย จง​มา​เถิด"
📕บทเพลงซาโลมอน 2:10📕

เรียบเรียงจากบทความของ...

Wade Taylor
Parousia Ministries | Wade Taylor Publications