15 เมษายน 2554

เทศกาลปัสกา : ก้าวสู่เสรีภาพใหม่ด้วยใจขอบพระคุณ

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ในเดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตคริสตชนเพราะเป็นเดือนที่มีการจัดค่ายประจำปี ของคริสตจักรต่างๆ เพื่อได้ใช้เวลาในช่วงวันหยุดพัก สามัคคีธรรมกันและฟังเสียงพระเจ้าร่วมกัน เช่นเดียวกับในพระคัมภีร์ได้บันทึกถึงเทศกาลต่างๆ ที่พระเจ้าทรงกำหนดให้คนอิสราเอลได้ถือปฎิบัติโดยมีวัตถุประสงค์ต่างๆ โดยรวมก็เพื่อการพักสงบเพื่อฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า

เราในฐานะคริสตชนแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เป็นอิสราเอลในฝ่ายกายภาพแต่เราเป็นอิสราเอลในฝ่ายวิญญาณโดยพระโลหิตของพระคริสต์(อฟ
.2:12-19) เราจึงร่วมถือเทศกาลต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เราได้รู้วาระเวลาเข้ามาในฤดูกาลของพระเจ้า และเพื่อวาระแห่งการพักผ่อนหย่อนใจ เข้าใกล้ฟังเสียงพระเจ้า

เทศกาลหลักๆของคนอิสราเอล มีประมาณ 7 เทศกาล แต่ขอยกเอาเทศกาลที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนนี้มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังแล้วกันคือ เทศกาลปัสกา(Passover) (สามารถอ่านบทความเรื่องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทศกาลปัสกาและอีสเตอร์ได้ที่ http://pattamarot.blogspot.com/2011/04/blog-post.html)
เทศกาลนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในพระธรรมอพยพ บทที่12:1-11 ระบุว่า พระเจ้าทรงกำหนดตั้งให้คนอิสราเอลถือปฏิบัติทุกปี เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อพระองค์ทรงนำอิสราเอล ให้หลุดพ้นจากความเป็นทาสของอียิปต์เป็นไทแก่ตนเอง
ในปี 2011 เทศกาลนี้ จะเริ่มในวันอังคารที่ 19 เม.. และสิ้นสุดที่วันจันทร์ที่ 25 เม..2011
สำหรับคริสเตียน "ปัสกา” เป็นเทศกาลที่เล็งถึง "การผ่านความทุกข์" สู่ความยินดีโดยอาศัยความเชื่อที่มีต่อพระราชกิจแห่งการไถ่ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ การฉลองการได้รับชีวิตที่เป็นอิสระจากบาปและความตายนั่นเอง
เราจึงสามารถร่วมเฉลิมฉลองและเตรียมชีวิตของเราในเทศกาลนี้โดยการ “ก้าวสู่เสรีภาพใหม่ด้วยใจขอบพระคุณ” ได้ดังนี้
1. เริ่มต้นสิ่งใหม่ กลับใจใหม่จากสิ่งเดิม (อพย.12:1-2)
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนในประเทศอียิปต์ว่า
2 "ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับเจ้าทั้งหลาย ให้เป็นเดือนแรกในปีใหม่สำหรับพวกเจ้า
คำว่าเดือนนี้ ในที่นี้หมายถึงเดือน อาบิบ (Abib) ซึ่งให้ความหมายในภาษาฮีบรูหมายถึง “green earsซึ่งอยู่ในช่วงประมาณ เดือนมีนาคม ถึงเมษายน ในปฏิทินของเรา
เป็นเดือนที่พระเจ้านำให้คนอิสราเอลอพยพออกมา
ในระหว่างการอพยพออกจากอียิปต์ มีการเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดือนใหม่ว่า นิสาน แทน ซึ่งให้ความหมายว่า "การเริ่มต้น การเปิด"
เดือนนิสานนี้ เป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นและประกาศตัวอย่างชัดเจนของอิสราเอลในฐานะ “ประชากรของพระเจ้า” เป็นเดือนที่เขาได้ผ่านพ้นสิ่งเก่า ๆ เพื่อก้าวไปสู่สิ่งใหม่ในพระองค์
ปัสกา เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เราเข้าใจว่า เมื่อใดที่เป็นเวลา ปัสกา พระเจ้าจะกระทำสิ่งใหม่ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่เป็นพรแก่ชีวิตของเราอยู่ทุกครั้งไป
พระวจนะใน 1 คร.5:7-8 เปาโลกล่าวถึงการชำระตัว หรือเชื้อเก่า เพื่อจะเป็นสิ่งใหม่ในพระองค์
คนอิสราเอลจะไปกับการนำของพระเจ้าไม่ได้ ถ้าหากเขายังยึดติดกับสิ่งเก่า
เราเห็นว่า แม้แต่วิธีการปรุงอาหารก็เปลี่ยนไป แต่เดิมคนอิสราเอลที่อยู่ในอียิปต์มักเอาเนื้อมาต้ม หรือกินแบบดิบ ๆ นี่เป็นวัฒนธรรมของคนอียิปต์ในเวลานั้น ที่เขาต้มเนื้อ หรือ กินดิบ เพื่อบูชายกย่องโอสิริส (Osiris) และเมื่อคนอิสราเอลอยู่ในอียิปต์ก็รับเอาวัฒนธรรมสิ่งนี้มา
ข้อ 9 เนื้อที่ยังดิบหรือเนื้อต้มอย่ากินเลย แต่จงปิ้งทั้งหัวและขา และเครื่องในด้วย
แต่พระเจ้าเปลี่ยนให้เขาทำวิธีการใหม่ คือปิ้งแทน การปิ้งหรือ เอาสัตว์ไปย่างบนไฟ สะท้อนการมอบถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
สิ่งที่นำมาย่างหรือปิ้งนั้นไม่เพียงอวัยวะภายนอก แต่เป็นอวัยวะภายในด้วยที่ต้องมอบถวายแด่พระเจ้า
พระเจ้าให้เขากินอาหารที่ย่างนั้นให้หมด ถ้าไม่หมดให้เผาทิ้ง ทั้งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการพร้อมไปข้างหน้า ไม่ต้องมาหลงเหลือความกังวลเรื่องใดอีก แต่พร้อมที่จะไปกับพระเจ้า และการมอบถวายให้พระองค์หมดสิ้นแล้ว
ในพิธีนี้มีการกินเนื้อแกะปิ้ง ขนมปังไร้เชื้อ และผักขม
การกินผักขม สะท้อน ความปรารถนาที่จะลืมความขมขื่นในอียิปต์เพื่อจะไปรับสิ่งใหม่ในพระองค์ คือ เวลาแห่งเสรีภาพ แทนและการกินขนมปังไร้เชื้อเล็งถึงการชำระ การมีชีวิตที่บริสุทธิ์ พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับพระองค์
ดังนั้นในปัสกาปีนี้ เราจึงเข้ามาด้วยการอธิษฐานเผื่อชำระชีวิตให้บริสุทธิ์ ละทิ้งสิ่งเดิมๆที่ไม่ได้
พระเจ้าจะนำเราเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ในสิ่งที่เราจะได้เห็นด้วยมิติที่เกินความเข้าใจของเรา เราพร้อมหรือยังที่จะก้าวไป
อิสยาห์ 48:7 เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ใช่นานแล้ว ก่อนวันนี้เจ้าไม่เคยได้ยินถึง เกรงเจ้าจะพูดว่า 'ดูเถิด เรารู้แล้ว'
2. เตรียมพร้อมก้าวไปไม่เหมือนเดิม (อพย.12:3,11)
ข้อ 3 จงสั่งชุมนุมคนอิสราเอลว่า ในวันที่สิบเดือนนี้ ให้ผู้ชายทุกคนเตรียมลูกแกะ ครอบครัวละตัว ตามตระกูลของตน
ข้อ 11 เจ้าทั้งหลายจงเลี้ยงกันดังนี้ คือให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าไว้ และรีบกินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกา ของพระเจ้า
ตั้งแต่ข้อ 3 -11 เราเห็นการเตรียมพร้อมของคนอิสราเอลที่จะออกจากอียิปต์ถ้าไม่เตรียมพร้อมจะพลาดการนำ หรือ การเคลื่อนทัพของพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีเวลา และกำหนดของพระองค์ คนที่พร้อมเท่านั้นถึงจะร่วมในทัพนี้ได้
เป็นการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อจะพบเจอสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อพระเจ้าเรียกให้เราเคลื่อนไปกับพระองค์ เราได้เตรียมพร้อมชีวิตของเราหรือยัง และเตรียมอย่างไรบ้าง
เราเห็นได้จากพระธรรมตอนนี้คือ
  1. เตรียมเฟ้นหาลูกแกะ หรือลูกแพะอย่างดี ตัวที่ปราศจากตำหนิ และมีอายุไม่เกินหนึ่งขวบ
  2. เตรียมการคำนวณว่ากินหมดหรือไม่ ต้องเชิญเพื่อนบ้านอีกกี่คนมาร่วมกินด้วย
  3. เตรียมขนมปังไร้เชื้อ เตรียมบ้านเรือนให้สะอาดสะอ้าน เตรียมอาหาร
  4. เตรียมพร้อมที่จะคาดเอว เตรียมเสื้อผ้า รองเท้า ไม้เท้า พร้อมออกเดินทาง
เหตุใดจึงต้องเตรียมพร้อม ? นั่นคือ ถ้าไม่เตรียมพร้อมจะพลาดการนำ หรือ การเคลื่อนทัพของพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีเวลา และกำหนดของพระองค์ คนที่พร้อมเท่านั้นถึงจะร่วมในทัพนี้ได้
เป็นการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อจะพบเจอสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ในปัสกาปีนี้ เราสามารถที่จะเชิญเพื่อนของเรามารับประทานอาหาร รับพิธีมหาสนิทซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงปัสกาในฝ่ายวิญญาณร่วมกัน ด้วยใจที่โมทนาขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงไถ่เรา
การกินขนมปังไร้เชื้อ สะท้อนการเตรียมพร้อมที่จะเป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติแท้ของพระเจ้า
อิสราเอลต้องมีชีวิตที่บริสุทธิ์ จะเป็นเหมือนเดิมที่ยุ่งเกี่ยวกับพระต่างชาติไม่ได้แล้ว เตรียมพร้อมชีวิตให้บริสุทธิ์ สมกับการเป็นชนชาติของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์
ในพระธรรมอพยพ 12:15-20 พระเจ้าทรงให้อิสราเอล กินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลา 7 วัน โดยเริ่มจากเย็นวันที่ 14 ของเดือนแรก ไปจนกระทั่งเย็นวันที่ 21 ของเดือนดังกล่าว จะต้องปัดกวาดบ้าน ให้ปราศจากเชื้อใดใด
หากคนใดคนหนึ่งเฉยเมย ไม่เตรียมพร้อม ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ต้องเตรียมอะไร
ผลที่ได้รับ คือ เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นชนชาติของพระองค์
ดังที่พระวจนะกล่าวว่า หากผู้ใดรับประทานขนมปังที่มีเชื้อในช่วงเวลาดังกล่าว จะถูกอัปเปหิออกจากชุมชน
ปัสกาเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ และบริสุทธิ์ และคนที่ไม่ได้รับการชำระตน จะไม่มีสิทธิในพิธีนี้ แม้แต่ของทุกอย่างที่เข้าสู่พิธีนี้ ก็จะมีการเตรียมเป็นพิเศษ
ดังนั้น การจะเข้าร่วมพิธีมหาสนิทก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องมีการเตรียมตัว เตรียมชีวิตของเราให้พร้อมก่อนที่จะเข้าร่วมสู่พิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ โดยก่อนที่จะเข้าพิธีนี้ควรจะมีการเตรียมตัว มีการสารภาพบาป เพื่อรับการชำระให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีนี้ เพื่อที่จะไม่ต้องรับพระอาชญาจากการเข้าสู่พิธีมหาสนิทอย่างไม่สมควร (1 คร.11:27-32)
เมื่อพระเจ้าเรียกให้เราเคลื่อนไปกับพระองค์ เราได้เตรียมพร้อมชีวิตของเราหรือยัง และเตรียมอย่างไรบ้าง
หากเรายังไม่ได้เตรียมเลย ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นเตรียมแล้ว เพราะพระเจ้าเริ่ม Start การเคลื่อนไหวในงานของพระองค์ในมิติใหม่แล้ว
เริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว!
3. เชื่อฟังการทรงนำก้าวไปไกลกว่าเดิม (อพย.12:7)
ข้อ 7 แล้วเอาเลือดทาที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้ข้างบนณเรือนที่เขาเลี้ยงกันนั้นด้วย

พระวจนะบอกว่า เมื่อเตรียมแกะที่มีคุณสมบัติพร้อมแ
ล้ว เมื่อถึงเวลากำหนดนั้นให้ฆ่าแกะ แล้วเอาเลือดมาป้ายที่วงกบประตูทั้งสองข้าง
ถ้าทำดังนี้แล้ว ทูตแห่งความมรณะ ก็จะข้ามผ่านบ้านนั้นไป
พระวจนะบอกว่า เมื่อเตรียมแกะที่มีคุณสมบัติพร้อมแล้ว เมื่อถึงเวลากำหนดนั้นให้ฆ่าแกะ แล้วเอาเลือดมาป้ายที่วงกบประตูทั้งสองข้าง ถ้าทำดังนี้แล้ว ทูตแห่งความมรณะ ก็จะข้ามผ่านบ้านนั้นไป (อพย.12:12-13,21-28) นี่เป็นคำสั่งของพระเจ้าที่เรียกร้องให้เกิดการเชื่อฟัง ปฏิบัติตาม ถ้าเชื่อฟังก็จะรอด ถ้าเชื่อฟังก็จะปลอดภัย
จากเหตุการณ์ในสมัยโมเสส คืนที่พระเจ้าจะทรงประหารบุตรหัวปีของชาวอียิปต์นั้น พระเจ้าได้ทรงประทานพิธีปัสกาให้แก่ชาวอิสราเอล ซึ่งถ้าชาวอิสราเอลกระทำตาม พระองค์ก็จะทรงเว้นจากชีวิตของบุตรหัวปีของบ้านนั้นไป เป็นการช่วยชีวิตแก่บุตรหัวปีชาวอิสราเอล
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพิธีมหาสนิทนั้น เป็นพิธีที่พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาขึ้น เพื่อเป็นเครื่องหมายที่บ่งถึงการเว้นจากพระอาชญา เราจึงมีพระเยซูเป็นผู้นำทรงไปสู่แผนการความรอดของพระเจ้า เราจึงก้าวไปไม่ใช่กำลังของเราแต่ด้วยใจที่เชื่อฟังและพึ่งพาพระคุณพระเจ้า
ฮีบรู 12:1-2 1 ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม 2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ... 
เพราะพระเจ้าของท่านยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ จงมั่นคงในพระเจ้า และท่านจะมีชัยชนะในที่สุด 

“พระเจ้าไม่ได้นำเราออกจากจุดริ่มต้นเท่านั้น แต่ทรงนำเราตลอดเส้นทางสู่เส้นชัย” 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น