Chodesh Tov! สุขสันต์สำหรับการเริ่มต้นเดือนใหม่ เรากำลังอยู่ในเดือนเทเบท (Tevet) ปี 5777 หากนับปี 2017 เดือนเทเบทจะอยู่ในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม - 27 มกราคม 2017
เทเบท( טֵבֵת -Tevet) เป็นเดือนที่ 10 ตามปฏิทินศาสนาและเป็นเดือนที่ 4 ปฏิทินการปกครองของอิสราเอล เดือนนี้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของคนอิสราเอล เพราะพระยาห์เวห์ทรงเตรียม "ฮาดาชาห์" (הֲדַסָּה - Hadassah) เพื่อเป็น "พระราชินีเอสเธอร์" เพื่อช่วยชีวิตชาวยิวจากการถูกสั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เอสเธอร์ 2:16-17
16 เขาได้พาเอสเธอร์เข้าไปเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัสในพระราชสำนัก ในเดือน 10 ซึ่งเป็นเดือน เทเบท(Tevet) ในปีที่ 7แห่งรัชกาลของพระองค์
17 กษัตริย์ทรงรักเอสเธอร์ยิ่งกว่าหญิงอื่นทั้งสิ้น และเธอได้รับพระกรุณาและความโปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ มากกว่าหญิงพรหมจารีทั้งหมด พระองค์จึงทรงสวมมงกุฎบนศีรษะของเธอ และทรงตั้งเธอให้เป็นพระราชินีแทนวัชที
พระราชินีเอสธอร์เป็นคนสวยใจดี ดีต่อใจใครๆก็ชอบ เธอเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์อาหสุเอรัส เธอจึงทูลขอพระราชอำนาจเพื่อช่วยชาวยิวให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากศัตรูตัวร้ายของคนอิสราเอล คือ "ฮามาน" จึงเป็นที่มาของเทศกาล "ปูริม"(Purim) (เอสเธอร์ 3:7,9:24-26)
พระราชินีเอสธอร์เป็นคนสวยใจดี ดีต่อใจใครๆก็ชอบ เธอเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์อาหสุเอรัส เธอจึงทูลขอพระราชอำนาจเพื่อช่วยชาวยิวให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากศัตรูตัวร้ายของคนอิสราเอล คือ "ฮามาน" จึงเป็นที่มาของเทศกาล "ปูริม"(Purim) (เอสเธอร์ 3:7,9:24-26)
ดังนั้นเดือนนี้จึงเป็นเดือนที่คนชอบธรรมจะเข้าไปมีอิทธิพลที่ดีต่อสังคม เพื่อจะจัดการต่อความอธรรม
เดือนต่างๆของอิสราเอลจะมีเผ่าประจำแต่ละเดือน ซึ่งเราได้เรียนรู้จักลักษณะแต่ละเผ่าไปแล้ว ครั้งนี้ผมจะพูดถึงเผ่าดาน เผ่าประจำเดือนเทเบท
(หมายเหตุ เรียนรู้จักลักษณะของเผ่าต่างๆประจำเดือนของอิสราเอลโดยสามารถอ่านบทความที่เขียนไว้ตาม Link นี้ครับ สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์, อิสสาคาร์ - ลาที่มีกำลังกล้าหาญ,เศบูลุน-เรือสำเภามุ่งสู่จุดหมาย,รูเบน - บุตรชายสายน้ำเชี่ยว,กาด นักรบผู้เก่งฉกาจ,เอฟราอิม-กระทิงแห่งศักดิ์ศรี, มนัสเสห์- ช่อมะกอกที่ออกผล,เบนยามิน -สุนัขป่า นักล่า)
เดือนเทเบท เป็นเดือนแห่งเผ่าดาน
"ดาน" (Dan- דָּן) เป็นบุตรคนที่ 5 ของยาโคบ(Jacob) เกิดจากนางบิลฮาห์ (Bilhah) สาวรับใช้ของนาง ราเชล(Rachel)
คำว่า (Dan- דָּן) ในภาษาฮีบรู หมายถึง การพิพากษา (judgement) หรือ ผูัวินิจฉัย (he judged)
ปฐมกาล 30:4-6
4 นางจึงยกบิลฮาห์สาวใช้ของตนให้เป็นภรรยาของยาโคบ ยาโคบก็เข้าไปหานาง
5 บิลฮาห์ก็ตั้งครรภ์กับยาโคบและมีบุตรชาย
6 นางราเชลว่า "พระเจ้าผู้ทรงตัดสินเรื่องข้าพเจ้า ได้ทรงสดับฟังเสียงข้าพเจ้าทูลจึงประทานบุตรชายแก่ข้าพเจ้า" เหตุฉะนี้นางจึงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าดาน {แปลว่า เขาพิพากษาแล้ว}
ผมได้ตั้งชื่อเผ่าของอิสราเอล พงศ์พันธุ์ของยาโคบเป็นภาษาไทยสำหรับ เพื่อให้จดจำได้ ดังนี้
รูเบน-"สมชาย", สิเมโอน -"สดับฟัง", เลวี-"สนิทใจ", ยูดาห์-"สรรเสริญ",
อิสสาคาร์-"สินชัย",เศบูลุน-"สมเกียรติ", กาด -"สบโชค",
โยเซฟ-"เสริมพล", มนัสเสห์ -"สิ้นโศก", เอฟราอิม -"เสริมพงศ์", เบนยามิน-"ศักดิ์ชาย",
อาเชอร์- "สุขใจ",นัฟทาลี- "สมชัย", ดีนาห์- "แสนดี"
สำหรับเผ่าดาน ผมขอตั้งชื่อว่า นาย "สมควร" เพราะนางราเชลสำนึกผิดว่านางทำแบบนี้คือ ยกสาวใช้ให้เป็นเมียของสามี เนื่องจากนางไม่มีบุตร สิ่งนี้ "สมควร" จะได้รับการพิพากษาจากพระเจ้า
ผมมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการตั้งชื่อบุตร หากเป็นคริสเตียน สมาชิกคริสตจักรมักจะพามาให้ผู้นำหรือศิษยาภิบาลตั้งชื่อให้ เรื่องนี้มีอยู่ว่า...
วันหนึ่งที่คริสตจักรแห่งหนึ่งมีสามีภรรยาหลายคู่มาหาศิยาภิบาล
สามีภรรยาคู่แรก แต่งงานกันมายังไม่มีบุตร จึงอธิษฐานเป็นเวลานานหลายปี ต่อมาพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานทำให้มีบุตร จึงนำบุตรมาให้ศิษยาภิบาลตั้งชื่อ ศิษยาภิบาลจึงตั้งชื่อว่า น้อง "สมปอง" เพราะได้บุตรสมดังปอง
สามีภรรยาคู่ที่ 2 มีบุตรชาย 2 คนแต่ยังไม่มีบุตรสาว ต่อมามีบุตรสาว จึงนำบุตรสาวมาให้ศิษยาภิบาลตั้งชื่อ ศิษยาภิบาลจึงตั้งชื่อว่า น้อง "สมใจ" เพราะได้บุตรสาวสมดังใจ
สามีภรรยาคู่ที่ 3 เป็นวัยรุ่นยังไม่ได้แต่งงานกัน เพราะยังไม่พร้อม แต่มีลูกด้วยกันแล้ว จึงนำบุตรมาให้ศิษยาภิบาลตั้งชื่อ ศิษยาภิบาลจึงตั้งชื่อว่า น้อง "สมควร"
หลังจากที่ศิษยาภิบาลตั้งชื่อไปให้ 3 ครอบครัวแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์โดยไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อของเด็ก จึงมาหาศิษยาภิบาลและเล่าเรื่องให้ฟัง ศิษยาภิบาลจึงบอกว่า "สมน้ำหน้า"
ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า "ชื่อของลูกหนูหรือคะ" ศิษยาภิบาลจึงตอบกลับไปว่า "เปล่า! สมน้ำหน้าที่ผม เตือนแล้วไม่เชื่อฟัง"
แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล่าแต่ก็เป็นข้อคิด คงจะไม่มีศิษยาภิบาลจะไปสมน้ำหน้าว่าร้ายสมาชิกแบบนั้นหรอก มีแต่จะให้อภัยและช่วยแก้ไขปัญหา
ข้อคิด คือ พ่อแม่ที่ดำเนินชีวิตแบบใดส่งผลต่ออนาคตของลูกที่จะเกิดขึ้น การดำเนินชีวิตปัจจุบันของเราส่งผลไปสู่อนาคตและเป้าประสงค์ !
โยชูวา 19:47 เมื่อดินแดนคนเผ่าดานหลุดมือเขาไป คนเผ่าดานก็ขึ้นไปสู้รบกับเมืองเลเชม เมื่อยึดได้ก็ประหารเสียด้วยดาบ จึงยึดครองที่ดินและตั้งอยู่ที่นั่น เรียกเมืองเลเชมว่า ดาน ตามชื่อของดานบรรพบุรุษของตน
ปัจจุบัน สถานที่นั้นเรียกว่า "โบราณสถานของเผ่าดาน" (Tel Dan-เทลดาน) เมื่อไปที่นั่นเราจะได้เห็นซากเมืองเก่าและซากแท่นบูชาที่ถูกสร้างขึ้นมาจำลองจากของจริง
เหตุการณ์ในพระคัมภีร์ 1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 12 เป็นเหตุการณ์ที่อิสราเอลแตกเป็น 2 อาณาจักร คือ อิสราเอล(สะมาเรีย)และยูดาห์ ในสมัยของกษัตริย์เรโหโบอัม โอรสของกษัตริย์ซาโลมอน
สถานที่นี้กษัตริย์เยโรโบอัมนำคนอิสราเอลให้ไหว้รูปเคารพเพราะต้องการที่จะเอาใจประชาชนไม่ต้องการให้เดินทางไปนมัสการพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม เพราะเกรงว่าประชาชนจะหันใจไปหาราชวงศ์ยูดาห์ของกษัตริย์ดาวิด
1 พงศ์กษัตริย์ 12:27-30
27ถ้าชนชาติเหล่านี้ขึ้นไปถวายเครื่องสัตวบูชาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม แล้วจิตใจของชนชาติเหล่านี้จะหันกลับไปยังเจ้านายของเขาทั้งหลาย คือหันไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ และเขาทั้งหลายจะฆ่าเราเสีย และกลับไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์”
28 ดังนั้นกษัตริย์จึงทรงปรึกษา และได้ทรงสร้างลูกวัวสองตัวด้วยทองคำ และพระองค์ตรัสแก่ประชาชนว่า “ที่ท่านทั้งหลายขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มนานพออยู่แล้ว โอ อิสราเอลเอ๋ย จงดูพระของท่าน ดูเถิด พระองค์ผู้ทรงนำท่านทั้งหลายออกจากประเทศอียิปต์”
29 และพระองค์ก็ประดิษฐานไว้ที่เบธเอลรูปหนึ่ง และอีกรูปหนึ่งทรงประดิษฐานไว้ในเมืองดาน
30 และสิ่งนี้กลายเป็นความบาป เพราะว่าประชาชนได้ไปนมัสการรูปหนึ่ง คือที่ เมืองดาน
สิ่งนี้เอง ทำให้เผ่าดานจึงไม่ถูกกล่าวถึงในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 7 และถูกประทับตราร่วมกับเผ่าต่างๆของอิสราเอล 12 เผ่า เพราะพวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้าและไม่ยอมกลับใจจากบาป
ข้อคิดเตือนใจ คือ เมื่อผู้นำทำผิด คิดที่จะเอาใจคน แทนที่จะเลือกทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า จะนำคนเดินทางผิด หลงทางจากพระเจ้า ผลเสียจึงตกมาสู่แผ่นดินและชนชาติ
มาถึงที่ดาน มีบทกลอนท่องจำดังนี้ "มาถึงดานให้ทิ้งดาน หากเลือกดานก็จะอยู่ดักดาน "
สถานที่เทลดานนั้นไม่ได้มีแต่สิ่งที่ไม่ดี แต่ยังมีสิ่งที่ดีให้จดจำ นั่นคือ ดินแดนของเผ่าดานนี้เป็นแหล่งแห่งต้นสายของแม่น้ำจอร์แดน(Jordan)เป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงคนอิสราเอล ทั้งประเทศ สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ อุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ 14'C ตลอดทั้งปี
ผมประทับใจการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอิสราเอล แม้ว่าพวกเขามีความจำกัดในเรื่องน้ำ แต่พวกเขาต้องบริหารจัดการอย่างดี เพื่อจะให้มีน้ำดื่ม น้ำใช้อย่างเพียงพอ หรือไม่ท่วมล้นจนเกินไป เรียกว่า "เอาอยู่"
ทรัพยากรน้ำ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนอิสราเอลจำเป็นต้องพึ่งพาพระเจ้า ดังนั้นคนยิวจึงมีความถ่อมใจเพราะการช่วยเหลือของพระเจ้า
บุคคลจากเผ่าดานที่เป็นตัวอย่างสอนใจ คือ แซมสัน (Samson) เป็นเรื่องราวของแซมสันเป็นเรื่องหนึ่งที่เศร้าที่สุดในพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย บทที่ 13-16
คำอวยพรของอิสราเอล(ยาโคบ)ที่มีต่อดานคือ เขาจะปกครองหรือวินิจฉัย(judge) ท่ามกลางเผ่าต่างๆ (ปฐมกาล 49:16-17)
คำเผยพระวจนะนั้นส่วนหนึ่งสำเร็จในชีวิตของแซมสัน แซมสันเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองที่พระเจ้าทรงยกขึ้นระหว่างช่วงเวลาของผูู้วินิจฉัย(judge) ผู้วินิจฉัยคนสุดท้าย ก็คือ แซมสัน!
"ดาน" (Dan- דָּן) เป็นบุตรคนที่ 5 ของยาโคบ(Jacob) เกิดจากนางบิลฮาห์ (Bilhah) สาวรับใช้ของนาง ราเชล(Rachel)
คำว่า (Dan- דָּן) ในภาษาฮีบรู หมายถึง การพิพากษา (judgement) หรือ ผูัวินิจฉัย (he judged)
ปฐมกาล 30:4-6
4 นางจึงยกบิลฮาห์สาวใช้ของตนให้เป็นภรรยาของยาโคบ ยาโคบก็เข้าไปหานาง
5 บิลฮาห์ก็ตั้งครรภ์กับยาโคบและมีบุตรชาย
6 นางราเชลว่า "พระเจ้าผู้ทรงตัดสินเรื่องข้าพเจ้า ได้ทรงสดับฟังเสียงข้าพเจ้าทูลจึงประทานบุตรชายแก่ข้าพเจ้า" เหตุฉะนี้นางจึงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าดาน {แปลว่า เขาพิพากษาแล้ว}
ผมได้ตั้งชื่อเผ่าของอิสราเอล พงศ์พันธุ์ของยาโคบเป็นภาษาไทยสำหรับ เพื่อให้จดจำได้ ดังนี้
รูเบน-"สมชาย", สิเมโอน -"สดับฟัง", เลวี-"สนิทใจ", ยูดาห์-"สรรเสริญ",
อิสสาคาร์-"สินชัย",เศบูลุน-"สมเกียรติ", กาด -"สบโชค",
โยเซฟ-"เสริมพล", มนัสเสห์ -"สิ้นโศก", เอฟราอิม -"เสริมพงศ์", เบนยามิน-"ศักดิ์ชาย",
อาเชอร์- "สุขใจ",นัฟทาลี- "สมชัย", ดีนาห์- "แสนดี"
สำหรับเผ่าดาน ผมขอตั้งชื่อว่า นาย "สมควร" เพราะนางราเชลสำนึกผิดว่านางทำแบบนี้คือ ยกสาวใช้ให้เป็นเมียของสามี เนื่องจากนางไม่มีบุตร สิ่งนี้ "สมควร" จะได้รับการพิพากษาจากพระเจ้า
ผมมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการตั้งชื่อบุตร หากเป็นคริสเตียน สมาชิกคริสตจักรมักจะพามาให้ผู้นำหรือศิษยาภิบาลตั้งชื่อให้ เรื่องนี้มีอยู่ว่า...
วันหนึ่งที่คริสตจักรแห่งหนึ่งมีสามีภรรยาหลายคู่มาหาศิยาภิบาล
สามีภรรยาคู่แรก แต่งงานกันมายังไม่มีบุตร จึงอธิษฐานเป็นเวลานานหลายปี ต่อมาพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานทำให้มีบุตร จึงนำบุตรมาให้ศิษยาภิบาลตั้งชื่อ ศิษยาภิบาลจึงตั้งชื่อว่า น้อง "สมปอง" เพราะได้บุตรสมดังปอง
สามีภรรยาคู่ที่ 2 มีบุตรชาย 2 คนแต่ยังไม่มีบุตรสาว ต่อมามีบุตรสาว จึงนำบุตรสาวมาให้ศิษยาภิบาลตั้งชื่อ ศิษยาภิบาลจึงตั้งชื่อว่า น้อง "สมใจ" เพราะได้บุตรสาวสมดังใจ
สามีภรรยาคู่ที่ 3 เป็นวัยรุ่นยังไม่ได้แต่งงานกัน เพราะยังไม่พร้อม แต่มีลูกด้วยกันแล้ว จึงนำบุตรมาให้ศิษยาภิบาลตั้งชื่อ ศิษยาภิบาลจึงตั้งชื่อว่า น้อง "สมควร"
หลังจากที่ศิษยาภิบาลตั้งชื่อไปให้ 3 ครอบครัวแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์โดยไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อของเด็ก จึงมาหาศิษยาภิบาลและเล่าเรื่องให้ฟัง ศิษยาภิบาลจึงบอกว่า "สมน้ำหน้า"
ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า "ชื่อของลูกหนูหรือคะ" ศิษยาภิบาลจึงตอบกลับไปว่า "เปล่า! สมน้ำหน้าที่ผม เตือนแล้วไม่เชื่อฟัง"
แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล่าแต่ก็เป็นข้อคิด คงจะไม่มีศิษยาภิบาลจะไปสมน้ำหน้าว่าร้ายสมาชิกแบบนั้นหรอก มีแต่จะให้อภัยและช่วยแก้ไขปัญหา
ข้อคิด คือ พ่อแม่ที่ดำเนินชีวิตแบบใดส่งผลต่ออนาคตของลูกที่จะเกิดขึ้น การดำเนินชีวิตปัจจุบันของเราส่งผลไปสู่อนาคตและเป้าประสงค์ !
พระเจ้าทรงมีเป้าประสงค์ที่ดีต่อเผ่าดาน แต่พวกเขาพลาดไปจากเป้าประสงค์ของพระองค์
ในปี 2012 ผมได้เดินทางไปประเทศอิสราเอล และได้ไปที่ดินแดนของเผ่าดาน สถานที่นี้พระคัมภีร์บันทึกไว้คือ เป็นพื้นที่ของเผ่าดานที่ครอบครองโดยยึดเมืองเลเชม
คำกล่าวของอิสราเอล (ยาโคบ) ผู้เป็นพ่อได้กล่าวถึงดาน ดังนี้
ปฐมกาล 49:16-17
16 ส่วนดานจะเป็นทนาย(judge)ของประชาชนของตน เป็นเผ่าหนึ่งในอิสราเอล
16 ส่วนดานจะเป็นทนาย(judge)ของประชาชนของตน เป็นเผ่าหนึ่งในอิสราเอล
17 ดานจะเป็นงูอยู่กลางทาง เป็นงูพิษที่อยู่ในหนทางที่กัดส้นเท้าม้า ให้คนขี่ตกหงายลง
แท้จริงเป้าประสงค์ลิขิตของพระเจ้าสำหรับเผ่าดาน คือ พวกเขาจะปกครองหรือวินิจฉัย(judge)ท่ามกลางเผ่าต่างๆ เขาจะเป็นเหมือนงูตามทางที่จะทำให้ผู้โจมตีที่ขี่อยู่บนหลังม้าร่วงลงมา
ในสมัยของโมเสส การเดินทางในถิ่นทุรกันดารของอิสราเอล เผ่าดานถูกวางตำแหน่งไว้ทางด้านเหนือของค่ายด้วยกันกับอาเชอร์ และ นัฟทาลี
เผ่าดานเคลื่อนพลอยู่ในกลุ่มท้ายสุด เพื่อเป็นการป้องกันในแนวหลัง เมื่อศัตรูโจมตีจากด้านหลัง ดานเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกัน ผู้ที่ตามจู่โจมอิสราเอลจะต้องเจอกับดานที่เป็นเหมือนงูบนทางของเขา!
เผ่าดานมีบทบาทสำคัญในการสร้างพลับพลาที่ประทับของพระเจ้า
โอโฮลีอับ (Oholiab) เผ่าดาน เขามีพรสวรรค์ในการแกะสลักและถักทอเสื้อผ้าหลากหลายสี (อพยพ 31:6) เขาช่วยสร้างเครื่องเรือนและการตกแต่งต่างๆในพลับพลา
เผ่าดาน มีของประทานความสามารถในเชิงสร้างสรรค์แต่บั้นปลายพวกเขากลับเป็นผู้ทำลาย เพราะพวกเขาเริ่มกบฎและไม่เชื่อฟังพระเจ้า!
ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 33 โมเสสได้อวยพรเผ่าต่างๆ แต่ยกเว้นเผ่าดาน พวกเขาไม่ได้รับการอวยพร ในข้อ 22 โมเสส กล่าวถึงดานว่า “ดานเป็นลูกสิงโต ที่กระโจนมาจากเมืองบาชาน”
ในสมัยของโมเสส การเดินทางในถิ่นทุรกันดารของอิสราเอล เผ่าดานถูกวางตำแหน่งไว้ทางด้านเหนือของค่ายด้วยกันกับอาเชอร์ และ นัฟทาลี
เผ่าดานเคลื่อนพลอยู่ในกลุ่มท้ายสุด เพื่อเป็นการป้องกันในแนวหลัง เมื่อศัตรูโจมตีจากด้านหลัง ดานเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกัน ผู้ที่ตามจู่โจมอิสราเอลจะต้องเจอกับดานที่เป็นเหมือนงูบนทางของเขา!
เผ่าดานมีบทบาทสำคัญในการสร้างพลับพลาที่ประทับของพระเจ้า
โอโฮลีอับ (Oholiab) เผ่าดาน เขามีพรสวรรค์ในการแกะสลักและถักทอเสื้อผ้าหลากหลายสี (อพยพ 31:6) เขาช่วยสร้างเครื่องเรือนและการตกแต่งต่างๆในพลับพลา
เผ่าดาน มีของประทานความสามารถในเชิงสร้างสรรค์แต่บั้นปลายพวกเขากลับเป็นผู้ทำลาย เพราะพวกเขาเริ่มกบฎและไม่เชื่อฟังพระเจ้า!
ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 33 โมเสสได้อวยพรเผ่าต่างๆ แต่ยกเว้นเผ่าดาน พวกเขาไม่ได้รับการอวยพร ในข้อ 22 โมเสส กล่าวถึงดานว่า “ดานเป็นลูกสิงโต ที่กระโจนมาจากเมืองบาชาน”
โมเสสบอกว่าเผ่าดานจะกระโจนมาจากเมืองบาชาน(ที่ราบสูงโกลาน-Golan Heights) บาชานเป็นเมืองที่บูชารูปเคารพ ดานจะถูกล่อลวงให้นมัสการรูปเคารพ ดานพลาดจากเป้าประสงค์ของพระเจ้า พวกเขาพลาดจากการเป็นลูกสิงโตแต่กลับกลายเป็นงูพิษ
ดินแดนของเผ่าดานอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา เป็นพื้นที่ที่เป็นเขตแดนของฟิลิสเตีย(Philistines)
ปัจจุบัน คือ ปาเลสไตน์(Palestine) อาศัยอยู่บริเวณฉนวนกาซา (Gaza strip) เป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ซึ่งเป็นเหมือนงูพิษที่คอยลอบทำร้ายคนอิสราเอล
ดินแดนของเผ่าดานอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา เป็นพื้นที่ที่เป็นเขตแดนของฟิลิสเตีย(Philistines)
ปัจจุบัน คือ ปาเลสไตน์(Palestine) อาศัยอยู่บริเวณฉนวนกาซา (Gaza strip) เป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ซึ่งเป็นเหมือนงูพิษที่คอยลอบทำร้ายคนอิสราเอล
เผ่าดานได้ชื่อว่าเป็น "เผ่างูพิษ" สันดานของงู คือ ร้ายกาจและเลี้ยงไม่เชื่อง!
โยชูวา 19:47 เมื่อดินแดนคนเผ่าดานหลุดมือเขาไป คนเผ่าดานก็ขึ้นไปสู้รบกับเมืองเลเชม เมื่อยึดได้ก็ประหารเสียด้วยดาบ จึงยึดครองที่ดินและตั้งอยู่ที่นั่น เรียกเมืองเลเชมว่า ดาน ตามชื่อของดานบรรพบุรุษของตน
ปัจจุบัน สถานที่นั้นเรียกว่า "โบราณสถานของเผ่าดาน" (Tel Dan-เทลดาน) เมื่อไปที่นั่นเราจะได้เห็นซากเมืองเก่าและซากแท่นบูชาที่ถูกสร้างขึ้นมาจำลองจากของจริง
แท่นบูชาที่เทลดาน |
สถานที่นี้กษัตริย์เยโรโบอัมนำคนอิสราเอลให้ไหว้รูปเคารพเพราะต้องการที่จะเอาใจประชาชนไม่ต้องการให้เดินทางไปนมัสการพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม เพราะเกรงว่าประชาชนจะหันใจไปหาราชวงศ์ยูดาห์ของกษัตริย์ดาวิด
1 พงศ์กษัตริย์ 12:27-30
27ถ้าชนชาติเหล่านี้ขึ้นไปถวายเครื่องสัตวบูชาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม แล้วจิตใจของชนชาติเหล่านี้จะหันกลับไปยังเจ้านายของเขาทั้งหลาย คือหันไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ และเขาทั้งหลายจะฆ่าเราเสีย และกลับไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์”
28 ดังนั้นกษัตริย์จึงทรงปรึกษา และได้ทรงสร้างลูกวัวสองตัวด้วยทองคำ และพระองค์ตรัสแก่ประชาชนว่า “ที่ท่านทั้งหลายขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มนานพออยู่แล้ว โอ อิสราเอลเอ๋ย จงดูพระของท่าน ดูเถิด พระองค์ผู้ทรงนำท่านทั้งหลายออกจากประเทศอียิปต์”
29 และพระองค์ก็ประดิษฐานไว้ที่เบธเอลรูปหนึ่ง และอีกรูปหนึ่งทรงประดิษฐานไว้ในเมืองดาน
30 และสิ่งนี้กลายเป็นความบาป เพราะว่าประชาชนได้ไปนมัสการรูปหนึ่ง คือที่ เมืองดาน
(อ่านเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน บทความเรื่อง เดือนเชสวาน (Cheshvan) เตือนใจให้ระวังเทศกาลและบาปของเยโรโบอัม)
สิ่งนี้เอง ทำให้เผ่าดานจึงไม่ถูกกล่าวถึงในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 7 และถูกประทับตราร่วมกับเผ่าต่างๆของอิสราเอล 12 เผ่า เพราะพวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้าและไม่ยอมกลับใจจากบาป
ข้อคิดเตือนใจ คือ เมื่อผู้นำทำผิด คิดที่จะเอาใจคน แทนที่จะเลือกทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า จะนำคนเดินทางผิด หลงทางจากพระเจ้า ผลเสียจึงตกมาสู่แผ่นดินและชนชาติ
มาถึงที่ดาน มีบทกลอนท่องจำดังนี้ "มาถึงดานให้ทิ้งดาน หากเลือกดานก็จะอยู่ดักดาน "
สถานที่เทลดานนั้นไม่ได้มีแต่สิ่งที่ไม่ดี แต่ยังมีสิ่งที่ดีให้จดจำ นั่นคือ ดินแดนของเผ่าดานนี้เป็นแหล่งแห่งต้นสายของแม่น้ำจอร์แดน(Jordan)เป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงคนอิสราเอล ทั้งประเทศ สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ อุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ 14'C ตลอดทั้งปี
ผมประทับใจการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอิสราเอล แม้ว่าพวกเขามีความจำกัดในเรื่องน้ำ แต่พวกเขาต้องบริหารจัดการอย่างดี เพื่อจะให้มีน้ำดื่ม น้ำใช้อย่างเพียงพอ หรือไม่ท่วมล้นจนเกินไป เรียกว่า "เอาอยู่"
ทรัพยากรน้ำ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนอิสราเอลจำเป็นต้องพึ่งพาพระเจ้า ดังนั้นคนยิวจึงมีความถ่อมใจเพราะการช่วยเหลือของพระเจ้า
บุคคลจากเผ่าดานที่เป็นตัวอย่างสอนใจ คือ แซมสัน (Samson) เป็นเรื่องราวของแซมสันเป็นเรื่องหนึ่งที่เศร้าที่สุดในพระคัมภีร์ ผู้วินิจฉัย บทที่ 13-16
คำอวยพรของอิสราเอล(ยาโคบ)ที่มีต่อดานคือ เขาจะปกครองหรือวินิจฉัย(judge) ท่ามกลางเผ่าต่างๆ (ปฐมกาล 49:16-17)
คำเผยพระวจนะนั้นส่วนหนึ่งสำเร็จในชีวิตของแซมสัน แซมสันเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองที่พระเจ้าทรงยกขึ้นระหว่างช่วงเวลาของผูู้วินิจฉัย(judge) ผู้วินิจฉัยคนสุดท้าย ก็คือ แซมสัน!
การกำเนิดของแซมสันนั้นมีความอัศจรรย์เพราะมารดาของแซมสัน เป็นหมัน!
ผูู้วินิจฉัย 13:2-5
2 มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองโศราห์คนเผ่าดาน ชื่อมาโนอาห์ ภรรยาของเขาเป็นหมันไม่มีบุตร
3 ทูตของพระยาห์เวห์มาปรากฏแก่หญิงนั้น กล่าวแก่นางว่า “นี่แน่ะ เจ้าเป็นหมันไม่มีบุตร แต่เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย
4 ฉะนั้นบัดนี้จงระวัง อย่าดื่มเหล้าองุ่น หรือของมึนเมา และอย่ากินของมลทินทุกอย่าง
5 เพราะนี่แน่ะ เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าให้มีดโกนถูกศีรษะของเขา เพราะเด็กนั้นจะเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่เกิด และเขาจะเริ่มช่วยกู้คนอิสราเอลให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย”
ผูู้วินิจฉัย 13:2-5
2 มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองโศราห์คนเผ่าดาน ชื่อมาโนอาห์ ภรรยาของเขาเป็นหมันไม่มีบุตร
3 ทูตของพระยาห์เวห์มาปรากฏแก่หญิงนั้น กล่าวแก่นางว่า “นี่แน่ะ เจ้าเป็นหมันไม่มีบุตร แต่เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย
4 ฉะนั้นบัดนี้จงระวัง อย่าดื่มเหล้าองุ่น หรือของมึนเมา และอย่ากินของมลทินทุกอย่าง
5 เพราะนี่แน่ะ เจ้าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่าให้มีดโกนถูกศีรษะของเขา เพราะเด็กนั้นจะเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่เกิด และเขาจะเริ่มช่วยกู้คนอิสราเอลให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย”
แซมสันถูกเตรียมให้เป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่เกิด และเขาจะช่วยกู้คนอิสราเอลให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย
"นาศีร์" (Nazarite) คือ คนที่ถูกเรียกเพื่อภาระกิจพิเศษ และอุทิศตัวทั้งสิ้นแด่พระเจ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการแยกออกมาเพื่อพระเจ้า (คล้ายกับกรณีของซามูเอล และยอห์น ผู้ให้บัพติศมา) พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ตัดผม ดื่มเหล้า หรือสัมผัสร่างกายที่ตายแล้ว
การทรงเรียกของแซมสัน คือเพื่อมาเป็นคนหนึ่งใน “กิบโบริม” (Gibborim) – วีรบุรุษนักรบของ
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์(El Gibbor) !
ภารกิจการทรงเรียกของแซมสันคือ เพื่อปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลจากพวกฟิลิสเตีย พวกฟิลิสเตียคือ ศัตรูตลอดกาลของอิสราเอล
พระเจ้าทรงประทานพละกำลังที่เหนือธรรมชาติให้กับเขาเพื่อให้ทำงานนี้ให้สำเร็จ!
เขาสามารถใช้กระดูกขากรรไกรลาฆ่าคนฟิลิสเตียได้ 1,000คนในคราวเดียว! (ผู้วินิจฉัย 15:14-15)
แต่แซมสันมีจุดอ่อน…"แซมสันมีชื่อเสียงเพราะความแข็งแรง แต่พินาศเพราะความอ่อนแอ”
ความอ่อนแอของเขา คือ เขาไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของเขาเองได้!
เขาละเมิดคำปฏิญาณในฐานะนาศีร์เพียงเพื่อจะกินน้ำผึ้งจากซากสิงโตที่ตายแล้ว (ผู้วินิจฉัย 14:8-9)
แม้ว่าเขาถูกเรียกมาให้ปราบคนฟิลิสเตีย แต่เขากลับหลงใหลในหญิงชาวฟิลิสเตีย! เขาแต่งงานกับหญิงชาวฟิลิสเตีย! เขาไปยุ่งกับโสเภณีชาวฟิลิสเตีย! คนหนึ่งที่ชื่อ เดไลลาห์ (Delilah)
ผู้หญฺิงคนนี้เองที่ถูกใช้เป็น "แผนนารีพิฆาต" ของชาวฟิลิสเตีย ล่อลวงล้วงความลับหาจุดอ่อนและจับแซมสันได้ และสุดท้ายแซมสันต้องจบชีวิตลงพร้อมกับชาวฟิลิสเตีย
ผู้วินิจฉัย 16:28-30
28 แซมสันก็ร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาสองข้างของข้าพระองค์”
29 แซมสันก็จับเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้และพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง
30 แซมสันกล่าวว่า “ขอให้ข้าตายกับคนฟีลิสเตียเถิด” แล้วก็โน้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ตึกนั้นก็พังทับเจ้านาย และประชาชนทุกคนที่อยู่ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าเมื่อท่านตายนี้ก็มากกว่าคนที่ท่านฆ่าเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
รากปัญหาของแซมสันคือ…เขาได้รับของประทานจากพระเจ้า… แต่กลับไม่มีใจขอบพระคุณและแสวงหาการทรงนำจากพระเจ้า การมีความสามารถมากทำให้เขาหยิ่งและล้มลง
ตลอด 20 ปีของการนำชนชาติอิสราเอล พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าเขาอธิษฐานแค่ 2 ครั้ง นั่นคือ
เมื่อเขากระหายและต้องการดื่มน้ำ (ผู้วินิจฉัย 15:18) ช่วงสุดท้ายของชีวิต เพื่อการแก้แค้นศัตรูคนฟิลิสเตีย (ผู้วินิจฉัย 16:28)
นี่คืออุทาหรณ์ของคนเผ่าดาน!
ปฏิปักษ์ของคริสต์(The Anti-Christ) มาจากเผ่าดาน?
แม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่า ปฏิปักษ์ของคริสต์ หรือ The Anti-Christ มาจากเผ่าดาน!
คำว่า "กบฏ หรือ ทรยศ" (apostasy) นั้นพระคัมภีร์ได้บอกกล่าวไว้ในเชิงพฤติกรรมที่จะเป็นการแสดงตัวของผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์
นักวิชาการพระคัมภีร์หลายคนเชื่อว่า ปฏิปักษ์ของคริสต์ หรือ The Anti-Christ มาจากเผ่าดาน!
เนื่องจาก ดานได้ชื่อว่าเป็น "งูพิษ" (ปฐมกาล49:17) ซึ่งเล็งถึงว่าผู้ที่เป็นปฏิปักษ์พระคริสต์จะมาจากเผ่าดาน
เผ่าดานเป็นเผ่าแรกที่ทรยศหันไปนับถือรูปเคารพหลังจากเข้าสู่แผ่นดินคานาอัน
เขาละเมิดคำปฏิญาณในฐานะนาศีร์เพียงเพื่อจะกินน้ำผึ้งจากซากสิงโตที่ตายแล้ว (ผู้วินิจฉัย 14:8-9)
แม้ว่าเขาถูกเรียกมาให้ปราบคนฟิลิสเตีย แต่เขากลับหลงใหลในหญิงชาวฟิลิสเตีย! เขาแต่งงานกับหญิงชาวฟิลิสเตีย! เขาไปยุ่งกับโสเภณีชาวฟิลิสเตีย! คนหนึ่งที่ชื่อ เดไลลาห์ (Delilah)
ผู้หญฺิงคนนี้เองที่ถูกใช้เป็น "แผนนารีพิฆาต" ของชาวฟิลิสเตีย ล่อลวงล้วงความลับหาจุดอ่อนและจับแซมสันได้ และสุดท้ายแซมสันต้องจบชีวิตลงพร้อมกับชาวฟิลิสเตีย
ผู้วินิจฉัย 16:28-30
28 แซมสันก็ร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาสองข้างของข้าพระองค์”
29 แซมสันก็จับเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้และพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง
30 แซมสันกล่าวว่า “ขอให้ข้าตายกับคนฟีลิสเตียเถิด” แล้วก็โน้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ตึกนั้นก็พังทับเจ้านาย และประชาชนทุกคนที่อยู่ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าเมื่อท่านตายนี้ก็มากกว่าคนที่ท่านฆ่าเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
ตลอด 20 ปีของการนำชนชาติอิสราเอล พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าเขาอธิษฐานแค่ 2 ครั้ง นั่นคือ
เมื่อเขากระหายและต้องการดื่มน้ำ
นี่คืออุทาหรณ์ของคนเผ่าดาน!
ปฏิปักษ์ของคริสต์(The Anti-Christ) มาจากเผ่าดาน?
แม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่า ปฏิปักษ์ของคริสต์ หรือ The Anti-Christ มาจากเผ่าดาน!
แต่พระคัมภีร์ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับปฏิปักษ์ของพระคริสต์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “คนนอกกฎหมาย” (The Man of Lawlessness) ดังนี้
2 เธสะโลนิกา 2:3 อย่าให้ใครล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการกบฏเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัว คือลูกแห่งความพินาศ
นักวิชาการพระคัมภีร์หลายคนเชื่อว่า ปฏิปักษ์ของคริสต์ หรือ The Anti-Christ มาจากเผ่าดาน!
เนื่องจาก ดานได้ชื่อว่าเป็น "งูพิษ" (ปฐมกาล49:17) ซึ่งเล็งถึงว่าผู้ที่เป็นปฏิปักษ์พระคริสต์จะมาจากเผ่าดาน
เผ่าดานเป็นเผ่าแรกที่ทรยศหันไปนับถือรูปเคารพหลังจากเข้าสู่แผ่นดินคานาอัน
ผู้วินิจฉัย 18:30 คนดานตั้งรูปแกะสลักไว้สำหรับตน ส่วนโยนาธานบุตรเกอร์โชม บุตรของโมเสส ทั้งท่านและบรรดาบุตรชายของท่านก็เป็นปุโรหิตให้แก่คนเผ่าดาน จนถึงสมัยที่แผ่นดินตกไปเป็นเชลย
ในพระธรรมดาเนียล บทที่ 9 เป็นคำพยากรณ์เรื่อง 70 สัปตะ(สัปดาห์) และช่วงสัปตะสุดท้าย เล็งถึงช่วงเวลาที่จะเกิดปฏิปักษ์ของคริสต์และช่วงเวลามหากลียุค(Great Tribulation)
ดาเนียล 9:27 ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ (7 ปี) ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ (3 ปีครึ่ง) สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น”
ข้อสังเกต คือ เมื่อใดที่มีการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 จะเกิดปฏิปักษ์ของคริสต์ นักวิชาการพระคัมภีร์ก็พยายามวิเคราะห์ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ว่า ปฏิปักษ์ของคริสต์ จะเป็นคนนั้น คนนี้ก็ตาม
ผมในฐานะนักวิชาการพระคัมภีร์แต่เป็นสายย่อพอเข้าใจนะครับ ขอบอกได้เลยว่า "ผมไม่ทราบว่าปฏิปักษ์ของคริสต์ เป็นใคร ผมไม่สนใจว่าปฏิปักษ์ของคริสต์จะเป็นใคร ผมสนใจว่าเราเป็นใครในพระคริสต์ก็พอใจแล้ว เราเป็นลูกของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงปกป้องเราจากศัตรู"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราสังเกตได้คือ เผ่าดานจะเกี่ยวข้องกับการสร้างพระวิหารของพระเจ้า
พลับพลาของพระเจ้าในสมัยโมเสสถูกสร้างโดยคนเผ่าดาน นำโดย โอโฮลีอับ (Oholiab) จากเผ่าดาน (อพยพ 31:6)
พระวิหารหลังที่ 1 ถูกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ซาโลมอน(Solomon) พระองค์ได้ทรงทำพันธสัญญาร่วมกันกับกษัตริย์เมืองไทระ คือ “ฮีราม” พระองค์ทรงส่งไม้สนสีดาร์และส่งช่างฝีมือคนหนึ่งจากเผ่าดาน ฮูรามอับบี (2 พงศาวดาร 2:13-14) เพื่อสร้างพระวิหาร
ต่อมาพระวิหารหลังที่ 1 ถูกบาบิโลนทำลายลง พระวิหารหลังที่ 2 ที่ถูกสร้างขึ้นโดย “กษัตริย์เฮโรด” สร้งเพื่อเอาใจคนยิวแต่ไม่ใช่แบบของพระเจ้า และในปี ค.ศ.70 พระวิหารนี้ถูกทำลายลงโดยกองทัพโรม
สิ่งที่สำคัญคือ พระวิหารหลังที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ยังคงอยู่บนภูเขาโมริยาห์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสุเหร่าทองคำ(Dome of the Rock) สร้างโดยสุลตาน คาลิโอมาร์ ในปี ค.ศ.624 หากจะสร้างคือต้องทำลายสุเหร่าทองคำ(Dome of the Rock) และนั่นจะเป็นชนวนของการเกิดสงครามของโลก และจะนำมาซึ่งการเกิดปฏิปักษ์ของคริสต์ ซึ่งอาจจะมาจากเผ่หรือไม่ เราจะต้องติดตามและเฝ้าระวังในการอธิษฐานเผื่อต่อไป
ในเดือนเทเบทนี้ ให้เราเรียนรู้จากเผ่าดาน ระมัดระวังชีวิตของเราเพื่อจะไม่ผิดพลาดไปจากเป้าประสงค์ลิขิตของพระเจ้า
อธิษฐานขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงควบคุมชีวิตของเรา ทั้งด้านอารมณ์และความต้องการฝ่ายเนื้อหนังที่นำไปสู่ความบาป ฝึกฝนชีวิตในทางชอบธรรม
1 ทิโมธี 4:7-8 … แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า เพราะถ้าการฝึกทางกายมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางพระเจ้าก็มีประโยชน์ทุกด้าน เพราะมีพระสัญญาสำหรับชีวิตปัจจุบันและอนาคต
เดือนเทเบทอยู่ในช่วงปลายปีเป็นเวลาที่จะทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ ฝึกฝนในทักษะฝ่ายวิญญาณต่างๆ เพื่อก้าวสู่ปีใหม่ คือ ปีแห่งการถูกส่งออกไปตามแผนการของพระเจ้า (ฮีบรู 1:7)
ในพระธรรมกิจการฯ คริสตจักรสมัยแรกเมื่อรับไฟแห่งพระวิญญาณฯ พระเจ้าทรงส่งบรรดาอัครทูตออกไปนำข่าวประเสริฐไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก (กิจการฯ1:8)
ในพระธรรมดาเนียล บทที่ 9 เป็นคำพยากรณ์เรื่อง 70 สัปตะ(สัปดาห์) และช่วงสัปตะสุดท้าย เล็งถึงช่วงเวลาที่จะเกิดปฏิปักษ์ของคริสต์และช่วงเวลามหากลียุค(Great Tribulation)
ดาเนียล 9:27 ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ (7 ปี) ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ (3 ปีครึ่ง) สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น”
ข้อสังเกต คือ เมื่อ 7 ปีของกลียุคเริ่มต้น จะมีการสร้างวิหารหลังที่ 3 บริเวณภูเขาพระวิหาร(temple mount) เสร็จในช่วงกลางเวลาของ 7 ปี( 3 ปีครึ่ง) หลังจากนั้นปฏิปักษ์ของคริสต์จะมานั่งในพระวิหารแล้วประกาศว่า "เขาเป็นพระเจ้า"
2 ธส. 2:4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้ทุกสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรือสิ่งที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็จะนั่งในพระวิหารของพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า
ต่อมาจึงทำการข่มเหง หลังการข่มเหงผ่านพ้นไปแล้ว ในช่วงปลาย 3 ปีครึ่งหลังพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 เพื่อรับธรรมิกชนขึ้นไปในขณะเกิดสงครามอารมาเกดโดน (Armageddon) พวกที่ถูกทิ้งมี 3 กลุ่มที่จะเผชิญภัยพิบัติหลังจากสงครามคือ
- นครบาบิโลน คือ ประชาชนที่ดำเนินชีวิตทางโลก (วิวรณ์18:1-24)
- หญิงแพศยา คือ พวกลัทธิสอนเท็จที่อ้างพระนามพระเยซู (วิวรณ์17:15-18)
- ผู้ที่รับหมายเลขสัตว์ร้าย 666 (วิวรณ์14:9-11,16:2)
(รายละเอียดต่างๆ ผมคงจะไม่อธิบายมากนัก เพราะบทความนี้เนื้อหาจำกัด)
ข้อสังเกต คือ เมื่อใดที่มีการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 จะเกิดปฏิปักษ์ของคริสต์ นักวิชาการพระคัมภีร์ก็พยายามวิเคราะห์ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ว่า ปฏิปักษ์ของคริสต์ จะเป็นคนนั้น คนนี้ก็ตาม
ผมในฐานะนักวิชาการพระคัมภีร์แต่เป็นสายย่อพอเข้าใจนะครับ ขอบอกได้เลยว่า "ผมไม่ทราบว่าปฏิปักษ์ของคริสต์ เป็นใคร ผมไม่สนใจว่าปฏิปักษ์ของคริสต์จะเป็นใคร ผมสนใจว่าเราเป็นใครในพระคริสต์ก็พอใจแล้ว เราเป็นลูกของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงปกป้องเราจากศัตรู"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราสังเกตได้คือ เผ่าดานจะเกี่ยวข้องกับการสร้างพระวิหารของพระเจ้า
พลับพลาของพระเจ้าในสมัยโมเสสถูกสร้างโดยคนเผ่าดาน นำโดย โอโฮลีอับ (Oholiab) จากเผ่าดาน (อพยพ 31:6)
พระวิหารหลังที่ 1 ถูกสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ซาโลมอน(Solomon) พระองค์ได้ทรงทำพันธสัญญาร่วมกันกับกษัตริย์เมืองไทระ คือ “ฮีราม” พระองค์ทรงส่งไม้สนสีดาร์และส่งช่างฝีมือคนหนึ่งจากเผ่าดาน ฮูรามอับบี (2 พงศาวดาร 2:13-14) เพื่อสร้างพระวิหาร
ต่อมาพระวิหารหลังที่ 1 ถูกบาบิโลนทำลายลง พระวิหารหลังที่ 2 ที่ถูกสร้างขึ้นโดย “กษัตริย์เฮโรด” สร้งเพื่อเอาใจคนยิวแต่ไม่ใช่แบบของพระเจ้า และในปี ค.ศ.70 พระวิหารนี้ถูกทำลายลงโดยกองทัพโรม
สิ่งที่สำคัญคือ พระวิหารหลังที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ยังคงอยู่บนภูเขาโมริยาห์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสุเหร่าทองคำ(Dome of the Rock) สร้างโดยสุลตาน คาลิโอมาร์ ในปี ค.ศ.624 หากจะสร้างคือต้องทำลายสุเหร่าทองคำ(Dome of the Rock) และนั่นจะเป็นชนวนของการเกิดสงครามของโลก และจะนำมาซึ่งการเกิดปฏิปักษ์ของคริสต์ ซึ่งอาจจะมาจากเผ่หรือไม่ เราจะต้องติดตามและเฝ้าระวังในการอธิษฐานเผื่อต่อไป
ในเดือนเทเบทนี้ ให้เราเรียนรู้จากเผ่าดาน ระมัดระวังชีวิตของเราเพื่อจะไม่ผิดพลาดไปจากเป้าประสงค์ลิขิตของพระเจ้า
อธิษฐานขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงควบคุมชีวิตของเรา ทั้งด้านอารมณ์และความต้องการฝ่ายเนื้อหนังที่นำไปสู่ความบาป ฝึกฝนชีวิตในทางชอบธรรม
1 ทิโมธี 4:7-8 … แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า เพราะถ้าการฝึกทางกายมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางพระเจ้าก็มีประโยชน์ทุกด้าน เพราะมีพระสัญญาสำหรับชีวิตปัจจุบันและอนาคต
เดือนเทเบทอยู่ในช่วงปลายปีเป็นเวลาที่จะทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ ฝึกฝนในทักษะฝ่ายวิญญาณต่างๆ เพื่อก้าวสู่ปีใหม่ คือ ปีแห่งการถูกส่งออกไปตามแผนการของพระเจ้า (ฮีบรู 1:7)
ในพระธรรมกิจการฯ คริสตจักรสมัยแรกเมื่อรับไฟแห่งพระวิญญาณฯ พระเจ้าทรงส่งบรรดาอัครทูตออกไปนำข่าวประเสริฐไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก (กิจการฯ1:8)
ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ พบกันใหม่เดือนหน้า คือ เดือนเชบัท(Shevat)
เดือนแห่งเผ่าอาเชอร์(Asher) เผ่าแห่งความสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น