04 กรกฎาคม 2558

21 วันช่วงเวลาแห่งการอธิษฐานกลับใจเพื่อการฟื้นฟู

ช่วงวันที่ 17 เดือนทัมมุส(Tammuz) หรือในภาษาฮีบรู คือ  שבעה עשר בתמוז (Shiva Asar B'Tammuz-ชิวา อาสาร์ เบ ทัมมุส)   (ปี 2015 ตรงกับวันที่ 3 ก.ค.) จนถึงวันที่ 9 เดือนอับ(Av)  หรือในภาษาฮีบรูคือ תשעה באב‎  Tisha B'Av -ชีสชาบัฟว์  )  (ปี 2015 ตรงกับวันที่ 25 ก.ค.)  เป็นช่วงเวลา 21 วัน ( 7X3 วัน หรือ 3 สัปดาห์)  หรือ בין המצרים "Bein ha-Metzarim - เบน ฮา มิซาริม"  สำหรับการไว้ทุกข์ของคนยิว พวกเขาจะมีการอดอาหารอธิฐานเพื่อกลับใจใหม่ กลับมาแสวงหาพระยาห์เวห์ เป็นระลึกถึงช่วงที่บรรพบุรษของพวกเขาหันไปกราบไหว้รูปเคารพ    

ในวันที่ 17 เดือนทัมมุส(Tammuz)  ในสมัยโมเสส  หลังจากที่โมเสสขึ้นไปบนภูเขาซีนาย พวกคนยิวไปกราบไหว้รูปวัวทองคำ  เมื่อโมเสสกลับมาจึงได้ขว้างแผ่นพระบัญญัติ 10 ประการ(לוחות -Luchot) แตกด้วยความโกรธเนื่องจากคนอิสราเอลไปกราบไหว้รูปเคารพ


อพยพ 32:19 พอ​โมเสส​เข้า​มา​ใกล้​ค่าย ได้​เห็น​รูป​โค​หนุ่ม และ​คน​เต้นรำ โทสะ​ของ​โมเสส​ก็​เดือด​พลุ่ง​ขึ้น ท่าน​โยน​แผ่น​ศิลา​ทิ้ง​ตก​แตก​เสีย​ที่​เชิง​ภูเขา​นั่นเอง​

ในวันที่ 17 เดือนทัมมุส ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอิสราเอลนั่นคือ 
 มีการถวายเครื่องบูชาที่เป็นมลทินในพระวิหาร
พวกบาบิโลนมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม กำแพงกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย ก่อนที่พระวิหารหลังแรกจะถูกทำลายในวันที่ 9 เดือนอับ (ยรม.32:2)
 แม่ทัพของโรมัน ชื่อว่า อโพสโตมัส (Apostomus) ได้เผาทำลายหนังสือพระบัญญัติ (Torah scroll)

ยิวได้ตั้งชื่อเดือนที่ 4 ว่า เดือน  ทัมมุส(Tammuz)  เนื่องจากเพื่อระลึกว่า รูปเคารพเป็นเหตุให้บ้านเมืองของตนต้องพินาศย่อยยับ  ชือเดือนทัมมุส เป็นชื่อของรูปเคารพจริง ๆ แต่ตั้งชื่อเพื่อเตือนใจเขาให้หันกลับมาหาพระเจ้า 

เอเสเคียล 8:14-15
14 แล้วพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงทางเข้าประตูพระนิเวศของพระเจ้าด้านเหนือ และดูเถิด ที่นั่นมีผู้หญิงหลายคนนั่งร้องไห้อาลัย เจ้าพ่อทัมมุส แล้วพระองค์ตรัสกับ ข้าพเจ้าว่า

15 "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นแล้วหรือ เจ้ายังจะเห็นการลามกยิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้อีก" 

สำหรับในวันที่ 9 เดือนอับ(Av)  หรือ  Tisha B'Av เป็นวันที่มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอิสราเอล 
นั่นคือ พระวิหารหลังแรกถูกทำลายในปี 587 ก่อนคริสตศักราช และพระวิหารหลังที่ 2 ถูกทำลาย
ในปี ค.ศ.70

จากเหตุการณ์พระวิหารหลังที่ 2 ในปี ค.ศ.  70 ทำให้คนยิวกระจัดกระจายไปทั่วโลก
 และพวกเขาถูกลบหายไปจากแผนที่โลก และภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้ว

แต่เมื่อพวกเขากลับใจใหม่หันมาแสวงหาพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงพระเมตตาและนำพวกเขา
กลับมารวมเป็นประเทศอีกครั้งใน ปีค.ศ. 1948   และสำเร็จตามถ้อยคำเผยพระวจนะดังนี้


     1. อิสราเอลกลับสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา สำเร็จตามคำเผยพระวจนะของเอเสเคียล
      เอเศเคียล 36:24
     “เพราะว่าเราจะเอาเจ้าออกมาจากท่ามกลาง ประชาชาติและรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ   และนำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินของเจ้าเอง” 

     2. การรื้อฟื้นภาษาฮีบรู  
     ศตวรรษที่ 2  ชาวยิวใช้ภาษาอาราเมคเป็นภาษาพูดแทนภาษาฮีบรู แต่ยังคงใช้ภาษาฮีบรูเป็นภาษาเขียน  มีการรื้อฟื้นภาษาฮีบรูในปี ค.ศ. 1881 - 1922  ต่อมาภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาราชการของปาเลสไตน์ภายใต้การปกครองของอังกฤษตั้งแต่ ปี 1921 คู่กับภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับและกลายเป็นภาษาราชการของอิสราเอลตั้งแต่ ปี 1948   สำเร็จตามคำเผยพระวจนะของอิสยาห์ เศฟันยาห์

     อิสยาห์  19:18 นวันนั้นห้าเมืองในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งพูดภาษาของคานาอัน  และสาบานต่อพระเจ้าจอมโยธา เมืองหนึ่งเขาเรียกเมืองอาทิตย์”  
     
     เศฟันยาห์ 3:9 เออ ใน​คราว​นั้น เรา​จะ​เปลี่ยน​ริม​ฝีปาก​ของ​ชน​ชาติ​ทั้ง​หลาย ให้​เป็น​ริม​ฝีปาก​บริสุทธิ์ เพื่อ​ว่า​ทุก​คน​จะ​ร้อง​ทูล​ออก​พระ​นาม​พระ​เจ้า และ​ปรนนิบัติ​พระ​องค์​เป็น​ใจ​เดียว​กัน

     3.การซื้อที่ดินและกลับคืนสู่การเป็นประเทศอิสราเอล    
      ในช่วง ปี ค.ศ. 1882 -1940   ชาวยิวจากทั่วโลกเริ่มซื้อที่ดินในดินแดนพันธสัญญาโดยซื้อจากอียิปต์  แม้ว่าที่ดินนั้นเป็นทะเลทราย    ซื้อที่ดินเมืองเบนยามิน  ซื้อที่ดินรอบเมืองยูดาห์  เยรูซาเล็ม พื้นที่เป็นภูเขาซื้อที่ดิน  เซเฟลาห์ ที่ราบต่ำติดทะเล  ซื้อที่ดิน  เนเกบ  ทะเลทรายตอนใต้ มีเนื้อที่ 12,000 กิโมเมตร  ทิศตะวันตกติดทะเลซีนาย  สำเร็จตามคำเผยพระวจนะของเยเรมีย์  

เยเรมีย์ 32:44 “ ที่นานั้นจะซื้อกันด้วยเงิน   ใบโฉนดก็จะต้องลงนามและประทับตรา   และลงนามพยาน   ที่ในแผ่นดินของเบนยามิน  ในที่ต่างๆ   แถบกรุงเยรูซาเล็ม   และในหัวเมืองยูดาห์   ในหัวเมืองแถบแดนเมืองเทือกเขา   ในหัวเมืองแถบเนินเชเฟลาห์และในหัวเมืองแถบเนเกบ   เพราะเราจะให้เขาทั้งหลายกลับสู่สภาพเดิม”   พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ” 

ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ.1948   ประเทศอิสราเอล (State of Israel) ประกาศอิสรภาพ โดยชาวยิวจากทั่วโลกได้สถาปนาประเทศใหม่สำหรับชาวยิวขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ เพื่อรวบรวมชาวยิวที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกมาอยู่รวมกันในดินแดนพันธสัญญาที่พวกเขาเชื่อว่าพระยาห์เวห์ทรงประทานให้  สำเร็จตามถ้อยคำการเผยพระวจนะ

โดยมี เดวิด เบน-กูเรียน (David Ben-Gurion) เป็นประธานาธิบดีคนแรก  

ปัจจุบันอิสราเอลปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบรัฐสภา ถือเป็นรัฐยิว มีประชากรประมาณ 7.1 ล้านคน  มีพื้นที่ทั้งหมด 22,145 ตารางกิโลเมตร  

สิ่งเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์ที่เราได้เห็นถึงพระเมตตากรุณาของพระยาห์เวห์ที่มีต่อชนชาติของพระองค์แม้พวกเขาจะมีเวลาแห่งการหลงหาย แต่พระองค์ทรงรักพวกเขา และเมื่อพวกเขากลับใจใหม่หันเสียจากความบาป พระองค์ทรงฟื้นฟูชีวิตของพวกเขา 

ประวัติศาสตร์ต่างๆของชนชาติอิสราเอล ตามที่พระคัมภีร์บันทึกไว้เป็นข้อเตือนใจให้เรา  เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ เพื่อระมัดระวังในชีวิต เพื่อเราจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 

สรรเสริญพระเจ้า ขอบคุณสำหรับพระเมตตาที่พระองค์ให้โอกาสเสมอในการกลับใจใหม่  

03 กรกฎาคม 2558

พลังแห่งความดี(Power of Good) : เซอร์ นิโคลัส วินตัน ผู้ช่วยชีวิตเด็กชาวยิว

เซอร์ นิโคลัส วินตัน ถ่ายภาพร่วมกับผู้ที่ท่านได้ช่วยชีวิตไว้
บทความในครั้งนี้  ขอร่วมไว้อาลัยให้กับท่านเซอร์ นิโคลัส วินตัน (Sir Nicholas Winton)  ซึ่งมีฉายาว่า  ออสการ์ ชินด์เลอร์ แห่งบริเทน  ซึ่งเสียชีวิตในวัย 106 ปี ในช่วงวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา  ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตเด็กชาวยิว 669 คน จากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว(Holocaust) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
อดีตเด็กชาวยิวในจำนวน 669 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และตอนนี้ทุกคนต่างบอกว่าตนเป็นลูกของ Nicky จำนวนลูกหลาน/ครอบครัวของท่านรวมแล้วมากกว่า 6, 000 คน

มีอยู่ทั่วทุกมุมโลกที่ทุกคนต่างเป็นหนี้เลือดหนี้ชีวิตของท่าน

ผมเชื่อว่า พลังแห่งคุณงามความดีของท่านจะไม่ตายแต่อยู่ในใจของเราเสมอ


สดด. 118:17 ข้าพเจ้าจะไม่ตาย แต่ข้าพเจ้าจะเป็นอยู่ และประกาศพระราชกิจของพระเจ้า

เซอร์ นิโคลัส วินตัน (Sir Nicholas Winton) หรือผู้ใช้ชื่อว่า นิกกี้ (Nicky)  มีอาชีพเป็นนายหน้าค้าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อังกฤษ ได้ช่วยเหลือชีวิตเด็กชาวยิวจำนวน 669 คนที่ประเทศเช็คโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของกองทัพนาซี (Nazi) ของเยอรมันนี
ด้วยการหาครอบครัวอุปถัมภ์ที่อังกฤษ ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1938-1939( ช่วง พ.ศ.2481-2482) ซึ่งเป็นช่วง 9 เดือนก่อนสงครามจะปะทุขึ้นอย่างรุนแรง 

โดยท่านยอมทิ้งการลาพักร้อนที่สวิสเซอร์แลนด์เข้าไปที่กรุงปราก (Prague)  
ประเทศเช็คโกสโลวาเกีย
เพื่อช่วยเหลือบรรดาเด็ก ๆ ให้รอดชีวิตโดยการทำงานอย่างหนักในช่วงพักร้อน 3 สัปดาห์
โดยมีแม่ของท่านคอยช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วยมีการประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์อังกฤษหาพ่อแม่อุปถัมภ์โดยท่านได้บริจาคเงินส่วนตัวของท่านส่วนหนึ่ง ให้กับครอบครัวอุปถัมภ์เด็กเหล่านี้ด้วย

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 นานกว่า 50 ปีแล้ว วีรกรรมของท่านไม่มีใครจดจำและลืมเลือนกันไป
แต่ในปีค.ศ. 1988(2521) 
กรีท วินตัน(Grete Winton) 
ภริยาท่านได้ค้นพบสมุดรายงานจดบันทึกตั้งแต่ปี 1939(2481)  มีรายชื่อเด็กชาวยิวผู้รอดชีวิตพร้อมภาพถ่าย และที่อยู่ครอบครัวอุปถัมภ์ในอังกฤษ 
ภริยาท่านได้ร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ BBC จัดส่งจดหมายไปตามที่อยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์เด็กเหล่านี้
และพวกเขาต่างยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จึงได้เชิญท่านมาร่วมรายการโทรทัศน์
That’s Life ที่ BBC TV ดำเนินรายการโดยเอสเธอร์ แรนท์เซน (Esther Rantzen) 
แล้วบอกเล่าวีรกรรมที่ท่านได้ทำคุณงามความดีไว้

VDO รายการโทรทัศน์ That’s Life ที่ BBC TV 

ในภาพยนตร์ท่านนั่งข้างอดีตเด็กหญิงที่ท่านเคยช่วยชีวิตไว้ และบรรดาอดีตเด็ก ๆ อีกจำนวนมากกว่า 30 คน ที่ยืนขึ้นปรบมือให้กับท่านคือ อดีตเด็ก ๆ ชาวยิวจากประเทศเช็คโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) ที่ท่านได้ช่วยชีวิตไว้เมื่อ 50 ปีก่อน

หัวรถจักรรถไฟ No. 60163 Tornado จาก Harwich
ถึงสถานีรถไฟ Liverpool Street

รถไฟขบวนสุดท้ายของ Winton จาก Prague
ท่านได้ติดต่อรถไฟจำนวน 8 ตู้รถโดยสาร เพื่ออพยพบรรดาเด็ก ๆ ชาวยิว ด้วยรถไฟสาย Czech Kindertransport และได้ลงประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อหาครอบครัวอุปถัมภ์ให้กับบรรดาเด็ก ๆ
รวมทั้งเรื่องนี้ต้องได้รับอนุมัติจากกองตรวจคนเข้าเมืองของสหราชอาณาจักร กับขอร้องให้เยอรมันนีปล่อยบรรดาเด็ก ๆ ให้เดินทางออกจากประเทศเช็คโกสโลวาเกีย  ได้เมื่อท่านกลับมาทำงานประจำที่กรุงลอนดอน

ในวันที่ 21 มกราคม 1939  ก็ยังทำภาระกิจต่อเนื่องอีกโดยการทำงานในช่วงตอนเย็นหลังเลิกงาน
จนกระทั่งรถไฟขบวนสุดท้ายมีคำสั่งจากกองทัพนาซีเยอรมันนีห้ามเดินทางออกนอกประเทศในเดือนกันยายน 1939


 
หนังสือชีวประวัติท่านที่เขียนโดยบุตรี คือ บาร์บาร่า วินตัน (Barbara Winton) เกี่ยวกับความถ่อมตน และการปฏิบัติตนอย่างคงเส้นคงวาของท่าน และยกย่องถ้อยคำของท่านที่บอกว่า  "ถ้ามันไม่ได้เป็นไปไม่ได้  มันก็สามารถทำได้เช่นกัน "

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก  http://pantip.com/topic/32324364  


01 กรกฎาคม 2558

แผ่นดินของพระเจ้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ?

แผ่นดินของพระเจ้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ? 
โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์
ประโยคเด็ด สั้นๆ ง่ายๆ หนึ่งในข้อพระคัมภีร์ที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ ขอให้แผ่น‍ดินของพระ‍องค์มาตั้งอยู่ขอให้เป็นไปตามพระ‍ทัยของพระ‍องค์ในสวรรค์เป็นอย่าง‍ไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่น‍ดินโลกมัทธิว 6:10 เรื่องแผ่นดินของพระเจ้าเป็นความสำคัญสูงสุดที่เราต้องอธิษฐาน และนี่คือความหมายโดยพื้นฐานของแผ่นดินของพระเจ้า เราได้หมายความอย่างที่อธิษฐานออกไปอย่างนั้น จริงๆ หรือเปล่า?
     - ถิ่นฐานดั้งเดิมของแผ่นดินของพระเจ้า สวรรค์
     - ทิศทางของแผ่นดินของพระเจ้า- เคลื่อนมา
     - จุดหมายปลายทางแผ่นดินของพระเจ้า- แผ่นดินโลก
     - พันธมิตรในแผ่นดินของพระเจ้า- พระเจ้ากับมนุษย์
     - ความผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันในแผ่นดินของพระเจ้า สวรรค์ และโลก
ปัจจัยหลัก
มีตัวผันแปรเพียงปัจจัยเดียวในเรื่องนี้ ความปรารถนาของมนุษย์ ถ้าเราอธิษฐานว่าขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ นั่นเห็นได้ชัดว่า น้ำพระทัยของพระองค์ยังไม่สำเร็จ
ดังนั้น คำอธิษฐานเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าต้องการการกระทำที่เฉพาะเจาะจง : เราแต่ละคนต้องเปลี่ยนแปลง (กลับใจจากบาป) มอบวางความปรารถนาของเราให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า (ซึ่งดีและเป็นพระพรเสมอ)
พระเยซู (เยชูวาห์ ในภาษาฮิบรู) ได้ให้ตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในการอธิษฐานของพระองค์ที่สวนเกทเสมานี “…อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์" มัทธิว 26:39 สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเราในมุมมองที่ไม่น่าอภิรมย์ : การปฏิเสธตัวเอง ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามามัทธิว 26:39 ความต้องการแบบเห็นแก่ตัวมีแนวโน้มที่จะทำ ตามใจตนเองมากกว่า ปฏิเสธ
เราเชื่อหรือไม่ว่า คำอธิษฐานของพระเยซูที่ให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่นั้น จะเกิดขึ้นจริงๆ ที่น้ำพระทัยของพระองค์จะสำเร็จบนแผ่นดินโลก ถ้าเป็นเช่นนั้น แผ่นดินของพระเจ้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ?
อิสยาห์ 2:2-4 ในวาระสุดท้ายจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้อยู่เหนือบรรดาเนินเขา ประชาชาติทั้งหมดจะหลั่งไหลเข้ามาหา และชนชาติจำนวนมากจะมาและกล่าวว่า "มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์" เพราะว่าธรรมบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระยาห์เวห์จะออกมาจากเยรูซาเล็มพระองค์จะทรงวินิจฉัยระหว่างประชาชาติทั้งหลาย และจะทรงตัดสินความให้ชนชาติจำนวนมาก และพวกเขาจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาทั้งหลายให้เป็นขอลิดแขนง ประชาชาติจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กัน และเขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป
นี่คือนิมิตพื้นฐานที่ผู้เผยพระวจนะชาวอิสราเอลได้พยากรณ์ไว้ถึงแผ่นดินของพระเจ้าบนโลก ประโยคสุดท้ายในนิมิตของอิสยาห์ตอนนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ที่กำแพงของสหประชาชาติ (โดยการตัดคำว่าพระเจ้าและเยรูซาเล็มออกไป!) เราเชื่อว่าสันติภาพของโลก เรามีการวางแผนเรื่องสันติภาพของโลก นิมิตของอิสยาห์คือนิมิตแรกและเป็นนิมิตที่กว้างไกลที่สุดเพื่อสันติภาพของโลกแก่มวลมนุษยชาติ
ทุกราชอาณาจักรมีพระราชา (อิสยาห์ 9:6) ทุกๆการปกครองมีเมืองหลวง (อิสยาห์ 2:3, 62:1,7) กษัตริย์ของแผ่นดินของพระเจ้าขอพระเยชูวาห์ และเมืองหลวงคือกรุงเยรูซาเล็ม (สดุดี 2:2-4) จะมีสมาคมนานาชาติแห่งสันติภาพและความมั่งคั่ง (มีคาห์ 4:1-4) ความยุติธรรมในสังคมจะรุ่งเรือง (อิสยาห์ 1:26, อาโมส 5:24) สัมพันธภาพอันกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระเจ้า มนุษย์ และธรรมชาติ จะเกิดขึ้นอีกครั้ง (อิสยาห์35:1-2) แม้แต่สรรพสัตว์จะมีชีวิตอยู่ในสันติสุข (อิสยาห์ 11:6-7, 65:25)

ขอบคุณข้อมูลจาก  http://reviveisrael.org 

What Would The Kingdom Look Like?   By Asher Intrater
The most famous phrase of the most famous prayer in history is simply:
“Your kingdom come; Your will be done on earth as it is in heaven”
– Matthew 6:10
This is also our highest priority and the most basic definition of the kingdom of God. Do we really mean what we say when we pray this prayer?
  • The kingdom has an origin: Heaven.
  • The kingdom has a direction: Come.
  • The kingdom has a destination: Earth.
  • The kingdom has a partnership: God and Man.
  • The kingdom has a harmony: Heaven and Earth.
Main Factor
There is only one variable factor in this equation: The Human Will. If we are praying for God’s will to be done, it is apparent that much of the time, His will is NOT being done.
Therefore, the prayer for God’s kingdom demands a specific action: Each one of us must change (repent). We submit our will to God’s will (which is always good and benevolent).
Yeshua gave us the perfect example in His own prayer at Gethsemane:
“Not my will but Your will be done”
– Matthew 26:39
This involves a rather unpleasant aspect: denying ourselves.
“He who desires to come after Me must deny himself…”
– Matthew 16:24
Our selfish desires are more inclined to “indulge” than “deny.”
Do we believe that Yeshua’s prayer for the coming of the kingdom of God will ever really take place; that God’s will would be done on planet earth? If so, what would it look like?
Foundational Vision
In the latter days the mountain of the house of YHVH will become the head of mountains… and all the nations will flow to it. Many peoples will say, “Come, let us go up to the mountain of YHVH… He will teach us of His ways; and we will walk in His paths.” For the law will go out from Zion and the word of YHVH from Jerusalem. And He will judge between the nations and rebuke many peoples. They will beat their swords into shovels and their spears into pruning hooks. Nation will not lift up sword against nation; neither will they learn war any more.
– Isaiah 2:2-4
This is the foundational vision of the Israelite prophets for God’s kingdom on earth. The final words of Isaiah’s vision here are written on the wall of the United Nations (with the omission of the parts about God and Jerusalem!!). We believe in world peace; we have a plan for world peace. Isaiah’s vision is the first and foremost vision for world peace for all mankind.
Every kingdom has a king (Isaiah 9:6); every government has a capital (Isaiah 2:3; 62:1, 7). The king of God’s kingdom will be Yeshua; the capital city will be Jerusalem (Psalm 2:2-6). There will be an international society of peace and prosperity (Micah 4:1-4). Social justice will prevail (Isaiah 1:26; Amos 5:24). Total harmony will exist between God, man and nature (Isaiah 35:1-2). Even the animals will live in peace (Isaiah 11:6-7; 65:25).

ความเข้าใจเรื่องการยืนเคียงข้างอิสราเอลอย่างสมดุล

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอิสราเอล

แนวความคิดเรื่องคริสตจักรมาแทนที่อิสราเอล (Replacement theology)

1.    ชาวยิวได้รับการเลือกสรรจากพระเจ้าแต่กลับปฏิเสธ ทำให้พระเจ้าเปลี่ยนแผนการของพระองค์มาเลือกคริสตจักรแทนที่อิสราเอล
2.    ในพระคัมภีร์ใหม่หลังจากเหตุการณ์วันเพ็นเทคอสต์( Pentecost)ในกจ.2  คำว่า "อิสราเอล"(Israel) หมายถึงคริสตจักร (Church)
3.    พันธสัญญาของพระเจ้าที่ทำกับชนชาติอิสราเอลผ่านโมเสส (The Mosaic covenant) (อพย. 20)  ถูกแทนที่ด้วยพันธสัญญาใหม่ (new covenant) (ลก. 22:20)
4.    การเข้าสุหนัตที่แท้จริง (circumcision) จะถูกแทนที่ด้วยการเข้าสุหนัตทางหัวใจ (รม. 2:29)

ความเข้าใจที่สมดุลไม่ตกขอบ
1.    เราเป็นคริสเตียนคนต่างชาติไม่ใช่คนยิว ไม่ต้องเข้าสุหนัตและยึดกฏธรรมเนียมประเพณีแบบยิว(กจ.15)
2.    เราดำเนินชีวิตตามพระคุณไม่ตกเป็นทาสของธรรมบัญญัติแต่เราไม่ได้ล้มล้างยกเลิกธรรมบัญญัติ ตามสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงสอน(มธ.5:17) 
3.    การถือรักษาข้อปฏิบัติต่างๆแบบยิวเป็นความสมัครใจไม่ใช่กฏข้อบังคับและไม่ได้ดูหมิ่นกัน เช่นการรับประทานอาหารตามหลักKosher หรือการถือวันต่างๆ (คส.2:16-17)
ทำความเข้าใจในเรื่องพันธสัญญา

คำว่า "Testament " ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษากรีก คือ คำว่า  διαθήκη -ดีอาเธเก้  ให้นิยามหมายถึงคำว่า "พันธสัญญา"และคำว่า"พินัยกรรม"อีกด้วย  

รูปแบบของพันธสัญญา

1.    เป็นแบบพันธสัญญาที่กษัตริย์มอบให้ (Royal Grant Treaty Covenant) : ไม่มีเงื่อนไขและเป็นพันธสัญญานิรันดร์ 

2.    แบบพันธสัญญาที่กษัติย์ทำกับประชากรของพระองค์(Suzerain-vassal Treaty )
พันธสัญญานี้ทำโดยมีเงื่อนไขคือการเชื่อฟังตามคำบัญชาหรือพระบัญญัติ พระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์และอิสราเอลเป็นประชากรของพระเจ้า(Colony)

วันนี้เราได้ทำพันธสัญญาร่วมยืนเคียงข้างกับชนชาติของพระเจ้าคืออิสราเอล เป็นการแสดงตัวร่วมความเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตของพระเยซู (Yeshua) คือเป็นคนใหม่คนเดียวกัน (One New Man) (อฟ.2:15)
การทำพันธสัญญาระหว่างเรากับอิสราเอล เป็นเรื่องสองหัวใจที่มาเชื่อมกัน ไม่ใช่เรื่องสองสมองที่เชื่อมกัน และมีบททดสอบและพิสูจน์ในการดำเนินในพันธสัญญา

พันธสัญญา จึงมีความหมายสำหรับคู่สมรสที่ต้องกล่าวคำสัญญาต่อกันในวันแต่งงาน (Marriage vows) มีความหมายถึง การทำสัญญาที่กลั่นออกมาจากเลือดเนื้อจิตวิญญาณภายใน พันธสัญญาระหว่างชายและหญิงโดยพระเจ้าเป็นผู้ที่ผูกพันครอบครัวด้วยพันธสัญญา คู่สมรสจึงเป็นเนื้อเดียวกัน 

การร่วมพันธสัญญากับอิสราเอลในภาคปฏิบัติ

นิยามของคำว่า คนใหม่คนเดียวกัน (One New Man) สรุปความเข้าใจดังนี้
One - Oneness หนึ่งเดียวกันในความเชื่อ  เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเมสสิยาห์ผู้มาตายไถ่บาปบนกางเขน เป็นทางสู่ความรอดทางเดียว (กจ.4:12)

New -New wineskin - หนึ่งเดียวกันในความคิด เรื่องคริสตจักรแบบถุงหนังใหม่(มธ.9:17)

Man - Manifesto prayer – หนึ่งใจเดียวกันในถ้อยแถลงการณ์อธิษฐาน(สดด.122:6,อสย.62:1-2)

หมายเหตุ การยืนเคียงข้างอิสราเอล ไม่ได้หมายความว่าเราจะเกลียดชังชนชาติที่ข่มเหงและทำร้ายคนอิสราเอล เราควรจะให้อภัยในสิ่งที่พวกเขาทำ และอธิษฐานเผื่อขอพระเจ้าทรงอวยพรให้พวกเขาได้รับความรอด

ความสำคัญในการร่วมพันธสัญญากับอิสราเอล
1.    อิสราเอลเป็นชนชาติแห่งพระพรตามพระสัญญาของพระเจ้า(ปฐก.12)
2.    ความรอดมาจากรากของยิว(ยน.4:22) ยิวจึงเป็นรากความเชื่อของเราและเราเป็นกิ่งทีได้รับการเลี้ยงจากราก(รม.11)
3.    คนยิวและคนต่างชาติเป็นคนใหม่คนเดียวกันผ่านทางพระเยซูคริสต์(อฟ.2:15)
4.    อิสราเอล เป็นดั่งปฏิทินการเผยพระวจนะของพระเจ้า (Israel: God's Prophetic Calendar) เพื่อให้เราเคลื่อนตามวาระเวลาของพระเจ้า

สิ่งที่ UCC เคลื่อนและทำพันธสัญญาร่วมกับอิสราเอลในภาพคริสตจักร
1.    ทำพันธสัญญากับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ผ่านทางอ.อับเนอร์  ในช่วงวันที่ 9-16 เม..2012 
2.    เชื่อในเรื่องหลักการแห่งพระพรตามพระสัญญา เช่น ถวายผลแรกของเวลา Rosh Chodesh และการถวายผลแรก
3.    เคลื่อนตามวาระเวลา  เคลื่อนตามปฏิทินฮีบรูถือตามเทศกาลต่างๆตามหลักการพระคัมภีร์  แจกปฏิทินฮีบรูสอนความหมายในปีการเริ่มต้นปี (Rosh Hashanah)  
4.    ฉลองเทศกาลและจัดค่าย 3 ค่ายแบบหลักการเทศกาล 3 เทศกาลหลัก(ลนต.23 ปัสกา เพ็นเทคอสต์ อยู่เพิง)
5.    อธิษฐานอวยพระพรเผื่ออิสราเอล(สดด.122:6,อสย.62:1-2)
6.    ติดตามข่าวสารร่วมกิจกรรมและมีส่วนในการถวายเพื่อกองทุนอิสราเอล 
7.    สนับสนุนให้สมาชิกได้เดินทางไปยังประเทศอิสราเอลเพื่อสัมผัสการทรงสถิตในดินแดนพันธสัญญา

สิ่งที่เราสามารถทำได้ในภาพส่วนบุคคล
1.    มีส่วนร่วมในการอธิษฐานเผื่อ  เช่น   อธิษฐานเผื่อประเทศอิสราเอล,อธิษฐานเผื่อผู้รับใช้และสมาชิกคริสเตียนที่จะมีโอกาสเดินทางไปเยือนอิสราเอล, อธิษฐานเผื่อและให้กำลังใจคนงานไทยในประเทศอิสราเอล
2.    มีส่วนร่วมในการถวายเพื่อกองทุนพันธกิจ
3.    ติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับการจัดงานคนรักอิสราเอล
4.    แนะนำเพื่อนๆหรือคนที่รู้จักที่เป็นคนอิสราเอล ให้เข้าใจว่าเรารักอิสราเอลและยืนเคียงข้าง