01 ตุลาคม 2563

บทสรุปยุคสุดท้าย ตอนที่ 2

 บทสรุปยุคสุดท้าย ตอนที่ 2  โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์

การศึกษาถึงยุคสุดท้าย มีความซับซ้อน และมีส่วนที่หลากหลาย ที่เคลื่อนที่ไปหลายทาง ผมจึงอยากสรุปภาพรวมของยุคสุดท้าย ใน 7 คำด้านล่างนี้


  1. ความทุกข์เวทนา / ความยากลำบาก
  2. การข่มเหง
  3. อิคลีเซีย (คริสตจักรนานาชาติ)
  4. อิสราเอล
  5. อารมาเกดโดน
  6. การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2
  7. ยุคพันปี

ให้เรามาให้คำจำกัดความคำเหล่านี้สั้นๆ

  1. อารมาเกดโดน

ความขัดแย้งฝ่ายวิญญาณทั่วทั้งโลกส่งผลให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ ศูนย์กลางของสงครามนั้นจะเป็นการจู่โจมรวมของประชาชาติทั่วทั้งโลกต่ออิสราเอล (เศคาริยาห์ 14:1-2, เอเสเคียล 38-39) เมื่อประชาชาติเข้ามายังอิสราเอลจากทางเหนือ จะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ในหุบเขายิสเรเอล ที่ถูกเรียกว่าอารมาเกดโดน (ในภาษาฮีบรู הר מגידו ) หรือ เมกิดโด (วิวรณ์ 16:14-16) จากนั้นการต่อสู้จะเคลื่อนย้ายไปสู่บทสรุปสุดท้ายที่เยรูซาเล็ม การต่อสู้ครั้งนี้ได้มีสิ่งที่บอกล่วงหน้ามาแล้วจากการจู่โจมของอัสซีเรียใน อิสยาห์ 37 และสงครามยมคิปปูร์ในปี 1973 ในขณะที่ประชาชาติโจมตีอิสราเอล พระเจ้าได้ให้ภาพนี้เป็นเหมือนการโจมตีต่อสู้พระองค์เอง

  1. การเสด็จกลับมาครั้งที่สอง

เมื่อประชาชาติได้เอาชนะเยรูซาเล็มและเมืองได้ถูกยึด ไม่มีทางเลือกเหลือสำหรับพระเจ้านอกจากจะยื่นมือเข้ามา ฟ้าสวรรค์จะเปิด พระเยซูจะเสด็จกลับมาในฐานะกษัตริย์นักรบ ผู้พิพากษาการลงโทษ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ กองทัพแห่งสวรรค์จะมาพร้อมกับพระองค์ผู้ทรงม้าขาว พวกเขาจะทำลายกองทัพมารในอากาศและกองทัพที่เป็นศัตรูของมนุษย์บนพื้นแผ่นดิน (มัทธิว 24:27, 30; วิวรณ์ 19:11-19) พระเยซูจะยืนบนภูเขามะกอกเทศ (เศคาริยาห์ 14:4) คนตาย (ของการเป็นขึ้นมาใหม่ครั้งแรก) จะถูกชุบให้เป็นขึ้นมาและธรรมิกชนจะถูกเปลี่ยน (1 โครินธ์ 15:52, 1 เธสะโลนิกา 4:16)

วิวรณ์ 19:20-20:3

สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ที่ได้กระทำหมายสำคัญต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น... สัตว์ร้ายและคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ถูกทิ้งทั้งเป็นลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน และคนที่เหลืออยู่นั้น ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ผู้ทรงม้านั้นเสีย... แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่ง... ท่านได้จับพญานาคซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ผู้ซึ่งเป็นพญามารและซาตานและมัดมันไว้พันปี

กองกำลังของปฏิปักษ์ของพระคริสต์และมารร้ายจะถูกขับไล่ออกจากพื้นพิภพ

  1. ยุคพันปี

After the battle, Yeshua will enter Jerusalem in triumph. He will set up His capital in Jerusalem and His earthly kingdom of purity, peace and prosperity.

หลังจากการต่อสู้ เยชูวาจะเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต พระองค์จะตั้งเมืองหลวงของพระองค์ในเยรูซาเล็ม และอาณาจักรบนแผ่นดินโลกแห่งความบริสุทธิ์ สันติ และความมั่งคั่ง

อิสยาห์ 2:1-4

ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเจ้าจะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลาย... และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหา และชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะมากล่าวว่า 'มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ'... เพราะว่าพระธรรมจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงวินิจฉัยระหว่างบรรดาประชาชาติ..

นี่คืออาณาจักรของพระเมสสิยาห์บนแผ่นดินโลก (มีคาห์ 4:1-5, เอเสเคียล 40-48, วิวรณ์ 20) ธรรมิกชนจะปกครองและครอบครองร่วมกับพระเยซู อาณาจักรนี้เป็นนิมิตบอกล่วงหน้าในการปกครองของกษัตริย์ซาโลมอน (1 พงศ์กษัตริย์ 1-10, มัทธิว 12:42) และได้รับการอธิษฐานเผื่อในคำอธิษฐานของพระเยซู (มัทธิว 6:10) หลังจากการครอบครองพันปีของพระเยซูในฐานะพระเมสสิยาห์ ซาตานได้ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นและจากนั้นก็มีการพิพากษาครั้งสุดท้ายแห่งบึงไฟ (วิวรณ์ 20:7-15)

  1. การทรงสร้างใหม่

ถึงแม้ว่าเราได้ทำรายการ 7 อย่างข้างต้น แต่จริงๆ แล้วมีรายการที่ 8 ในช่วงท้ายของยุคพันปีที่ 6 พระเมสสิยาห์จะเสด็จกลับมา อาณาจักรเมสสิยาห์พันปีของพระองค์คือยุคพันปีที่ 7 ในช่วงท้ายของยุคพันปีที่ 7 ตามด้วย "ยุคพันปี" ที่ 8 สิ่งนี้เรียกว่าการทรงสร้างใหม่ เยรูซาเล็มแห่งแผ่นดินสวรรค์ลงมาและถูกรวมเข้ากับเยรูซาเล็มบนแผ่นดินโลก มีการเป็นขึ้นมาจากความตายครั้งสุดท้าย ผู้ที่มีชื่อถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือแห่งชีวิตจะมีชีวิตอยู่นิจนิรันดร์ในความยินดีที่สมบูรณ์อย่างปราศจากความตาย ความเศร้า หรือความเจ็บป่วย สวนเอเดนถูกรื้อฟื้น เอเดนและเยรูซาเล็มกลายเป็นหนึ่งเดียว วาระสุดท้ายแห่งความสุขและนิรันดร์นี้คือส่วนสุดท้ายของแผนการของพระเจ้า (telios ในภาษากรีก) ซึ่งได้ถูกอธิบายไว้ใน 2 บทสุดท้ายของพระคัมภีร์ (วิวรณ์ 21 และ 22)

ความสำคัญของการทำความเข้าใจบทสรุปของยุคสุดท้ายนี้ไม่ใช่เพื่อการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต แต่เพื่อให้เข้าใจแผนการของพระเจ้าสำหรับการตั้งอาณาจักรของพระองค์และน้ำพระทัยของพระองค์บนแผ่นดินโลก และเพื่อจะเตรียมหัวใจของเราในการรับใช้พระเจ้าอย่างถูกต้องในวันสุดท้ายเหล่านี้ก่อนการเสด็จกลับมาของพระเยซู

30 กันยายน 2563

สุขสันต์สำหรับเทศกาลอยู่เพิง 5781

❤️สุขสันต์สำหรับเทศกาลอยู่เพิง🏕

Feast of Tabernacles (เทศกาลอยู่เพิง หรือ “Sukkot” (สุคคท) ปี 5781 ตรงกับช่วงวันที่ 2-9 ตุลาคม 2020
เป็นเทศกาลแห่งการเตือนใจเราว่า...
🌈โลกใบนี้จึงเปรียบเสมือน “เพิง” 🏕เป็นสถานที่พักชั่วคราวที่เราต้องเคลื่อนไปตามการทรงนำของพระเจ้า จนกว่าจะไปพำนักในเพิงแห่งพลับพลาบนสวรรค์ สถานที่พักชั่วนิรันดร์
📕วิวรณ์ 21:3
“ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า “นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา (และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา)
🌱ความหมายของพืชผล 4 ชนิดที่นำมาประดับเพิง🥬 ในเทศกาลอยู่เพิง มีดังนี้
📕เลวีนิติ 23:40 ใน​วัน​แรก​จง​นำ​มา​ซึ่ง​ผล​จาก​ต้น​มะนาว ใบ​อินท​ผลัม กิ่ง​ไม้​ที่​มี​ใบ​มาก กิ่ง​ต้น​หลิว และ​จง​ปีติ​ยินดี​อยู่​ 7 ​วัน​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์ พระ​เจ้า​ของ​เจ้า

🍋มะนาวหรือมะงั่ว(etrog (‫אתרוג‬) :
มะงั่วมีรสชาติที่ดีและมีกลิ่นหอม หมายถึง “คนที่มีทั้งภูมิปัญญา คนที่เรียนรู้พระบัญญัติ(Torah) และทำความดี”
🍋มะงั่วให้ภาพสัญลักษณ์ของหัวใจ ❤️ ต้องมีความดีงาม

☘️กิ่ง​ไม้​ที่​มี​ใบ​มาก ( hadass (‫הדס‬) :
เป็นกิ่งจากต้นไมร์เทิล (myrtle) มีกลิ่นหอมที่ดี แต่กินไม่ได้ หมายถึง “คนที่มีการทำความดี แต่ขาดสติปัญญา”
☘️กิ่ง​ไม้​ที่​มี​ใบ​มากให้ภาพสัญลักษณ์ของดวงตา👁 ต้องมีการมองเห็น ความเข้าใจหยั่งรู้(enlightening)

🌱ใบ​อินท​ผลัม(lulav (‫לולב‬) :
ใบจากต้นอินทผาลัม (date palm) กินได้ แต่ไม่มีกลิ่น หมายถึง “คนที่มีสติปัญญา แต่ไม่มีการทำความดี”
🌱ใบ​อินท​ผลัมให้ภาพสัญลักษณ์ของกระดูกสันหลัง 👤ต้องมีความชอบธรรม

🌿กิ่ง​ต้น​หลิว(Willow) aravah (‫ערבה‬) :
กิ่งต้นหลิวนั้นไม่มีรสชาติและไม่มีกลิ่น หมายถึง “คนที่ไม่มีการทำความดีหรือไม่ได้การเรียนรู้พระบัญญัติ(torah)
🌿กิ่ง​ต้น​หลิวให้ภาพสัญลักษณ์ของปาก💋 คือ ต้องมีถ้อยคำแห่งความจริง และถ้อยคำแห่งการอธิษฐาน

🇮🇱คนยิวจะเปรียบเทียบคนเป็น 4 ประเภท ไม่ใช่แบบคนกรีกที่จะแบ่งคน 2 ประเภทคือ คนชั่วและคนดี
🏕 ดังนั้นการมัดพืชผลทั้ง 4 นี้หมายถึงคนที่มีความเชื่อ 4 ลักษณะที่นำมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันในเทศกาลอยู่เพิง
เทศกาลนี้จึงเป็นการรวมตัวของคนทุกประเภทที่มารวมกันเป็นความงดงามในความแตกต่าง
‭‭
🕎เทศกาลนี้จึงเป็นเวลาการนัดหมายของพระยาห์เวห์(Divine Appointment) ที่เรามาพบกับพระองค์ที่เต็นท์นัดพบ เพื่อฟังเสียงและก้าวตามแผนการของพระองค์
สิ่งสำคัญคือ เราต้องเคลื่อนตามเสียงของพระองค์ในการทรงนำเรา ดั่งเช่นเสียงแตรเขาสัตว์ดังในเทศกาลขึ้นปีใหม่(Rosh Hashanah) เป็นการปลุกจิตวิญญาณของเราให้ตื่นตัว เพื่อมาชำระชีวิตในวันลบมลทินบาป(Yom kippur) และเข้าสู่การพักสงบในเทศกาลอยู่เพิงในแต่ละปี จนกว่าเสียงแตรสุดท้ายในวาระสุดท้ายและเราจะได้เข้าสู่การพำนักในที่ถาวรคือ “สวรรค์”
‭‭📕1 เธสะโลนิกา‬ ‭4:16-17‬
“คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยเสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงรับพวกเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่ขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์”
🏕การพักสงบในเพิงนั้นแม้สถานการณ์ในโลกนี้จะเป็นดั่งลมพายุถาถมเข้ามาในชีวิต แต่เราสามารถนิ่งสงบในการทรงสถิตของพระยาห์เวห์ได้
🌈 ปี 5781 นี้เป็นปีแห่งถ้อยคำที่หักล้างทำลายคำแช่งสาป เป็นปีที่เราจะเข้ามาแสวงหาพระพักตร์ของพระยาห์เวห์ เพื่อรับกำลังและยุทธศาสตร์ในการรบแบบใหม่ให้มีชัยเหนือศัตรู
⚔️เมื่อยามรบอยู่ในสงครามฝ่ายวิญญาณเราจะเป็น "นักรบที่ห้าวหาญ"
แต่ในยามพักสงบ เราต้องเป็น "นักรักที่หวานซึ้ง" ในความรักของพระองค์❤️
📕 ‭‭เศฟันยาห์‬ ‭3:17‬
“พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางเจ้า เป็นนักรบผู้ทรงช่วยให้รอด พระองค์จะทรงเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วยความยินดี และทรงสงบในความรักของพระองค์ พระองค์จะทรงเริงร่าเพราะเจ้าด้วยการร้องเพลงเสียงดัง”

29 กันยายน 2563

บทสรุปของยุคสุดท้าย ตอนที่ 1

 บทสรุของยุคสุดท้าย ตอนที่ 1 

โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์

การศึกษาถึงยุคสุดท้าย มีความซับซ้อน และมีส่วนที่หลากหลาย ที่เคลื่อนที่ไปหลายทาง ผมจึงอยากสรุปภาพรวมของยุคสุดท้าย ใน 7 คำด้านล่างนี้

  1. ความทุกข์เวทนา / ความยากลำบาก
  2. การข่มเหง
  3. อิคลีเซีย (คริสตจักรนานาชาติ)
  4. อิสราเอล
  5. อารมาเกดโดน
  6. การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2
  7. ยุคพันปี 
ห้เรามาดู คำนิยามของคำต่าง ๆ เหล่านี้ โดยย่อ
  1. ความทุกข์เวทนา / ความยากลำบาก
พระเยซูตรัสถึง ยุคสุดท้าย ว่า ยุคสุดท้าย จะเป็น “เหมือน วันนั้นในสมัยของ โนอาห์ … เหมือนวันนั้นในสมัยของ โลท” (ลูกา 17: 26 – 29)  ทั้งวันในสมัยโนอาห์ และวันในสมัยของโลท ความชั่วร้ายอันน่าสยดสยองเพิ่มขึ้นในสังคมมนุษยชาติ ความวิปริตทางเพศอย่างรุนแรง เราเห็นได้จากแนวโน้มของโลกในปัจจุบัน และมันกำลังแย่ลงกว่าเดิม ในที่สุดการปกครองที่ชั่วร้ายกำลังยึดครองโลก เหมือนอย่างในวันแห่งจักรวรรดิฟาโรห์ที่ชั่วร้าย ในช่วงเวลาของโมเสส พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง ศาสนาและรัฐบาลโลกที่ปกครองเป็นรัฐบาลเดียว ว่าเป็น “สัตว์ร้าย” (วิวรณ์ 13: 1)
 
วิวรณ์ 12: 15
งูตัวนั้นก็พ่นน้ำออกจากปากเหมือนอย่างแม่น้ำไหลตามหญิงคนนั้น เพื่อจะทำให้นางถูกน้ำซัดไป
นี่รวมถึงสื่อต่าง ๆในระดับมหาศาล ที่ล้างสมอง บิดเบือนข้อมูลความจริง และการโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายด้วย
  1. การข่มเหง
ช่วงกลาง ของความทุกข์เวทนา จะมีการโจมตีคนชอบธรรม

(สัตว์ร้ายนั้น) ถูกอนุญาตให้มันทำสงครามกับบรรดาธรรมิกชนและชนะพวกเขา และประทานให้มันมีสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประชาชาติ
 
พระเจ้าจะปกป้องคนของพระองค์ในเวลานั้น แต่พวกเขาก็จะอยู่ภายใต้การข่มเหงที่ดุเดือด นี่เป็นโอกาสที่จะอดทนเป็นพยานถึงความจริง การรับการชำระให้บริสุทธิ์ ถ่อมใจลง รับการเสริมกำลังใหม่ และที่จะพิสูจน์ การพิพากษาที่ชอบธรรมของพระองค์ต่อคนชั่วร้าย การข่มเหง มีจุดประสงค์ที่ผู้ใดที่เชื่อในพระเยซู ผู้ใดที่ยืนขึ้นเคียงข้างการให้คุณค่าการแต่งงานแบบดั้งเดิม เพื่ออิสราเอล หรือ เพื่อความชอบธรรมในภาพทั่วๆไป พระเยซูตรัสว่า พวกเราจะ “ถูกมอบให้กับคนเหล่านั้นที่ข่มเหงท่าน (มัทธิว 24: 9)
  1. อิคลีเซีย (คริสตจักรนานาชาติ)
ข่าวประเสรฐเรื่องอาณาจักรจะขยายออกไปถึงทุกชนชาติ ก่อนที่สุดปลายจะมาถึง (มัทธิว 24: 14) คริสตจักร (อิคลีเซีย) ท่ามกลางประชาชาติจะมาถึงซึ่งความเต็มบริบูรณ์ ทั้งในด้านขนาด (วิวรณ์ 7 : 9) ในฝ่ายวิญญาณ (โรม 11: 25)  และ ในความบริสุทธิ์ (วิวรณ์ 19: 7)  จะมีผู้เชื่อที่แท้จริงในทุกชนชาติที่มีการเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์เหนือทุกคน พวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันในหัวใจและในความรัก (ยอห์น 17: 21 – 23)  ความบริบูรณ์ ของคริสตจักรนานาชาติ หรืออิคลีเซียจะสำเร็จตามพระสัญญาต่อบรรพบุรุษของชาวอิสราเอล เพื่อที่จะอวยพรทั้งโลก และกลายเป็นความบริบูรณ์ของคนต่างชาติ
 
ปฐมกาล 12 : 3
… และในท่าน ครอบครัวทั้งโลกจะได้รับพระพร

พระสัญญาอื่นๆ ถึงอิสอัค ยาโคบ โยเซฟ และเอฟราอิม : ปฐมกาล 22: 18 ปฐมกาล 28: 3  ปฐมกาล 35:11 ปฐมกาล 48:8
  1. อิสราเอล
มี มากกว่า 30 พระสัญญา และคำเผยพยากรณ์ในพระคัมภีร์ ที่พระเจ้าจะรวบรวมคนยิวอีกครั้ง จากที่มีการกระจัดกระจายไป จะมีการรื้อฟื้นกลับสู่ประเทศชาติของพวกเขา และนำการฟื้นฟูในฝ่ายวิญญาณมา นี่เป็นสิ่งทีเกิดขึ้นในระดับใหญ่ ตั้งแต่ การเริ่มต้นการกลับมาของชาวยิวในขบวนการไซออนิสต์ (ขบวนการคืนสู่มาตุภูมิของชนชาติยิว) ในช่วงปลายศตวรรษ ปี 1,800 เป็นต้นมา  จนได้มีการก่อตั้งขึ้นเป็นประเทศอิสราเอล ในปี 1948 การเข้าครอบครองเยรูซาเล็มอีกครั้ง ในปี 1967 และอื่น ๆ ตามมา  หนึ่งในมุมมองที่เป็นศูนย์กลางของการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณของอิสราเอลคือการรื้อฟื้นกลับคืนสู่สภาพดี ของเมสยานิคยิวที่เหลืออยู่ การเติบโตขึ้นของชุมชนชาวยิวที่เชื่อในพระเยซู ทั้งในอิสราเอล และทั่วโลก อิสราเอลจะยังคงเติบโตขึ้นและมีอิทธิพล และเป็นที่สนใจของทั้งโลก

19 กันยายน 2563

ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาล Rosh Hashanah

 🕎ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาล Rosh Hashanah🌈

🌘เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ใหม่(New moon) ในการขึ้นค่ำของเย็นวันที่ 29 เดือนเอลูล(Elul) นั่นเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการเปลี่ยนรอบปฏิทินใหม่

( Rosh Hashanah ปีนี้จะเริ่มเย็นวันที่ 18 กันยายน 2020 เป็นการเข้าสู่ปี 5781 ปีแห่งการทำลายคำแช่งสาบและปีแห่งสิทธิอำนาจของอัครทูต ตัวอักษรฮีบรูประจำปี คือ Pe פ และ aleph א)

🕎เสียงแตรเขาสัตว์ หรือ "โชฟาร์"(Shofar) ได้ถูกเป่าขึ้นเพื่อประกาศว่าการเริ่มต้นของปีใหม่ (โรช ฮาชานาห์-Rosh Hashanah) ในวันที่ 1 ของเดือนทิชรี(Tishri)

คนอิสราเอลเรียกเทศกาลนี้ว่า "เทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์" ตามที่พระยาห์เวห์ทรงกำหนดไว้เพื่อให้คนของพระองค์ได้หยุดพักและใช้เวลานัดหมายนี้เพื่อแสวงหาพระองค์🌈

📕เลวีนิติ 23:23-24 ​พระ​ยาห์เวห์​ตรัส​กับ​โมเสส​ว่า “จง​กล่าว​แก่​คน​อิสราเอล​ว่า ใน​วันที่​ 1 ​ของ​เดือน​ที่​ 7 (ทิชรี) เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ถือ​เป็น​วันหยุด​พัก​สงบ​วัน​หนึ่ง เป็น​วัน​ประชุม​บริสุทธิ์ ประกาศ​เป็น​ที่​ระลึก​ด้วย​เสียง​แตร (โชฟาร์)

การเป่าโชฟาร์ในเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์มีความพิเศษกว่าช่วงเวลาอื่นๆ โดยปกติแล้วคนอิสราเอลจะมีการเป่าโชฟาร์ทุกต้นเดือนในวันขึ้นค่ำ หรือที่เรียกว่า "โรช คอเดช" (Rosh Chodesh)

📕กันดารวิถี 10:10 ในวันที่เจ้าทั้งหลายมีความยินดี และในงานเทศกาลและในวันต้นเดือนของเจ้า เจ้าจงเป่าแตรเหนือเครื่องเผาบูชาและเหนือสัตวบูชาอันเป็นเครื่องศานติบูชา เป็นที่ให้พระเจ้าของเจ้าระลึกถึงเจ้า เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า"

การเป่าโชฟาร์ในเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์เป็นการปลุกให้คนของพระยาห์เวห์ยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการพิพากษาของพระยาห์เวห์จะมาถึง !

การเป่าโชฟาร์เป็นการเรียกให้กลับใจใหม่ก่อนวันแห่งการลบมลทินบาปซึ่งเล็งถึงวันแห่งการพิพากษาของยาห์เวห์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยทั่วไป การเป่าแตรในแต่ละเดือนนั้นใช้แตรสั้น แต่การเป่าแตรในเดือนทิชรีนั้นเป็นการเป่าแตรโดยใช้แตรที่มีขนาดยาว แตรแบบนี้จะให้เสียงดังกว่าเสียงดังจะปลุกจิตวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น

🎊คำว่า โรช ฮาชานาห์(Rosh Hashanah) แปลว่า จุดเริ่มต้นของปี (Head of the year)

คนอิสราเอลจะมีปฏิทิน 2 แบบ นั่นคือ ปฏิทินทางศาสนา(Ecclesiastical calendar)และปฏิทินการปกครอง(Civil calendar)

(ภาพเปรียบเทียบกับประเทศไทย เรามีปฎิทิน 2 แบบคือแบบสากล วันปีใหม่คือวันที่ 1 มกราคม และปฏิทินแบบจันทรคติ วันปีใหม่ของเราจะตรงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน)

ปฏิทินทางศาสนาจะเริ่มต้นนับในฤดูใบไม้ผลิ(Spring)

📕อพยพ 12:2 “ให้​เดือน​นี้​เป็น​เดือน​เริ่มต้น​สำหรับ​พวก​เจ้า ให้​เป็น​เดือน​แรก​ใน​ปี​สำหรับ​พวก​เจ้า

เดือนแรกในปีตามปฏิทินทางศาสนา คือ เดือนที่คนอิสราเอลออกจากอียิปต์ และได้ฉลองเทศกาลปัสกา ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งการไถ่ เรียกกันว่า "เดือนอาบิบ"(Aviv) คือ เดือนแห่งการได้ยินเสียง แต่ภายหลังเมื่อคนอิสราเอลกลับจากการเป็นทาสที่บาบิโลน ได้ตั้งชื่อเดือนอาบิบใหม่เป็น "เดือนนิสาน"(Nisan) ซึ่งเริ่มต้นในวันขึ้นค่ำของเดือนมีนาคม หรือเมษายน

ปฏิทินการปกครองจะเริ่มต้นนับในฤดูใบไม้ร่วง(Fall หรือ Autumn)

การเริ่มต้นปีอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งอยู่ในเดือนที่ 7 ภายหลังจากที่อิสราเอลกลับจากการเป็นเชลย ได้เรียกเดือนนี้ว่า "เดือนทิชรี"(Tishri)

🕎ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาลของพระยาห์เวห์ มีดังต่อไปนี้🌈


1. เสียงเรียกให้กลับใจ ❤️

ผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมเป่าโชฟาร์เพื่อทำการเรียกผู้คนให้กลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้า
ตัวอย่าง เช่น ผู้เผยพระวจนะโยเอล เป่าแตรหรือโชฟาร์ ในศิโยนเพื่อเรียกให้คนกลับใจใหม่

📕โยเอล 2:15 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเตรียมทำพิธีอดอาหาร จงเรียกประชุมตามพิธี

เสียงของโชฟาร์เป็นเสียงเรียกให้ตอบสนอง เพื่อใคร่ครวญดูการกระทำของตน และดำเนินชีวิตใหม่ให้ถูกต้อง ก่อนวันแห่งการพิพากษา เป็นการหวนระลึกถึงการกระทำของตน เป็นการเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณภายในของตน

เราต้องตระหนักว่าจะมีวันแห่งการพิพากษาแน่ ในพระคัมภีร์ใหม่ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนจะถึงวันนั้นผู้เชื่อจึงควรสำรวจใจ และกลับใจ

📕ฮีบรู 9:27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา…

พระเจ้ามักสื่อสารและเตือนประชากรของพระองค์ล่วงหน้าเสมอ ก่อนที่พระองค์จะทำการพิพากษา พระเจ้าเตือนประชากรของพระองค์ก่อนน้ำจะท่วมโลก และเตือนนินะเวห์ก่อนจะเกิดหายนะ

เทศกาลแห่งเสียงแตรเขาสัตว์สะท้อนถึง พระประสงค์ของพระเจ้าที่จะรวบรวมประชากรของพระองค์ให้กลับใจใหม่ เพื่อว่าพระองค์จะสามารถกู้พวกเขาในวันแห่งการพิพากษาได้

ชาวยิวมีช่วงเวลา 10 วันเรียกว่า “10 วันแห่งความยำเกรง(Days of Awe)” ซึ่งเริ่มขึ้นในเทศกาลเสียงแตร และสิ้นสุดในวันทำการลบมลทินบาปซึ่งนับว่าเป็นวันสำคัญที่สุดในปฏิทินอิสราเอล 🇮🇱

ในระหว่างเวลาเหล่านี้ พวกประชาชนต่างพยายามแสวงหาโอกาสคืนดีกับศัตรู ระลึกถึงคนขัดสนยากลำบาก และจะกลับใจจากบาป เพื่อเตรียมใจสำหรับวันลบมลทินบาปที่จะมาถึง

เทศกาลเป่าแตรสำคัญมาก เป็นการเปิดฉากการพิพากษาของสวรรค์ ซึ่งนำไปสู่วันลบมลทินบาป ซึ่งจะเผยให้เห็นบาปของคนอิสราเอลแต่ละคน นี่เป็นภาพที่เล็งไปถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ เพื่อพิพากษาโลกนี้ ในวันสุดท้ายนั้น บาปของทุกคนจะถูกเปิดออกให้เห็น

การเป่าโชฟาร์เป็นการเตือนให้ระลึกถึงความยุติธรรมของพระเจ้า และพระเมตตาของพระองค์ เป็นการเตือนให้ประชาชนกลับใจใหม่ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตือนให้ระลึกว่าประชากรของพระเจ้าต้องการพระเจ้า

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์นี้ เป็นเสียงเรียกให้คนกลับใจใหม่แล้ว เราจะเป่าแตร เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราประกาศการกลับใจใหม่ ในเรื่องต่างๆ ใช้เวลาในการสำรวจชีวิตว่าเรามีบาปใดที่ซ่อนเร้นอยู่บ้าง ขอการชำระจากพระพระองค์

📕1 ยอห์น 1:9 ถ้า​เรา​สารภาพ​บาป​ของ​เรา ​พระ​องค์​ทรง​สัตย์​ซื่อ​และ​เที่ยง​ธรรม ​ก็​จะ​ทรง​โปรด​ยก​บาป​ของ​เรา และ​จะ​ทรง​ชำระ​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​อธรรม​ทั้งสิ้น​


2. เสียงเตือนใจให้ระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า ✝️

เสียงการเป่าโชฟาร์ ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความน่ากลัวเสมอไป เราเห็นได้ว่าในพระวจนะบางตอนกล่าวถึงการเป่าเสียงแตรเพื่อเปิดปีแห่งการเฉลิมฉลอง หรือปีเสียงแตรเขาสัตว์ (Jubilee)

📕เลวีนิติ 25:9-11
9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่ 10 เดือนที่ 7 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน
10 เจ้าจงถือปีที่ 50 (Jubilee) ไว้เป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า ให้เป็นปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้า ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน และกลับไปสู่ตระกูลของตน
11 ปี​ที่​ 50 (Jubilee) ​นั้น​เป็น​ปี​เสียง​เขา​สัตว์​ของ​เจ้า ใน​ปี​นั้น​เจ้า​อย่า​หว่าน​พืช​หรือ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ผล​ที่​เกิด​ขึ้น​มา​เอง หรือ​เ​ก็​บ​องุ่น​จาก​เถา​ที่​มิได้​ตกแต่ง​

บางครั้งเสียงเขาสัตว์ก็เป่าออกไปเพื่อประกาศถึงพระเมตตาของพระเจ้าในการปลดปล่อยผู้คนให้เป็นไท คืนกลับสู่เสรีภาพ เป็นการประกาศถึงเมตตาของพระเจ้าในการให้สิ่งต่าง ๆ หยุดพัก (เลวีนิติ 25:11)

การเป่าแตรในวันโรช ฮาชานาห์นี้ เป็นการเตือนให้ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า การให้อภัยบาปของพระองค์ อย่างที่เขาไม่สมควรได้รับเพื่อเตือนใจให้ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า

ในวันทุกนี้คนยิวจะอ่านพระวจนะในธรรมศาลาถึงเรื่องราวของอับราฮัมในการถวามอิสอัค (ปฐมกาล 22) และอับราฮัมได้ชื่นชมกับพระเมตตาของพระองค์ที่พระองค์ได้ส่งแกะมาเพื่อถวายบูชาแทนอิสอัค
นี่เป็นที่มาว่าเหตุใดคนยิวจึงใช้เขาแกะปลายงอน เป่า ทั้งนี้เพื่อจะได้หวนกลับไประลึกถึงพระเมตตาที่ทรงกระทำต่ออับราฮัม

เขาจากแกะที่ถูกจับได้จากพุ่มไม้ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อระลึกถึงคนบาป และการลบล้างบาป

📣การเป่าแตรในการออกศึกสงครามนั้นก็เป็นการเชื่อมโยงถึงเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์ เพื่อเตือนใจว่าพระเจ้าระลึกถึงเรา และจะช่วยเราซึ่งเป็นประชากรของพระองค์

เช่นเดียวกัน ในขณะนี้เราอยู่ท่ามกลางสงครามฝ่ายวิญญาณ และเมื่อเราเดินหน้าในงานพระเจ้า เรารู้ว่าจะมีการปะทะในฝ่ายวิญญาณ

📣เสียงแตรที่เราจะเป่านี้ ก็เป็นการประกาศก้องว่า พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ทรงระลึกถึงเรา และจะช่วยเราให้มีชัยเหนือมารซาตานได้

ในวันแห่งการพิพากษานั้นพระเจ้าก็จะช่วยประชากรของพระองค์ที่กลับใจใหม่ด้วยความเมตตาให้พ้นโทษทัณฑ์แห่งบาปเช่นกัน

ดังนั้น การระลึกถึงเทศกาลเสียงแตรในปัจจุบัน พระเจ้าจึงให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง โดยพระคริสต์ พระองค์จะดูแลความต้องการของเรา และพระองค์จะระลึกหรือจดจำเราได้ในวันแห่งการพิพากษาเมื่อพระคริสต์นั่งอยู่บนบัลลังก์
เมื่อเสียงแตรครั้งสุดท้ายดังขึ้น นั่นหมายถึง พระคริสต์ได้จดจำเราไว้ในฐานะบุตรของพระองค์ตลอดนิรันดร์

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์นี้ เป็นเวลาแห่งการระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เรากล่าวสรรเสริญพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงกระทำในชีวิตของเราในเรื่องต่าง ๆ ชื่นชมยินดีต่อพระเมตตาของพระองค์ ให้เราเป่าเสียงแตรเพื่อประกาศถึงการช่วยกู้ของพระเจ้าในการปะทะในสงครามฝ่ายวิญญาณ ซึ่งโดยเสียงแตรนี้ พระเจ้าจะเข้าช่วยกู้บุตรของพระองค์ให้มีชัย

วันนี้เราในฐานะคริสตชนชาวไทย เราไม่ได้นำรูปแบบพิธีกรรมมาปฏิบัติโดยขาดความเข้าใจแต่เราได้นำหลักการมาประยุกต์ใช้ และเราได้นำชีวิตของเราเข้าสู่ตารางเวลาเดียวกับพระเจ้า เราจึงไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย

📣หากแต่เสียงแตรนั้นเป็นสัญญาณเตือนใจให้เราตื่นตัวอยู่เสมอและเคลื่อนไปตามวาระเวลาของพระองค์ สรรเสริญพระเจ้า


3. เสียงแห่งการประกาศถึงการเริ่มต้นสู่การพิสูจน์ และสำรวจใจ ❤️

การเป่าโชฟาร์ในวัน โรช ฮาชานาห์ ยังเป็นการประกาศก้องถึงการเริ่มต้นของการเข้าสู่การสำรวจใจ ก่อนวันแห่งการพิพากษา การสำรวจนี้กินเวลา สิบวัน จนกระทั่งวันลบมลทินบาป (Yom Kippur) มาถึง
ในระหว่าง 10 วันนี้ ชาวยิวจะตระหนักถึงชีวิตของตน เหมือนเอาชีวิตไปชั่งบนตาชั่ง พวกเขาจะได้ตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต และจะถามคำถามตนเองว่าถ้าชีวิตของเขาจบลงในวันนี้ เขาได้ใช้ชีวิตคุ้มค่า หรือสมควรแล้วหรือไม่

ช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญนี้ จะทำให้ได้ตระหนักว่าชีวิตของคนแต่ละคนนั้น เป็นชีวิตที่อยู่ภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้า เราไม่สามารถกำหนดทุกสิ่งได้ด้วยตนเอง

🌈เสียงโชฟาจะประกาศให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่หลบซ่อนในใจได้ เหมือนการยืนอยู่ต่อหน้าหมู่ทหารที่ทำการยิงเป้า ซึ่งต้องพิสูจน์ในระดับลึกของจิตใจ

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศสู่การเริ่มต้นในการชันสูตรใจ เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราทูลขอชัยชนะเหนือการทดลองใจในเรื่องต่าง ๆ ที่มาถึงชีวิต ขอให้พระเจ้าเข้ามาชันสูตรใจ

ให้เราประกาศว่าเราจะขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ตั้งแต่นี้ไปจะดำรงตนเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์
ให้เราได้กลับไปใคร่ครวญชีวิตของตนเองกับพระเจ้าในด้านต่าง ๆ และมุ่งหน้าเดินติดตามพระเจ้า ปลุกจิตวิญญาณที่อ่อนแอ หรือหลับใหลให้ตื่นขึ้น เพื่อไปกับพระเจ้า


4. เสียงประกาศการทรงสถิตและการครอบครองของพระเจ้า 🌈

เสียงของโชฟาร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเป่าเพื่อให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาครอบครอง

การพิพากษาของพระเจ้าและการครอบครองเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน เมื่อไรก็ตามที่พระเจ้าทรงสถิตและครอบครอง เมื่อนั้น สิ่งผิดสิ่งถูกจะถูกชี้ชัด คนจะเห็นความบาปผิดของตนเอง

เป็นภาพของกษัตริย์นั่งบนบัลลังก์แห่งการครอบครอง และพิพากษาเหนือประชากรของพระองค์
พระวจนะบันทึกเหตุการณ์ว่าเมื่อกษัตริย์ใหม่ขึ้นนั่งครอบครอง จะมีการเป่าแตรเพื่อป่าวประกาศบัลลังก์ของพระองค์

📕 1 พงศ์กษัตริย์ 1:39 แล้วศาโดกปุโรหิตได้นำเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมาจากเต็นท์ของพระเจ้า และเจิมตั้งซาโลมอนไว้ และเขาทั้งหลายก็เป่าเขาสัตว์ และประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า "ขอพระราชาซาโลมอน ทรงพระเจริญ"

เช่นเดียวกันที่ในวัน โรช ฮาชานาห์ หรือ เทศกาลเสียงแตรที่เป่าออกไปเพื่อประกาศก้องว่าพระคริสต์ทรงยิ่งใหญ่และทรงเสด็จมาครอบครอง
เสียงของโชฟาร์ทำให้ระลึกถึงการครอบครองที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรม และเมตตา

พระคริสต์ปรารถนาจะสถิตอยู่ในชีวิตของเรา ทรงปรารถนาการครอบครองเหนือตัวเรา เหนือคริสตจักร

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศการทรงสถิต และการครอบครองของพระเจ้า เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราร้องเรียกพระเจ้า ให้การทรงสถิตของพระองค์เทลงมา


5.เสียงแห่งการปลดปล่อยอิสรภาพ การประกาศถึงระบบระเบียบใหม่ทางสังคมและศาสนา 🌈

นอกจากนี้การเป่าเสียงแตรด้วยโชฟาร์ ยังเป็นการประกาศถึงการจัดระบบระเบียบทางสังคม และศาสนา เป็นการประกาศถึงอิสรภาพ เสรีภาพ เป็นการปลดปล่อยจากความยากจน และพันธนาการ เป็นการประกาศการปลดปล่อยจากบาปและการละเมิด

📕เลวีนิติ 25:9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน

ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ เทศกาลเสียงแตรนี้ เล็งถึงการกลับมาของพระคริสต์ เพื่อประกาศเวลา ฤดูกาลใหม่ ที่พระองค์ทรงปฏิเสธการดำเนินชีวิตอย่างศาสนา แต่สถาปนาการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง

ดังนั้นการเป่าแตรจึงเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศการหลุดพ้นจากวิถีเดิมแห่งพันธการ การตกอยู่ภายใต้วิญญาณแห่งกฏเกณฑ์ และการดำเนินชีวิตอย่างเป็นรูปแบบ

นอกจากนี้การเสด็จมาของพระคริสต์ยังให้ภาพของการจัดระเบียบสังคมใหม่ เป็นสังคมแห่งคุณธรรม
เป็นการสะท้อนว่า อำนาจแห่งการปกครองจะไม่ได้อยู่ในมือของคนตามืดบอด อีกต่อไป แต่จะอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นสัญลักษณ์เล็งถึงการประกาศอิสระภาพ พันธนาการต่าง ๆ เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เราประกาศการปลดปล่อยอิสรภาพให้กับชีวิตของเรา ที่อยู่ในพันธนาการแห่งบาป หรือ อยู่ในปัญหาบางอย่าง ขอพระเจ้าปลดปล่อยเราจากความยากจน ขัดสน หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค

ให้เราปลดปล่อยอิสรภาพมาสู่คริสตจักรที่จะไม่ตกอยู่ภายใต้วิญญาณศาสนา
ให้เราปลดปล่อยอิสรภาพให้กับสังคม และประเทศของเรา ที่จะมีการปฏิรูปการจัดระบบสังคมใหม่ให้เป็นสังคมแห่งคุณธรรม หลุดพ้นจากอำนาจซาตานที่ล่อลวงผู้คนให้เป็นเมืองแห่งความบาปในด้านต่าง ๆ


6.เสียงแห่งการรวบรวมผู้คนเข้าสู่การครอบครองของพระคริสต์ ✝️

ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าทรงสัญญาจะส่งพระเมสิยาห์มาปลดปล่อยชนชาติของพระองค์
เสียงโชฟาร์จึงเป็นเครื่องหมายแห่งการระลึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะส่งพระเมสิยาห์ ผู้ที่จะเสด็จมามารวบรวมลูก ๆ ที่กระจัดกระจายให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว

📕อิสยาห์ 27:13 และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ และบรรดาผู้ที่กำลังพินาศอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และบรรดาผู้ถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์จะมานมัสการพระเจ้า บนภูเขาบริสุทธิ์ที่เยรูซาเล็ม

เสียงโชฟาร์ ไม่เพียงเป็นการประกาศถึงการเสด็จมาเพื่อรวบรวมผู้คนของพระเมสสิยาห์ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เดิม (อิสยาห์ 27:13)📕
ในพระคัมภีร์ใหม่ เป็นการประกาศถึงการครอบครอง การปกครองของพระคริสต์บนแผ่นดินโลก

📕 1 เธสะโลนิกา 4:16
16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน

📕1 โครินธ์ 15:52
52 ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่

พระคริสต์จะเสด็จมาเพื่อรวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว

📕มัทธิว 24:30-31
30 เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก
31 พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการสัญลักษณ์ของยุคพระเมสสิยาห์ หรือของพระคริสต์ที่จะเสด็จกลับมารวมรวมผู้คน เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เราอธิษฐานขอการเชื่อมต่อพระกาย และรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว

ขอความเป็นเอกภาพ การรวมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพี่น้องในคริสตจักร ระหว่างคริสตจักรต่าง ๆ และความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวของคนในประเทศชาติ

อธิษฐานขอการที่คริสตจักรเข้าไปเชื่อมต่อกับอิสราเอลเป็นคนใหม่คนเดียวในพระคริสต์ (One New man)(เอเฟซัส2:15) อธิษฐานขอให้พี่น้องที่หลงหายไปในที่ต่าง ๆ กลับมาหาพระเจ้า


7.เสียงประกาศสู่การเปิดฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย 🌈

มีผู้เผยพระวจนะหลายท่านประกาศการพิพากษาของพระเจ้าด้วยเสียงแตร เช่น

📕โยเอล 2:1 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเปล่งเสียงปลุกบนภูเขาบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า ให้ชาวแผ่นดินทั้งสิ้นตัวสั่น เพราะวันแห่งพระเจ้ากำลังมาแล้ว ใกล้เข้ามาแล้ว

ในพระคัมภีร์ใหม่ พระธรรมวิวรณ์ก็บันทึกเช่นเดียวกัน ว่าเสียงแตรของทูตสวรรค์ดังขึ้น เพื่อคนต่าง ๆ จะรับการพิพากษาโทษ

📕วิวรณ์ 9:20-21
20 มนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ ที่มิได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ ยังไม่ได้กลับใจเสียใหม่จากงานที่มือเขาได้กระทำ ไม่ได้เลิกบูชาผี บูชา รูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ หินและไม้ รูปเคารพเหล่านั้น จะดู หรือฟัง หรือเดินก็ไม่ได้
21 และเขาก็มิได้สำนึกผิดในการฆ่าฟันกัน และการเชื่อเวทมนตร์ การล่วงประเวณี และการลักขโมย

พระธรรมดาเนียลให้ภาพของบรรยากาศและฉากแห่งการพิพากษาโทษในวันสุดท้ายได้อย่างชัดเจน
ในวันนั้น หนังสือแห่งชีวิตจะถูกเปิดออก ทุกคนจะได้รายงานการกระทำของตนต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า

📕ดาเนียล 7:9-10
9 ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้ และผู้หนึ่งผู้เจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ ฉลองพระองค์ขาวอย่างหิมะ พระเกศาที่พระเศียรของพระองค์เหมือนขนแกะบริสุทธิ์พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก
10 ธารไฟพุ่งออก และไหลออกมาต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ คนนับแสนๆ ปรนนิบัติพระองค์ คนนับโกฏิๆ เข้าเฝ้าพระองค์ ผู้พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดขึ้น

คนยิวเชื่อว่า การพิพากษาครั้งสุดท้ายได้เปิดฉากในเทศกาล โรช ฮาชานาห์ ด้วยเสียงแตร และจะปิดฉากเมื่อครบกำหนด10วันหลังจากนั้น ซึ่งเป็นวันลบมนทิลบาป

วันทำการลบมนทิลจะตรงกับวันที่ 10 ของเดือนที่ 7 (Tishri) ในวันนี้มหาปุโรหิตจะแยกตัวออกจากคนอื่น ๆ ปุโรหิตจะถอดเครื่องยศบริสุทธิ์และงดงามออก สวมเพียงเสื้อกางเกงและหมวกผ้าป่านสีขาว (ซึ่งเล็งถึงความเป็นมนุษย์ของพระคริสต์” เขาจะชำระกายห้าครั้งกับล้างมือและเท้าสิบครั้ง

แพะ2ตัวเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญอย่างหนึ่งของวันลบมลทินบาป ตัวหนึ่งจะเป็นแพะรับบาป(อาซาเซล Azazel) และแพะตัวนี้จะถูกปล่อยเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พร้อมทั้งบรรทุกเอาความบาปทั้งสิ้นของประชาชนไปด้วย

📕เลวีนิติ 16:10 แต่​แพะ​อีก​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​ฉลาก​ตก​เพื่อ​อาซาเซล​นั้น จะ​นำ​ถวาย​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยาห์​เวห์​เป็น​สัตว์​ที่​ยัง​มี​ชีวิต เพื่อ​ให้​มลทิน​ตก​ที่​มัน แล้ว​ปล่อย​มัน​เข้า​ไป​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ให้​แก่​อา​ซา​เซล

เขาจะนำเลือดวัวและเลือดแพะประพรมอภิสุทธิสถาน ม่าน แท่นเผาเครื่องหอม และแท่นเครื่องเผาบูชา เพื่อชำระทุกสิ่งเหล่านี้ให้ปราศจากมลทิน
มหาปุโรหิตจะเข้าไปในอภิสุทธิสถานเพียงปีละครั้ง คือ ในวันลบมลทินบาป และต้องนำเลือดเข้าไปถวาย

มหาปุโรหิตไม่เพียงแต่นำเลือดของสัตว์ที่ถวายบูชาเข้าไปในอภิสุทธิสถานเท่านั้น เขายังต้องนำกระถางเผาเครื่องหอมมีถ่านลุกอยู่มาจากแท่นเผาเครื่องหอม ใส่เครื่องหอมทุบละเอียดสองกำมือไว้ และควันเครื่องหอมจะคลุมพระที่นั่งกรุณาซ่อนพระสิริเสียจากสายตาของเขา และมหาปุโรหิตจะได้รอดตาย เพราะขณะนั้นเขาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและวิงวอนพระองค์เพื่อประชาชน โดยออกพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ คือ ยาห์เวห์ (Yahweh)

พระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปสู่เต็นท์อันใหญ่ยิ่งกว่าแต่ก่อน พระองค์ได้เสด็จเข้าไปสู่วิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ (ฮีบรู 9:11-12)
อย่างไรก็ตามสำหรับคนยิวแล้ว วันทั้ง 10 วันก่อนวันลบมลทินบาปนั้น ถูกเรียกกันว่า วันแห่งความน่าสะพรึงกลัว

เทศกาล โรช ฮาชานาห์ถือเป็นวันที่เข้าสู่การพิพากษา แต่วันที่ประทับตราคำพิพากษาคือวันลบมลทินบาป ว่าผลจะออกมาอย่างไรถ้ากลับใจบาปก็ถูกลบ หรือชำระให้หมดสิ้นได้

นี่เป็นภาพที่เล็งถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ที่บอกเราให้มีชีวิตยำเกรงพระเจ้า🌈

📕วิวรณ์ 14:7
7 ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า "จงยำเกรงพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว และจงนมัสการพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และบ่อน้ำพุทั้งหลาย"

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศสู่การเปิดฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เรา ขอการอภัย ขอพระเมตตาจากพระเจ้า

ให้เราประกาศถึงการเป็นบุตรของพระเจ้า ประกาศการมีชัยเหนือมารซาตานที่ล่อลวงในวาระสุดท้ายก่อนการพิพากษา ประกาศชีวิตแห่งการยำเกรงพระเจ้า ยอมสยบอยู่ต่อพระองค์

03 กันยายน 2563

 ✝️เดือนเอลูล(Elul) ปี 5780 (ช่วงวันที่ 21 ส.ค.-18 ก.ย.2020) เป็นเดือนสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีปฏิทินใหม่ของฮีบรู)

ในปี 2020 ตรงกับช่วงเย็นวันที่ 18 กันยายน ที่เรียกว่า “รอช ฮาชชะนาห์” (Rosh Hashanah) ปี5781)

❤️ได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่งหญิงสาว👩🏻‍🦰 ให้ภาพของเจ้าสาวว(Bride) ที่ถูกเตรียมชีวิตเพื่อเจ้าบ่าว💒

ตัวดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของที่รักของดิฉัน และที่รักก็เป็นของดิฉัน 📕เพลงโซโลมอน 6:3📕

💑 เป็นช่วงเวลาที่แสนหวานในความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์

💒เล็งถึง คริสตจักร ที่เปรียบดั่งเจ้าสาวที่เตรียมตัวเข้าสู่งานสมรสของพระเมษโปดก 💝 ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเป็นพิเศษในพันธสัญญาแห่งรัก ณ ลานพลับพลาของงานแต่งงาน(Chuppah חוּפָּה )

ในบทเพลงซาโลมอน พระเจ้าทรงชมเจ้าสาวของพระองค์ ในสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นภายในเธอว่าคุณภาพที่พระองค์ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะฟูมฟักและนำมาใช้

"ดูเถิด ที่รัก​ของ​ฉัน ดู​ช่าง​สวยงาม ดูเถิด เธอ​สวยงาม ดวงตา​ทั้งสอง​ของ​เธอ​ดัง​นก​พิราบ"
📕เพลงซาโลมอน 1:15📕

เมื่อนกพิราบจับจ้องสายตาที่คู่ของมัน กิจกรรมต่างๆรอบตัวมันไม่สามารถทำให้มันวอกแวกได้ ดังนั้น นกพิราบจึงมักถูกใช้อ้างถึงว่าเป็น "นกแห่งความรัก" เพราะมันมี "สายตาจับจ้องที่สิ่งเดียวเท่านั้น" ต่อนกอีกตัวหนึ่ง

องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราชมเราเพราะมี "ตาของนกพิราบ" นี้ บ่งชี้ว่าเราได้เพาะบ่มความไวในฝ่ายจิตวิญญาณ ที่จะยกเราอยู่เหนือสิ่งที่โลกนี้ใช้เพื่อดึงดูดและทำให้เราเสียการจดจ่อ ดังนั้น เราสามารถตอบสนองต่อการประทับอยู่ด้วยของพระองค์ ด้วยการเชื่อฟังต่อความปรารถนาและเป้าประสงค์ของพระองค์ได้

สายตาจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น

ความพึงพอใจของพระเจ้าอยู่เหนือชีวิตของผู้ที่มีสายตาจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น

"ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน" 📕อิสยาห์ 1:19 📕

สิ่งนี้เป็นไปได้ในผู้ที่ฟูมฟักความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น พระเจ้านำคนเหล่านี้ได้ง่ายมาก เพราะพวกเขาอยู่ใกล้พอที่จะเห็นว่า "สายตา" ของพระองค์กำลังมองสิ่งใดที่พระองค์ตั้งใจสำหรับพวกเขาอยู่

"เรา​จะ​แนะนำ​และ​สอน​เจ้า​ถึง​ทาง​ที่​เจ้า​ควร​จะ​เดิน​ไป เรา​จะ​ให้​คำ​ปรึก‌ษา​แก่​เจ้า​ด้วย​จับ​ตา​เจ้า​อยู่"
📕สดุดี 32:8📕

คำปรึกษาด้วยสายตาที่จับจ้องอยู่ไม่ใช่การพูดออกเสียง ซึ่งไปไกลเกินกว่า "คำพูด" ใดที่เราจะได้ยิน

สายตาของพระเจ้าที่จับจ้องนำชีวิตของเราได้นั้น ขึ้นกับการดำเนินชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ มันหมายถึงว่าเราได้อุทิศชีวิตอย่างหมดหัวใจและดำเนินชีวิตในการทรงสถิตอยู่ด้วย รวมทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องกับพระองค์

ในทางตรงกันข้าม ตาของม้ามีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง ม้าจะวอกแวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างทาง ดังนั้น มันจำเป็นต้องมี "ม่านบัง" ติดไว้ด้านข้างตาแต่ละข้าง และมี "บังเหียน" ใส่ไว้ที่ปากของมัน แบบนี้เท่านั้นที่มันจะยังคงอยู่ในเส้นทางที่กำหนดไว้ได้ ดังนั้น เราจึงถูกเตือนว่า:

"อย่า​เป็น​เหมือน​ม้า​หรือ​ล่อ ที่​ปราศจาก​ความ​เข้าใจ ซึ่ง​ต้อง​ติด​สาย​ผ่า​ปาก​และ​บัง‌เหียน มิ​ฉะนั้น​มัน​ก็​ไม่​ไป​กับ​เจ้า" 📕สดุดี 32:9📕

เมื่อเราพัฒนาการที่จะมีสายตาจับจ้องที่พระเจ้าเท่านั้น เราก็จะไม่ตอบสนองต่อพระองค์ดั่งม้าหรือล่อ (ทำตามความปรารถนาของเราเอง) อีกต่อไป แต่จะตอบสนองตามการนำของพระเจ้าเท่านั้น และเราสามารถทูลขอความรู้และพระปัญญาของพระองค์ได้

เราจะถูกยกไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิมในความสัมพันธ์กับพระองค์ ซึ่งเราสามารถจะแบกรับร่วมกับพระองค์ตามเป้าประสงค์แห่งพระราชกิจการไถ่ของพระองค์ เราจะเติบโตก้าวจากทำงานเพื่อพระองค์ มาสู่การทำงานร่วมกับพระองค์

ตอนนี้เรา (เจ้าสาวของพระองค์) สามารถพูดกับพระองค์ว่า "เรา​มี​น้องสาว​คน​หนึ่ง... (เธอยังไม่เติบโตในฝ่ายวิญญาณ): เรา​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​น้องสาว​ของ​เรา เมื่อ​ถึง​วัน​ที่​เขา​มา​สู่ขอ​น้อง​ของ​เรา" 📕บทเพลงซาโลมอน 8:8📕

ตอนนี้พระเจ้าสามารถสอนเรามากขึ้น เพื่อจะเตรียมเราให้ทำงานร่วมกับพระองค์บนความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกับพระองค์ในระดับที่สูงขึ้น พระองค์ตอบว่า:

"ถ้า​หาก​น้องสาว​นั้น​เป็น​กำ‌แพง เรา​ก็​จะ​สร้าง​สันปรา‌การ​เงิน​ไว้ และ​ถ้า​หาก​น้อง​เป็น​ประ‌ตู พวก​เรา​จะ​เอา​กลอน​ไม้​สน​สีดาร์​ขัด​บานประ‌ตู​เสีย"
📕บทเพลงซาโลมอน 8:9📕

การเป็น "กำแพง" หมายถึงประสบการณ์ในเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณของเธอตั้งอยู่บนรากฐานที่มั่นคง ดังนั้น เธอจึงสามารถถูกนำเข้าไปสู่แก่นสารและความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น

แต่ถ้าเธอเป็นประตูสวิงที่เหวี่ยงไปมา (หมายถึงความขึ้นๆลงๆในฝ่ายจิตวิญญาณ, บางทีก็เอาบางทีก็ไม่เอา, เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา) จิตวิญญาณของเธอจึงต้องถูกปกป้องเอาไว้ (เอากลอนไม้สนสีดาร์มาขัดเอาไว้)

นี่เป็นคุณสมบัติ (ดวงตาของเธอจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น) ดังนั้น จึงเคลื่อนใจพระองค์ให้ปรารถนาที่จะอยู่กับเจ้าสาวของพระองค์ในความสัมพันธ์ร่วมมือกันกระทำพระราชกิจ ดังนั้น เมื่อเธอร้องออกมาว่า:

"อ้อ เธอ​ผู้​ที่​ดิฉัน​รัก ขอ​บอก​ดิฉัน​ว่า เธอ​เลี้ยง​ฝูง​สัตว์​อยู่​ที่ไหน ใน​เวลา​เที่ยงวัน เธอ​ให้​มัน​นอน​พัก​ที่ไหน เพราะ​เหตุใด​เล่า​ดิฉัน​จะ​ต้อง​เอา​ผ้า​ปิด​ตาไป​ตาม​ฝูง​สัตว์​ของ​พวก​เพื่อน​เธอ"
📕บทเพลงซาโลมอน 1:7 📕

"ขอบอกดิฉัน" ความปรารถนาอันยิ่งยวดของเธอแสดงออกมาอย่างจดจ่อที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเธอ และเธอแสวงหาที่จะจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น

พระเจ้าตอบเธออย่างรวดเร็ว:

"โอ แม่งามเลิศ​ใน​ท่ามกลาง​หญิง​ทั้งหลาย ถ้า​เธอ​ไม่​รู้ จง​เดิน​ไป​ตาม​รอย​ตีน​ฝูง​แพะ​แกะ แล้ว​จง​เลี้ยง​ฝูง​แพะ​แกะ​ของ​เธอ​ไว้ ที่​ข้าง​เต็นท์​ของ​เมษ‌บาล​เถิด"
📕บทเพลงซาโลมอน 1:8📕

"จง​เดิน​ไป​ตาม​รอย​ตีน​ฝูง​แพะ​แกะ" นั่นคือ จงตามหาคนเหล่านั้นที่รู้จักพระเจ้า และพวกเขาจะนำคุณไปถึงพระเจ้า ไม่ใช่ไปหาโปรแกรมหรือเป้าประสงค์อื่น

เธอไม่พึงพอใจกับแค่ความรู้ในสิ่งต่างๆเกี่ยวกับพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นพันธกิจ ความสามารถ หรือบุคลิกต่างๆของการเป็นผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่จุใจเธออีกต่อไป เพราะตอนนี้ เธอต้องการรู้จักพระองค์อย่างสนิทสนมลึกซึ้ง การลดลงอย่างมากในเรื่องความทะเยอทะยาน ความปรารถนา และความใฝ่ฝันของเธอเองได้นำเธอมาสู่จุดนี้

ตอนนี้สายตาของเธอจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น และพระองค์ก็พร้อมแล้วที่จะนำเธอไป:

"ที่รัก​ของ​ดิฉัน​ได้​เอ่ย​ปาก​พูด​กับ​ดิฉัน​ว่า “ที่รัก​ของ​ฉัน​เอ๋ย เธอ​จง​ลุก​ขึ้น​เถอะคน​สวยงาม​ของ​ฉัน​เอ๋ย จง​มา​เถิด"
📕บทเพลงซาโลมอน 2:10📕

เรียบเรียงจากบทความของ...

Wade Taylor
Parousia Ministries | Wade Taylor Publications