สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน เข้าสู่เดือนเชสวานแล้วนะครับ เชสวานเป็นเดือนที่ 8 ตามปฏิทินศาสนา (Ecclesiastical calendar)และเป็นเดือนที่ 2 ปฏิทินการปกครอง (Civil calendar)ของอิสราเอลซึ่งในปี 2016 จะอยู่ในช่วงวันที่ 2 พ.ย. - 30 พ.ย.
“เชสวาน” (Cheshvan) บางทีในภาษาอังกฤษจะเขียนว่า Heshvan เพราะเป็นแปลมาจากภาษากรีกจะใส่ตัว H แทน Ch เพราะภาษาฮีบรูจะออกเป็นเสียงตัวอักษร ฆ เพราะสะกดด้วยตัว Chet ח (เฆท) จะออกเสียงเป็น "เฆทวาน"
คำว่า “เชสวาน” חֶשְׁוָן,(Cheshvan) ในภาษาฮีบรู จะมีคำนำหน้าเป็นคำว่า “มาร์เฆทวาน” (Mar Cheshvan) מַרְחֶשְׁוָן, แปลว่า ขม (bitter) ทั้งนี้เพราะเป็น"เดือนแห่งความขมขื่นใจ" เพราะเป็นเดือนที่ระลึกถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลก(ปฐมกาล 7)และเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธฺ์คนยิว (Holocaust)
ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า เดือนเชสวาน ชื่อเดิม คือ เดือนบูล (Bul)
ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า เดือนเชสวาน ชื่อเดิม คือ เดือนบูล (Bul)
1 พงศ์กษัตริย์ 6:38 และในปีที่ 11 ในเดือนบูล (Bul) ซึ่งเป็นเดือนที่ 8 พระนิเวศนั้นก็สำเร็จหมดทุกส่วนตามที่กำหนดไว้ทุกอย่าง พระองค์ทรงสร้างพระนิเวศนั้น 7 ปี
เดือนต่างๆของอิสราเอลจะมีเผ่าประจำแต่ละเดือน ซึ่งเราได้เรียนรู้จักลักษณะแต่ละเผ่าไปแล้ว ครั้งนี้ผมจะพูดถึงเผ่ามนัสเสห์
ผมขอตั้งชื่อเป็นภาษาไทย คือ นาย "สิ้นโศก" แม้ว่าจะเป็นบุตรหัวปีของโยเซฟ แต่สิทธิบุตรหัวปีของเขาได้ตกเป็นของน้องชายคือ เอฟราอิม หรือชื่อภาษาไทยที่ผมตั้งคือ นาย "เสริมพงศ์" เพราะพงศ์พันธ์ุของโยเซฟจะเกิดผลทวีคูณเพราะเอฟราอิม ทั้งนี้เนื่องจากการที่ยาโคบหรืออิสราเอลได้อวยพรหลานไว้
โยเซฟได้พาบุตรทั้งสองของท่านไปหายาโคบเพื่อนับการอธิษฐานอวยพร (ปฐมกาล 48) ขณะนั้น ยาโคบชรามากแล้ว จะลุกขึ้นนั่งก็แทบจะไม่ไหว เพื่อให้ง่ายต่อบิดา โยเซฟจึงวางเอฟราอิมไว้ที่มือซ้ายของยาโคบ และมนัสเสห์ไว้ที่มือขวาของยาโคบ
เนื่องจากมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี แต่ยาโคบ(อิสราเอล) กลับไขว้มือสลับตำแหน่งการอวยพร เขาได้วางมือขวาบนศีรษะของเอฟราอิม และอวยพรด้วยสิทธิบุตรหัวปี
สำหรับเดือนนี้เป็นเดือนที่ 2 คือ เดือนเชสวาน เดือนแห่งเผ่าเผ่ามนัสเสห์ เดือนที่เตือนใจให้ลืมความบาดเจ็บ ความขมขื่นใจในอดีตและมุ่งไปสู่อนาคต
เมื่อนกพิราบบินกลับมาพร้อมใบมะกอกเทศเขียวสด และเมื่อปล่อยมันอีกครั้ง มันก็ไม่กลับมาอีกเลย แสดงให้เห็นชัดว่า น้ำแห้งแล้ว มันสามารถหาที่พักทำรังได้ ท่านจึงได้ออกจากเรือ
ภาพของนกพิราบคาบใบมะกอกเทศจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความปลอดภัย
ในขณะที่อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายและสายรุ้งเป็นพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีกับมนุษย์ พระเจ้าทรงให้มนุษย์เกิดผลมีลูกดกและครอบครองฝูงสัตว์ต่างๆ มนุษย์สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (ปฐมกาล 9:1-17)
เดือนเชสวานจึงเป็นเดือนแห่งพันธสัญญานิรันดร์ของพระเมสิยาห์(Messiah)
เดือนเชสวาน เป็นเดือนที่ 8 ตามปฏิทินฮีบรูแบบศาสนา(Ecclesiastical Calendar) เลข 8 เป็นสัญลักษณ์ของ “การเริ่มต้นใหม่”(New Beginning)และ “การสำแดงนิรันดร์” (Eternal Revelation)ของพระเมสิยาห์(Messiah) พระเจ้าทรงตั้งรุ้งกินน้ำเพื่อนึกถึงพันธสัญญานิรันดร์ของพระองค์(ปฐก.9:12-13) พระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีและทรงนำความสำเร็จ(ฟป.1:6) แม้ว่าน้ำท่วม(ปัญหา)เข้ามาในชีวิต แต่พระเจ้าจะทรงเคลื่อนออกไป และจะจัดการปัญหาต่างๆของรา ระลึกถึงพันสัญญาของพระองค์และป่าวประกาศให้เกิดขึ้นเป็นจริง
อิสยาห์ 49:2 พระองค์ทรงทำปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำข้าพเจ้าให้เป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้เสียในแล่งของพระองค์
ดังนั้นในเดือนนี้เราควรจะเข้ามาอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อขอให้พระองค์วางเราไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับกองทัพของพระเจ้า ดังต่อไปนี้
เดือนแห่งความกล้าหาญ เดือนนี้เป็นเดือนของกิเดนโอน ชาวเผ่ามนัสเสห์ พระเจ้าทรงเรียก กิเดโอนว่า “บุรุษผู้กล้าหาญ” (วนฉ.6:14-15) อธิษฐานป่าวประกาศ ความกล้าหาญในทางของพระเจ้า เรียกตัวเราว่า ฉันเป็นนักรบของพระเจ้า(ยอล.3:10) ขอพระเยซูทรงเหยียบหัวงู(ซาตาน) และเราสามารถทำและจะต้องทำอย่างเดียวกับพระองค์ (รม 16.20) เราจะขึ้นไปเหยียบแผนของศัตรู สามารถมีชัยชนะเหนืออุบายทั้งสิ้นของผีร้ายได้ด้วยการให้อภัย
เดือนแห่งการเจิม น้ำมันมะกอกเป็น้ำมันที่ใช้ในการเจิม เดือนนี้เป็นเดือนที่ชีวิตของเราได้รับการสงวนไว้สำหรับเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อรับการเจิมในความโปรดปรานของพระองค์ การเจิมของพระองค์จะมีชัยชนะเหนือศัตรูของเรา การเจิมจะหักแอกแห่งพันธนาการของศัตรู (อสย. 10.27) อธิษฐานขอความชื่นชมยินดีแม้ว่าสถานการณ์รอบข้างอาจจะบีบเราอย่างหนักสิ่งที่อออกมาคือความเป็นตัวตนของเรา พระเจ้ากำลังให้เราผ่านสถานการณ์และรับการเจิมของพระองค์
เดือนเชสวานเป็นเดือนแห่งความยินดี เพราะเดือนนี้เป็นแห่งเผ่ามนัสเสห์ พระเจ้าทรงทำให้โยเซฟลืมความยากลำบากและความทุกข์ยาก ดังความหมายของชื่อเผ่ามนัสเสห์ (ปฐก 41:51)
อธิษฐานป่าวประกาศ ขอพระเจ้าประทานความชื่นชมยินดีแทนความขมขื่นใจ เราสามารถที่จะลืมความยากลำบากและความทุกข์ยาก
ชีวิตเราจะเป็นแบบเผ่ามนัสเสห์ คือ ลืมความยากลำบาก ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ จะโสมนัส หรือ จะโทมนัส ฉันจะนมัสการพระเจ้าได้เสมอทุกเวลา!
ขอพระเจ้าอวยพระพร พบกันใหม่เดือนคิสเลฟ(Kislev) เดือนแห่งเผ่าเบนยามิน(Benjamin)
เดือนต่างๆของอิสราเอลจะมีเผ่าประจำแต่ละเดือน ซึ่งเราได้เรียนรู้จักลักษณะแต่ละเผ่าไปแล้ว ครั้งนี้ผมจะพูดถึงเผ่ามนัสเสห์
(หมายเหตุ เรียนรู้จักลักษณะของเผ่าต่างๆประจำเดือนของอิสราเอลโดยสามารถอ่านบทความที่เขีนยไว้ตาม Link นี้ครับ
สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์,อิสสาคาร์ -
ลาที่มีกำลังกล้าหาญ,เศบูลุน-เรือสำเภามุ่งสู่จุดหมาย,รูเบน -
บุตรชายสายน้ำเชี่ยว,กาด
นักรบผู้เก่งฉกาจ,เอฟราอิม-กระทิงแห่งศักดิ์ศรี)
มนัสเสห์เป็นบุตรหัวปีของโยเซฟซึ่งเกิดในแผ่นดินอียิปต์ ท่านตั้งชื่อบุตรของท่านว่า "มนัสเสห์"(Manasseh) מְנַשֶּׁה ชื่อหมายความว่า "ทำให้ลืม" เป็นบุตรชายคนโตของโยเซฟ สาเหตุเพราะพระเจ้าทำให้โยเซฟลืมความทุกข์โศกที่ผ่านมา
ปฐมกาล 41:51 โยเซฟเรียกลูกหัวปีว่า มนัสเสห์ "เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้าลืมความยากลำบากทั้งปวง และบรรดาพงศ์พันธุ์ของบิดาเสีย...
ผมขอตั้งชื่อเป็นภาษาไทย คือ นาย "สิ้นโศก" แม้ว่าจะเป็นบุตรหัวปีของโยเซฟ แต่สิทธิบุตรหัวปีของเขาได้ตกเป็นของน้องชายคือ เอฟราอิม หรือชื่อภาษาไทยที่ผมตั้งคือ นาย "เสริมพงศ์" เพราะพงศ์พันธ์ุของโยเซฟจะเกิดผลทวีคูณเพราะเอฟราอิม ทั้งนี้เนื่องจากการที่ยาโคบหรืออิสราเอลได้อวยพรหลานไว้
โยเซฟได้พาบุตรทั้งสองของท่านไปหายาโคบเพื่อนับการอธิษฐานอวยพร (ปฐมกาล 48) ขณะนั้น ยาโคบชรามากแล้ว จะลุกขึ้นนั่งก็แทบจะไม่ไหว เพื่อให้ง่ายต่อบิดา โยเซฟจึงวางเอฟราอิมไว้ที่มือซ้ายของยาโคบ และมนัสเสห์ไว้ที่มือขวาของยาโคบ
เนื่องจากมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี แต่ยาโคบ(อิสราเอล) กลับไขว้มือสลับตำแหน่งการอวยพร เขาได้วางมือขวาบนศีรษะของเอฟราอิม และอวยพรด้วยสิทธิบุตรหัวปี
ปฐมกาล 48:14-16
14 ฝ่ายอิสราเอลก็เหยียดมือขวาออกวางบนศีรษะเอฟราอิมผู้เป็นน้อง และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะมนัสเสห์เหยียดมือออกไขว้กันเช่นนั้น เพราะมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี
15 แล้วอิสราเอลกล่าวคำอวยพรแก่โยเซฟว่า “ขอพระเจ้าที่อับราฮัมและอิสอัคบรรพบุรุษข้าพเจ้า ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์นั้น ขอพระเจ้าผู้ทรงบำรุงเลี้ยงข้าพเจ้า ตลอดชีวิตจนถึงวันนี้
16 ขอทูตสวรรค์ที่ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งสิ้น โปรดอวยพรแก่เด็กทั้งสองนี้ ให้พวกเขาสืบชื่อของข้าพเจ้าและชื่อของอับราฮัม และอิสอัคบรรพบุรุษของข้าพเจ้าไว้ และขอให้พวกเขาเจริญขึ้นเป็นมวลชนบนแผ่นดินเถิด”
ตามธรรมเนียมของคนยิว บุตรหัวปี (บุตรคนโต) จะได้รับพระพรเป็น 2 เท่า และมือขวาเล็งถึงสิทธิอำนาจและความโปรดปราน เหตุการณ์นี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับโยเซฟเป็นอย่างยิ่ง พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า โยเซฟไม่พอใจ โยเซฟจึงได้จับมือบิดาและพยายามจะสลับกลับให้ถูกต้อง แต่ยาโคบไม่ยอม
ปฐมกาล 48:17-19
17 ฝ่ายโยเซฟเมื่อเห็นบิดาวางมือข้างขวาบนศีรษะของเอฟราอิมก็ไม่พอใจ จึงจับมือบิดาเพื่อยกจากศีรษะเอฟราอิมวางบนศีรษะมนัสเสห์
18 โยเซฟบอกบิดาว่า “พ่อวางไม่ถูก เพราะคนนี้เป็นคนหัวปี ขอพ่อวางมือขวาบนศีรษะเขา”
19 แต่บิดาไม่ยอม ตอบว่า “พ่อรู้แล้ว ลูกเอ๋ย พ่อรู้แล้ว เขาจะเป็นคนเผ่าหนึ่งด้วย และเขาจะเป็นใหญ่ด้วย อย่างไรก็ดีน้องจะเป็นใหญ่กว่าพี่ และพงศ์พันธุ์ของน้องนั้นจะเป็นชนหลายหมู่รวมกัน”
เหตุกาณ์นี้เป็นภาพสัญลักษณ์ (Typology) นั่นคือ พงศ์พันธุ์ของยาโคบ(อิสราเอล)ที่ได้พร มนัสเสห์ได้ดีอย่างไร แต่เอฟราอิมจะได้ดียิ่งกว่า!
เราจะเห็นได้ว่าเอฟราอิมได้รับพระพรในส่วนที่ดีที่สุดในฐานะบุตรหัวปี หมายถึงการเริ่มต้นที่ดี เป็นเหตุให้เดือนทิชรีเดือนแห่งการเริ่มต้นปีของอสราเอล เป็นเดือนแห่งเผ่าเอฟราอิม!
มนัสเสห์และเอฟราอิมได้รับความรักอย่างมากมายจากยาโคบ ผู้เป็นปู่ของเขา ยาโคบรับหลานทั้งสองคนไว้เสมือนลูกของตัวเอง และได้อธิษฐานอวยพรมาเหนือหลานทั้ง 2 คน
มนัสเสห์และเอฟราอิมได้รับพรที่ยิ่งใหญ่ คำอวยพรที่มาถึงพวกเขากลายมาเป็นมาตรฐานที่คนยิวนำมาใช้อวยพรลูกหลานของพวกเขา
มนัสเสห์และเอฟราอิมได้รับพรที่ยิ่งใหญ่ คำอวยพรที่มาถึงพวกเขากลายมาเป็นมาตรฐานที่คนยิวนำมาใช้อวยพรลูกหลานของพวกเขา
ปฐมกาล 48:20 วันนั้นอิสราเอลก็ให้พรแก่ทั้งสองคนว่า “พวกอิสราเอลจะใช้ชื่อเจ้าให้พรว่า ‘ขอพระเจ้าทรงโปรดให้ท่านเป็นเหมือนเอฟราอิม และเหมือนมนัสเสห์ เถิด’ ” อิสราเอลจึงให้เอฟราอิมเป็นใหญ่กว่ามนัสเสห์
คนยิวในทุกวันนี้ เมื่อจะกล่าวคำอวยพรเด็กๆ ในวันสะบาโต (Shabbat) พวกเขาจะอธิษฐานให้พระเจ้าทรงอวยพระพรเด็กๆ ให้เป็นเหมือนเอฟราอิม และมนัสเสห์
คนยิวในทุกวันนี้ เมื่อจะกล่าวคำอวยพรเด็กๆ ในวันสะบาโต (Shabbat) พวกเขาจะอธิษฐานให้พระเจ้าทรงอวยพระพรเด็กๆ ให้เป็นเหมือนเอฟราอิม และมนัสเสห์
เราจะเห็นได้ว่าการกล่าวคำอวยพรเหนือลูกหลาน นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเมื่อเรากล่าวคำอวยพรลูกหลาน ของเรา พวกเขาก็จะได้รับพระพรนั้น
สัญลักษณ์ของเผ่ามนัสเสห์ คือ ช่อมะกอกเทศ(Olive) และธนู(Arrow) ตามคำอวยพรของยาโคบ(อิสราเอล) อวยพรหลานของตน คือมนัสเสห์และเอฟราอิม ซึงเป็นบุตรของโยเซฟ
22 โยเซฟเป็นกิ่ง(มะกอกเทศ)ที่เกิดผล เป็นกิ่งที่เกิดผลอยู่ริมบ่อน้ำ มีกิ่งเลื้อยบนกำแพง
23 พวกทหารธนูโจมตีเขาอย่างโหดร้าย ทั้งยิงและข่มขู่เขา
24 แต่ธนูของเขาเองยืนหยัด ลำแขนของเขามีกำลังขึ้น โดยพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ โดยพระนามของผู้เลี้ยงแกะคือศิลาแห่งอิสราเอล
24 แต่ธนูของเขาเองยืนหยัด ลำแขนของเขามีกำลังขึ้น โดยพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ โดยพระนามของผู้เลี้ยงแกะคือศิลาแห่งอิสราเอล
หากสืบเชื้อสายแล้วเผ่าเอฟราอิมคือ ประเทศอังกฤษ และมนัสเสห์คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อมนัสเสห์แยกจากเอฟราอิม คือ สหรัฐอเมริกาอเมริกามาตั้งประเทศใหม่
เดือนเชสวานจึงเกี่ยวโยงกับประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 พ.ย. ( 7 เชสวาน)
ตราสัญลักษณ์ของประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เป็นรูปนกอินทรีถือช่อมะกอกและธนู เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ของเผ่ามนัสเสห์!
นกอินทรีถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของชาติ ในปี ค.ศ.1782 เพราะนกอินทรีเปี่ยมไปด้วยสปิริตแห่งเสรีภาพ แข็งแรงและทรงพลังจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาติที่จะนำพาเสรีภาพต่อโลก
ตรานี้เป็นภาพแสดงให้เห็นนกอินทรีกางปีก ตรงหน้าอกมีโล่เป็นแถบสีขาวและแดงในแนวตั้งฉากรวม 13 แถบ ขาขวาเหนี่ยวกิ่งมะกอกไว้ ขณะที่ขาซ้ายมีลูกธนู 13 ดอก (เริ่มแรกสหรัฐฯมี 13 รัฐ)
และจะงอยปากคีบม้วนกระดาษที่บันทึกคำว่า
และจะงอยปากคีบม้วนกระดาษที่บันทึกคำว่า
"E Pluribus Unum." เป็นภาษาละตินและเป็นคำขวัญประจำชาติ มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า "From many, one" คือ ความหลากหลายกลายรวมเป็นชาติเดียว
การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นการกำหนดเป้าประสงค์และแผนการในอนาคตของโลกที่ควรจะจับตามองและเฝ้าอธิษฐานเผื่อ!
สำหรับผลการเลือกตั้ง ผู้ที่ได้เป็นประธานาธิบดี คนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา คือ นาย โดนัลด์ ทรัมพ์ (Donald Trump) เราต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกนับจากนี้ไป
ประเด็นทางการเมือง ผมขอข้ามไปและไม่กล่าวในที่นี้ แต่สิ่งที่เราจะมาพิจารณา คือ เดือนเชสวาน เดือนแห่งเผ่ามนัสเสห์ !
เดือนนี้เชื่อมโยงกับการเกิดน้ำท่วมโลก(The Great Flood) ในสมัยของโนอาห์(Noah) บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 6-9
โดยเริ่มต้นในวันที่ 17 เดือนเชสวาน และสิ้นสุดในอีกปีหนึ่งตรงกับวันที่ 28 เดือนนี้เช่นกัน ดังนั้นเดือนเชสวานจึงเป็นเดือนแห่งการพิพากษาโลกของพระเจ้า โนอาห์ได้สร้างเรือ(Ark) และอยู่ในเรือในช่วงน้ำท่วมโลกเป็นเวลาถึง 1 ปีกับ 10 วัน
(ในพระธรรมปฐมกาล
บทที่ 7:10-24,8:1-12 พระเจ้าทรงบันดาลให้ฝนตกหนักตลอด 40 วัน จนเกิดน้ำท่วมแผ่นดินเป็นเวลา 150 วัน
ผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั่วโลกต่างตายจนหมดสิ้น เหลือเพียงครอบครัวของ
โนอาห์และฝูงสัตว์ที่เขานำขึ้นเรืออย่างละคู่ หลังจากนั้น พระเจ้าจึงทรงกระทำให้น้ำลดลง ซึ่งใช้เวลาอีก
150 วัน แผ่นดินจึงแห้ง
รวมเวลาทั้งสิ้นประมาณ 370 วัน ( 1 ปีของฮีบรู คือ 360 วัน)
ปฐมกาล 7:10-24
10 ครั้นล่วงไป 7 วัน น้ำก็ท่วมแผ่นดิน
11 เมื่อโนอาห์มีอายุได้ 600 ปี ในเดือนที่ 2 วันที่ 17 ของเดือนนั้น (17 เชสวาน) ในวันนั้นเองน้ำพุใต้บาดาลที่ลึกมากทั้งหมดก็พลุ่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิด
12 ฝนตกบนแผ่นดิน 40 วัน 40 คืน
13 วันเดียวกันนั้นโนอาห์กับเชม ฮาม และยาเฟท บรรดาบุตรของท่าน และภรรยาของโนอาห์ กับบุตรสะใภ้สามคนเข้าไปในเรือ...
24 น้ำท่วมแผ่นดินอยู่ถึง 150 วัน
ปฐมกาล 8:1-12
3 น้ำก็ลดลงจากแผ่นดินเรื่อยๆ เมื่อล่วงไป 150 วันแล้ว น้ำก็ลดระดับลง
4 ณ วันที่ 17 ของเดือนที่ 7 ( 17 นิสาน) เรือก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต
8:5 น้ำนั้นลดระดับลงเรื่อยๆ จนถึงเดือนที่ 10 ในวันที่ 1 เดือนที่10 (10 ทัมมุส) ก็เห็นบรรดายอดภูเขา
6 เมื่อครบ 40 วันแล้ว โนอาห์ก็เปิดหน้าต่างที่ทำไว้ในเรือ
7 ปล่อยกาไปตัวหนึ่ง กาก็บินไปและบินกลับมา จนน้ำลดแห้งจากแผ่นดิน
8 โนอาห์ก็ปล่อยนกพิราบตัวหนึ่ง เพื่อดูว่าน้ำลดลงไปจากแผ่นดินแล้วหรือยัง
9 แต่นกพิราบนั้นไม่พบที่ที่จะเกาะได้ จึงบินกลับมาหาโนอาห์ที่เรือเพราะน้ำยังท่วมแผ่นดินอยู่ โนอาห์จึงยื่นมือออกไปจับนกพิราบนั้นมาหาท่านนำเข้าไปในเรือ
10 โนอาห์เฝ้าคอยอยู่อีก 7 วัน จึงปล่อยนกพิราบไปจากเรืออีก
11 ครั้นเวลาเย็นนกพิราบก็กลับมาหาโนอาห์ และคาบใบมะกอกเทศเขียวสดมาด้วย โนอาห์จึงรู้ว่าน้ำลดจากแผ่นดินแล้ว
8:12 โนอาห์เฝ้าคอยอยู่อีก 7 วันหลังจากนั้นจึงปล่อยนกพิราบไป นกนั้นไม่กลับมาหาโนอาห์อีกเลย
ในวันที่ 28 เดือนเชสวาน
โนอาห์ได้นำเครื่องสัตวบูชามาถวายแด่พระเจ้า และพระองค์ทรงมอบรุ้งกินน้ำให้เป็นพันธสัญญาว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเพื่อทำลายล้างมนุษย์อีก
ปฐมกาล 9:13-14
13 คือเราตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆ และรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับโลก
14 เมื่อเราให้มีเมฆเหนือแผ่นดิน และมีรุ้งขึ้นที่เมฆนั้น
สิ่งที่เป็นข้อคิดจากเหตุกาณ์น้ำท่วมโลกครั้งนี้ คือ
1.พระเจ้าทรงมีเอกสิทธิ์ในการพิพากษามนุษย์ เมื่อมนุษย์ทำบาปไม่กลับใจจะถูกการพิพากษา
2.โนอาห์เชื่อฟังพระเจ้าในการต่อเรือความรอดจึงมาสู่ครอบครัวของเขา
3.น้ำท่วมจะยังไม่เคลื่อนออกไปจนกว่าพระเจ้าจะจัดการกับรากของปัญหา
4.พระเจ้าทรงมีเวลาแห่งการปลดปล่อยและทรงเป็นผู้ริเริ่มพันธสัญญาให้กับมุษย์
เมื่อน้ำเริ่มลดลง โนอาห์ใช้สติปัญญาอย่างมาก ไม่ผลีผลามรีบออกจากเรือ แม้รู้ว่าน้ำได้ลดลงแล้ว ท่านได้ทดสอบโดยการปล่อยนกอีกาออกไป โนอาห์ส่งไปเพื่อทดสอบว่าน้ำลดลงไหมและมีผู้รอดชีวิตไหม โดยปกติอีกาจะบินไปกินซากศพ ปรากฏว่าอีกาไม่พบอะไร มันจึงบินกลับมาและท่านจึงได้ปล่อยนกพิราบออกไปหลายครั้งจนมั่นใจแน่ใจ เมื่อนกพิราบบินกลับมาพร้อมใบมะกอกเทศเขียวสด และเมื่อปล่อยมันอีกครั้ง มันก็ไม่กลับมาอีกเลย แสดงให้เห็นชัดว่า น้ำแห้งแล้ว มันสามารถหาที่พักทำรังได้ ท่านจึงได้ออกจากเรือ
ภาพของนกพิราบคาบใบมะกอกเทศจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความปลอดภัย
ในขณะที่อีกาเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายและสายรุ้งเป็นพันธสัญญาของพระเจ้าที่มีกับมนุษย์ พระเจ้าทรงให้มนุษย์เกิดผลมีลูกดกและครอบครองฝูงสัตว์ต่างๆ มนุษย์สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (ปฐมกาล 9:1-17)
เดือนเชสวานจึงเป็นเดือนแห่งพันธสัญญานิรันดร์ของพระเมสิยาห์(Messiah)
เดือนเชสวาน เป็นเดือนที่ 8 ตามปฏิทินฮีบรูแบบศาสนา(Ecclesiastical Calendar) เลข 8 เป็นสัญลักษณ์ของ “การเริ่มต้นใหม่”(New Beginning)และ “การสำแดงนิรันดร์” (Eternal Revelation)ของพระเมสิยาห์(Messiah) พระเจ้าทรงตั้งรุ้งกินน้ำเพื่อนึกถึงพันธสัญญานิรันดร์ของพระองค์(ปฐก.9:12-13) พระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีและทรงนำความสำเร็จ(ฟป.1:6) แม้ว่าน้ำท่วม(ปัญหา)เข้ามาในชีวิต แต่พระเจ้าจะทรงเคลื่อนออกไป และจะจัดการปัญหาต่างๆของรา ระลึกถึงพันสัญญาของพระองค์และป่าวประกาศให้เกิดขึ้นเป็นจริง
สัญลักษณ์ของเผ่ามนัสเสห์เป็นภาพของช่อมะกอกและธนู ดังนั้นจึงเผ่าที่รักสงบแต่ถึงรบก็ไม่ขลาด เพราะเผ่ามนัสเสห์เป็นเผ่าแห่งนักรบที่เก่งกล้า
1 พงศาวดาร 5:18 คนรูเบน คนกาด และ คนเผ่ามนัสเสห์กึ่งหนึ่งมีคนเก่งกล้า
ผู้ถือโล่และดาบ และโก่งธนู ชำนาญศึกสี่หมื่นสี่พันเจ็ดร้อยหกสิบคน
พร้อมที่จะเข้ารบ
เผ่านมัสเสห์พงศ์พันธุ์ของโยเซฟได้ส่งผ่านพระพรแก่โมเสส ซึ่งยาโคบ (อิสราเอล) ได้ให้ไว้แก่เอฟราอิมและมนัสเสห์
เฉลยธรรมบัญญัติ 33:17 ลูกโคหัวปีของเขาเป็นศักดิ์ศรีของเขา
เขาของเขาเหมือนเขาวัวกระทิง และด้วยเขานั้น เขาจะดันชนชาติทั้งหลายออกไปจนสุดปลายพิภพ
คือคนเอฟราอิมนับหมื่น และคนมนัสเสห์นับพัน
เผ่ามนัสเสห์ได้ส่วนแบ่งบางส่วนอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
ซึ่งอยู่ติดกับแผ่นดินของเผ่า เอฟราอิม
และอีกส่วนหนึ่งทางตะวันออกของของแม่น้ำจอร์แดนในทุ่งเลี้ยงสัตว์อันอุดมสมบูรณ์แห่งบาชาน
กิเลอาด และโกลาน เผ่ามนัสเสห์จะช่วยเหลือเผ่าเอฟราอิมในการรวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจายเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:13-17)
นักรบคนสำคัญของเผ่ามนัสเสห์ คือ กิเดนโอน บุรุษผู้กล้าของพระเจ้า
กิเดโอน (Gideon) หนึ่งในผู้วินิจฉัยในสมัยนั้นที่พระเจ้าทรงเรียกเขา
เพื่อนำอิสราเอลให้พ้นการกดขี่ของศัตรู เวลานั้นอิสราเอลได้ทำบาปกับพระเจ้าจึงเป็นเหตุให้เขาตกอยู่ในการกดขี่ของพวกมีเดียน
คนเหล่านี้ได้ยกทัพมาโจมตี และทำลายสิ่งต่างๆ ของอิสราเอล ในพระธรรมผู้วินิจฉัยบทที่ 7 และ 8
เราเห็นพระเจ้าใช้กิเดโอนเรียกกองทัพอิสราเอลไปสู้รบกับชาวมีเดียน 135,000 คน จากกองทัพอิสราเอล 32,000 คนแต่ในท้ายที่สุดพระเจ้าใช้คนอิสราเอลเพียง 300 คน โดยการนำของกิเดโอนให้มีชัยชนะเหนือกองทัพที่ใหญ่โตของคนมีเดียน
พระเจ้าทรงกระทำกิจยิ่งใหญ่อัศจรรย์ท่ามกลางพวกเขา
พระเจ้าทรงเรียกกิเดโอนว่าเป็นบุรุษผู้กล้าหาญ
(God calls Gideon a mighty warrior) ในเวลานั้น กิเดโอนเป็นเพียงแค่คนสามัญที่ไม่มีใครรู้จัก
ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่ต่ำต้อยที่สุดในเผ่ามนัสเสห์
และเขาก็เป็นคนที่เล็กน้อยที่สุดในครอบครัว
ผู้วินิจฉัย 6:14-15
14 และพระยาห์เวห์ทรงหันมาหาท่านและตรัสว่า “จงไปช่วยคนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมีเดียนด้วยกำลังของเจ้านี่แหละ
เราใช้เจ้าไปไม่ใช่หรือ?”
15
ท่านจึงทูลว่า “องค์เจ้านายของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลได้อย่างไร? นี่แน่ะ ตระกูลบิดาของข้าพระองค์ต่ำต้อยที่สุดในเผ่ามนัสเสห์
และตัวข้าพระองค์ก็เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในบ้านบิดาข้าพระองค์
”
พระเจ้าทรงเรียกกิเดโอนขณะที่เขานวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่น
ซึ่งโดยปกติแล้วการนวดข้าวสาลี
ต้องนวดในพื้นที่เปิด
เขาจะนำรวงข้าวมาตีกับไม้ที่ลานนวดเพื่อแยกฟางกับเมล็ดข้าวออกจากกัน
บางครั้งก็โยนขึ้นไปในอากาศเพื่อให้ลมพัดแกลบไป แต่กิเดโอนกลับไปนวดข้าวสาลีในบ่อย่ำองุ่น
ซึ่งเป็นสถานที่ปิด และมีต้นไม้ล้อมรอบมากมาย
ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสำหรับการนวดข้าว เพราะเหตุใดกิเดโอนจึงได้ทำเช่นนั้น?
นั่นเพราะเขากลัว! เขากลัวว่าคนมีเดียนจะมาขโมยข้าวของเขาและอาจจะฆ่าเขาเสีย
เขากลัวว่าจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้กิเดโอนไปสู้รบกับคนมีเดียน
เขาต้องการความมั่นใจ โดยการขอหมายสำคัญจากพระเจ้า
ผู้วินิจฉัย 6:17 เขาก็ทูลพระองค์ว่า "ถ้าบัดนี้ข้าพระองค์เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ ขอพระองค์โปรดให้ข้าพระองค์เห็นหมายสำคัญว่า
ผู้ที่พูดอยู่กับข้าพระองค์นี้คือพระองค์เอง ผู้
วินิจฉัย 6:36-40
36 กิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า "ถ้าพระองค์จะช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์
ดังที่พระองค์ตรัสแล้วนั้น
37
ดูเถิด
ข้าพระองค์ได้วางกลุ่มขนแกะไว้ที่ลานนวดข้าว แม้มีน้ำค้างเฉพาะที่กลุ่มขนแกะเท่านั้น
ส่วนที่พื้นดินโดยรอบนั้นแห้ง ข้าพระองค์ก็จะทราบว่า
พระองค์จะทรงช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสนั้น"
38 ก็เป็นไปดังนั้นเมื่อกิเดโอนตื่นขึ้นในวันรุ่งเช้าก็บีบกลุ่มขนแกะ
เขาบีบได้น้ำค้างจากกลุ่มขนแกะจนเต็มชาม
39 แล้วกิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า "ขออย่าให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อข้าพระองค์
ขอข้าพระองค์ทูลอีกสักครั้งเดียว
ขอข้าพระองค์ทดลองด้วยกลุ่มขนแกะนี้อีกครั้งหนึ่งเถิด
คราวนี้ขอให้แห้งเฉพาะที่กลุ่มขนแกะ ส่วนที่พื้นดินนั้นให้มีน้ำค้างโดยทั่วไป"
40 ในคืนวันนั้นพระเจ้าก็ทรงกระทำตามที่ขอ
คือกลุ่มขนแกะนั้นแห้งอยู่ แต่มีน้ำค้างอยู่ทั่วพื้นดิน
แม้กิเดโอนจะมีความเชื่อน้อยและขาดความมั่นใจ
แต่พระเจ้าทรงอดทนจนเขาเติบโตขึ้นในความเชื่อ พระเจ้าไม่ต้องการให้เขาเย่อหยิ่ง แต่ให้ถ่อมใจลง
และทำให้เขาเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยให้กิเดโอนคัดทหารให้เหลือเพียง 300 คน ในที่สุด
กองทัพกิเดโอนก็สามารถพิชิตกองทัพของมีเดียนที่มีมากกว่าแสนคนได้
ในเดือนนี้ เราจะเป็นดั่งกิเดโอนบุรุษผู้กล้าหาญของพระเจ้า แม้ว่าเราจะเป็นผู้เล็กน้อย
หรือมีกำลังน้อยเพียงใดก็ตาม แต่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะกระทำให้เรามีชัยชนะได้
เราจะเป็นดั่งลูกธนูของพระเจ้าที่ถูกขัดมันและวางในตำแหน่งที่พร้อมที่จะถูกไปสู่เป้าหมายของพระเจ้า
ดังนั้นในเดือนนี้เราควรจะเข้ามาอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อขอให้พระองค์วางเราไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับกองทัพของพระเจ้า ดังต่อไปนี้
เดือนแห่งความกล้าหาญ เดือนนี้เป็นเดือนของกิเดนโอน ชาวเผ่ามนัสเสห์ พระเจ้าทรงเรียก กิเดโอนว่า “บุรุษผู้กล้าหาญ” (วนฉ.6:14-15) อธิษฐานป่าวประกาศ ความกล้าหาญในทางของพระเจ้า เรียกตัวเราว่า ฉันเป็นนักรบของพระเจ้า(ยอล.3:10) ขอพระเยซูทรงเหยียบหัวงู(ซาตาน) และเราสามารถทำและจะต้องทำอย่างเดียวกับพระองค์ (รม 16.20) เราจะขึ้นไปเหยียบแผนของศัตรู สามารถมีชัยชนะเหนืออุบายทั้งสิ้นของผีร้ายได้ด้วยการให้อภัย
เดือนแห่งการเจิม น้ำมันมะกอกเป็น้ำมันที่ใช้ในการเจิม เดือนนี้เป็นเดือนที่ชีวิตของเราได้รับการสงวนไว้สำหรับเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อรับการเจิมในความโปรดปรานของพระองค์ การเจิมของพระองค์จะมีชัยชนะเหนือศัตรูของเรา การเจิมจะหักแอกแห่งพันธนาการของศัตรู (อสย. 10.27) อธิษฐานขอความชื่นชมยินดีแม้ว่าสถานการณ์รอบข้างอาจจะบีบเราอย่างหนักสิ่งที่อออกมาคือความเป็นตัวตนของเรา พระเจ้ากำลังให้เราผ่านสถานการณ์และรับการเจิมของพระองค์
เดือนเชสวานเป็นเดือนแห่งความยินดี เพราะเดือนนี้เป็นแห่งเผ่ามนัสเสห์ พระเจ้าทรงทำให้โยเซฟลืมความยากลำบากและความทุกข์ยาก ดังความหมายของชื่อเผ่ามนัสเสห์ (ปฐก 41:51)
อธิษฐานป่าวประกาศ ขอพระเจ้าประทานความชื่นชมยินดีแทนความขมขื่นใจ เราสามารถที่จะลืมความยากลำบากและความทุกข์ยาก
ชีวิตเราจะเป็นแบบเผ่ามนัสเสห์ คือ ลืมความยากลำบาก ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ จะโสมนัส หรือ จะโทมนัส ฉันจะนมัสการพระเจ้าได้เสมอทุกเวลา!
ขอพระเจ้าอวยพระพร พบกันใหม่เดือนคิสเลฟ(Kislev) เดือนแห่งเผ่าเบนยามิน(Benjamin)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น