บทความเรื่อง "พระเจ้าทรงนำผ่านสิ่งที่อยู่ในหัวใจของคุณ!"
โดย Haiyong Kavilar
เมื่อไม่นานมานี้มีพี่น้องท่านหนึ่งฝากให้ผมช่วยค้นคว้าความหมายของคำว่า
“ปฏิเสธตนเอง” ในข้อพระคัมภีร์ที่ว่า
(มัทธิว
16:24) พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า
“ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา
ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
สมัยก่อนผมเคยใคร่ครวญความหมายของการ
“ปฏิเสธตนเอง” ซึ่งแต่ก่อนผมตีความหมายวลีนี้ว่า
ให้ปฏิเสธความต้องการของตนเองหรือปฏิเสธความคิดเห็นของตนเอง และรับเอาน้ำพระทัยและความคิดเห็นของพระเจ้าเข้ามาแทนที่
อย่างไรก็ตามเมื่อวันเวลาผ่านไป
ผมก็รู้สึกว่าความเข้าใจแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยเหลือผมในการดำเนินชีวิตกับพระคริสต์มากนัก
แถมยังทำให้ผมดำเนินชีวิตอย่างไม่เป็นธรรมชาติด้วย
เพราะมัวแต่กลัวว่าความคิดหรือความต้องการของตัวเองจะขัดแย้งกับน้ำพระทัยของพระเจ้า
ต่อมาผมก็ได้ค้นพบว่าในพันธสัญญาใหม่
พระเจ้ามิได้เพียงแค่ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับผู้เชื่อเท่านั้น
แต่พระเจ้าประทาน “หัวใจใหม่” ให้กับผู้เชื่อด้วย
(เอเสเคียล 36:26) เราจะให้ใจใหม่แก่พวกเจ้า
และเราจะบรรจุวิญญาณใหม่ไว้ภายในของเจ้าทั้งหลาย
เราจะนำใจหินออกจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า
วินาทีที่ผู้เชื่อบังเกิดใหม่
ไม่เพียงแต่วิญญาณของผู้เชื่อเปลี่ยนแปลง แต่หัวใจของผู้เชื่อก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ในพันธสัญญาใหม่พระเจ้าได้ทรงจารึกพระบัญญัติไว้ที่หัวใจของผู้เชื่อ
ซึ่งต่างจากพันธสัญญาเดิมที่พระเจ้าจารึกพระบัญญัติไว้ที่แผ่นศิลา
ด้วยเหตุนี้ในพันธสัญญาใหม่
พระเจ้าทรงนำผู้เชื่อผ่านความปรารถนาที่อยู่ในหัวใจของผู้เชื่อด้วย
บางครั้งเราสามารถรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ผ่านความปรารถนาที่อยู่ในหัวใจของเรา
ฮาโรลด์
เอเบอร์เล (อัครทูตผู้เขียนหนังสือ
ศาสนศาสตร์ระบบสำหรับการปฏิรูปอัครทูตครั้งใหม่) ได้กล่าวไว้ว่า “บางครั้งเมื่อผมยุ่งอยู่กับพันธกิจจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป
แทนที่ผมจะใคร่ครวญว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคืออะไร ผมจะถามตัวเองว่า
อะไรคือสิ่งที่ผมต้องการทำมากที่สุดในตอนนี้ เหตุที่ผมถามตัวเองเช่นนี้
เพราะผมเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ทำกิจอยู่ในหัวใจผม หัวใจของผมจึงเป็นช่องทางหลักที่พระเจ้าทรงนำ”
ในพันธสัญญาใหม่
นอกจากที่พระเจ้าประทานหัวใจใหม่ให้กับผู้เชื่อแล้ว
พระองค์ยังทรงประทานให้ผู้เชื่อมีความคิดของพระคริสต์อยู่ภายในด้วย
(1
โครินธ์ 2:16) เพราะว่า
“ใครเล่ารู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า ? เพื่อจะแนะนำสั่งสอนพระองค์ได้” แต่เราก็มีพระทัย[ความคิด]ของพระคริสต์
Dr. Harold R. Eberle |
เมื่อผมเข้าใจว่าในพันธสัญญาใหม่ พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถนำผู้เชื่อผ่านหัวใจและความคิดได้
การตีความวลี “ปฏิเสธตนเอง” จึงเปลี่ยนไป โจนาธาน เวลตัน
(ผู้เผยพระวจนะและนักวิชาการด้านพระคัมภีร์)
ได้กล่าวถึงความหมายของการปฏิเสธตัวเองไว้ในหนังสือ Eyes
of Honor
ว่า คำว่า “ตนเอง”
นี้ไม่ได้หมายถึงเนื้อหนังหรือจิตของเรา แต่หมายถึงชื่อเสียงของเรา
ตามความเข้าใจของผู้เชื่อในศตวรรษแรก ความหมายของการแบกกางเขนตามพระเยซูคือการยอมสละชื่อเสียงของตน
เนื่องจากในสมัยนั้นการติดตามพระเยซูคือการถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นอาชญากร (พระเยซูเองก็ถูกตรึงกางเขนอย่างอาชญากร)
การปฏิเสธตัวเองตามบริบทนี้จึงหมายถึงการสละชื่อเสียง ไม่ได้หมายถึงการตรึงเนื้อหนังแต่อย่างใด
หนังสือแนะนำเพิ่มเติม
Jesus Came Out of the Tomb So Can You เขียนโดย Harold
Eberle
Eyes of Honor เขียนโดย Jonathan Welton
Eyes of Honor เขียนโดย Jonathan Welton
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น