บทความครั้งนี้ ผมขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระนามของพระเยซูคริสต์ พระนามของพระองค์ทรงเป็นพระนามอัศจรรย์เพื่อเป็นการเปิดประตูสู่การก้าวกระโดดในมิติอัศจรรย์ร่วมกับพระองค์
พระนาม พระเยซู (Jesus) หรือ พระเยซูแห่งนาซาเรธ (Jesus of Nazareth) เป็นชาวยิวซึ่งเป็นศาสดาของคริสต์ศาสนา ชาวคริสต์เรียกเยซูแห่งนาซาเร็ธว่า พระเยซูคริสต์ และถือว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า เป็นพระเจ้าเอง และเป็นหนึ่งในพระตรีเอกานุภาพ
คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "อิเอซูส" Ιησους ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีรีแอก (Syriac) ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด"
ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น กษัตริย์มหาปุโรหิต ศาสดาประกาศ เป็นต้น
(ข้อมูลจาก สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย)
(ข้อมูลจาก สารานุกรมเสรี วิกิพีเดีย)
ตามคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์
อิสยาห์ 9:6 “ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่านจะเรียกนามของท่านว่า
"ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช"
การเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์เป็นของขวัญอันล้ำค่าสำหรับมวลมนุษย์ ผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ก็ได้รับของขวัญอันล้ำค่ากว่าสิ่งใดในโลก เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเรา (อิมมานูเอล)
มัทธิว 1:23
ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล (แปลว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา)
พระนามของพระเยซูคริสต์ จึงมีความสำคัญต่อชีวิตของเรา เพราะพระองค์ทรงเป็น…
1.
ที่ปรึกษามหัศจรรย์ (Wonderful
Counsellor)
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ ผู้ทรงสามารถประทานทางออกแก่ผู้ที่เผชิญปัญหา ผู้ใดก็ตามที่ถ่อมใจลง ขอคำปรึกษาและพึ่งพาพระองค์จะไม่ผิดหวังเลย เพราะพระองค์ทรงสัพพัญญู เปี่ยมด้วยพระปัญญา จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างมหัศจรรย์
2.
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ (Mighty God)
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ มีฤทธานุภาพสูงสุด
เอเฟซัส 1:21-22
21 สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย
22 พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร
ผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์จะได้รับการปกป้องดูแลอย่างดี และไม่มีสิ่งใด ปัญหาใดของเราจะเกินกำลังของพระองค์เพราะพระองค์กระทำได้ทุกสิ่งด้วยฤทธานุภาพของพระองค์
มาระโก 10:27 พระเยซูทอดพระเนตรเหล่าสาวกแล้วตรัสว่า "ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง"
3.
พระบิดานิรันดร์ (Everlasting
Father)
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นดั่งบิดาในฝ่ายจิตวิญญาณของผู้เชื่อทุกคน พระองค์เสด็จมาบังเกิดในโลกนี้เพื่อให้มนุษย์กลับมามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า โดยพระองค์เราจึงสามารถเข้าหาพระเจ้าได้ตลอดเวลา เราผู้ซึ่งเป็นลูกของพระเจ้าได้รับการปกป้องดูแล การสั่งสอน และได้รับความรัก ความอบอุ่นจากพระองค์ พระองค์ทรงพระชนม์เป็นนิตย์ และทรงอยู่กับเราตลอดไป
ยอห์น 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
โรม 8:15 เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า "อับบา"คือพระบิดา
4.
องค์สันติราช (Prince of Peace)
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์สันติภาพ ผู้นำการคืนดีกับพระเจ้ามาสู่มวลมนุษย์ และนำสันติภาพและสันติสุขมาสู่มนุษย์ ผู้ที่ต้อนรับพระองค์เข้ามาในใจจะได้รับสันติสุขที่ท่วมท้นเป็นสันติสุขทีเกินบรรยายและไม่อาจหาได้จากโลกนี้
ยอห์น 14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
ขอบคุณ อาจารย์ปัทมโรจน์ สำหรับความรู้และความเข้าใจ ขอพระเจ้าอวยพระพรอย่างยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ ตลอดการดำเนินชีวิตในวิถึของลูกพระเจ้า องค์ผู้สูงสุด เอเมนคะ
ตอบลบ