23 พฤศจิกายน 2559

การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่

บทความครั้งนี้ ผมขอนำบทความของน้องชายในพระคริสต์ท่านหนึ่งเขียนและนำมาลงใน blog นะครับ ฝากผลงานด้วยนะครับ
การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่ 
โดย  Haiyong Kavilar

ลักษณะของพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก ลักษณะของพันธสัญญาเดิมเน้นไปที่กฎเกณฑ์ภายนอกและเกี่ยวข้องกับการกล่าวโทษ แต่ลักษณะของพันธสัญญาใหม่เน้นพระบัญญัติที่อยู่ในใจและเกี่ยวข้องกับการยกโทษและพระคุณ เวลาที่เพื่อนๆอ่านพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่เพื่อนๆก็สามารถรับรู้ถึงความแตกต่างได้ไม่ยาก ถ้าลักษณะของพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่มีความแตกต่างมากขนาดนี้แล้ว การเผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่ก็มีความแตกต่างกันด้วย

การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่จึงเน้นในแง่ของการให้ความหวังและพระคุณ ซึ่งไม่เหมือนกับพันธสัญญาเดิมที่เป็นเชิงกล่าวโทษ ใน (1คร.14:4) ก็ได้บอกถึงลักษณะของคำเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่

(1คร.14:4) แต่​ผู้​ที่​เผย​พระ​วจนะ​นั้น พูด​กับ​มนุษย์​เพื่อ​ให้​เจริญ​ขึ้น ให้​มี​การ​ชู​ใจ​และ​การ​ปลอบ​ใจ

การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่นั้นทำให้ผู้ฟังเจริญขึ้น ได้รับการชูใจ และได้รับการปลอบใจ ซึ่งไม่เหมือนกับพันธสัญญาเดิม ถ้าเพื่อนๆได้รับคำเผยพระวจนะที่ไม่ได้ทำให้เจริญขึ้นหรือได้รับการชูใจหรือปลอบใจ นั่นก็เป็นไปได้ว่าคำเผยพระวจนะนั้นอาจจะผิด การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่เป็นสิ่งที่มีสง่าราศียิ่งกว่าการเผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม เพราะพันธสัญญาใหม่เป็นพันธสัญญาที่มีสง่าราศีมากกว่าพันธสัญญาเดิม

เผยพระวจนะผิดเท่ากับเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จหรือไม่?

มีข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่ทำให้ผู้เชื่อไม่กล้าเผยพระวจนะนั่นคือ
(ฉธบ.18:20-22) แต่​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​ที่​บัง​อาจ​กล่าว​คำ​ใน​นาม​ของ​เรา​ซึ่ง​เรา​ไม่​ได้​บัญชา​ให้​กล่าว หรือ​กล่าว​ใน​นาม​ของ​พระ​อื่น ผู้​เผย​พระ​วจนะ​นั้น​ต้อง​มี​โทษ​ถึง​ตาย’ และ​ถ้า​ท่าน​นึก​ใน​ใจ​ว่า ‘เรา​จะ​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​เป็น​ถ้อย​คำ​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ไม่​ได้​ตรัส?’ เมื่อ​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​กล่าว​คำ​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ถ้า​ไม่​เป็น​จริง​ตาม​ถ้อย​คำ​นั้น​และ​สิ่ง​นั้น​ไม่​เกิด​ขึ้น ถ้อย​คำ​นั้น​ไม่​ได้​เป็น​พระ​วจนะ​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส ผู้​เผย​พระ​วจนะ​นั้น​บัง​อาจ​กล่าว​เอง อย่า​เกรง​กลัว​เขาเลย

ถ้าดูข้อพระคัมภีร์แบบเผินๆ เราอาจเข้าใจว่าถ้าถ้อยคำเผยพระวจนะไม่ปรากฏเป็นจริง แสดงว่าคนที่เผยพระวจนะนั้นเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จและควรได้รับโทษถึงชีวิต อย่างไรก็ตามคำว่าผู้เผยพระวจนะที่ข้อพระคัมภีร์นี้กล่าวถึงไม่ได้หมายถึงผู้เผยพระวจนะทั่วๆไป แต่หมายถึงผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่จะเป็นผู้ตั้งอีกพันธสัญญาหนึ่ง เพราะข้อพระคัมภีร์ก่อนหน้านี้เขียนไว้ว่า

(ฉธบ.18:15) พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​จะ​โปรด​ให้​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​เช่น​เดียว​กับ​ข้าพ​เจ้า[โมเสส]นี้​เกิด​ขึ้น​ใน​หมู่​พวก​ท่าน​จาก​พี่​น้อง​ของ​ท่าน พวก​ท่าน​จง​เชื่อ​ฟัง​เขา

ใน (ฉธบ. 18:15) ได้กล่าวถึงผู้เผยพระวจนะที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับโมเสสหรือในระดับเดียวกับโมเสส ดังนั้นผู้เผยพระวจนะในบริบทนี้จึงไม่ได้หมายถึงผู้เผยพระวจนะทั่วๆไป แต่เป็นผู้เผยพระวจนะในระดับผู้ตั้งพันธสัญญา ซึ่งผู้เผยพระวจนะคนนั้นก็คือพระเยซู เพราะพระเยซูเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาใหม่ ส่วนโมเสสเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาเดิม ข้อพระคัมภีร์นี้กำลังอธิบายว่าถ้ามีผู้หนึ่งที่เป็นผู้เผยพระวจนะมาตั้งพันธสัญญาอันใหม่ แล้วถ้าผู้นั้นได้เผยพระวจนะแล้วไม่เป็นจริง ผู้นั้นสมควรได้รับโทษถึงชีวิต ดังนั้นข้อพระคัมภีร์นี้จึงไม่ได้หมายถึงผู้เผยพระวจนะทั่วๆไป แต่หมายถึงผู้เผยพระวจนะในระดับผู้ตั้งพันธสัญญา


ผู้เผยพระวจนะก็เผยพระวจนะพลาดได้

ใน (กจ.21:10-12) อากาบัสผู้ซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะ ได้เผยพระวจนะให้กับเปาโลว่าคนยิวในเยรูซาเล็มจะมัดเปาโลและส่งตัวไปให้คนต่างชาติ ทว่าในเหตุการณ์จริง คนยิวจับเปาโลได้และเกือบจะฆ่าเปาโล แต่คนต่างชาติได้เข้ามาและช่วยเหลือเปาโลให้พ้นจากชาวยิว จากนั้นคนที่มัดเปาโลคือชาวต่างชาติไม่ใช่พวกยิว
อากาบัสผู้ซึ่งเป็นถึงผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่ก็ยังเผยพระวจนะพลาดได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เผยพระวจนะผิดไปซะทั้งหมด คำเผยพระวจนะของเขามีส่วนถูกในภาพรวม เพียงแต่มีรายละเอียดบางจุดที่พลาดไปบ้าง อัครทูตเปาโลได้กล่าวถึงการเผยพระวจนะว่า

(1คร.13:12) เพราะ​ว่า​เรา​รู้​เพียง​บาง​ส่วน และ​ก็​เผย​พระ​วจนะ​เพียง​บาง​ส่วน

เนื่องจากคำเผยพระวจนะอาจมีบางส่วนถูกและอาจมีบางส่วนที่ผิด ดังนั้นการวินิจฉัยและการพิสูจน์คำเผยพระวจนะจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แม้ว่าจะเป็นคำเผยพระวจนะจากผู้เผยพระวจนะก็ตาม ผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่และถ่อมใจหลายคนมักจะยอมให้มีการวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะที่ตนได้พูดออกไป ใน (1คร.14:29) และ (1ธส.5:20-21) ก็ได้แนะนำให้ผู้เชื่อวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะ

(1คร.14:29) ให้​พวก​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​พูด​ได้สอง​หรือ​สาม​คน และ​ให้​คน​อื่นๆ วินิจ​ฉัย​สิ่ง​ที่​พูด

(1ธส.5
:20-21) อย่า​ดู​หมิ่น​ถ้อย​คำ​ของ​ผู้​เผย​พระ​วจนะ จง​พิ​สูจน์​ทุก​สิ่ง สิ่ง​ที่​ดี​นั้น​จง​ยึด​ถือ​ไว้​ให้​มั่น

แนวทางวินิจฉัยคำเผยพระวจนะเบื้องต้น

1. ตรวจสอบว่าคำเผยพระวจนะสอดคล้องกับพระคัมภีร์หรือไม่?
ถ้าคำเผยพระวจนะขัดแย้งกับพระคัมภีร์ นั้นหมายถึงคำเผยพระวจนะนั้นผิดแน่นอน เพราะพระเจ้าไม่ตรัสในสิ่งที่ขัดกับที่พระองค์เคยตรัสไว้แล้วในพระคัมภีร์

2. ฟังคำเผยพระวจนะแล้ว รู้สึกได้รับการยืนยันในส่วนลึกหรือไม่
?
ในส่วนลึกของผู้เชื่อทุกคนมีพระวิญญาณอยู่ ถ้าคำเผยพระวจนะนั้นถูกต้อง พระวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของเราจะยืนยันถึงคำเผยพระวจนะนั้น ซึ่งเราจะรู้สึกถึงการยืนยันนี้ได้ในส่วนลึกของเรา

3.
คำเผยพระวจนะนั้น ทำให้เจริญขึ้น ชูใจขึ้น หรือปลอบใจหรือไม่?

ลักษณะของคำเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่คือการให้ความหวังและพระคุณ ไม่ใช่การกล่าวโทษ ซึ่งใน (1คร.14:4) ก็ได้ยืนยันถึงหลักการดังกล่าว

4. คำเผยพระวจนะกล่าวถึงการทรงเรียกที่ขัดกับของประทานของเราหรือไม่
?
ปกติแล้วพระเจ้าทรงเรียกให้เราทำงานหรือทำพันธกิจที่สอดคล้องกับของประทานและธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างเรามา ถ้าคำเผยพระวจนะนั้นกล่าวถึงการทรงเรียกที่ขัดกับของประทานของเรา นั้นเป็นไปได้ว่าคำเผยพระวจนะนี้อาจมีส่วนผิด

ฝึกฝนการเผยพระวจนะ

ที่ผ่านมาผมได้ปูพื้นฐานว่าความผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นกับการเผยพระวจนะได้ สิ่งสำคัญเมื่อเราจะฝึกฝนการเผยพระวจนะนั้นก็คือการวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะ ดังนั้นแล้วเมื่อเราจะก้าวเข้าสู่เส้นทางของการพัฒนาการเผยพระวจนะ ให้เรายอมรับว่าบางครั้งเราอาจเผยพระวจนะพลาดได้ เมื่อเราจะฝึกฝนการเผยพระวจนะเราต้องยอมให้ผู้ฟังวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะ แน่นอนเราอาจพลาดได้ แต่ถ้าเราได้ฝึกฝนบ่อยๆทั้งในการรับการสำแดงและการวินิจฉัย เราก็จะเติบโตในการเผยพระวจนะมากขึ้น ระหว่างการฝึกฝนก็อาจมีพลาดบ้าง แต่ถ้าเราไม่เคยพลาดเลยนั่นหมายความว่าเราอาจจะไม่เคยฝึกฝนเลยก็เป็นได้ ผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่หลายคนก็ล้วนแล้วแต่ผ่านความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้นแล้วให้เรามาฝึกฝนการเผยพระวจนะกันเถอะ

หนังสือแนะนำเพิ่มเติม

วิถีชีวิตเหนือธรรมชาติ เขียนโดย คริส แวลโลตัน
ฟังเสียงพระเจ้า เขียนโดย ซินดี้ เจคอปส์
ตามพระสุรเสียง นำผู้หลงหาย เขียนโดย มาร์ค สทิบบ์
ตื่นตะลึงเสียงพระเจ้า เขียนโดย แจ๊ค เดียร์

เพื่อท่านทั้งหลายจะเผยพระวจนะได้ เขียนโดย สตีฟ ทอมป์สัน

รูปภาพจาก

https://everestalexander.files.wordpress.com/2015/02/lawvsgrace.png
http://everynationtr.org/sermons/the-new-covenant/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น