บทความครั้งนี้ ผมขอนำบทความของน้องชายในพระคริสต์ท่านหนึ่งเขียนและนำมาลงใน blog นะครับ ฝากผลงานด้วยนะครับ
การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่
โดย Haiyong Kavilar
ลักษณะของพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก
ลักษณะของพันธสัญญาเดิมเน้นไปที่กฎเกณฑ์ภายนอกและเกี่ยวข้องกับการกล่าวโทษ
แต่ลักษณะของพันธสัญญาใหม่เน้นพระบัญญัติที่อยู่ในใจและเกี่ยวข้องกับการยกโทษและพระคุณ
เวลาที่เพื่อนๆอ่านพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่เพื่อนๆก็สามารถรับรู้ถึงความแตกต่างได้ไม่ยาก
ถ้าลักษณะของพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่มีความแตกต่างมากขนาดนี้แล้ว การเผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่ก็มีความแตกต่างกันด้วย
การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่จึงเน้นในแง่ของการให้ความหวังและพระคุณ
ซึ่งไม่เหมือนกับพันธสัญญาเดิมที่เป็นเชิงกล่าวโทษ ใน (1คร.14:4)
ก็ได้บอกถึงลักษณะของคำเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่
(1คร.14:4)
แต่ผู้ที่เผยพระวจนะนั้น พูดกับมนุษย์เพื่อให้เจริญขึ้น
ให้มีการชูใจและการปลอบใจ
การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่นั้นทำให้ผู้ฟังเจริญขึ้น
ได้รับการชูใจ และได้รับการปลอบใจ ซึ่งไม่เหมือนกับพันธสัญญาเดิม ถ้าเพื่อนๆได้รับคำเผยพระวจนะที่ไม่ได้ทำให้เจริญขึ้นหรือได้รับการชูใจหรือปลอบใจ
นั่นก็เป็นไปได้ว่าคำเผยพระวจนะนั้นอาจจะผิด การเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่เป็นสิ่งที่มีสง่าราศียิ่งกว่าการเผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม
เพราะพันธสัญญาใหม่เป็นพันธสัญญาที่มีสง่าราศีมากกว่าพันธสัญญาเดิม
เผยพระวจนะผิดเท่ากับเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จหรือไม่?
มีข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่ทำให้ผู้เชื่อไม่กล้าเผยพระวจนะนั่นคือ
(ฉธบ.18:20-22)
แต่ผู้เผยพระวจนะที่บังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งเราไม่ได้บัญชาให้กล่าว
หรือกล่าวในนามของพระอื่น ผู้เผยพระวจนะนั้นต้องมีโทษถึงตาย’
และถ้าท่านนึกในใจว่า
‘เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัส?’ เมื่อผู้เผยพระวจนะกล่าวคำในพระนามของพระยาห์เวห์
ถ้าไม่เป็นจริงตามถ้อยคำนั้นและสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น
ถ้อยคำนั้นไม่ได้เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ตรัส
ผู้เผยพระวจนะนั้นบังอาจกล่าวเอง อย่าเกรงกลัวเขาเลย
ถ้าดูข้อพระคัมภีร์แบบเผินๆ
เราอาจเข้าใจว่าถ้าถ้อยคำเผยพระวจนะไม่ปรากฏเป็นจริง แสดงว่าคนที่เผยพระวจนะนั้นเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จและควรได้รับโทษถึงชีวิต
อย่างไรก็ตามคำว่าผู้เผยพระวจนะที่ข้อพระคัมภีร์นี้กล่าวถึงไม่ได้หมายถึงผู้เผยพระวจนะทั่วๆไป
แต่หมายถึงผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่จะเป็นผู้ตั้งอีกพันธสัญญาหนึ่ง เพราะข้อพระคัมภีร์ก่อนหน้านี้เขียนไว้ว่า
(ฉธบ.18:15) พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะโปรดให้ผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับข้าพเจ้า[โมเสส]นี้เกิดขึ้นในหมู่พวกท่านจากพี่น้องของท่าน
พวกท่านจงเชื่อฟังเขา
ใน (ฉธบ. 18:15) ได้กล่าวถึงผู้เผยพระวจนะที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับโมเสสหรือในระดับเดียวกับโมเสส
ดังนั้นผู้เผยพระวจนะในบริบทนี้จึงไม่ได้หมายถึงผู้เผยพระวจนะทั่วๆไป
แต่เป็นผู้เผยพระวจนะในระดับผู้ตั้งพันธสัญญา ซึ่งผู้เผยพระวจนะคนนั้นก็คือพระเยซู
เพราะพระเยซูเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาใหม่ ส่วนโมเสสเป็นผู้ตั้งพันธสัญญาเดิม
ข้อพระคัมภีร์นี้กำลังอธิบายว่าถ้ามีผู้หนึ่งที่เป็นผู้เผยพระวจนะมาตั้งพันธสัญญาอันใหม่
แล้วถ้าผู้นั้นได้เผยพระวจนะแล้วไม่เป็นจริง ผู้นั้นสมควรได้รับโทษถึงชีวิต
ดังนั้นข้อพระคัมภีร์นี้จึงไม่ได้หมายถึงผู้เผยพระวจนะทั่วๆไป แต่หมายถึงผู้เผยพระวจนะในระดับผู้ตั้งพันธสัญญา
ผู้เผยพระวจนะก็เผยพระวจนะพลาดได้
ใน (กจ.21:10-12) อากาบัสผู้ซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะ
ได้เผยพระวจนะให้กับเปาโลว่าคนยิวในเยรูซาเล็มจะมัดเปาโลและส่งตัวไปให้คนต่างชาติ
ทว่าในเหตุการณ์จริง คนยิวจับเปาโลได้และเกือบจะฆ่าเปาโล
แต่คนต่างชาติได้เข้ามาและช่วยเหลือเปาโลให้พ้นจากชาวยิว
จากนั้นคนที่มัดเปาโลคือชาวต่างชาติไม่ใช่พวกยิว
อากาบัสผู้ซึ่งเป็นถึงผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่ก็ยังเผยพระวจนะพลาดได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เผยพระวจนะผิดไปซะทั้งหมด คำเผยพระวจนะของเขามีส่วนถูกในภาพรวม
เพียงแต่มีรายละเอียดบางจุดที่พลาดไปบ้าง อัครทูตเปาโลได้กล่าวถึงการเผยพระวจนะว่า
(1คร.13:12)
เพราะว่าเรารู้เพียงบางส่วน และก็เผยพระวจนะเพียงบางส่วน
เนื่องจากคำเผยพระวจนะอาจมีบางส่วนถูกและอาจมีบางส่วนที่ผิด
ดังนั้นการวินิจฉัยและการพิสูจน์คำเผยพระวจนะจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แม้ว่าจะเป็นคำเผยพระวจนะจากผู้เผยพระวจนะก็ตาม
ผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่และถ่อมใจหลายคนมักจะยอมให้มีการวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะที่ตนได้พูดออกไป
ใน (1คร.14:29) และ (1ธส.5:20-21) ก็ได้แนะนำให้ผู้เชื่อวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะ
(1คร.14:29)
ให้พวกผู้เผยพระวจนะพูดได้สองหรือสามคน และให้คนอื่นๆ
วินิจฉัยสิ่งที่พูด
(1ธส.5:20-21) อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
(1ธส.5:20-21) อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
แนวทางวินิจฉัยคำเผยพระวจนะเบื้องต้น
1.
ตรวจสอบว่าคำเผยพระวจนะสอดคล้องกับพระคัมภีร์หรือไม่?
ถ้าคำเผยพระวจนะขัดแย้งกับพระคัมภีร์ นั้นหมายถึงคำเผยพระวจนะนั้นผิดแน่นอน เพราะพระเจ้าไม่ตรัสในสิ่งที่ขัดกับที่พระองค์เคยตรัสไว้แล้วในพระคัมภีร์
ถ้าคำเผยพระวจนะขัดแย้งกับพระคัมภีร์ นั้นหมายถึงคำเผยพระวจนะนั้นผิดแน่นอน เพราะพระเจ้าไม่ตรัสในสิ่งที่ขัดกับที่พระองค์เคยตรัสไว้แล้วในพระคัมภีร์
2. ฟังคำเผยพระวจนะแล้ว รู้สึกได้รับการยืนยันในส่วนลึกหรือไม่?
ในส่วนลึกของผู้เชื่อทุกคนมีพระวิญญาณอยู่ ถ้าคำเผยพระวจนะนั้นถูกต้อง พระวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของเราจะยืนยันถึงคำเผยพระวจนะนั้น ซึ่งเราจะรู้สึกถึงการยืนยันนี้ได้ในส่วนลึกของเรา
3. คำเผยพระวจนะนั้น ทำให้เจริญขึ้น ชูใจขึ้น หรือปลอบใจหรือไม่?
ลักษณะของคำเผยพระวจนะในพันธสัญญาใหม่คือการให้ความหวังและพระคุณ ไม่ใช่การกล่าวโทษ ซึ่งใน (1คร.14:4) ก็ได้ยืนยันถึงหลักการดังกล่าว
4. คำเผยพระวจนะกล่าวถึงการทรงเรียกที่ขัดกับของประทานของเราหรือไม่?
ปกติแล้วพระเจ้าทรงเรียกให้เราทำงานหรือทำพันธกิจที่สอดคล้องกับของประทานและธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างเรามา ถ้าคำเผยพระวจนะนั้นกล่าวถึงการทรงเรียกที่ขัดกับของประทานของเรา นั้นเป็นไปได้ว่าคำเผยพระวจนะนี้อาจมีส่วนผิด
ฝึกฝนการเผยพระวจนะ
ที่ผ่านมาผมได้ปูพื้นฐานว่าความผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นกับการเผยพระวจนะได้
สิ่งสำคัญเมื่อเราจะฝึกฝนการเผยพระวจนะนั้นก็คือการวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะ
ดังนั้นแล้วเมื่อเราจะก้าวเข้าสู่เส้นทางของการพัฒนาการเผยพระวจนะ ให้เรายอมรับว่าบางครั้งเราอาจเผยพระวจนะพลาดได้
เมื่อเราจะฝึกฝนการเผยพระวจนะเราต้องยอมให้ผู้ฟังวินิจฉัยและพิสูจน์คำเผยพระวจนะ
แน่นอนเราอาจพลาดได้ แต่ถ้าเราได้ฝึกฝนบ่อยๆทั้งในการรับการสำแดงและการวินิจฉัย
เราก็จะเติบโตในการเผยพระวจนะมากขึ้น ระหว่างการฝึกฝนก็อาจมีพลาดบ้าง
แต่ถ้าเราไม่เคยพลาดเลยนั่นหมายความว่าเราอาจจะไม่เคยฝึกฝนเลยก็เป็นได้
ผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่หลายคนก็ล้วนแล้วแต่ผ่านความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น
ดังนั้นแล้วให้เรามาฝึกฝนการเผยพระวจนะกันเถอะ
https://everestalexander.files.wordpress.com/2015/02/lawvsgrace.png
http://everynationtr.org/sermons/the-new-covenant/
หนังสือแนะนำเพิ่มเติม
วิถีชีวิตเหนือธรรมชาติ เขียนโดย คริส แวลโลตัน
ฟังเสียงพระเจ้า เขียนโดย ซินดี้ เจคอปส์
ตามพระสุรเสียง นำผู้หลงหาย เขียนโดย มาร์ค สทิบบ์
ตื่นตะลึงเสียงพระเจ้า เขียนโดย แจ๊ค เดียร์
เพื่อท่านทั้งหลายจะเผยพระวจนะได้ เขียนโดย สตีฟ ทอมป์สัน
รูปภาพจากhttps://everestalexander.files.wordpress.com/2015/02/lawvsgrace.png
http://everynationtr.org/sermons/the-new-covenant/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น