28 พฤษภาคม 2553

สัมพันธภาพกับพระวิญญาณบริสุทธิ์

สัมพันธภาพกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ (The Fellowship with the Holy Spirit)

2 โครินธ์ 13;14 ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสตเจ้า ความรักแห่งพระเจ้า และความสนิทสนมซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

2 Corinthians 13:14 The grace of the Lord Jesus Christ, and the love of God, and the communion of the Holy Ghost, be with you all. Amen.


สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ความสนิทสนมระหว่างเรากับพระเจ้า ซึ่งเกิดขึ้นจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในชีวิตของเรา

•ทุก ๆ สิ่งที่เปาโลขอในข้อนี้ (ทั้งพระคุณ ความรัก และความสนิทสนม) นำเราไปสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้า
พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์เป็นบุคคล และปรารถนาความสัมพันธ์กับเรา
•พระเยซูคริสต์นำพระคุณ พระบิดานำความรัก ทั้งพระคุณและความรักนั้น มาจากพระเจ้า

เอเฟซัส 2:8 ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้


•โดยพระคุณจึงนำเราเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้า และโดยความรักกระทำให้ความสัมพันธ์นั้นสดใหม่ สดชื่นมีชีวิตชีวา
•ส่วนบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นน่าสนใจมาก ทรงกระทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า(ทั้งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณเอง) นั้นสนิทแนบแน่น
•ด้วยเหตุที่พระวิญญาณสามารถนำเราเข้าสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในพระคุณ และความรักของ พระเจ้า เราจึงควรมีชีวิตที่สนิทสนมกับพระวิญญาณ และโดยพระวิญญาณ เราจะได้รับการเปิดเผยความล้ำลึกของพระเจ้า

ยอห์น 16:15 ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นเป็นของเรา เหตุฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า พระวิญญาณทรงเอาสิ่งซึ่งเป็นของเรานั้น มาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย

1โครินธ์ 2:12 เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา


•พระวิญญาณเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปิดเผยให้เราล่วงรู้สิ่งต่าง ๆ รวมถึงตัวตนของเรา อนาคตของเรา สิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา
•ดังนั้น วันนี้ หากใครมีปัญหาสิ่งใด อยากได้รับคำตอบ ถามมนุษย์อาจจะได้คำตอบผิดบ้างถูกบ้าง แต่ถ้าจะให้ดี กลับไปถามพระวิญญาณซึ่งอยู่ในชีวิตของเรา นะครับ ท่านจะได้คำตอบ เมื่อมีความสัมพันธ์กับพระองค์ จนรู้ว่านี่คือ เสียงพระองค์ ไม่ใช่เสียงของเราแน่นอน
• คนแรกที่เราควรถามคือ พระวิญญาณของพระเจ้า เราทุกคนควรฝึกฟังเสียงพระเจ้าด้วยตัวเอง

•ในภาษากรีก คำว่าสนิทสนม หรือ Fellowship นี้มาจากคำว่า Koinonia แปลได้ว่า การมีส่วนร่วม (communion) การติดต่อสื่อสาร ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด (communication) ความสนิทสนม (intimacy ) การเข้าไปเชื่อม มีส่วนร่วมด้วย (Joint participation)

•จากคำว่า Koinonia ในภาคปฏิบัติเราสามารถสนิทสนมกับพระองค์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ดังนี้

1เข้าร่วม เชื่อมต่อกับพระองค์ อย่างกระตือรือร้น (Active participation)

•การสนิทสนมกับพระวิญญาณนั้น ไม่ใช่ที่เรียกว่า One- way traffic
•แต่มันเป็นการเข้าไปแบ่งปันต่อกัน ถึง ความตั้งใจของเรา ความรู้สึกของเรา ความรู้ของเรา
•เราเข้าไปแบ่งปันให้พระองค์ฟังถึงสิ่งที่เป็นเรา สิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเข้าใจหรือรู้เกี่ยวกับพระองค์
•เราคงจำได้ดีถึงสิ่งที่พระเยซูคริสต์บอกเกี่ยวกับพระวิญญาณว่า

ยอห์น 16:13-14
13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัส สิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น
14 พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย


•เมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่เรารู้ กับสิ่งที่พระองค์รู้นั้น เทียบกันไม่ได้เลย พระองค์ยิ่งใหญ่กว่าเรามาก พระวิญญาณทรงสัพพัญญู

•พระองค์เข้าถึงพระทัยของพระบิดา อะไรก็ตามที่พระบิดาพูด พระวิญญาณ ทรงได้ยิน และทรงนำมาเปิดเผยแก่เรา
•นั่นหมายความว่า เมื่อเราเข้าไปเชื่อมสนิทกับพระองค์ เราก็จะสามารถล่วงรู้ทันที ว่าพระบิดาผู้ทรงนั่งบนบัลลังค์ในสวงสวรรค์นั้นกำลังคิดอะไร พระองค์จะทรงกระทำสิ่งใด

•พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงเตรียมใจของเรา เพื่อพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
•นั่นหมายถึง เราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้า และสามารถเตรียมจิตใจเราพร้อมรับอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้
•โดยพระวิญญาณ เราก็จะเป็นดังอุปกรณ์ที่ถูกเตรียมไว้อย่างดี ให้พร้อมรับสถานการณ์ที่ท้าทายใจได้
•การเข้าเชื่อมต่อกับพระวิญญาณนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ใจปรารถนาของเราเป็นสำคัญ

•เราสามารถบอกพระเจ้าให้รับรู้ถึงความปรารถนา ความต้องการในจิตใจส่วนลึกของเรา
•ความสัมพันธ์นี้จะไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเผด็จการ ไม่ใช่การพูดอยู่คนเดียว
•เราควรเชื้อเชิญพระองค์เข้ามาในชีวิตของเรา สนิทสนมในความสัมพันธ์

2 ให้พระองค์เป็นหุ้นส่วนในชีวิต (Partnership)

•ความสัมพันธ์กับพระวิญญาณเป็นเหมือนกับการเข้าหุ้นส่วน หรือ เป็นเหมือนคู่สมรสที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
•การเข้าหุ้นส่วนให้ภาพการทำธุรกิจ หุ้นส่วนจะต้องนั่งลงคิดยุทธศาสตร์ร่วมกัน แบ่งปันต่อกันถึงความสำเร็จ หรือความล้มเหลว

•เมื่อเราได้เป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า พระองค์ก็เป็นเหมือนหุ้นส่วนใหญ่ หรือหุ้นส่วนที่อาวุโสกว่ามีอิทธิพลมากกว่า แต่ก็มีเราร่วมเป็นทีมด้วย พระองค์เป็นเจ้านาย ส่วนเราเป็นูน้อง เพราะพระองค์นั่งหัวโต๊ะ มีบทบาทในที่ประชุมมากกว่า
•พระองค์ฉลาดกว่า มียุทธศาสตร์ที่ Perfect มีวิธีการนำที่เยี่ยมยอดกว่า ด้วยเหตุนี้ เราจึงยอมให้พระองค์นำเราอย่างมียุทธศาสตร์ มีแผน และมีเป้าประสงค์อย่างชัดเจน
•เราควรจะติดตามและเชื่อฟังพระองค์ และรอบคอบที่จะทำตามแผนของพระองค์

•ในฐานะหุ้นส่วนเราก็ควรจะแบ่งปัน ร่วมด้วยในชัยชนะของพระองค์ และพระองค์ก็ไม่เคยผิดพลาดล้มเหลว
•ดังนั้นการเป็นหุ้นส่วนกับพระวิญญาณ จึงไม่มีคำว่า ล้มเหลว หรือขาดทุน

•เมื่อเราเชื่อฟังหุ้นส่วนใหญ่ เราก็จะได้เห็นว่า ชีวิตของเราเติบโตเป็นไปตามที่สวรรค์ตั้งใจให้เป็น กำไลชีวิตเป็นของเรา

•พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กระทำให้ถ้อยคำในพระวจนะที่เป็นตัวอักษรที่เขียนขึ้นนั้น สำเร็จเป็นจริง ในภาคปฏิบัติ
•หุ้นส่วนของพระองค์ในทุกระดับ จะได้รับการป้อนข้อมูล คำชี้แนะ และการให้ทิศทางก่อนการตัดสินใจ (นั่นหมายถึง เราซึ่งเป็นหุ้นส่วนระดับต่าง ๆ ของพระองค์ต้องตัดสินใจเอง อยู่ที่ว่าใครจะตัดสินใจตามการชี้แนะของพระองค์หรือไม่

•ให้เราจำไว้ว่า ประตู officeของพระองค์เปิดอยู่เสมอ


•ไม่เพียงแค่เราร่วมในชัยชนะและความสำเร็จของพระองค์ แต่พระองค์ยังสร้างเราขึ้นตามผลแห่งการที่เราเชื่อฟังคำแนะนำของพระองค์
•พระองค์ยังอยู่ร่วมในความล้มเหลวของเรา และท้าทายเราให้กล้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในชีวิตจริงของเรา

โรม 8:26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ

•พระองค์ทรงเล้าโลมใจเรา และนำความชื่นชมยินดีมาถึง ท่ามกลางเวลาแห่งความโศกเศร้า
•ในการสนิทสนม เข้าร่วมกับพระวิญญาณนั้น ทุกสิ่งจะดำเนินไปด้วยกันอย่างดี ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่รักพระองค์ (ซึ่งกล่าวไว้ในพระธรรม โรม บทที่ 8 ทั้งบท)

3.เคลื่อนไปด้วยกันกับพระองค์ (Transportation)

•การสนิทสนมกับพระวิญญาณอีกภาพหนึ่งก็คือ การเคลื่อนไปกับพระวิญญาณ (moving together with)
•นี่เป็นภาพเหมือนกับการขนส่ง เรารู้ใช่ไหมว่า ความก้าวหน้าของเมืองดูได้จากระบบการขนส่ง

•ชาวอียิปต์ มีการผสมผสานการเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำ ส่วนชาวโรมันก็ก่อสร้างถนนหนทางมากมาย สังคมสมัยใหม่ เห็นความสำคัญของการขนส่ง และพัฒนาการขนส่งให้เจริญอย่างดีเยี่ยม
•เช่นเดียวกันกับเรื่องจิตวิญญาณในการสนิทสนมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
•เรารู้ใช่ไหมว่า พระวิญญาณ ได้ขนส่ง หรือนำเอาสิ่งที่เราร้องทูลออกจากใจของเรา ไปถึงพระทัยของพระบิดา

โรม 8:26 …. เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ


•บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราจะขอสิ่งใด อย่างไร เพื่อให้ได้รับคำตอบ
•แต่พระวิญญาณทรงเข้าใจในความปรารถนาของเราในคำอธิษฐานนั้น แม้มันอาจจะเป็นความปรารถนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่จะพูดออกมาเป็นคำพูดได้หมดสิ้น
•ระบบการขนส่งของพระวิญญาณ ตัวอย่างเช่น การพูดภาษาพระวิญญาณ ซึ่งเป็นของประทานที่มหัศจรรย์แก่ทุกคนที่ได้บัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณได้ประทานแก่เราเพื่อสื่อสารกับองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ภาษาสวรรค์ที่พระเจ้าให้แก่เรา

•นี่เป็นของประทานที่พระเจ้าให้อย่างเป็นส่วนตัวมาก เป็นภาษาอธิษฐานที่ให้เพื่อสื่อสารต่อพระองค์อย่างเฉพาะเจาะจง
•โดยการพูดภาษาพระวิญญาณบ่อย ๆ อย่างตั้งใจ เป็นช่องทางที่พระเจ้าช่วยให้เราเติบโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พระเจ้าเองจะเป็นผู้สอนเราอย่างลับเฉพาะบุคคล ซึ่งเรารับได้โดยความเชื่อ
• พระเจ้าให้เราเพื่อเราจะพูด สื่อสาร (ไม่ใช่เราเพียงแต่รู้ว่าพระเจ้าให้ แต่ไม่ใช้ไม่พูด ) ให้เราได้พูดภาษาพระวิญญาณมากขึ้น ภาษาพระวิญญาณเป็นภาษาที่พระเจ้าให้แก่เรา และช่วยเติมเต็มจิตวิญญาณแก่เรา
•พระวจนะกล่าวว่า พระวิญญาณจะหลั่งไหลจากใจของผู้ที่แสวงหานั้น

ยอห์น 7:38 ผู้ที่วางใจในเราตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า "แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น"

•โดยให้ภาพของพระวิญญาณเป็นดังน้ำไหล ที่ธำรงชีวิต นั่นหมายถึง ชีวิตที่ไม่มีพระวิญญาณ ก็เหมือนกับชีวิตที่ขาดน้ำ แห้งเหี่ยว เฉา และทรุดโทรมไป

•ในภาษาอังกฤษฉบับแปลขยายความ(AMP :AMPLIFIED BIBLE) ใช้ว่า From his innermost being will flow rivers of living water.

•นั่นคือ มรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือ จิตวิญญาณภายในได้สัมผัสกับพระวิญญาณบริสุทธิ์

• วันนี้สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเรา ไม่ใช่สิ่งมีค่าของโลก แต่คือ การที่จิตวิญญาณภายในได้สัมผัสกับพระวิญญาณ และได้ดำเนินเคลื่อนไปกับพระองค์ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เอเมนไหมครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น