(จากข้อเขียนของ Bill Jackson)
เมื่อมีการทรงสถิตของพระเจ้าในที่ประชุม ประสบการณ์หนึ่งที่เรามักจะพบกับการล้มพระวิญญาณในที่ประชุม เราเห็นบางคนล้มลงนอนกับพื้น เขาเหล่านั้นนอนนานพอสมควรกว่าที่จะลุกขึ้นมาได้ หากเราศึกษาพระคัมภีร์จะเห็นได้จากพระคำหลายตอน
เราเห็นในพงศาวดารว่า “ ปุโรหิตยืนปรนนิบัติไม่ได้ ” เพราะว่าพระสิริของพระเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า ( 2พศด 5:14 , 1พกษ 8:1 ) คำว่า “ ยืน ” ในภาษาฮีบรูใช้คำว่า “Amad” แปลว่า “ ลุกขึ้นยืน” ถ้าเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา แน่นอนว่าพระสิริของพระเจ้าทำให้เขาเหล่านั้นล้มลง และลุกขึ้นไม่ได้ มีตัวอย่างในพระคัมภีร์เดิมและใหม่ คนที่มีประสบการณ์กับพระเจ้าในการสถิตอยู่ของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าแต่ละคนจะล้มลง และลุกขึ้นไม่ได้
มีคนที่ขัดแย้งว่า จากพระคัมภีร์ เมื่อคนหนึ่งล้มเมื่อเขาได้สัมผัสกับพระสิริ การสถิตอยู่ของพระเจ้าหรือเมื่อได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้านั้น เขากราบลงด้วยความเคารพและยำเกรงพระเจ้า ถูกต้องในบางกรณี แต่ไม่ใช่ทุกกรณี โดยเฉพาะดูใน 2พศด 5: 14, ดนล.10:8-10 หรือเอเสเคียลผู้เผยพระวจนะล้มลงหลายครั้ง เมื่อท่านอยู่ในบริเวณของพระสิริของพระเจ้า อสค. 1:28, 3: 23 ในอสค. 44:4 ( I face down ) รากศัพท์ของภาษาฮีบรู คำว่า “ล้ม ” “ fall ” หรือ “ cast down ” ในที่นี้คือ “ Naphal ” คือการล้มที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจหรือคาดคิด ในพระคัมภีร์หลายตอนที่คนของพระเจ้าล้มลงนั้นเป็นการตอบสนองทางร่างกายต่อการสำแดงหรือการสถิตอยู่ของพระเจ้า
1. ปรากฏการณ์ที่ชัดมากที่สุดในการประชุมของเราคือ การล้มลงมักจะเรียกว่า “การพักผ่อนในพระวิญญาณ” จะยังคงมีสติแต่ติดต่อพระเจ้า พวกเขาจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงและไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากพักผ่อนกับพระเจ้า
2. พระคัมภีร์ประกอบ
ปฐก 15: 12 อับรามก็หลับสนิทเวลานั้น ความกลัว และ ความมืดอย่างยิ่ง ก็มาทับถมอับราม.
And when the sun was going down, a deep sleep fell upon Abram; and, lo, an horror of great darkness fell upon him
ตามอักษรแล้วควรจะแปลว่า “การหลับสนิทหล่นใส่อับราม” คำฮีบรู radam หมายถึงการอยู่ในการหลับสนิทเป็นคำเดียวใช้เมื่อพระเจ้าทรงกระทำให้อาดับหลับเมื่อพระองค์ทรงสร้างเอวา (ปฐก. 2:21)
2พศด. 5:13-14 ในบริบทที่ว่า ปุโรหิตในพระนิเวศนมัสการและสรรเสริญพระเจ้าทันใดนั้น “พระนิเวศของพระเจ้าก็มีเมฆ เต็มไปหมด จนปุโรหิตจะยืนปรนนิบัติไม่ได้ ด้วยเหตุเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า”
นี่เป็นพระคัมภีร์ที่น่าสนใจ ไม่ได้บอกว่า ปุโรหิตล้มลงแต่บอกว่า ภายใต้พระสิริของพระเจ้า พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหว ไม่สามารถทำหน้าที่ สิ่งที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับคำฮีบรูที่แปลว่า “พระสิริ” (kabod) ซึ่งหมายถึงสิ่งที่หนัก ปรากฏการณ์การล้มลงหน้าพระพักตร์พระเจ้าอาจจะเข้าใจได้ว่าเป็นการถูกบังคับโดยน้ำหนักของพระเจ้าทำให้พวกเขาต้องล้มลง
ดนล. 8:17 “ท่าน (กาเบรียล) จึงมาใกล้... ข้าพเจ้าก็ตกใจซบหน้าลงถึงดิน
ดนล.10: 9 ในการพบทูตสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง ดาเนียลกล่าวว่า “เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเสียงถ้อยคำนั้น ข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงสลบอยู่ หน้าของข้าพเจ้าฟุบกับดิน
กจ.9: 4 เซาโลจึงล้มลงถึงดิน และได้ยินพระสุรเสียงตรัสมาว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม”
กจ.10: 10 ก็หิวกระหายจะรับประทาน แต่ในระหว่างที่เขายังจัดอาหารอยู่ เปโตรก็เข้าสู่ภวังค์
2คร. 12: 1-4 ข้าพเจ้าจำจะต้องอวด ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์อะไร แต่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปถึง่ นิมิตและการสำแดงซึ่งมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้รู้จักชายคนหนึ่ง ผู้เลื่อมใสในพระคริสต์ สิบสี่ ปี มา แล้ว เขา ถูกรับ ขึ้น ไป ยัง สวรรค์ ชั้น ที่ สาม (แต่ จะ ไป ทั้ง กาย หรือ ไป โดย ไม่ มี กาย ข้าพเจ้า ไม่ รู้ พระเจ้า ทรง ทราบ)... ข้าพเจ้าทราบ (แต่จะไปทั้งกายหรือไม่มีกายข้าพเจ้าไม่รู้พระเจ้าทรงทราบ) ว่าคนนั้นถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม... และได้ยินวาจาซึ่งจะพูดเป็นคำไม่ได้และมนุษย์จะออกเสียงก็ต้องห้าม..
ตอนนี้ไม่ได้บอกว่า ท่านล้มลงแต่ประสบการณ์นี้ไม่ได้เป็นการฝันซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลับ แต่ว่าเป็นนิมิตหรือการสำแดงนี่แสดงว่าท่านตื่นอยู่เมื่อมีการสำแดงนี้ ท่านอยู่ในลักษณะอยู่ในภวังค์ อาจจะอยู่ในท่านอน
3.ประวัติศาสตร์
ก. Jonathan Edwards: ผู้นำและนักศาสนศาสตร์เอกของการฟื้นฟู The Great Awakening ในสหรัฐ (1725-1760)
กล่าวไว้ในข้อเขียนของท่าน Account of the Revival of Religion in Northampton 1740-1742
ความรักต่อพระเจ้าของหลายคนได้เพิ่มมากขึ้นเกินกว่าที่พวกเขาเคยมีมาก่อน และในบางครั้งมีบางคนที่นอนอยู่ในลักษณะภวังค์ นอนนิ่งไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ประสาทสัมผัสไม่ทำงาน แต่ในขณะเดียวกัน มีมโนภาพอย่างมาก เหมือนหนึ่งพวกเขาได้ไปสวรรค์และเห็นนิมิตของสิ่งที่มีสง่าราศีและน่าชื่นชมมาก บ่อยครั้งที่จะเห็นการร้อง เป็นลม การกระตุก และอื่น ๆ เกิดพร้อมความทุกข์ใจอีก ทั้งการยกย่องและชื่นชมยินดี ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับที่นี่ที่จะมีการประชุมทั้งคืน หรือเป็นปกติที่จะดำเนินไปจนดึกมาก แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยมากมีหลายคนที่ได้รับผลกระทบ และร่างกายของพวกเขาถูกครอบงำ จนไม่สามารถกลับบ้านได้ แต่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้นตลอดคืน
ข.Charles Finney (1792-1875) เป็นนักเทศน์ฟื้นฟูที่มีฤทธิ์อำนาจมากที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่สมัยการปฏิรูป
ในชนบทแห่งหนึ่งชื่อเมืองโสโดม ในรัฐนิวยอร์ค Finney ได้บรรยายถึงสภาพของเมืองโสโดม ก่อนที่ถูกพระเจ้าทำลาย “ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ไปได้ไม่ถึง 15 นาที ก็มีความสงบที่น่าเกรงขามมา อยู่เหนือพวกเขา ผู้ฟังเริ่มล้มจากเก้าอี้ไปทุกทิศทุกทาง และร้องขอความเมตตา ถ้าข้าพเจ้ามีดาบอยู่ในมือแต่ละข้าง ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถฟันพวกเขาให้ล้มลงได้เร็วเพียงนี้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่พวกเขาตกใจ เกือบทั้งที่ประชุม ถ้าไม่คุกเข่าก็นอนราบอยู่ ทุกคนที่ยังพูดได้ก็อธิษฐาน ทุกคน” ภาพเดียวกันนี้มีให้เห็นในหลาย ๆ ที่
4. สรุป
จากข้อมูลในพระคัมภีร์ สิ่งที่เราพบอยู่นี้ มีทั้งที่เหมือนและไม่เหมือน เราเห็นชัดจากพระคัมภีร์ว่า เมื่อมีการสำแดงของการสถิตของพระเจ้า บางครั้งจะมีการล้มลง สาเหตุของการล้มในพระคัมภีร์นั้นมีแตกต่างกันไป ตั้งแต่การที่พระเจ้าทำให้มนุษย์หลับเพื่อจุดประสงค์เจาะจง ไปจนถึงล้มลงด้วยความกลัวในความบริสุทธิ์ ( Holy fear) การล้มที่เกือบจะเป็นการบังคับให้นอนเนื่องจากความเย่อหยิ่งและกบฏของมนุษย์
น่าสนใจ ที่หลายครั้งในพระคัมภีร์เป็นการล้มลงหน้าซบลง ตัวอย่างจาก Edwards และ Finney ดูเหมือนจะสนับสนุนรูปแบบที่หลากหลาย ในบันทึกของ Edwards ผู้ถูกครอบงำ ( overcome ) โดยการสถิตอยู่ของพระเจ้า แต่ของ Finney นั้นการล้มเกิดขึ้นจากความกลัวในความบริสุทธิ์ การล้มลงแบบที่เราพบอยู่เดี๋ยวนี้ ดูเหมือนเป็นแบบที่พระเจ้าทรงให้มนุษย์หลับเพื่อพระองค์ทำการบางอย่าง พักผ่อนหรือการรักษามากกว่าเป็นความโศกเศร้าในขณะที่บางคนล้มคว่ำหน้านั้น ปรากฏว่าคนส่วนใหญ่ล้มไปข้างหลัง Francis McNutt ( Overcome by the Spirit )เข้าใจว่า การล้มส่วนใหญ่ไปข้างหลังนั้นเกิดจากการรู้สึกถึงน้ำหนักของพระสิริของพระเจ้า ( kabod :Weight)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น