29 ตุลาคม 2553

รักษาไฟพระวิญญาณในชีวิต


จากคำสอนในการสัมมนา “ไฟชำระสู่การฟื้นฟู” (Refining Fire for Revival) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงได้ทำการชำระชีวิตของผู้เชื่อด้วยพระวิญญาณ และจะนำการฟื้นฟูมาสู่ชีวิตของเราทุกคน ในวันนี้เราจะมาพิจารณาถึงพระราชกิจของไฟพระวิญญาณและการรักษาไฟพระวิญญาณในชีวิต ของเราไม่ให้มอดดับไป

1. คุณลักษณะและพระราชกิจของพระวิญญาณในชีวิตคริสเตียนที่สะท้อนผ่านสัญลักษณ์ “ไฟ”

1.1 การเผาผลาญความบาปและชำระให้ชีวิตบริสุทธิ์

เมื่อกล่าวถึง “ไฟ” เราย่อมนึกถึงการเผาผลาญ ความร้อน ซึ่งพระคัมภีร์ได้เปรียบภาพไฟที่เผาผลาญกับการพิพากษาและการชำระบาป เหมือนกับการใช้ไฟมาถลุงทองคำเพื่อชำระและแยกขี้แร่ออกจากเนื้อทองเพื่อให้เหลือแต่ทองบริสุทธิ์ (อสย.4:4)
ยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้พยากรณ์ไว้ว่าพระเยซูจะนำเราทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ
และไฟ ซึ่งเล็งถึงพระวิญญาณและการชำระชีวิต เพราะเหตุการณ์ใน กจ.2 ได้ยืนยันคำพยากรณ์ดังกล่าว (มธ.3:11; กจ.2:3) พระวิญญาณชำระบาปและนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของผู้เชื่อ(ยน.16:7-8) และพระวิญญาณยังเป็นผู้ประทานผลพระวิญญาณ 9 ประการ (กท.5:22-23)

1.2 การเต็มเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจและประทานหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในการรับใช้

อีกประการหนึ่ง “ไฟ” ยังสะท้อนถึง การเปี่ยมล้นด้วยฤทธิ์อำนาจ (กจ.2:1-4)
หลังจากนั้นพวกเขาสามารถรับใช้ด้วยการกระทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์อย่างเต็มขนาด(กจ.4:33; 6:8; 10:38)

1.3 การเร้าใจให้เกิดความกระตือรือร้นในการรับใช้

“ไฟ”
ยังสะท้อนคุณลักษณะของพระวิญญาณในด้านความกระตือรือร้น โดยพระวิญญาณจะเป็นผู้เร้าใจให้ผู้เชื่อเกิดความกระตือรือร้น เกิดใจปรารถนาตอบสนองพระเจ้าจะรีบเร่งในการสื่อสารความจริงเรื่องพระเจ้า เป็นต้น (กจ.4:8; รม.12:11)

2 วิธีการรักษาไฟพระวิญญาณในชีวิตคริสเตียน โดยเปรียบภาพของการรักษาไฟในกองไฟ

2.1 กลับใจใหม่จากบาปเสมอ : หมั่นตักมูลเถ้าออกจากกองไฟ

ในพระธรรมเลวีนิติได้ให้ข้อคิดการรักษาไฟในการเผาเครื่องบูชา ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการรักษาไฟแห่งพระวิญญาณในชีวิต (ลนต.6:10)
มูลเถ้าเป็นเศษเหลือหลังจากการเผาผลาญที่หากไม่ตักออกก็จะลดทอนการลุกติดของไฟ ซึ่งทำให้เชื้อเพลิงไม่ติดไฟ
เปรียบได้กับความบาปที่เกิดขึ้นในชีวิต และพระวิญญาณได้กระตุ้นให้เราสำนึกบาป
ดังนั้นทุกครั้งที่จิตสำนึกเราถูกกระตุ้นให้สำนึกบาป เราควรตอบสนองด้วยการกลับใจใหม่ สารภาพบาปต่อพระเจ้า (1 ยน.1:9)

2.2 มีชีวิตอธิษฐาน นมัสการ ศึกษาพระคัมภีร์สม่ำเสมอ : เติมเชื้อเพลิงเป็นประจำ

เชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่เลี้ยงให้ไฟลุกติด หากเปรียบ ไฟ คือ พระวิญญาณ เชื้อเพลิงที่เอื้อให้พระวิญญาณเข้ามางานในชีวิตได้อย่างดีคือการมีชีวิตอธิษฐาน นมัสการ อ่านพระคัมภีร์สม่ำเสมอ
ในพระธรรมเลวีนิติได้กล่าวถึงวิธีการรักษาไฟในการเผาเครื่องบูชาว่า ต้องเติมเชื้อเพลิงเป็นประจำ
(ลนต.6:12) และเราก็มักพบว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเหล่าผู้เชื่อในคริสตจักรสมัยแรกมีความกระตือรือร้นในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้าคือ การใกล้ชิดพระวิญญาณผ่านการอธิษฐาน นมัสการ ศึกษาพระคัมภีร์ (กจ.2:46-47; 18:25; 22:3)

2.3 เข้าร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่กระตือรือร้นและเข้มแข็ง : รวบรวมเชื้อเพลิงที่คุให้อยู่ใกล้กันเสมอ

อีกวิธีหนึ่งในการรักษากองไฟให้ลุกโชติช่วง คือ การโกย เชื้อเพลิงแต่ละชิ้นที่ลุกติดไฟให้อยู่รวมกันเพื่อให้เกิดการถ่ายเทความร้อนกันและกัน
ในทำนองเดียวกันการเข้าร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องที่กระตือรือร้นและเข้มแข็งก็จะช่วยให้เรารักษาความกระตือรือร้นได้เสมอ (1 ยน.1:7; ฮบ.10:25)

2.4 มีส่วนรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่ : ไม่ปล่อยเปลวให้ไฟมอดดับลง

การโหมให้เปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่เสมอก็เป็นอีกวิธีทางหนึ่งในการรักษาไม่ให้ไฟมอดดับไป
พระเจ้าปรารถนาให้เรามีท่าทีติดตามพระองค์ด้วยสุดใจ เช่นเดียวกับการโหมให้เปลวไฟลุกโชติช่วง ดังนั้น หากเราต้องการรักษาความกระตือรือร้นในชีวิต การมีส่วนรับใช้พระเจ้าเป็นวิธีสำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะการมีส่วนรับใช้พระเจ้าเป็นการเปิดช่องให้เราพึ่งพาพระวิญญาณในการใช้ของประทาน และเราควรมีท่าทีในการรับใช้อย่างเต็มที่ด้วย (วว.3:15-16; รม.12:11)

1 ความคิดเห็น: