24 ธันวาคม 2559

ฮานุกกะห์ (Hanukkah) เทศกาลแห่งแสงสว่างและการอุทิศตน

เทศกาล “ฮานุกกะห์” (Hanukkah) หรือ คานุกะห์(Chanukah

เทศกาลนี้ได้ชื่อว่าเป็น “เทศกาลแห่งแสงสว่าง” (Festival of lights) อันเป็นความสว่างและความหวังใจของคนอิสราเอลที่ได้รับชัยชนะโดยพระยาห์เวห์ 
คำว่า คานุกะห์” חֲנֻכָּה‎  ในภาษาฮีบรู หมายถึง การอุทิศตน(Dedicationเพื่อการชำระตนต่อพระยาห์เวห์  
เทศกาลนี้จะเริ่มต้นฉลองในวันที่ 25 เดือนคิสเลฟ ไปจนถึงวันที่ เดือนเทเบท  (ปี 2016 อยู่ในช่วงวันที่ 25 ธันวาคม - 1 มกราคม 2017 ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลคริสต์มาส

เทศกาลนี้เราอาจจะไม่คุ้นเคยนักเพราะไม่ได้เป็นเทศกาลหลัก 3 เทศกาลตามพระคัมภีร์คือเทศกาลปัสกา เพ็นเทคอสต์ และอยู่เพิง (เลวีนิติ บทที่ 23)

แต่สำหรับคนอิสราเอลนั้นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการรำลึกถึงชัยชนะกลุ่มมัคคาบี นำโดย ยูดาห์ มัคคาบี (Judah Maccabeeที่มีต่อกองทัพของกษัตริย์อันติโอคัสที่ แห่ง
อีพิฟานีส(Antiochus IV Epiphanes) ในช่วงประมาณ 165 ปีก่อนคริสตศักราช  

Antiochus IV Epiphanes
กษัตริย์อันติโอคัสที่ ได้ทำรูปปั้นพระซุส(Zeus) เทพเจ้าของกรีกและถวายสัตวบูชาโดยใช้สุกรซึ่งเป็นสัตว์มลทินในพระวิหารของพระยาห์เวห์  ทรงสั่งให้คนยิวนมัสการเทพเจ้าของกรีก  หากพวกเขาไม่นมัสการพระองค์จะฆ่าพวกเขาเสีย แต่คนยิวไม่ยอมก้มกราบนมัสการเทพเจ้าของกรีก 
ยูดาห์ มัคคาบี (Judah Maccabee) ได้นำคนยิวต่อต้านจึงได้ชื่อว่า "กบฎมัคคาบี"  
เมื่อศัตรูจะทำลายคนยิว  พระยาห์เวห์ สะบาโอท  พระองค์ทรงอยู่ฝ่ายประชากรของพระองค์เสมอ  ทรงปกป้องช่วยเหลือประชากรของพระองค์เสมอ
กองทัพกรีกซึ่งเป็นกองทัพใหญ่ ส่วนคนยิวมีกองกำลังเพียงเล็กน้อย แต่คนยิวสามารถชนะกองทัพของกรีกได้  พวกเขาได้พระวิหารกลับคืนมาและได้ทำการชำระพระวิหาร  แต่คันประทีป กิ่ง(Menorahนั้นได้ดับลงไปแล้ว 
ตามหลักการในพระธรรมเลวีนิติ  ไฟที่คันประทีบต้องถูกจุดให้ลุกอยู่เสมอ 


เลวีนิติ 24:2 เจ้าจงบัญชาแก่คนอิสราเอลให้นำน้ำมันอย่างบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกเทศเพื่อเติมประทีป เพื่อให้ตะเกียงลุกอยู่เสมอ
เมื่อมีการจุดได้เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้น นั่นคือ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่ใช้จุดคันประทีปซึ่งเหลืออยู่เพียง 1 ขวดนั้นสามารถเป็นเชื้อเพลิงให้คันประทีปส่องสว่างได้ยาวนานถึง 8 วัน  
ปกติน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 ขวดใช้ได้เพียง 1 วัน  จึงเป็นที่มาของการเฉลิมฉลองเทศกาลฮานุกกะห์เป็นระยะเวลา 8 วัน โดยคันประทีปที่ใช้ในเทศกาลนี้จะมี 8 กิ่ง เรียกว่า ฮานุคิอาห์” (Hanukiah)

การจุดฮานุคิอาห์เริ่มจุดเทียนเล่มกลางหรือเทียนผู้รับใช้ (ชาแมช- shamash)ก่อนและจุดเทียนเล่มแรกในวันแรกจากนั้นจะจุดเทียนแต่ละเล่มเพิ่มขึ้นวันละ เล่มทุกๆ วันจนครบทั้ง เล่ม 

ในวันที่ 8  ฮานุคิอาห์จะส่องสว่างอย่างครบบริบูรณ์เป็นการแสดงความเคารพของชาวยิวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและวีรบุรุษของชนชาติอิสราเอลที่ล่วงหลับไป 

เลข 8 ในภาษาฮีบรู เล็งถึง พันธสัญญานิรันร์ของพระยาห์เวห์

หลังจากจุดเทียนจึงจะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน และมอบของขวัญให้กับคนในครอบครัว 
นอกจากนี้ยังมีการหมุน ลูกข่างเดรเดล” (Dreidel) เป็นลูกข่าง ด้านมีตัวอักษรฮีบรู ตัว คืออักษรนูน กิเมล เฮ้ และชิน  
เมื่อนำทั้ง ตัวมารวมกันจะหมายความว่า "ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นที่นั่นเป็นการแสดงถึงการขอบพระคุณพระยาห์เวห์ สำหรับชัยชนะที่น่าอัศจรรย์โดยพระองค์  

จากเหตุการณ์ที่พระวิหารถูกยึดครองโดยกษัตริย์ของกรีกนั้น เป็นไปตามคำเผยพระวจนะของดาเนียลที่เห็นภาพนิมิตถึงอนาคตของอิสราเอลจะถูกอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มายึดครอง 4 อาณาจักร คือ มีเดีย(บาบิโลน) เปอร์เซีย กรีก และโรมัน  และตอนนี้คือ "อาณาจักรกรีก" ซึ่งภาพนิมิตคือ "แพะผู้"ตามที่ทูตสวรรค์กาเบียลอธิบาย   
ดาเนียล  8:8-11,
8 แล้ว​แพะ​ผู้​ก็​พอง​ตัว​ขึ้น​อย่าง​มาก แต่​เมื่อ​มัน​แข็ง​แรง​เต็ม​ที่ เขา​ใหญ่​ของ​มัน​ก็​หัก มี​เขา​เด่น​อีก​สี่​เขา​งอก​ขึ้น​แทน​ที่ หัน​ไป​ทาง​ทิศ​ลม​ทั้ง​สี่​ของ​ฟ้า​สวรรค์
9 และ​มี​เขา​เล็กๆ เขา​หนึ่ง​งอก​ออก​มา​จาก​เขา​หนึ่ง​ใน​บรร​ดา​เขา​เหล่า​นี้ ซึ่ง​งอก​ขึ้น​ใหญ่​โต​เหลือ​เกิน​ขยาย​ไป​ทาง​ใต้ ไป​ทาง​ตะวัน​ออก และ​ไป​ยัง​แผ่น​ดิน​อัน​รุ่ง​โรจน์​นั้น...
11 มัน​โต​ขึ้น​อีก​จน​ถึง​เจ้า​นาย​แห่ง​บริ​วาร และ​เครื่อง​เผา​บูชา​เนือง​นิตย์​ก็​ถูก​ชิง​ไป​จาก​พระ​องค์ และ​สถาน​นมัส​การ​ของ​พระ​องค์​ก็​ถูก​ทำ​ให้​เสื่อม...

21 และ​แพะ​ผู้​คือ​กษัตริย์​ของ​กรีก และ​เขา​ใหญ่​ระหว่าง​นัยน์​ตา​คือ​กษัตริย์​องค์​แรก

กษัตริย์อันติโอคัสที่ ได้ทำรูปปั้นพระซุส(Zeus) เทพเจ้าของกรีกและถวายสัตวบูชาโดยใช้สุกรซึ่งเป็นสัตว์มลทิน พระวิหารถูกทำให้เป็นมลทิน(ดาเนียล 8:11) 

เทศกาลฮานุกกะห์ เป็นภาพเงาที่เล็งถึงพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในโลกที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด

ยอห์น 8:12 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ว่า “เรา​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก คน​ที่​ตาม​เรา​มา​จะ​ไม่​ต้อง​เดิน​ใน​ความ​มืด แต่​จะ​มี​ความ​สว่าง​แห่ง​ชีวิต”

กลุ่มคนยิวที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์(Messianic Jew) เชื่อว่าในเทศกาลนี้  มารีย์หญิงพรหมจารีได้ปฏิสนธิด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์และได้ให้กำเนิดองค์พระเยซูคริสต์ในช่วงเทศกาลอยู่เพิง พระองค์ทรงเป็นองค์อิมมานูเอล เป็นความสว่างแห่งพระสิริที่อยู่ท่ามกลางเรา 

มัทธิว 1:23 “นี่​แน่ะ หญิง​พรหม​จารี​คน​หนึ่ง​จะ​ตั้ง​ครรภ์ และ​คลอด​บุตรชาย​คน​หนึ่ง และ​เขา​จะ​เรียก​นาม​ของ​ท่าน​ว่า ​อิม​มา​นู​เอล” (แปล​ว่า พระ​เจ้า​สถิต​กับ​เรา)
 ยอห์น 1:4-5
4 พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์
5 ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่
 ยอห์น  1:14 พระ​วาทะ​ทรง​เกิด​เป็น​มนุษย์​และ​ทรง​อยู่​ท่าม​กลาง​เรา เรา​เห็น​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ คือ พระ​สิริ​ที่​สม​กับ​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระบิดา บริ​บูรณ์​ด้วย​พระ​คุณ​และ​ความ​จริง
พระคริสตธรรมคัมภีร์บันทึกว่า พระเยซูคริสต์ทรงอยู่ร่วมเทศกาลฮานุกกะห์หรือที่เรียกว่า “เทศกาลฉลองพระวิหาร”
ยอห์น 10:22-23 
 22 ขณะนั้น​เป็น​เทศกาล​ฉลอง​พระ​วิหาร (Hanukkah)​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม และ​เป็น​ฤดู​หนาว
23 ​พระ​เยซู​ทรง​ดำเนิน​อยู่​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร​ที่​เฉลียง​ของ​ซาโลมอน

พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับพระวิหารและทรงเรียกว่า นิเวศแห่งพระบิดาของเรา (ลูกา 2:49) พระองค์ทรงชำระพระวิหารที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นมลทิน (มาระโก 11:15-17) 

สิ่งสำคัญของการฉลองเทศกาลฮานุกกะห์ ในสมัยของพระเยซูคริสต์ นั่นคือ ช่วงเวลานั้นคนยิวถูกอาณาจักรโรมันครอบครองอยู่เป็นอาณาจักรที่ 4   ซึ่งเป็นการปกครองต่อจากมีเดีย(บาบิโลน) เปอร์เซีย และกรีก 

สมัยการปกครองโดยอาณาจักกรีก คนยิวได้รับการปลดปล่อยโดยผู้นำคือ ยูดาห์ มัคคาบี  
แต่ในสมัยโรมัน คนยิวบางคนคิดว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ ทรงเป็นสิงห์แห่งเผ่ยูดาห์ เชื้อสายของดาวิดที่จะมาเป็นกษัตริย์ของยิวและปลดปล่อยพวกเขาจากอาณาจักรโรมัน แต่ยิวบางคนก็ต่อต้านไม่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ และจะเอาก้อนหินขว้างพระองค์ 

พระเยซูคริสอยู่ในเทศกาลฮานุกกะห์ ในพระธรรม ยอห์น 10 :22-38 

22 ขณะนั้นเป็นเทศกาลฉลองพระวิหาร(Hanukkah)​ที่กรุงเยรูซาเล็ม 
23 เป็นฤดูหนาว พระเยซูทรงดำเนินอยู่ในบริเวณพระวิหารที่เฉลียงของซาโลมอน 
24 พวกยิวก็พากันมาห้อมล้อมพระองค์และทูลว่า จะให้ใจเราแขวนอยู่นานสักเท่าใด ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ก็จงบอกเราให้ชัดแจ้งเถิด
25 พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วและท่านไม่เชื่อ สิ่งซึ่งเราได้กระทำในพระนามพระบิดาของเรา ก็เป็นพยานให้แก่เรา
26 แต่ท่านทั้งหลายไม่เชื่อเพราะท่านมิได้เป็นแกะของเรา
27 แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา 
28 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้ 
29 พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดอาจชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้ 
30 เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” 
31 พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย 
32 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการของพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตาย เพราะการกระทำข้อใดเล่า” 
33 พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า” 
34 พระเยซูตรัสว่า ในพระธรรมของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า เราได้กล่าวว่าท่านทั้งหลายเป็นพระ
35 ถ้าพระธรรมนั้นเรียกผู้ที่รับพระวจนะของพระเจ้าว่า เขาเป็นพระ (และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้
36 ท่านทั้งหลายจะกล่าวหาท่านที่พระบิดาได้ทรงตั้งไว้ และทรงใช้เข้ามาในโลกว่า ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้าเพราะเราได้กล่าวว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างนั้นหรือ 
37 ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าวางใจในเราเลย 
38 แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้วางใจในเรา ก็จงวางใจเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเข้าใจว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา

พระเยซูคริสต์ทรงตรัสกับคนยิวเหล่านั้นว่า  พระองค์ทรงมาเพื่อจะตามหาแกะที่หลงหายไปจากพระบิดา ตามอุปมาเรื่องคอกแกะ(ยอห์น 10)  ใครที่เชื่อฟังพระองค์ก็เป็นแกะของพระองค์ แกะของพระองค์จะได้ยินเสียงของพระองค์และ พระเยซูคริสต์จะให้ชีวิตนิรันดร์ พวกเขาไม่จะพินาศ (ยอห์น10:25-28) 

พระเยซูทรงชี้ให้พวกเขาเห็นถึงความรอดจากการเป็นทาสของบาป ดีกว่าเป็นเชลยที่ได้รับการปลดปล่อยโดย ยูดาห์ มัคคาบี  แต่มันก็ไม่ได้คำตอบที่คนยิวต้องการที่จะได้ยิน พวกเขาจึงจะขว้างพระเยซูคริสต์  

พระเยซูคริสต์ไม่ได้มาเพื่อจะปลดปล่อยคนยิวให้พ้นจากการเป็นเชลยของโรมัน แต่พระเยซูคริสต์มาปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาสของบาปและความตาย  นำพวกเขาเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์และอยู่ในราชอาณาจักรของพระเจ้า!

คนยิวก็หมดหวังเมื่อพระเยซูถูกทหารโรมันจับไปตรึงกางเขน และพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มถูกกองทัพโรมันทำลายลงในปี ค.. 70 ซึ่งเป็นไปตามคำพยากรณ์ของพระเยซูคริสต์ 
มัทธิว 24:1-2
1 พระ​เยซู​เสด็จ​ออก​จาก​บริ​เวณ​พระ​วิหาร ระหว่าง​เสด็จ​ไป บรร​ดา​สา​วก​ของ​พระ​องค์​มา​ชี้​อา​คาร​ทั้ง​หลาย​ใน​บริ​เวณ​พระ​วิหาร​ให้​พระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร
2 พระ​องค์​จึง​ตรัส​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “สิ่ง​ทั้ง​หมด​นี้​พวก​ท่าน​เห็น​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ? เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า ที่​นี่​จะ​ไม่​เหลือ​ก้อน​หิน​ซ้อน​ทับ​กัน​อยู่​แม้​แต่​ก้อน​เดียว แต่​จะ​ถูก​ทำ​ลาย​ลง​หมด”

พระเยซูคริสต์พยากรณ์ว่า พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขน และตายและผ่านไป 3 วันพระองค์จะเป็นขึ้นมาจากความตาย(มัทธิว 27:40) พระองค์จะสร้างพระวิหารใหม่คือ พระวิหารในฝ่ายวิญญาณ คือ ผู้ที่เชื่อในพระองค์ และเป็นพระวิหารที่ประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์

แม้ว่าพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มถูกกองทัพโรมันทำลายลงไปแล้ว แต่ก็มีการฉลองเทศกาลฮานุกกะห์ต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ 

ในอนาคตพระวิหารหลังที่ 3 จะถูกสร้างขึ้นใหม่ และเมื่อสิ้นยุคของโลกนี้ พระเยซูคริสต์จะกลับมาอีกครั้งหนึ่งในฐานะกษัตริย์ที่จะเสด็จเข้ามาทางประตูพระวิหารของพระองค์ด้วยพระสิริ(สดุดี 24) และจะทรงนำอาณาจักรและการครอบครองตลอดนิรันดร์กาล

ดังนั้น  ทุกครั้งที่มีการฉลองเทศกาลนี้  ให้เราตระหนักว่า พระยาห์เวห์ทรงปรารถนาที่จะรื้อฟื้นพระวิหารของพระองค์ต่อไป    


เราทั้งหลายเป็นพระวิหารในฝ่ายวิญญาณเป็นที่ประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 

1 โครินธ์ 3:16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า​ พวก​ท่าน​เป็น​วิ​หาร​ของ​พระ​เจ้า และ​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​เจ้า​สถิต​อยู่​ใน​พวก​ท่าน? 

เทศกาลนี้จึงเป็นเวลาที่เราจะอุทิศตัวเพื่อรับการชำระจากพระยาห์เวห์ เพื่อนำสิ่งมลทินออกไปจากชีวิตและรับพระสิริของพระองค์เข้ามาฉายส่องในชีวิตของเรา (อิสยาห์ 60) 

เราสามารถร่วมฉลองเทศกาลฮานุกกะห์ เทศกาลแห่งแสงสว่างและการอุทิศตน ด้วยการป่าวประกาศชัยชนะเหนือความมืดในภาคปฏิบัติ ได้ดังต่อไปนี้
1. อุทิศตัวให้เวลาในการใคร่ครวญภาวนาพระวจนะ เพราะพระวจนะเป็นโคมที่ส่องสว่างในชีวิต 

โคโลสี 4:2  จงอุทิศตัวในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยการขอบพระคุณ

สดุดี 119:105 พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์​เป็น​ตะ​เกียง​แก่​เท้า​ของ​ข้า​พระ​องค์ และ​เป็น​ความ​สว่าง​แก่​ทาง​ของ​ข้า​พระ​องค์
 2. อธิษฐานเพื่อรับการปกคลุมด้วยพระสิริของพระยาห์เวห์ และรับการปกป้องให้พ้นจากเงามืดของศัตรู (อิสยาห์ 60)
3. ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราเป็นพระวิหารของพระองค์ ใช้เวลาอธิษฐานชำระชีวิตให้บริสุทธิ์
4. อธิษฐานป่าวประกาศฤทธิ์เดชของพระวิญญาณที่อยู่ในชีวิต ให้เราเรียนรู้ที่จะคาดหวังในการอัศจรรย์ของพระองค์เพื่อจะมีชัยชนะเหนือกิจการแห่งความมืด มีความหวังใจในพระเจ้าเสมอ
ทิตัส 1:2-3  
ด้วยหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาเลยได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

แต่ในเวลาที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ ​ก็ได้ทรงโปรดให้พระวาทะของพระองค์ปรากฏด้วยการประกาศ ซึ่งข้าพเจ้าได้รับมอบไว้ ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงช่วยเราทั้งหลายให้รอด
5. ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นความสว่างของโลกนี้  ให้เราดำเนินชีวิตในความสว่างและพร้อมที่จะออกไปส่องสว่างท่ามกลางความมืดของโลกนี้ เราเป็นตะเกียงที่ถูกจุดเพื่อส่องสว่างเพื่อออกไปทำสิ่งดีและเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐกับคนทั้งปวง 


 มัทธิว 5:14-16
14 ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้
15 เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น