(สรุปคำเทศนา คนรุ่นใหม่ หัวใจแบบโยสิยาห์ โดย อ.เบญจมาส มากสุริวงศ์)
คำเผยพระวจนะสำหรับประเทศไทย โดย ดร.ซินดี้ เจคอปส์ ในงาน สู่พลังอธิษฐานแห่งชาติ เพื่อการปฏิรูปสังคม
จัดเมื่อ 13-15 พฤศจิกายน 2008 ณ คริสตจักรในสมาน (ถนนรามคำแหง 68)
จัดโดย เครือข่ายอธิษฐานอวยพรประเทศไทย
เราจะมาดุจลมที่พัดแรงกล้า เพ็นเทคอสท์กำลังจะมา - พร้อมด้วยลมและไฟ นำมาซึ่งการปฏิรูปครั้งใหญ่ เสมือนว่าเกิดขึ้นได้ภายในวันเดียว เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ
จงมองดูภาคใต้ของประเทศไทย การฟื้นฟูกำลังเริ่มติดไฟที่ภาคใต้ของประเทศไทย พระสิริของพระเจ้าอยู่เหนือภาคใต้ จงส่งคนงานเข้าไปเพราะจะมีการอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น คนง่อยเดินได้ คนตาบอดมองเห็น คนหูหนวกได้ยิน หมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่าจะมาหา พระเจ้า ไฟจากภาคเหนือจะลุกโชน และไฟจากภาคใต้จะลุกโชน จากนั้นไฟจะลุกลามไปยังภาคกลาง
จำนวนผู้เชื่อในประเทศไทยจะเพิ่มแล้วเพิ่มอีกเป็นสองเท่า พระเจ้ากำลังส่งการฟื้นฟูมายังประเทศนี้ นี่คือเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว นี่คือแผ่นดินแห่งน้ำนม และน้ำผึ้ง “การเขย่า” (Shaking) จะเพิ่มมากขึ้น แต่จงอย่ากลัว พระเจ้าจะนำให้มีชนรุ่นใหม่แห่งการปฏิรูปแบบโยสิยาห์เกิดขึ้น เรา (พระเจ้า) มีอะไรหลาย ๆ อย่างให้เจ้าประหลาดใจ เรากำลังทำสิ่งใหม่ – ทางในถิ่นทุรกันดาร การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ และความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึงประเทศไทย วิญญาณแห่งการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ จะอยู่ในคนหนุ่มสาว จงอย่าท้อใจในการเขย่าครั้งใหญ่นี้
คำเผยพระวจนะก็มีช่วงเวลาที่จะเดินทางไปสู่ความสำเร็จตามคำเผยพระวจนะ เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านคำเผยพระวจนะนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกได้รับการเร้าใจอย่างมากให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของกษัตริย์โยสิยาห์ คำว่า การปฏิรูปแบบโยสิยาห์ก็อยู่ในใจของข้าพเจ้าเรื่อยมา
กลางคืนนอนก็คิดถึงแต่โยสิยาห์ กษัตริย์โยสิยาห์ เป็นใคร เขาทำอะไร ให้เราได้พิจารณา จากพระวจนะของพระเจ้าเพื่อเราจะเข้าใจการเคลื่อนของพระองค์ในประเทศนี้ได้ชัดเจนขึ้น ตามคำเผยพระวจนะ ให้เราได้ใคร่ครวญพระวจนะเกี่ยวกับกษัตริย์องค์นี้ด้วยกัน
2 พกษ.22:1-2,
1 โยสิยาห์มีพระชนมายุแปดพรรษาเมื่อเริ่มครอบครอง และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบเอ็ดปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยดีดาห์บุตรีของอาดายาห์ชาวโบสคาท 2 และพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า และทรงดำเนินในมรรคาของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์มิได้ทรงหันไปทางขวามือหรือซ้ายมือ ...
2 พกษ.23:1-3, 21-25
1 แล้วพระราชาทรงใช้ และบรรดาผู้ใหญ่ของยูดาห์ และเยรูซาเล็มได้มาชุมนุมกับพระองค์ 2 และพระราชาเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า และคนยูดาห์ทั้งสิ้นและบรรดาชาวกรุงเยรูซาเล็มกับพระองค์และปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะประชาชนทั้งปวงทั้งเล็กและใหญ่ และพระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือพันธสัญญาซึ่งได้พบในพระนิเวศของพระเจ้าให้เขาฟัง 3 และพระราชาทรงประทับยืนข้างเสา และทรงกระทำพันธสัญญาต่อพระพักตร์พระเจ้าว่า จะดำเนินตามพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติ พระโอวาท และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ด้วยสุดพระจิตสุดพระทัยของพระองค์ จะปฏิบัติตามถ้อยคำของพันธสัญญานี้ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือนี้ และประชาชนทั้งปวงก็เข้าส่วนในพันธสัญญานั้น ...
21 และพระราชาทรงบัญชาประชาชนทั้งปวงว่า “จงถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ดังที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญา” นี้ 22 เพราะว่าเทศกาลปัสกาอย่างนี้มิได้ถือกันมาตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัย ผู้ที่ครอบครองอิสราเอล หรือระหว่างสมัยบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอล หรือพระราชาแห่งยูดาห์ 23 แต่ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ ได้ถือเทศกาลปัสกานี้ถวายแด่พระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม 24 ยิ่งกว่านั้นอีก โยสิยาห์ได้กำจัดคนทรงและแม่มด และเทราฟิม และรูปเคารพและสิ่งน่าสะอิดสะเอียนซึ่งเห็นกันอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพระองค์จะทรงสถาปนาถ้อยคำแห่งธรรมบัญญัติ ซึ่งเขียนอยู่ในหนังสือที่ฮิลคียาปุโรหิต ได้พบในพระนิเวศของพระเจ้า 25 ก่อนพระองค์หามีพระราชาองค์ใดเหมือนพระองค์ไม่ ผู้ซึ่งหันหาพระเจ้าด้วยสุดพระจิตสุดพระทัย และด้วยสิ้นสุดพระกำลัง ตามธรรมบัญญัติทั้งสิ้นของโมเสส หรือผู้ที่เกิดมาทีหลังพระองค์ ก็ไม่มีใครเหมือนพระองค์
ข้าพเจ้าขอให้ชื่อคำเทศนาในวันนี้ว่า คนรุ่นใหม่หัวใจแบบโยสิยาห์
ฉธบ.32:1-3
1 "โอ ฟ้าสวรรค์ จงเงี่ยหูฟัง ข้าพเจ้าจะพูดขอพิภพโลกจงสดับถ้อยคำจากปากของข้าพเจ้า
2 ขอให้คำสอนของข้าพเจ้าหยดลงอย่างเม็ดฝน และคำปราศรัยของข้าพเจ้ากลั่นตัวลงอย่างน้ำค้าง อย่างฝนตกปรอยๆอยู่เหนือหญ้าอ่อน อย่างห่าฝนตกลงเหนือผักสด
3 เพราะข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระเจ้า จงถวายความยิ่งใหญ่แด่พระเจ้าของเรา
อ.ซินดี้บอกว่า มีคนรุ่นใหม่แห่งการปฏิรูปแบบโยสิยาห์ แล้วคนรุ่นใหม่ คือ ใคร ใครๆในยุคนี้ต่างก็เคยได้ยินคำว่าคนรุ่นใหม่ แล้วใคร คือคนรุ่นใหม่ ทำไมจึงเรียกว่าคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่หมายถึงคนที่อายุน้อยเท่านั้นหรือ คนที่มีอายุมากแล้วหมดสิทธิ์ที่จะเป็นคนรุ่นใหม่ใช่หรือไม่
หลายคนที่อายุมากแล้วคงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่ “ผมก็คนรุ่นใหม่เหมือนกันแม้ว่าผมอายุมากแล้ว”
ที่จริงแล้วนิยามของคนรุ่นใหม่ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ มิได้จำกัดอยู่ที่อายุน้อย แต่คนรุ่นใหม่ที่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงนี้ คือ คนที่มีทัศนคติใหม่ มีหัวใจใหม่ หัวใจที่ไม่ธรรมดา เพื่อพระเจ้า คนรุ่นใหม่ ที่มีหัวใจแบบโยสิยาห์นั้นเป็นอย่างไร
1. มีใจเสาะแสวงหาพระเจ้าแบบสุดใจ
เรียกอีกอย่างว่า แสวงหาพระองค์ด้วยใจแบบ Pure heart แสวงหาด้วยใจใส ๆ แสวงหาด้วยสุดจิต สุดใจ สุดกำลังความคิด นี่คือ หัวใจที่พระเจ้าจะเคลื่อนให้เกิดขึ้นในวาระสุดท้าย
พระเจ้าจะเคลื่อนให้เกิดขึ้นกับท่าน ท่านผู้ใส่ใจ เข้าใจการเคลื่อนของพระวิญญาณ ท่านผู้ถ่อมใจทั้งหลาย
2 พศด.34:1-2
1 เมื่อโยสิยาห์เริ่มครอบครองมีพระชนมายุแปดพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสามสิบเอ็ดปี 2 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า และดำเนินในมรรคาของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์มิได้ทรงหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า กษัตริย์โยสิยาห์ ผู้มีพระชนมายุ เพียงแปดพรรษาเท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ คือ เป็นเพียงเด็กแปดขวบเท่านั้น แต่กลับสนใจในเรื่องฝ่ายวิญญาณ ทรงเทใจรักพระเจ้าแบบหมดใจ ความรักที่พระองค์มีต่อพระเจ้า เป็นความรักแบบใส ๆ Pure Heart
นี่คือ ความรักที่พระเจ้าอยากให้เรารักพระองค์แบบนั้น คือ รักแบบเด็ก ๆ รัก
มธ.18:1-4
1 ในเวลานั้นเหล่าสาวกมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า “ใครเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์” 2 พระเยซูจึงทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมา ให้ยืนท่ามกลางเขา 3 แล้วตรัสว่า “เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย 4 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดถ่อมจิตใจลง เหมือนเด็กเล็กคนนี้ ผู้นั้นจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์
มธ. 19:14
ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าชาวแผ่นดินสวรรค์เป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น”
ลก. 18:17 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้หนึ่งผู้ใดมิได้รับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้”
หัวใจแบบเด็กนี้พิเศษจริง ๆ หัวใจแบบนี้เปิดทางให้เข้าถึงพระเจ้า แบบที่พระเจ้าอ้าแขนรับ และวิ่งเข้าไปกอด เป็นหัวใจที่พระเจ้าโปรดปรานจริง ๆ เด็ก ๆ ไม่มีพิษมีภัย จริงใจ ไม่ลวงหรอก เมื่อบอกว่ารัก ก็คือ รัก
ความรักแบบเด็ก ต่างจากความรักแบบผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมื่อบอกว่ารัก นั่นอาจหมายถึง เอารักมอบให้ไปเพียงแค่ครึ่งใจ หรืออาจเป็นสามในสี่ของใจ ไม่เคยมอบให้ทั้งสี่ห้องหัวใจได้เลย อีก 1 เศษเสี้ยวนั้น เก็บไว้รักอย่างอื่น แต่พระเจ้าเรียกให้เรารักพระองค์แบบเด็ก ๆ รักแบบสุดใจ
หากวันนี้ พระเจ้าจะขอจากท่าน พระองค์ทรงขอหัวใจทั้งหมดของท่านให้พระองค์ ถ้าพระองค์ขอ ให้พระองค์ได้ไหมคะ ให้ทั้งหมดได้ไหม
“เราขอจากเจ้า เจ้าให้เราได้ไหม ให้ทั้งหมดได้ไหม”
ฉธบ. 6:5 พวกท่านจงรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังของท่าน
ฉธบ. 10:12 “ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำอย่างไร คือให้ยำเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย
ฉธบ. 30:2 และท่านก็หันกลับมาหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ทั้งตัวท่านและลูกหลานของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ในทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน
2 พศด. 15:12 และเขาก็เข้าทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ด้วยสุดจิตสุดใจของเขา
มก. 12:30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน
นี่คือ คำถามที่พระเจ้าต้องการถามท่านในเช้าวันนี้ “ ท่านจะเทใจรักพระองค์ หมดใจ ได้ไหม”
“ท่านจะรักเรา ด้วยหัวใจรักแบบเด็ก ๆ ได้ไหม” เด็ก ๆ รักเป็นแบบใดกันนะ ท่านที่มีลูก คงเข้าใจความหมายนี้ ดี
พระวจนะกล่าวต่อไปบอกว่า ด้วยความรักนี้ พระองค์จึงทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า และดำเนินในมรรคาของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์มิได้ทรงหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
จริง ๆ แล้ว ความรัก และการแสวงหาพระเจ้าด้วยความรักนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ อายุไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับ ความรักที่มีต่อพระเจ้า
ไม่ว่าอายุมาก อายุน้อย ไม่ว่าเชื่อนาน หรือไม่นาน ทุกคนสามารถเทใจรักพระเจ้าได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่า ท่านจะเทใจรักพระองค์หรือไม่
บางคนอายุความเชื่อแค่เพียงวันเดียว แต่รักล้นใจ ยิ่งอายุความเชื่อนานวันเข้า บางคนสิบปี บางคนยี่สิบปี บางคนสามสิบปี เรายิ่งเห็นพระคุณความรักพระเจ้าที่ทำต่อชีวิตเรามาก ก็ขอให้ความรักเพิ่มทวีในชีวิตของเรามาก
อย่าให้ยิ่งนาน ยิ่งห่าง ยิ่งความรักหดหาย
อย่าให้ยิ่งเชื่อ ยิ่งเฉยต่อความรัก เอเมนไหมค่ะ แต่ยิ่งเชื่อยิ่งรัก ยิ่งนานวัน ก็ ยิ่งรัก
ให้เรามองดูกษัตริย์โยสิยาห์ กษัตริย์ผู้เป็นแบบอย่างความรักที่พระองค์มีต่อพระเจ้า รักแบบใส ๆ
นี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ กษัตริย์ผู้ครองราชย์ด้วยพระชนม์มายุ แปดพรรษาจะเริ่มต้นการครองราชย์ด้วยใจที่เสาะแสวงหาพระเจ้าแบบสุด ๆ
หากเราย้อนกลับไปดู ภูมิหลังครอบครัวของกษัตริย์โยสิยาห์ เราจะยิ่งอัศจรรย์ใจ
กษัตริย์โยสิยาห์ เติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมรอบตัวที่เห็นแต่ผู้คนทำผิดบาป มีแต่สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีให้เห็น สภาพสังคม ผู้คนล้วนแต่ ไหว้รูปเคารพ ห่างไกลศีลธรรม
พระวจนะบอกว่า พระราชบิดาของพระองค์ซึ่งก็คือ กษัตริย์ อาโมน ก็เป็นกษัตริย์ที่ชั่วร้าย ทำชั่วต่าง ๆ นานา
2 พศด.33: 21-25
21 เมื่ออาโมนเริ่มครอบครองมีพระชนมายุยี่สิบสองพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสองปี
2พกษ. 21:19; 22 พระองค์ทรงกระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า อย่างมนัสเสห์ราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำนั้น อาโมนถวายสัตวบูชาแก่รูปเคารพทั้งสิ้น ซึ่งมนัสเสห์ราชบิดาของพระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น และทรงปรนนิบัติรูปเคารพนั้น 23 และพระองค์มิได้ถ่อมพระองค์ลงต่อพระเจ้า อย่างมนัสเสห์ราชบิดาของพระองค์ได้ถ่อมพระองค์ลงนั้น แต่อาโมนองค์นี้ได้ก่อกรรมชั่วยิ่งๆ ขึ้น 24 แล้วข้าราชการของพระองค์ก็ร่วมกันคิดกบฏต่อพระองค์ และได้ฆ่าพระองค์เสียในพระราชวังของพระองค์ 25 แต่ราษฎรได้ประหารบรรดาคนเหล่านั้นที่คิดกบฏต่อกษัตริย์อาโมน และราษฎรได้แต่งตั้งให้โยสิยาห์โอรสของพระองค์ครอบครองแทนพระองค์
ไม่ใช่เพียงแต่พระราชบิดา หรือคุณพ่อที่ไม่ได้เป็นแบบอย่างให้เห็น รวมไปถึงคุณปู่ หรือพระอัยกาของพระองค์ ซึ่งก็คือ กษัตริย์มนัสเสห์ ซึ่งพระคัมภีร์บันทึกว่า ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า ทำสิ่งน่าเกลียดน่าชัง
2 พกษ.21:1-2
1 มนัสเสห์มีพระชนมายุสิบสองพรรษาเมื่อพระองค์ขึ้นครอบครอง และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มห้าสิบห้าปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าเฮฟซีบาห์ 2 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้าตามการกระทำอันน่าเกลียดน่าชังแห่งประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าทรงขับไล่ให้ออกไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล
กษัตริย์โยสิยาห์คงได้เห็นสภาพแย่ ๆ สภาพที่ไม่เป็นแบบอย่างนี้มาตั้งแต่เล็ก ๆ แต่น่าแปลก ความชั่วร้ายเหล่านั้น ไม่ได้หล่อหลอมสร้างชีวิตของพระองค์แต่อย่างใด
สิ่งนี้กำลังสะท้อนมายังเราทั้งหลายด้วยเช่นกันว่า ไม่ว่าเราเกิดในสภาพครอบครัวอย่างไร ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไร เราเลือกที่จะตัดสินใจเดินได้ จำไว้ว่า เราเลือกที่จะตัดสินใจเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้
หากท่านเป็นผู้นั้นที่กำลังตัดสินใจเลือก เลือกเองได้ เลือกในสิ่งที่ถูกต้อง
อย่าโทษสภาพแวดล้อมว่า เพราะชีวิตฉัน เห็นแต่สิ่งนี้ คนโน้นก็เป็นแบบนั้น คนนี้ก็เป็นแบบนนี้ให้เห็น ฉันก็ขอเป็นแบบนี้ ตาม ๆ เขาก็แล้วกัน ไม่ใช่ แต่ให้มองที่ตัวเรา เราเลือกได้
นี่เป็นสภาพที่น่าประทับใจ และเราอาจจะเรียนแบบอย่างได้ในการสร้างชนรุ่นหลังให้มีหัวใจรักพระเจ้า
พี่น้องที่รัก เด็ก ๆ เป็นอนาคตของประเทศ ลูก ๆ หลาน ๆ ท่านเป็นอนาคตของชาติ เด็ก ๆ เป็นอนาคตของคริสตจักร
และเราสร้างชีวิตเขา ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ในฝ่ายกายภาพได้ สร้างตั้งแต่วันนี้
เด็ก ๆ สามารถร่วมในกองทัพคนรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนคุณธรรมในประเทศ ในคริสตจักรได้
ดังที่อาจารย์ซินดี้ ได้เผยพระวจนะไว้ว่า
ปี 2010 -2020 เราจะบรรจุประเทศนี้ให้เต็ม คริสตจักรจะมีเพิ่มมากขึ้น มากกว่าปีเดือนที่ผ่านมาทั้งสิ้น
เราจะประทานไฟและพระสิริของเรามายังมหาวิทยาลัยทั้งหลาย เป็นการเคลื่อนไหวแบบจีซัส มูฟเมนท์ (Jesus Movement) จะเป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญจากเหนือจรดใต้ ตะวันออกสู่ตะวันตก จงเริ่มอธิษฐานเผื่อมหาวิทยาลัยทั้งหลาย
แต่เคล็ดลับแห่งฤทธิ์เดชของเราคือ เด็ก ๆ ... เด็กๆ มีฤทธิ์อำนาจ เด็กวัย 3 ขวบ เด็กวัย 10 ขวบ จะถูกใช้ให้ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง
ลูกของท่านคือ อนาคตของแผ่นดิน และตัวท่านซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ก็เป็นอนาคตของแผ่นดินเช่นกัน สร้างเด็ก ก็คือสร้างชาติ สร้างเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อชาติเราจะมีอนาคต เพื่อคริสตจักรจะมีอนาคตที่สดใส ท่านสามารถสร้างผ่านชีวิตที่รักพระเจ้าของท่าน ผ่านแบบอย่าง และวันอาทิตย์ก็ควรฉวยโอกาส ส่งเด็กไปคริสตจักรเด็กนะคะ ที่นั่นลูก ๆ หลาน ๆ ของท่านจะได้รับการสอนอย่างดีให้ดำเนินตามทางพระเจ้า
ข้าพเจ้าไปอิสราเอล ข้าพเจ้าเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าประทับใจ
ข้าพเจ้าเห็นเด็กเล็ก ๆ ถือพระคัมภีร์ มีกันคนละเล่ม เด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น ไปยืนอธิษฐาน เปิดพระคัมภีร์อ่าน น่าประทับใจ เขาปลูกฝังให้ลูกหลานรักพระธรรมจริง ๆ
ที่กำแพงร้องไห้ ข้าพเจ้าเห็นคนหลากหลาย generation ตั้งแต่คนแก่เดินใช้ไม้เท้า วัยผู้ใหญ่ วัยรุ่น เด็ก ต่างไปอธิษฐานแสวงหาพระเจ้า และข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่า เขาให้ความสำคัญกับคำว่า ครอบครัวมาก
ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา เขาจะพาลูก ๆ มากันเป็นครอบครัว อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มากินอาหารร่วมกัน มีตั้งแต่ลูกแบเบาะ ไล่ไป คงเกิดหัวปี ท้ายปี มีลูกหลายคน แต่ค่อนข้างอบอุ่น
ข้างทางก็จะมีจุดที่เขาทำไว้ให้พักผ่อน มากันเป็นครอบครัว ปิ้งย่างบาบีคิวกินกัน บางครอบครัวก็กางเต็นท์ กันแถวนั้นเลย นี่คือสิ่งที่ดีที่เรามองเห็นจากเขา น่าประทับใจ
ข้าพเจ้าก็พยายามมองหารถตำรวจ แต่ไม่ค่อยเห็น ถามคนอื่น ๆ ว่า ใครเห็นตำรวจซุ่มอยู่ตามแยกบ้าง ใครเห็นบ้างไหมเป็นอย่างไร ไปเจ็ดวัน เห็นเอาวันสุดท้ายหนึ่งคัน
ส่วนใหญ่เห็นแต่รถทหาร ทุกคนต้องเป็นทหารไม่ว่าหญิงหรือชาย เขารักชาติมาก ต้องรักกัน เพราะมีศัตรูรอบด้านด้วย เมื่อคนรักพระธรรม ศีลธรรมก็ดี จงโจรก็ไม่มี เราอยากให้ประเทศของเราเป็นแบบนี้ไหมคะ
ถ้าอยากเห็น เราต้องช่วยกัน ปฏิรูปหัวใจของเราให้รักพระเจ้า สอนลูกสอนหลานรุ่นต่อๆ ไปของเราให้รักพระเจ้า
กษัตริย์โยสิยาห์ อายุแปดขวบ ทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า นั่นคือ ทำสิ่งที่ดี แยกแยะได้ว่า อะไรผิด อะไรถูก
น่าอัศจรรย์ตรงที่ ในยุคที่พระองค์เป็นเด็กนั้น ศีลธรรมเสื่อมทรามอย่างหนัก การสอนศีลธรรม ไม่มี ผู้เผยพระวจนะต่าง ๆก็ยังไม่ถูกเรียกให้ออกมาเตือนสอนผู้คนให้กลับใจ
พระองค์ไม่ได้ดำเนินตามทางของสิ่งผิดตามที่บรรพบุรุษได้ทำ แต่คิดเป็น แยกแยะเป็น
เราซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่หัวใจใส ๆ รักพระเจ้า เราก็ขอพระเจ้าให้เรามีสติปัญญา แยกแยะได้ว่าอะไรผิด อะไรถูก สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ ถ้าเรายึดพระธรรมพระเจ้าไว้ให้มั่น
คนรุ่นใหม่ รักพระเจ้า รักพระธรรมของพระองค์ เอเมนไหมคะ วิ่งเข้าหาคำสอน วิ่งเข้าหาจริยธรรม วิ่งเข้าหาสิ่งที่พระเจ้าตรัส ให้กระทำหูของเราให้ผึ่งเพื่อเราจะมีปัญญา และแยกแยะได้
สดด.19:7-8
7 กฎหมายของพระเจ้ารอบคอบและฟื้นฟูจิตวิญญาณ กฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นแน่นอน กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา 8 ข้อบังคับของพระเจ้านั้นถูกต้อง กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์ พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง
ความรัก ความยำเกรงที่เรามีต่อพระเจ้า จะกระทำให้เรามีปัญญา และปัญญาก็มีค่ามากกว่าสิ่งใด ๆ
สภษ.3:13-15
13 มนุษย์ผู้ประสบปัญญาและผู้ได้ความเข้าใจ เป็นสุขจริงหนอ 14 เพราะผลที่ได้จากปัญญา ย่อมดีกว่าผลที่ได้จากเงิน และกำไรนั้นดีกว่าทองคำ 15 ปัญญาประเสริฐกว่าทับทิม และบรรดาสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะเปรียบกับปัญญาไม่ได้
พระวจนะบอกว่า กษัตริย์โยสิยาห์ ไม่เพียงเป็นที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า เพราะหัวใจที่มีความรักต่อพระองค์ แต่ได้ปฏิบัติออกมา คือ ดำเนินตามทางของดาวิด และทรงดำเนินในมรรคาของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์มิได้ทรงหันไปทางขวามือหรือซ้ายมือ ...
นั่นคือ ดำเนินด้วยชีวิตอย่างดาวิด คือ ดำเนินชีวิตด้วยความวางใจในพระเจ้า ความวางใจนี้ทำให้พระองค์มีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ รับใช้พระองค์ ทุกสิ่งที่ทำมอบถวายพระสิริแด่พระเจ้า
สดด. 9:10 บรรดาผู้ที่รู้จักพระนามของพระองค์ก็วางใจในพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์มิได้ทรงทอดทิ้งบรรดาผู้ที่เสาะแสวงหาพระองค์
ความรักที่กษัตริย์โยสิยาห์มีตั้งแต่วัยแปดพรรษานั้น เริ่มมีมากขึ้น และสำแดงออกเป็นการกระทำที่ชัดเจน
เมื่อเติบโตขึ้น เป็นวัยรุ่น สิบหกขวบ กษัตริย์โยสิยาห์ติดสนิทแนบแน่นกับพระเจ้ามากขึ้น พระคัมภีร์บอกว่า พระองค์ทรงเสาะแสวงหาพระเจ้า แบบสุดใจ
2 พศด.34: 3 เพราะในปีที่แปดแห่งรัชกาลของพระองค์ เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ พระองค์ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์
นั่นหมายถึง ตั้งแต่แปดขวบจนถึงสิบหกขวบ เป็นเวลาที่ท่านเรียนรู้ เข้าใจพระทัยพระเจ้ามาก
ต่อมาเมื่อพระชนมายุ 20 พรรษา ตอนนี้ เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พระองค์มีความคิดความอ่าน เต็มที่แล้ว ด้วยหัวใจที่รักพระเจ้านั้น ทำให้พระองค์ลงมือทำ
สิ่งที่หล่อหลอมในหัวใจ ได้แสดงออกมา
และในปีที่สิบสองพระองค์ทรงเริ่มกวาดล้างยูดาห์และเยรูซาเล็มด้วยการกำจัดปูชนียสถานสูง ทั้งบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพแกะสลักและรูปเคารพหล่อ
อายุ ยี่สิบหก ทรงทำการปฏิรูปศาสนา ซึ่งเทียบเท่ากับการปฏิรูปประเทศนั่นเอง จะเห็นว่าทุกอย่างมีช่วงจังหวะเวลา เริ่มต้นจากเทใจให้พระเจ้า
เราจะถูกหล่อหลอมชีวิต เพื่อก้าวไปทำสิ่งอื่น ๆ ตามการทรงนำของพระเจ้าที่มากยิ่งขึ้นได้ ตามจังหวะ และเวลา ที่พระองค์วางไว้
กษัตริย์โยสิยาห์ได้พาผู้คน ให้หันกลับเข้ามานมัสการพระเจ้า อย่างแท้จริง ฉะนั้น จงทำให้ทุกที่ที่ท่านอยู่ เป็นที่แห่งการนมัสการที่แท้จริง จงทำให้ผู้คนรอบตัวท่านนมัสการพระเจ้า คือ นมัสการด้วยจิตวิญญาณ และความจริง
ยน.4:23-24
23 แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ 24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”
กษัตริย์โยสิยาห์ไม่ได้พึงพอใจที่พระองค์จะนมัสการรับใช้พระเจ้ายิ่งใหญ่ แต่เพียงลำพังพระองค์เอง แต่พระองค์ตั้งพระทัยแน่วแน่ ท่ามกลางสภาพสังคมอันเสื่อมทรามในเวลานั้นที่จะพาผู้คนให้หันกลับมารู้จักพระเจ้าเที่ยงแท้ หันกลับมารื้อฟื้นความเชื่อ
พระองค์ดำเนินแวดล้อมไปด้วยผู้คนในสังคมที่ไม่เชื่อ ไม่สนใจเรื่องพระเจ้า ไม่นมัสการพระองค์ ซึ่งเป็นสภาพสังคมที่ไม่ต่างจากสังคมของเราในเวลานี้ แต่พระองค์ตั้งพระทัยแน่วแน่ ที่จะทำเพื่อพระเจ้า วันนี้ให้การนมัสการของเราแน่วแน่ ที่จะถวายเกียรติพระเจ้า
วันนี้ให้หัวใจของเรานมัสการพระเจ้า วันนี้ ไม่เพียงแค่เราที่นมัสการพระเจ้า แต่ใจเราก็ปรารถนาที่จะให้ทุกผู้ ทุกคนได้นมัสการพระเจ้า
พ่อแม่ของเรา เพื่อนรอบข้างเรา ให้เราจุดไฟนมัสการให้ดังขึ้น และส่งมอบความยินดีนี้ไปถึงผู้คนรอบตัวเราเช่นกัน
จากหัวใจรักแบบเด็ก ๆ ใสๆ ด้วยใจบริสุทธิ์ที่ต้องการทำเพื่อพระเจ้านั้น จุดไฟแห่งการฟื้นฟูขึ้นในสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ได้
2. มีใจกล้าที่จะก้าวออกจากวงจรเดิมที่ไม่ถูกต้อง
นี่คือ หัวใจของคนรุ่นใหม่ คือ กล้า กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าที่จะยืนในความถูกต้อง แม้อาจไม่มีใครตามมา
กษัตริย์โยสิยาห์เป็นเด็ก เติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นอายุสิบห้า สิบหก ซึ่งวัยเหล่านี้อาจเป็นวัยที่ถ้าคนทั่วไปก็คือ ต้องเชื่อฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่พูด สิ่งที่ผู้ใหญ่บอก ซึ่งการเชื่อฟังเป็นสิ่งที่ดี ขอเพียงแต่เชื่อฟังในสิ่งที่ดีงาม และถูกต้อง
การขึ้นมาเป็นกษัตริย์ ขึ้นมาเป็นผู้นำ หรือขึ้นอยู่ในตำแหน่งใดๆ อาจมีทั้งคนแนะนำมากมาย ทั้งแนะนำจากแนวอนุรักษ์นิยม คือ ให้ดำเนินตามสิ่งที่เคยทำ ๆ กันมาตามบรรพบุรุษ หรือแนะนำให้เปลี่ยนไปสู่รูปแบบใหม่ ๆ ในสิ่งที่บกพร่อง ไป
กษัตริย์โยสิยาห์ แม้เป็นเด็ก และเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น แต่ก็สามารถแยกแยะได้ ควรจะเดินไปทางไหน การแยกแยะได้ตรงนี้ มาจากการมีหลักให้ยึดว่าอะไรผิด อะไรถูก กษัตริย์โยสิยาห์เลือกที่จะฟังที่ปรึกษา ซึ่งก็คือ ปุโรหิตของพระเจ้า ที่ปรึกษามากก็ปลอดภัย โดยเฉพาะที่ปรึกษาที่ดี กษัตริย์เลือกที่จะฟังเสียงผู้เผยพระวจนะ
ในช่วงที่กษัตริย์โยสิยาห์ขึ้นครองราชย์ ผู้เผยพระวจนะ เยเรมีห์ก็ได้รับการทรงเรียก เยเริมีห์ได้ให้คำแนะนำแก่กษัตริย์ โยสิยาห์ เกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้า เยเรเมห์ลุกขึ้น และโดดเด่นในยุคของโยสิยาห์ นี่เป็นการทำงานที่ประสานกัน ทั้งผู้เผยพระวจนะ และกษัตริย์ ที่จะนำให้เกิดการเชื่อฟังพระทัยพระเจ้า
หลักตรงนี้มาจากการที่พระองค์ได้แสวงหาพระเจ้า ได้ค้นพบพระทัยของพระเจ้าว่าอะไรที่พระองค์ชอบ ไม่ชอบ และที่สำคัญ พระองค์ได้อ่านพระธรรมของพระเจ้าที่เพิ่งได้มีการค้นพบในขณะที่ทำการซ่อมแซมรื้อฟื้นพระนิเวศนั้น
ในช่วงเวลานั้น ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ก็ถูกฆ่าตายไปตั้งแต่กลาง ๆ สมัยของกษัตริย์มนัสเสห์ ผู้เผยพระวจนะมีคาห์ก็ตายไปก่อนหน้านั้น ส่วนเยเรมีย์ก็เพิ่งได้รับการทรงเรียกให้เผยพระวจนะในในช่วงที่กษัตริย์มีพระชนม์มายุ 21 พรรษาแล้ว
ส่วนผู้เผยพระวจนะฮาบากุก และเศฟันยาห์ ซึ่งอยู่ในช่วงกษัตริย์อาโมน พระบิดาของกษัตริย์โยสิยาห์ครองราชย์ ผู้เผยพระวจนะก็ทำหน้าที่ได้ยากเนื่องจากอยู่ภายใต้กษัตริย์ที่ชั่วร้าย ถูกขัดขวาง และมีอุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ ที่จะกล่าวพระธรรมของพระเจ้า
ยุคนั้นไม่มีหนังสือพระธรรม ไม่มีถ้อยคำจากผู้เผยพระวจนะมาก แต่ในขณะที่ในยุคของเรามีพระวจนะพระเจ้าอยู่ในมือ มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิต
2 พศด.34:14-21
14 ขณะที่เขาทั้งหลายนำเงินที่ได้ถวายในพระนิเวศของพระเจ้าออกมา ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้พบหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้าซึ่งทรงประทานทางโมเสส 15 และฮิลคียาห์พูดกับชาฟานราชเลขาว่า “ข้าพเจ้าได้พบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระเจ้า” และฮิลคียาห์ก็มอบหนังสือนั้นให้ชาฟาน 16 และชาฟานได้นำหนังสือไปถวายพระราชา ….. 18 แล้วชาฟานราชเลขาทูลพระราชาว่า “ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้มอบหนังสือแก่ข้าพระบาทเล่มหนึ่ง” แล้วชาฟานก็อ่านถวายพระราชา 19 และอยู่มาเมื่อพระราชาทรงสดับถ้อยคำของธรรมบัญญัตินั้น พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ 20 และพระราชาทรงบัญชาแก่ฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อับโดนบุตรมีคาห์ ชาฟานราชเลขาและอาสายาห์ผู้รับใช้ของพระราชา ตรัสว่า 21 “จงไปทูลถามพระเจ้าให้แก่เรา และให้แก่บรรดาผู้ที่เหลืออยู่ในอิสราเอลและในยูดาห์ เกี่ยวกับถ้อยคำในหนังสือซึ่งได้พบนั้น เพราะว่าพระพิโรธของพระเจ้าซึ่งเทลงเหนือเรานั้นใหญ่ยิ่งนัก เพราะว่าบรรพบุรุษของเราไม่ได้รักษาพระวจนะของพระเจ้า ตามซึ่งเขียนไว้ในหนังสือนี้ทุกประการ”
พอได้อ่าน หัวใจแบบใส ๆ นี้ก็ได้รับการกระตุ้นทันที
ตาใจที่สว่างก็รู้ทันทีว่า ชนชาติได้ทำบาปหนักหนากับพระเจ้าแล้ว พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์คร่ำครวญหาพระเจ้า ถ่อมตัวลง และกลับใจเพื่อชนชาติ
2 พกษ.22: 18-20
18 แต่ฝ่ายราชาแห่งยูดาห์ผู้ได้ส่งเจ้ามาถามพระเจ้านั้น เจ้าจงไปบอกเขาว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เกี่ยวกับเรื่องถ้อยคำที่เจ้าได้ยิน 19 เพราะจิตใจของเจ้ากลับใหม่แล้ว เจ้าได้ถ่อมตัวลงต่อพระเจ้าเมื่อเจ้าได้ยินว่า เรากล่าวโทษที่นี้และชาวเมืองนี้อย่างไร คือที่เขาจะต้องกลายเป็นที่ร้างเปล่าและที่ถูกสาป และเจ้าได้ฉีกเสื้อและร้องไห้ต่อเรา เราก็ได้ยินเจ้าแล้วด้วย พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 20 เพราะฉะนั้น ดูเถิด เราจะรวบเจ้าไปไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า และเจ้าจะถูกรวบไปยังอุโมงค์ของเจ้าอย่างสันติ และตาของเจ้าจะไม่เห็นเหตุร้ายทั้งสิ้นซึ่งเราจะนำมาเหนือที่นี้’ ” และเขาทั้งหลายก็ได้นำถ้อยคำเหล่านั้นมาทูลพระราชาอีก
เราเห็นบาปมากมายบนผืนแผ่นดินในเวลานั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากช่วงเวลาสมัยของเรา ผู้ปกครองไม่ชอบธรรม ผู้คนไม่สนใจศีลธรรม กราบไหว้รูปเคารพ ล่วงประเวณี หากเรามีใจที่เสาะแสวงหาพระเจ้า เราก็จะมีใจเพื่อคนในประเทศของเราเช่นกัน ให้เราได้คร่ำครวญอธิษฐานเพื่อคนในชาติของเราที่อยู่ในบาปเช่นกัน
2พศด. 7:14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
โยสิยาห์ได้ลุกขึ้นด้วยความกล้าหาญ กล้าที่จะพลิกฟื้นผืนดิน พลิกฟื้นชนชาติ เมื่อรู้ว่าชนชาติได้ทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว พระวจนะบันทึกต่อไป พระองค์ได้ลุกขึ้นตัดวงจรเก่า ๆ เดิม ๆ ที่เป็นบาป ที่ทำกันบนผืนแผ่นดิน กล้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยน
2 พศด.34:3
3 เพราะในปีที่แปดแห่งรัชกาลของพระองค์ เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ พระองค์ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และในปีที่สิบสองพระองค์ทรงเริ่มกวาดล้างยูดาห์และเยรูซาเล็มด้วยการกำจัดปูชนียสถานสูง …
2 พศด.34:29-33
29 แล้วพระราชารับสั่งให้รวบรวมบรรดาผู้ใหญ่ของยูดาห์และเยรูซาเล็ม 30 และพระราชาเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า พร้อมกับคนทั้งปวงของยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มกับปุโรหิตและคนเลวี คนทั้งปวงทั้งเล็กและใหญ่ และพระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งสิ้นในหนังสือพันธสัญญาซึ่งได้พบในพระนิเวศของพระเจ้าให้เขาฟัง 31 และพระราชาประทับยืนอยู่ในพระที่ของพระองค์ และกระทำพันธสัญญาต่อพระพักตร์พระเจ้า ที่จะทรงดำเนินตามพระเจ้าและรักษาพระบัญญัติพระโอวาท และกฎเกณฑ์ของพระองค์ด้วยสุดพระจิตสุดพระทัย ที่จะทรงประกอบกิจตามถ้อยคำของพันธสัญญา ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ 32 แล้วพระองค์ทรงรับสั่งบรรดาผู้ที่อยู่ในเยรูซาเล็ม และในเบนยามินให้เข้าส่วนในพันธสัญญานั้น และชาวเยรูซาเล็มก็กระทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย 33 และโยสิยาห์ได้เอาสิ่งน่าเกลียดน่าชังทั้งปวงไปเสียจากเขตแดนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นของประชาชนอิสราเอล และทรงกระทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในอิสราเอลปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาทั้งหลายตลอดรัชกาลของพระองค์ เขาทั้งหลายมิได้หันไปจากการติดตามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
นี่คือ ความกล้าหาญของกษัตริย์โยสิยาห์ ผู้เป็นเพียงแต่คนหนุ่ม ในวัยที่ทรงลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ
เราทุกคนที่นี่เป็นคนรุ่นใหม่ของพระเจ้า ไม่ว่าท่านจะอายุเท่าไรในวันนี้ ท่านมีหัวใจของคนรุ่นใหม่ ที่รักพระเจ้า รักชาติ รักแผ่นดิน รักสังคม
เราต้องกล้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยน เปลี่ยนวงจรเดิม ๆ ที่แย่ เปลี่ยนของเก่า ๆ ที่ไม่ถูกต้อง วันนี้มีอะไรที่เป็นวงจรเก่า วงจรเดิม ในชีวิตของเรา ฉีกวงจรนั้นทิ้งเสีย ถ้าไม่กล้าก็จะจมอยู่ในวงจรเดิม ๆ ของชีวิต ความกล้านี้เป็นสิ่งสำคัญ คนที่ไม่กล้าก็จะแช่อยู่แต่สิ่งเดิม ๆ และก็จะเฉื่อย และก็พึงใจที่จะแช่ จะเกิดความเคยชินนั้นเอาไว้
อะไรคือ วงจรเก่า มันมีวงจรเก่ารายล้อมชีวิตของเรา อาจเป็นวงจรเดิม ๆ ในชีวิตของตนเอง เช่น ทำผิดบาปบางเรื่องก็ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แล ะเคยชินที่จะอยู่กับมัน
วงจรเก่าในค่านิยมของสังคมที่ผิด เช่น การมองคุณค่าคนจากเม็ดเงิน ตำแหน่ง อำนาจ มากกว่าความเป็นคนที่จิตใจ ช่วยกันส่งเสริมให้เห็นคุณค่า ความดี ความซื่อสัตย์ ช่วยกันส่งเสริม
วงจรเก่าในผืนแผ่นดิน : การไหว้รูปเคารพ การล่วงประเวณี บาปต่าง ๆ เยอะเหลือเกินในแผ่นดินไทย และโดยเฉพาะการคอรัปชั่นตามที่เราเห็นในข่าวที่เริ่มแฉออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ
เปลี่ยนได้ ลุกขึ้นมาสร้างชีวิตของเราใหม่ สร้างชาติใหม่ โดยการมีหัวใจแบบคนรุ่นใหม่ สอนลูกสอนหลานใหม่ และออกไปทำ เริ่มต้นจากตัวเรา ครอบครัวของเรา คริสตจักรของเรา
พระวจนะบอกว่า อะไรที่มันถ่วงการก้าวไปข้างหน้า ก็ให้ตัดมันทิ้ง ละมันเสีย เพื่อจะกระโดดไปข้างหน้าได้
ฮบ. 12:1 ...ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา ฟป.3:13-14
13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า 14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
ขอให้เราได้โน้มตัวไปข้างหน้า มีอนาคตที่ดี รอเราอยู่ในพระเจ้า โน้มไปข้างหน้า อย่าถอยหลัง อย่าเสียเวลาย่ำกับสิ่งเก่า ๆ เดิม ๆ การกระทำเก่า ๆ เดิม ๆ ที่เคยชิน แต่ไม่ก่อประโยชน์อันใด ได้เวลาเปลี่ยน วันนี้ท่านอยากเปลี่ยนอะไรในตัวท่านหรือไหม
ให้เราเปลี่ยนตัวเอง เพื่อมอบถวายแด่พระเจ้าของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น