09 ธันวาคม 2554

สายธารแห่งน้ำพระทัยของพ่อหลวง

ในช่วงวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าเป็นวันที่คนไทยมีความสุข และมีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์น้ำท่วม เริ่มลดลง และหลายคนได้เริ่มทำความสะอาดบ้าน เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้าน ความปิติยินดีของคนไทยเนื่องมาจากในวันที่ 5ธ.ค.เป็นวันพ่อแห่งชาติ เป็นวันที่เราได้ระลึกถึง "พ่อหลวงของปวงชนของชาวไทย"
ตลอดเวลา 60 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติเมื่อปี พ.ศ.2489 พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทตรากตรำทำงานหนักเพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในยามที่ทรงพระประชวร และประทับรักษาพระองค์อยู่ภายในโรงพยาบาลศิริราช ก็ยังทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้คณะแพทย์, ข้าราชบริพารใกล้ชิด ตลอดจนเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน เข้าเฝ้าฯถวายรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดของเมืองไทยในรอบครึ่งศตวรรษอย่างละเอียดทุกแง่มุม โดยได้พระราชทานคำแนะนำแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยใหญ่ออกมาต่อเนื่อง ด้วยความห่วงใยพสกนิกรของพระองค์อย่างแท้จริง และคงไม่มีใครในแผ่นดินสยามแห่งนี้ ที่จะรู้ซึ้งเข้าใจถึงวิธีการจัดการ “ทรัพยากรน้ำ” อย่างมีประสิทธิภาพมากเท่ากับพ่อหลวงของเรา
โดยแนวพระราชดำริดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรยังภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2495 เป็นต้นมา ทรงพบว่า ราษฎรต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการเกี่ยวกับน้ำ ไม่ว่าจะเป็น น้ำแล้ง,ฝนทิ้งช่วง,ฝนไม่ตกในพื้นที่ที่ต้องการ รวมไปถึงปัญหาน้ำท่วม ทำให้ราษฎรไม่สามารถทำการเพาะปลูก อีกทั้งพืชผลยังเสียหายหนัก และน้ำเน่าเสีย ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำ ด้วยเหตุนี้ จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดการทรัพยากรน้ำด้วยระบบชลประทานขึ้นเป็นครั้งครั้งแรก ณ อ่างเก็บน้ำเขาเต่า เมื่อปีพ.ศ.2506
ผลจากการเสด็จฯลงพื้นที่ศึกษาอย่างจริงจัง ทำให้พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักว่า การขาดแคลนน้ำทำการเกษตร คือปัญหาสำคัญที่สุดของเกษตรกรไทย จึงเน้นการทรงงานเพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำ และบริหารจัดการให้เกิดสมดุลธรรมชาติเป็นหลักตลอดมา โดยการจัดการทรัพยากรน้ำตามแนวพระราชดำริ ผสมผสานกระบวนการและหลักวิชาการหลากหลายแขนงเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคด้านวิศวกรรมเพื่อสร้างฝาย,เขื่อน, อ่างเก็บน้ำ การวางระบบชลประทานเพื่อจัดหาน้ำและนำน้ำไปใช้ตามพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้งยังต้องอาศัยกระบวนการด้านเคมี, ฟิสิกส์ และอุตุนิยมวิทยา เพื่อทำฝนหลวง การคิดค้นเครื่องกลบำบัดน้ำเสีย เช่น กังหันน้ำชัยพัฒนา ตลอดจนการปลูกป่าด้วยวิธีต่างๆ เพื่อรักษาป่าต้นน้ำและป้องกันน้ำท่วม
สำหรับวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ของเมืองไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระปริวิตกห่วงใยยิ่ง โดยทรงมีพระวิสัยทัศน์ยาวไกลเกี่ยวกับการ บริหารจัดการน้ำท่วม และได้พระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหาไว้อย่างเปี่ยมประสิทธิผล กลายเป็นที่มาของทฤษฎีแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นี่คือสายธารแห่งน้ำพระทัยของพ่อหลวง ที่เอ่อล้นท่วมท้นในจิตใจคนไทยทั้งชาติ ปัญหาน้ำท่วมจึงไม่หนักหนาสาหัส เพราะน้ำพระทัยของพ่อหลวง

สำหรับผมรู้สึกประทับใจในสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ นั่นคือ"กังหันน้ำชัยพัฒนา" เป็นนวตกรรมที่ได้รับสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2536 หลังจากเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่สนองพระราชดำริ ในการพัฒนากังหันน้ำ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยื่นขอรับสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2535 จึงนับว่าเป็นสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย ของพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของไทย และครั้งแรกของโลก และถือว่าวันที่ 2 ก.พ.ของทุกปีเป็น “วันนักประดิษฐ์” นับแต่นั้นเป็นต้นมา
นอกจากนี้ “กังหันชัยพัฒนา” ยังได้รับรางวัลเหรียญทองจาก The Belgian Chamber of Inventor องค์กรทางด้านนวัตกรรมที่เก่าแก่ของเบลเยียม ภายในงาน “Brussels Eureka 2000” ซึ่งเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
กังหันน้ำชัยพัฒนา เป็นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย (Chaipattana Low Speed Surface Aerator) ซึ่งเป็น Model RX-2 หมายถึง Royal Experiment แบบที่ 2 คุณสมบัติในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงถึง 1.2 กิโลกรัมของออกซิเจน/แรงม้า/ชั่วโมง สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพน้ำได้อย่างอเนกประสงค์ ติดตั้งง่าย เหมาะสำหรับใช้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ สระน้ำ หนองน้ำ คลอง บึง ลำห้วย ฯลฯ ที่มีความลึกมากกว่า 1.00 เมตร และมีความกว้างมากกว่า 3.00 เมตร
(ข้อมูลจาก http://www.chaipat.or.th/chaipat/index.php/th/2010-01-15-07-20-55/19/18-chaipattana-water-turbine-development)
ในทุกวันนี้ ตามสวนสาธารณะต่างๆ หรือตามหนองน้ำ บึงต่างๆ เราจะเห็นกังหันน้ำชัยพัฒนา ที่ช่วยบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดี กำลังทำงานอยู่ต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด เปรียบดุจดังคุณงามความดีของพระองค์ท่าน ที่ทรงงานไม่มีวันหยุดพัก แม้จะมีน้ำเสียที่เข้ามาในสังคม แต่สายธารน้ำพระทัยแห่งความดีของพระองค์ เป็นน้ำดีที่ไล่น้ำเสียในสังคม ในวันนี้เราช่วยกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเรา แม้จะมีคนไม่ดีทำให้สังคมเน่าเสีย เราอย่าไปเสียเวลากับสิ่งนั้น ช่วยกันเพิ่มอ็อกซิเจนให้กับสังคม โดยการร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเรา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบในปีนี้ด้วยกัน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ




ทำดีกันทั่วทั้ง... แผ่นดิน
ถวายแด่องค์ภูมินทร์...พ่อเจ้า
พระโรคาสิโบยบิน...ไกลห่าง
ทรงยิ่งเกษมสุขเฝ้า...ตราบฟ้าดินสลายฯ


1 ความคิดเห็น: