21 มกราคม 2557

ชีวิตที่ส่งอิทธิพลดีไปสู่สังคม #2 : "อยู่ในโลกเพื่อเป็นพรต่อโลก"

ในบทความชุด "ชีวิตที่ส่งอิทธิพลดีไปสู่สังคม"  ที่แล้วเราได้เรียนรู้ในเรื่อง "อยู่ในโลกแต่ไม่เป็นของโลก" จากชีวิตของดาเนียลและเพื่อนๆ
 
ในครั้งนี้เราจะเรียนรู้ถึงเรื่อง   “อยู่ในโลกเพื่อเป็นพรต่อโลก”

แนวความคิดทางศาสนาทางโลกตะวันออก มักจะมีแนวคิดในเรื่องการแยกตัวออกจากโลก (Sacrament) เพื่อรักษาชีวิตที่ชอบธรรม ต้องบวชเรียน(ordain)เพื่อเข้าใจธรรมะเพื่อรักษาความบริสุทธิ์(Holy) เพราะโลกเต็มไปด้วยความบาป สิ่งของในโลกเป็นกิเลสและตัณหาคือการอยากได้ อยากเป็นอยากมี

สำหรับคริสตชน ความบริสุทธิ์คือการถูกแยกออกมาเพื่อพระเจ้า (Holy มาจากภาษาฮีบรูคือคำว่า "คาโดช" ความหมายคือเป็นดั่งภาชนะที่ถูกเจิมด้วยน้ำมัน แยกออกมาไม่ได้ปนกับเครื่องใช้ของคนทั่วไป แต่แยกไว้เพื่อให้พระเจ้าโดยเฉพาะ เข้าไปศึกษาได้ในพระธรรมอพยพ บทที 19-20)

คำว่า "คริสตจักร" (Ekklesia) หมายถึง ชุมชนที่ผู้เชื่อถูกแยกออกมาเพื่อพระเจ้า
การแยกออกมาไม่ได้เป็นการละทิ้งโลก แต่ถูกเตรียมไว้ให้เป็นภาชนะที่พระเจ้าจะใช้ เพื่อส่งออกไปนำสิ่งที่ดีไปเป็นพรต่อโลก  ดั่งในคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ที่สวนเกทเสมานี (ยน.17) เป็นการอธิษฐานอวยพรและมอบหน้าที่ให้สาวกให้เป็นพรต่อโลก
ดังนั้น เราจึงไม่ควรละทิ้งโลก (Forsake the world)  แต่ไม่ให้โลกมีอิทธิพลต่อเรามากกว่าพระวจนะของพระเจ้า แต่เราต้องอยู่เพื่อเป็นพรต่อโลก(For the sake world)

พระเจ้าทรงสอนให้เราอยู่เพื่อเป็นพรต่อโลกแต่อย่าได้ละทิ้งโลก

พระเจ้าทรงปรารถนาให้ชีวิตของเราเป็นพรต่อสังคม ซึ่งเปรียบเหมือนเกลือที่รักษาเนื้อไม่ให้เน่า   และแสงสว่างที่ช่วยให้คนเห็นหนทางในความมืด  ดังนั้น คนของพระเจ้าอยู่ที่ใดก็จะสำแดงหลักการที่ดีในพระคัมภีร์และเป็นแบบอย่างชีวิตที่ชัดเจนให้แก่คนในสังคม
 
มัทธิว 5:13-16
13 "ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ
14 " ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้
15   เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
16   ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์


เราจึงควรรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางดีอย่างรวดเร็วเพื่อเราจะเป็นอย่างที่พระเจ้าปรารถนา คือการนำประโยชน์และการพัฒนามาสู่คนรอบข้าง สู่สังคมไทยของเรา   ในวันสุดท้ายเราแต่ละคนต้องกล่าวรายงานต่อพระเจ้าว่า  เราได้ทำสิ่งใดที่อยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์บ้าง   
หากเราตอบสนองต่อพระมหาบัญชาอย่างถูกต้อง ชีวิตคนเป็นอันมากก็จะได้รับพระพรและเราแต่ละคนก็มีความสุขอันเกิดมาจากการให้ และการเสียสละเพื่อช่วยคนให้ได้รับความรอด (วว.20:11-12;กจ.20:35)  เราสามารถเป็นพรต่อสังคมโดยส่งพรด้านต่างๆดังนี้

1.  เป็นพรด้านความรัก
พระเจ้าทรงมีความรักและความเมตตาที่สมบูรณ์ เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าไม่เป็นเพียงต้นกำเนิดแห่งความรัก แต่พระองค์ทรงเป็นความรัก
1ยอห์น 4:7-8
7 ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า
8 ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก

และเป็นมูลเหตุเบื้องหลังพระมหาบัญชาของพระคริสต์คือ "ความรัก"ที่ทรงมีต่อมนุษย์ทุกคนในโลก
ยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

ยอห์น 15:13
ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน

ดังนั้น การตอบสนองพระมหาบัญชาโดยการสื่อสารเรื่องราวความรักของพระเจ้าจึงเป็นหนทางนำคนในโลกมาสัมผัสความรักที่แท้จริงของพระเจ้า   ไม่เพียงเท่านั้น เราทั้งหลายอาจตอบสนองต่อพระมหาบัญชาโดยการสำแดงชีวิตใหม่ในพระคริสต์  เช่น การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนรอบข้าง ความสัตย์ซื่อในการทำหน้าที่ของตน การไม่ประนีประนอมต่อสิ่งที่ผิดจริยธรรม เป็นต้น

2.  เป็นพรด้านความรอด
การแก้ปัญหาอย่างถาวรต้องแก้ที่รากปัญหา  พระคัมภีร์กล่าวว่า ต้นตอปัญหาต่าง ๆ มาจากความบาป (รม.7:15-20) และผลร้ายแรงที่สุดนั้น คือ การรับโทษบาปในบึงไฟนรก
 
การประกาศข่าวประเสริฐเป็นหนทางช่วยให้คนได้รับการยกโทษบาปและปลดปล่อยคนจากการเป็นทาสของบาป   ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเราบังเกิดใหม่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายใน โดยมีพระเจ้าเป็นผู้ช่วยเราในการเปลี่ยนแปลง การช่วยเหลือเช่นนี้ จึงเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างถาวรมากกว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงภายนอก หรือหยิบยื่นความช่วยเหลือเพียงแค่วัตถุสิ่งของ
ยากอบ 5:20 จงให้ผู้นั้นรู้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปคนหนึ่งให้พ้นจากทางผิดของเขานั้น ก็ได้ช่วยจิตวิญญาณของเขาให้รอดพ้นจากความตาย และได้กำจัดบาปเสียมากมาย

3.  เป็นพรด้านสันติสุข

สันติสุขที่มาจากพระเจ้าไม่เหมือนอย่างที่โลกมีให้
ยอห์น 14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
เพราะความสุขของโลก เป็นความสุขชั่วคราว เป็นความสนุกชั่วข้ามคืน อาจจะมาจากการไปเที่ยวเตร่ ดื่มสังสรรค์ในกลุ่มเพื่อนๆ แต่เมื่อความสนุกผ่านไป จะมีความทุกข์เมื่อเผชิญโลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยอิทธิพลของความบาป
เป็นความสุขภายในใจที่ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมภายนอกว่าเป็นอย่างไรเพราะในทุกสถานการณ์พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยเสมอ

นอกจากนี้สันติสุขของพระเจ้ายังเป็นความสุขที่เกิดจากการได้กลับคืนดีกับพระเจ้า ได้รับการอภัยบาป ได้รับอิสระจากการเป็นทาสของบาป  ส่งผลให้ชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้โดยการพึ่งพาพระเจ้า

จึงกล่าวได้ว่าสันติสุขที่กล่าวถึงนั้นมาจากความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้าและการช่วยให้รอดจากบาป  ไม่เพียงเท่านั้น  เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาหรือวันที่เราไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ เราจะมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยสันติสุขในแผ่นดินสวรรค์

วิวรณ์ 21:3-4
3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า "ดูเถิดพลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา  
พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขาความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว"
 

เมื่อคนได้รับสันติสุขแล้ว จิตใจของเขาก็จะมีความมั่นคง   มีความชื่นชมยินดี  ไม่กังวล พร้อมที่จะเผชิญปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
เราจะเห็นได้ว่า ชีวิตที่ส่งอิทธิพลดีไปสู่สังคม คือการที่เราจะอยู่ในโลกเพื่อเป็นพรต่อโลก เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ด้วยกัน ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
พบกันใหม่ครั้งหน้าครับ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น