27 มกราคม 2557

กุญแจ 3 ประการในการรักษาการฟื้นฟูของ Toronto Blessing

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ในช่วงวันที่ 20 ม.ค. 2014 ที่ผ่านมาถือเป็นการครบรอบ 20 ปีของการฟื้นฟูใหญ่ของการอวยพรแห่งโตรอนโต หรือ ที่เรารู้จักคือ "Toronto Blessing" สำหรับในความคิดของผม ผมคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ (phenomenal)ไม่ใช่แค่เพียงเหตุการณ์(event) เป็นปรากฏการณ์การฟื้นฟูครั้งที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการคริสเตียนเลยทีเดียว นับตั้งแต่เหตุกาณ์ปรากฏการณ์การเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเทศกาลเพ็นเทคอสต์ในพระธรรมกจ.2,ปรากฏการณ์ฟื้นฟูที่ถนนอาซูช่า (Azusa Street) รัฐ LA ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1906 และส่งผลไปทั่วโลกจนไปถึงปัจจุบัน
ผมได้อ่านบทความหนึ่งในนิตยสารคาริสม่า(charisma) บทความชื่อว่า 
"3 Keys to Sustaining Revival 20 Years After the Toronto Blessing"  (กุญแจ 3 ประการที่ทำให้สามารถรักษาการฟื้นฟูไว้ได้มาจนถึง20 ปีหลังจากงานฟื้นฟูการอวยพรแห่งโตรอนโต) เขียนโดยลาลลี่ สปาร์ค(Larry Sparks)
(http://www.charismanews.com/opinion/42478-3-keys-to-sustaining-revival-20-years-after-the-toronto-blessing)

Larry Sparks
ลาลลี่ สปาร์ค(Larry Sparks)  เป็นผู้เขียนหนังสือเรื่องการทะลุทะลวงในความเชื่อและการเยียวยารักษา( Breakthrough Faith and Breakthrough Healing) และเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์พันธกิจ Equip Culture Media



ท่านเป็นอีกบุคคลหนึ่งเช่นเดียวกับผม ที่ต้องทึ่งในการฟื้นฟูของToronto Blessing ที่ส่งผลต่อชีวิตคริสเตียนในปัจจุบัน แม้ผ่านไป 20 ปีแล้ว  นอกจากนี้ยังมีจอห์น อาร์น็อท(John Arnott),แรนดี้ คาล์ค(Randy Clark) หรือแม้แต่ เช อาห์น (Che Ahn) บุคคลเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลไปทั่วโลกเพราะท่านเหล่านี้อยู่ในปรากฏการณ์การฟื้นฟูครั้งนี้  ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่นำการฟื้นฟูและฟื้นใจผม

ผมเคยเป็นคนหนึ่งทีเคยต่อต้านประสบการณ์พระวิญญาณฯ จนได้มีประสบการณ์กับตัวเอง ต้องกลับใจขอโทษที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณฯ 
บางครั้งเราต้องการการฟื้นฟูแต่เราไม่ต้องการมีอาการประหลาดๆ ซึ่งมันไม่สามารถแยกกันได้ เปรียบเทียบได้กับเมื่อฝนจะตก เราก็ต้องเปียกฝน ดังนั้นเมื่อฝนตกมา ผมจะไม่กลัวเปียก เมื่อพระวิญญาณเทลงมา มีอาการแปลกๆ เหมือนคนบ้าหรือเมา ก็เชิญ ผมคงไม่สนเพราะผมไม่ได้จดจ่อที่ผมจะเปียก แต่ผมสนุกกับความชื่นฉ่ำของพระวิญญาณ

(ผมได้เขียนอธิบายเรื่องประสบการณ์พระวิญญาณฯไว้ใน Blog สามารถเข้าไปอ่านได้ตาม link ต่อไปนี้ครับ ประสบการณ์พระวิญญาณ ,คนล้มอย่าห้าม (คนไม่ล้มอย่าผลักดัน) )

 
วันนี้หากพระองค์จะทำให้เกิดการฟื้นฟูนประเทศไทย ขอพระองค์ทรงกระทำเถิด
 
บทความนี้ผมได้แปลและสรุปเรียบเรียงให้อ่านกันนะครับ
(ขอขอบคุณ คุณเอกจิต จรุงพรสวัสดิ์ ผู้ช่วยแปลและเรียบเรียง)

กุญแจ 3 ประการที่ทำให้สามารถรักษาการฟื้นฟูไว้ได้มาจนถึง20 ปีหลังจากงานฟื้นฟู การอวยพรแห่งโตรอนโต(Toronto Blessing)
ในวันที่ 20 ม.ค. 2014 ที่ผ่านมาถือเป็นการครบรอบ 20 ปีของการฟื้นฟูใหญ่ของการอวยพรแห่งโตรอนโต หรือ ที่เรารู้จักคือ "Toronto Blessing"

การอวยพรแห่งโตรอนโต(Toronto Blessing)เป็นการปฏิสังขรณ์(renewal)ที่ทรงพลานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อโลกและกำลังสร้างผลผลิตฝ่ายวิญญาณที่คงอยู่มาจนทุกวันนี้แล้วอะไรคือเคล็ดลับ? มันเป็นไปได้ไหมที่การฟื้นฟูยังคงอยู่ต่อไปอีกสัก2-3 ปี หรือ สักหนึ่งกาลสมัย(season)หรือสักหนึ่งรุ่นถัดไปและส่งผลต่อไปยังอนาคตแบบมีพลังหรือผลกระทบที่มากขึ้น  ปรากฏการณ์โตรอนโตได้แสดงให้เห็นว่า"ใช่เลยมันเป็นไปได้จริงๆ"

มชอบอ่านเรื่องราวแห่งการฟื้นฟูเพราะเรื่องราวเหล่านั้นแสดงให้ผมเห็นว่าการฟื้นฟูนั้นยังคงมีอยู่เมืองโตรอนโตอะไรที่ดูพิเศษนัก เกี่ยวกับโตรอนโต
John-Carol Arnott
จอห์น อาร์น็อท (John Arnott) ได้อธิบายไว้ในหนังสือของเขาว่า"หลายคนได้ถามผมว่า อะไรที่นำไปสู่การเทลงมาของพระพรของพระบิดาเขาอยากรู้ว่าทำไมต้องโตรอนโต?ทำไมต้องเป็นเรา? ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน"
ปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโต  จอห์นละแคโรล อาร์น็อท เป็นศิษยาภิบาลที่หมดสภาพ หมดหวังที่จะได้รับการสัมผัสที่สดใหม่จากพระเจ้าเขาพยายามไปไกลเท่าที่ทำได้ด้วยกำลังของเขาเองเรื่องหลักๆที่พันธกิจของเขาเน้นคือการจัดการกับผีการเอาชนะความมืดและต่อสู้กับวิญญาณชั่ว
"แทนที่จะเป็นการรับเอาการทรงสถิตและฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มากขึ้น"
 
วิธีการนี้เป็นที่แพร่หลายในหมู่คริสตจักรที่เต็มด้วยพระวิญญาณ(Spirit-filled churches) ในทุกวันนี้ ซึ่งแทนที่จะจอจ่อที่พระเยซูให้มากขึ้นและโอบรับการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์แต่เรากลับเอาแต่จัดการกับวิญญาณชั่วและสู้กับผีราวกับว่าเรากำลังต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ แต่ความจริงคือ เราสู้จากที่ที่ได้รับชัยชนะเรียบร้อยแล้วการยอมรับมุมมองนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างและเป็นหนึ่งในความจริงที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วอะไรล่ะที่ทำให้การอวยพรแห่งโตรอนโตมีความพิเศษ?  พระเจ้าทรงเลือกภูมิภาคที่จะอวยพรหรือจะไม่อวยพรหรือ? หรือว่ามันมีลักษณะสามัญที่ดึงดูดการบุกรุกจากสวรรค์? ลักษณะสามัญนั้นคือความหิวกระหาย John และCarolนั้นหิวมากพอที่จะเปิดตัวเองให้เผชิญหน้าต่อสิ่งที่พระเจ้ากำลังกระทำในที่อื่นๆในโลกนี้โดยผ่านคนอื่น พวกเขาไม่ได้กลายเป็นพวกเสพติดการสัมมนา พวกเขาสิ้นหวังที่จะได้รับแม้เพียงครั้งเดียวของสิ่งที่พวกเขาปรารถนาจะการอวยพรแห่งโตรอนโต 
ได้รับเป็นปกติในชีวิตในคริตจักรของเขาในเมืองของเขาซึ่งกิดขึ้นใน

สิ่งนี้ได้ขึ้นถึงขีดสุด ด้วยการส่งผ่าน (impartation) ที่มีพลัง ที่พวกเขาได้รับจากเคลาดิโอ  เฟดซอน (Claudio Freidzon) ในประเทศอาร์เจนตินา มันเป็นการง่ายมากที่เราจะมองดูคนที่เหมือนกับเฟดซอน ผู้ที่พระเจ้าทรงใช้อย่างมีฤทธิ์เดชในทวีปอเมริกาใต้เพื่อสถาปนาวัฒนธรรมแห่งการฟื้นฟู แล้วสรุปว่าบุคคลผู้นั้นเป็นเหมือนยักษ์ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ แต่ที่จริงมันสรุปแบบนั้นไม่ได้

ลองอ่านหนังสือของเขา ที่ชื่อ Holy Spirit, I Hunger For You แล้วคุณจะค้นพบได้อย่างรวดเร็วว่า Freidzon (เช่นเดียวกับ John และ Carol) เป็นผู้หิวโหยฝ่ายวิญญาณอีกคนหนึ่ง ที่เกาะติดการทรงสถิตและฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ว่าต้นทุนจะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม  

สวรรค์เปิดออก
จอห์นและ แครอล์ ได้ไปเชิญ แรนดี้ คลาค (Randy Clark) ให้จัดการประชุมขึ้นจำนวนหนึ่งในโตรอนโต ในเวลานั้น แรนดี้ คลาค กำลังดูแลกลุ่ม Vineyard Christian Fellowship ในรัฐ St. Louis  ครอบครัว Arnott ทราบมาว่า คริสตจักรของ แรนดี้ คลาค กำลังมีประสบการณ์ในการเคลื่อนไหวอย่างมีพลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้คนก็ได้รับการสัมผัสอย่างมีฤทธิ์เดชโดยพระเจ้าในขณะที่เขารับใช้อยู่ที่นั่น
ก็น่าขันนะ ที่ จอห์น อาร์น็อท บอกว่า "แรนดี้ และ ผมกลัวและสั่นมาก ที่หวังว่าพระเจ้าจะทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นหรือเปล่า พวกเราไม่ได้มีความเชื่อเต็มเปี่ยม แต่ถึงกระนั้น พระเจ้าก็ทรงสัตย์ซื่อ"

สิ่งนี้กำลังบอกผมว่าพระเจ้าทรงตอบสนองต่อความรู้สึกสิ้นหวังและหิวกระหายของเรา ถึงแม้ว่าในส่วนของเรา เราจะมีความไม่แน่ใจและการขาดความเชื่อก็ตาม  พระองค์ทรงยินดีล้นพ้นเพราะหัวใจที่ถ่อมที่เพียงต้องการพระองค์อย่างง่ายๆ มันทำให้ผมคิดขึ้นมาในทันทีว่าพระเยซูทรงสอนเรื่องบุคคลผู้มีความสุข (Beatitudes) ไว้ว่า "บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา" คนเหล่านั้นที่มีหัวใจที่ถ่อมและหิวกระหายได้ถูกกำหนดไว้ว่าจะได้รับฤทธิ์เดชแห่งแผ่นดินของพระเจ้า

ผลลัพธ์นั้นเป็นจริงในประวัติศาสตร์แล้ว ในวันที่ 20 .. 1994 ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าได้เทลงบนคน 120 คนที่รวมตัวกันในการประชุมในคืนวันพฤหัสบดีในคริสตจักร Toronto Airport  ผลที่ตามมาทันทีนั้นแทบไม่น่าเชื่อ  มีบันทึกไว้ว่า ช่วงปลายของปี 1995 นั้น คน 600,000 คนได้หลั่งไหลเข้ามาที่ Toronto จากเกือบทุกชาติในโลก และ "มีผู้เชื่อใหม่มากกว่า 900 คนในปีแรกของการฟื้นฟู"  ซึ่ง เอช. วิลสัน ไซแนน (H. Vinson Synan) เขียนไว้ใน The Holiness Pentecostal Tradition
ในขณะที่สิ่งนี้ช่างน่าตื่นเต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องย้ำเตือนว่าการฟื้นฟูกำลังดำเนินต่อไปและยิ่งเพิ่มทวีขึ้นทั่วทั้งโลก  คริสตจักรและกลุ่มพันธกิจต่างๆทั่วโลกมีรากฐานแห่งการฟื้นฟู (renewal) จาก Toronto Blessing เช่น Holy Trinity Brompton ใน สหราชอาณาจักร  คริสตจักร Bethel ในเมือง Redding รัฐ California  อีกทั้ง ไฮดิ  และ โรแลนด์ แบคเคอร์(Heidi- Rolland Baker) แห่งพันธกิจ Iris
แล้วทำไม Toronto ยังคงสืบต่อเนื่องหลังจาก 20 ปี และทำไมผมจึงเชื่อว่ามันจะเป็นสายธารที่มีชีวิตในการฟื้นฟูที่ไม่มีวันสิ้นสุด?
กุญแจ 3 ดอกที่จะรักษาการฟื้นฟูเอาไว้

1) การฟื้นฟูไม่ใช่เป็นการผลักดันในส่วนบุคคล แต่เป็นการให้ความสำคัญไปที่พระเจ้า (Revival is not personality-driven; it is God-focused. )
ปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโต ไม่เกี่ยวกับ แรนดี้ คลาค หรือ ครอบครัวอาร์น็อทและมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ที่เทศนาบนธรรมาสน์  แต่มันคือความหิวกระหายพระเจ้าร่วมกันอย่างที่สุด ที่ช่วยเปลี่ยนคริสตจักรเล็กๆในประเทศแคนาดา เป็นศูนย์กลางสำหรับการเทลงมาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เราหิวกระหายพระเจ้าหรือเปล่า? ไม่ใช่เพื่อการทะลุทะลวง ไม่ใช่เพื่อพระพร ไม่ใช่เพื่อการพัฒนาชีวิต ไม่ใช่แม้แต่เพื่อการสำแดงการฟื้นฟู  เรามีความต้องการที่จะรู้จักและมีประสบการณ์ในพระเจ้าและเห็นพระเยซูได้รับเกียรติทั้งหมด มากแค่ไหน?

 2) การฟื้นฟูจะคงอยู่ต่อไปมื่อเกิดวัฒนธรรมแห่งการเป็นพยาน (Revival is sustained in a culture of testimony.)

เมื่อเราตระหนักว่า เพราะพระเจ้าให้เราเปล่าๆ เราจึงถูกเรียกให้เราให้กับโลกนี้เปล่าๆเช่นกัน เราจะกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ที่จะพาการฟื้นฟูไปด้วย  อะไรที่เราได้รับมาเปล่าๆ? เรื่องราวของเรา คำพยานของเรา ซึ่งเป็นได้ตั้งแต่ประสบการณ์ความรอดของเรา ไปจนถึง การเยียวยา การช่วยกู้ ครอบครัวที่ได้รับการรื้อฟื้น ชัยชนะเหนือยาเสพติด การเผชิญหน้าในการทรงสถิตย์ของพระเจ้า และอื่นๆในทำนองนี้
คำพยานของเราคือสิ่งที่เราให้กับโลก เมื่อเราเล่าถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อเรา ถ้อยคำของเราได้ปลดปล่อยทางเลือกใหม่ให้กับผู้คนที่กำลังฟัง  เขาอาจไม่เคยได้ยินว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่รักเขา  เขาอาจไม่เคยรู้ว่าพระเยซูยังทรงทำกิจแห่งการรักษาอยู่ในวันนี้  มีโอกาสที่ดีที่เขาไม่เคยถูกแนะนำให้รู้จักพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งโดยพระโลหิตได้ชดใช้แทนบาปทั้งสิ้นของเขาอย่างสมบูรณ์  โดยการแบ่งปันคำพยานของคุณนั่นเอง คุณได้แนะนำทางเลือกใหม่ให้กับคนอื่น และความเชื่อได้ถูกปลดปล่อยไปพร้อมๆกับทางเลือกเหล่านั้น
 
คำพยานนั้นป่าวประกาศว่า พระเจ้าองค์เดียวกันที่ได้เคลื่อนไหวเพื่อคุณสามารถเคลื่อนไหวเพื่อคนอื่นด้วย เพราะพระเจ้าไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง นี่คือสิ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ให้กำเนิดปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโต  เพราะฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเริ่มถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อ แรนดี้ คลาค แบ่งปันคำพยานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างอัศจรรย์
จากเหตุการณ์นั้นจนถึงวันนี้ คำพยานคือส่วนสำคัญต่อ ปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโต   เมื่อคนลุกขึ้นเป็นพยาน ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าจะแตะต้องเขาอย่างทรงพลังและเทลงสู่ทั้งที่ประชุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  เมื่อคำพยานถูกบอกต่อจากรุ่นสู่รุ่น ผู้คนก็จะเล่าและฟังเรื่องราวมหกิจของพระเจ้าต่อไปเรื่อยๆ สิ่งนี้ย้ำเตือนเราว่าพระเยซูยังทรงพระชนม์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ประสงค์จะปลดปล่อยฤทธิ์เดชของพระองค์ต่อไปในวันนี้ ผ่านพวกเรา

3) การฟื้นฟูจะคงอยู่ต่อไปเมื่อเรากลับใจจริงและนำไปปฎิบัติจริง (Revival is sustained when people practice true repentance.)
การฟื้นฟูจะตายหากไม่มีการกลับใจ  นี่ไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า  การกลับใจเป็นกุญแจที่จะดำเนินอยู่ในการเทลงมาในฝ่ายวิญญาณที่ไม่มีขาดและมีผลยาวนาน
มี 2 มิติของการกลับใจ มิติที่หนึ่งคือ เราต้องเผชิญหน้ากับช่องว่างแห่งบาปของเรา  การเผชิญหน้านี้จะทำให้เกิดความเสียใจที่แท้จริงแบบพระเจ้า ก็เมื่อเราตระหนักถึงระดับของความแตกต่างกันระหว่างชีวิตของเรากับสิ่งที่พระเจ้าอนุญาต แต่คนมากมายสอนเรื่องการกลับใจที่อยู่ในความเสียใจแบบพระเจ้า แต่ไม่เคยออกมาจากที่นั่น  ถ้าเราไม่เคยไปไกลกว่าความเสียใจ เราจะไม่ได้รับผลของการกลับใจนั้น
ความเสียใจต่อบาปไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผู้เชื่อที่ฟ้องผิดและหดหู่ใจ  มันช่วยปลุกเราให้เผชิญหน้ากับช่องว่างแห่งบาปที่อยู่ระหว่างสิ่งที่เรามีประสบการณ์ต่อพระเจ้าในปัจจุบัน และ สิ่งที่พระองค์อนุญาตจริงๆ  ช่องว่างแห่งบาปนั้นเป็นเหตุให้เราสารภาพและกลับใจจากบาปของเราและติดตามพระเจ้าด้วยความปรารถนาที่มากยิ่งขึ้น  ผลก็คือ เราเริ่มที่จะรับประสบการณ์ในแม่น้ำของพระเจ้า  หมายสำคัญและการอัศจรรย์เริ่มที่จะปะทุออกมา การเยียวยา (ทั้งกายภาพและด้านอารมณ์) ไหลในระดับที่เข้มข้น
 
คนได้รับการสัมผัสอย่างรุนแรงโดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า  เราฉลองและยินดีกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด  แน่นอนปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโต เจอแบบนี้มาแล้ว  อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ทำไมปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโต
จึงยังคงอยู่ในทุกวันนี้ แต่ขยายเป็นระดับโลกก็เพราะคนเหล่านั้นที่ได้ไปที่นั่นยอมรับมิติแห่งการกลับใจที่สอง  สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้นำที่ยอมรับ "ถุงหนังองุ่นใหม่"
เมื่ออ่านคำพยานเหล่านี้ และคุณจะเห็นคนมีประสบการณ์กับการเสียใจต่อบาปแบบพระเจ้า แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อ "น้ำองุ่นใหม่" ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ถูกปลดปล่อยออกมา ผู้นำได้เอียงหูของเขาเข้าหาสวรรค์ และถามพระเจ้าด้วยใจถ่อมว่า "พระองค์อยากให้พวกเราเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตและในวิธีที่เราดำเนินคริสตจักรด้วยเหตุแห่งการเทลงมานี้?" นี่เป็นรากฐานที่แน่นอน ถ้าเราต้องการจะเห็นการฟื้นฟูสืบต่อไปทั้งรุ่น ภาคส่วน หรือกลุ่มคน เราต้องมีใจปรารถนาที่จะกลับใจจากการกอดรัดระบบหรือโครงสร้างเหนือพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่ไม่ใช่การเรียกให้มาที่ช่องว่างแห่งบาป แต่มันคือการกลับมาสู่ธรรมชาติความเป็นคริสเตียนที่แท้จริง ซึ่งหมายถึง แทนที่เราจะรับเอาทุกอย่างทุกขั้นตอนมาจากกลเม็ดที่ดีที่สุดอันล่าสุด หรือ กลยุทธ์ด้านการเจริญเติบโตของคริสตจักร (ซึ่งหลายอย่างมันก็ดี) เราควรมองว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเคลื่อนไหวอย่างไรแล้วถามพระองค์ว่า "เราจะยังคงต้อนรับการสำแดงการทรงสถิตย์ของพระองค์ท่ามกลางเราต่อไปได้อย่างไร?"

เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้ตีพิมพ์บทความหนึ่งโดยขึ้นคำถามว่า "มันผิดไหมที่จะอธิษฐานขอการฟื้นฟู?"  คำตอบช่างหลากหลายและน่าสนใจ มีหนึ่งคำตอบที่ทำให้ผมมึนไปเลย เพราะผู้ตอบดูเหมือนหลงเชื่อว่าการฟื้นฟูจะไม่คงอยู่สืบไป  มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองมันอย่างไร  ครอบครัวอาร์น็อท ไม่ได้ร้องขอบางสิ่งจากพระเจ้า ราวกับว่าพระองค์เป็นพระบิดาในสวรรค์ที่เคร่งครัด และทำให้ลูกๆของพระองค์รู้สึกอึดอัด  ไม่จริงเลย

ครอบครัวอาร์น็อทไม่ได้แสวงหาสิ่งใดใหม่ที่จะมาจากสวรรค์  อันที่จริงเขามองดูสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเคลื่อนไหวอยู่แล้ว และสรุปว่าถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ซึ่งได้เคลื่อนไหวอย่างเต็มฤทธิ์เเดชผ่าน แคธารีน คูลแมน(Kathryn Kuhlman) และ เคลาดิโอ เฟดซอน(Claudio Freidzon) ก็อยู่ภายในพวกเขาด้วย พระองค์ก็ทรงสามารถปลดปล่อยการเทลงมาในระดับเดียวกันกับที่โตรอนโต ด้วย  ความคิดเช่นนี้ทำให้เกิดความหิวกระหายอย่างถึงที่สุดภายในพวกเขา เพื่อจะกลับสู่สภาพใหม่แห่งความเป็นคริสตชน บางสิ่งมันเก่าเกินไปแล้ว เราต้องพินิจในสิ่ง "ใหม่"
การฟื้นฟูทำให้เราเปิดสู่สภาพที่ดูเหมือนมาจากมุมมองของพระเจ้า การเทลงมา ที่เราเรียกว่า "การฟื้นฟู" ไม่ว่ามันจะเริ่มต้นด้วยความหิวฝ่ายวิญญาณหรือจากเอกสิทธิ์ของพระเจ้าโดยสมบูรณ์ ก็น่าตื่นเต้นและเป็นหมายเรียกสำหรับเราที่จะไปปรับตั้งความเป็นคริสตชนให้ตรงกันกับมาตรฐานของพระเจ้า
ปรากฏการณ์การอวยพรแห่งโตรอนโตเป็นตัวอย่างที่มีพลังของความหิวกระหาย  คนที่ไม่สมบูรณ์ผู้ที่โน้มหัวใจและหูของเขาเข้าหาสวรรค์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ เขามีสิ่งที่เหนือธรรมดาอย่างแท้จริงที่จะเฉลิมฉลองได้ในอีก 20 ปีต่อมา  ไม่ใช่เป็นแค่อนุสรณ์เพื่อจดจำ "วันวานอันแสนสุข" แต่เป็นคำพยานที่มีฤทธิ์เดชต่อสิ่งที่ได้เริ่มในปี 1994 และยังคงสืบเนื่องมาจนวันนี้ โดยไม่มีสัญญาณการลดลงเลย
..........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น