01 ตุลาคม 2556

วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว (3)

สวัสดีครับเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน บทความในครั้งนี้ ผมกลับมาเขียนเรื่อง "วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว" ต่อนะครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว นั่นคือการ "รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา" หลังจากที่รู้จักเพื่อรู้ทันพวก 8 อันธพาลวิญญาณชั่วมาแล้ว
(สามารถกลับไปอ่านในบทความตอนที่ 1 และ 2 ได้ตาม linkนี้นะครับ
วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว(1), วิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว(2))

 สาเหตุที่เราต้อง "รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา"เพื่อเราจะเข้าใจถึงแผนการของพระเจ้าที่ทรงสร้างเรามาและมีเป้าประสงค์(Destiny)ในชีวิตของเรา ทั้งนี้เพราะมนุษย์ถูกสร้างมาตามพระฉายของพระเจ้า แต่เมื่อมนุษย์ทำบาปเพราะถูกล่อลวงโดยมารซาตานที่สวนเอเดน  มุมมองความเข้าใจของมนุษย์เปลี่ยนไป  เมื่อมนุษย์ทำบาป เขามองสำรวจที่ร่างกายของตนเอง  เขารู้ว่าตัวเปลือยเปล่าอยู่ พวกเขาจึงเอาใบมะเดื่อมาสำหรับปกปิดร่างกาย

ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้” (ปฐมกาล 3:7)     
 
นั่นเป็นเพราะอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนได้สูญเสียไปแล้ว  โดยความบาปที่เขาไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปนำมาซึ่งมาตายและนำมาซึ่งความน่าอับอายที่ต้องปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้  เมื่ออาดัมและเอวาได้รับประทานผลไม้จากต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว (ปฐก.3:5-7)   
แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉาย แต่ละคนที่ถูกสร้างมีอัตลักษณ์(Identity) เราทุกคนเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเจ้า เนื่องด้วยความบาปนี้เองทำให้มนุษย์ได้สร้างอัตลักษณ์ใหม่ในความคิดของเขา เมื่อเขามองรูปร่างตนเอง เห็นสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ ดูแล้วชั่งอัปลักษณ์จึงรู้สึกอับอายเอาใบมะเดื่อมาปกปิด

ใบมะเดื่อ ในที่นี้เป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์ (Identity) เป็นความรู้สึกนึกคิดที่บุคคลมี
(สามารถอ่านรายละเอียดได้จากบทความเรื่องบทเรียนจากต้นมะเดื่อสอนใจ)

ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการเข้าสังคมระหว่างตัวเรากับคนอื่น โดยผ่านการมองตนเองและการที่คนอื่นมองเรา มนุษย์เริ่มห่างไกลใน
ความสัมพันธ์กับพระเจ้า เพราะการสูญเสียความเป็นตัวตน จึงทำให้เขาเอาความเป็นตัวตนของเขามากำหนดเอาเองจาก
สังคม แต่ท้ายสุดมนุษย์จะต้องมาถึงจัดตระหนักของเขาเองว่า ใบมะเดื่อที่หุ้มกายนั้นเป็นสิ่งที่ชั่วคราว ไม่ได้เป็นสิ่งถาวร อัต
ลักษณ์ที่เขาสร้างขึ้นในความคิดของเขาเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่เรียกว่า “อนิจจัง” (ปญจ.5:10)

ความรู้ทำให้เขาหยิ่ง ความจริงของพระเจ้าทำให้เขาได้ตระหนัก และความรักของพระองค์ทำให้เขากลับใจ และกลับมาหาพระเจ้า เพราะพระองค์ประทานแผนการไถ่ของพระองค์ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เสื้อหนังสัตว์จึงเล็งถึงการไถ่และอัตลักษณ์ใหม่ที่พระเจ้าจะสวมให้เมื่อกลับมาหาพระองค์ (ปฐก.3:21-22) ดังนั้นแผนการไถ่ของพระเจ้าจึงเป็นการทำให้เราได้รับการเยียวยาและค้นพบอัตลักษณ์ต่อตนเองว่า ฉันคือใครในพระคริสต์

อาวุธอย่างหนึ่งที่อันธพาลวิญญาณชั่วชอบทำร้ายคนของพระเจ้าคือ พยายามทำลายอัตลักษณ์ในชีวิตของเรา มันเคยทำเมื่อในปฐมกาลตั้งแต่ในสวนเอเดนและปัจจุบันมันก็ยังทำอยู่


Satanic Ritual Abuse
บางคนถูกทำลายอัตลักษณ์ตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ เนื่องจากถูกบรรพบุรุษยกให้เป็นลูกของเหล่าอำนาจมืดหรือกราบไหว้รูปเคารพต่างๆ หรือร้ายแรงกว่านั้นคือได้ไปทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์กับมาร เรียกว่า "การขายวิญญาณให้กับมาร"(SRA: Satanic Ritual Abuse) พิธีกรรมเหล่านี้เกี่ยวกับกับเรื่องของเพศ ทำสัญญาด้วยเลือด เป็นต้น

สิ่งที่เป็นผลกระทบคือ  "การแตกสลายของอัตลักษณ์" ( Dissociative identity disorder (DID) เรียกว่า


Dissociative identity disorder (DID)
"การแตกสลายของอัตลักษณ์(Identity) จนอัปลักษณ์ "

เป็นภาวะที่ความทรงจำ สติสัมปชัญญะ ความรู้ตัว อัตลักษณ์ หรือการรับรู้สภาพแวดล้อมของผู้นั้นเสียไปหรือถูกรบกวน 

บุคลิกภาพของคนที่เป็นแบบนี้จะเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำและมีหลากหลายอารมณ์ เป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมีอาการทางประสาท ในทางการแพทย์เรียกว่า " โรคจิตแตกแยกเป็นเอกลักษณ์"
(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/)
(หมายเหตุ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้ในการรับพันธกิจเยียวยาภายใน  ซึ่งผมขอสรุปไว้เบื้องต้นเท่านี้) 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบอันมากจากวัยเด็กที่ถูกกระทำ  และส่งผลในปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อมารู้จักพระเจ้า บุคคลเหล่านี้จึงจำเป็นต้องรับการเยียวยารักษา และการรับการอธิษฐานปลดปล่อยออกจากพันธนาการของวิญญาณชั่ว
ฉะนั้นเราจึงต้อง"รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา" และเห็นถึงความสำคัญว่า

ทำไมเราต้องเข้าสู่กระบวนการการเยียวยาและค้นพบอัตลักษณ์ เพราะเราทุกคนสืบเชื้อสายจากอาดัมเอวาที่ทำบาป จึงได้รับมรดกแห่งบาปที่ตกทอดมาตามสายบรรพบุรุษ เพราะเราทุกคนทำบาปจึงเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า(รม.3:23)  ความเสื่อมทรามจำเป็นต้องรับการรื้อฟื้นสู่สภาพที่ดี
โดยเริ่มจากการ "กลับใจใหม่กลับสู่ความสัมพันธ์ในพระเจ้า" (Be converted) หันกลับจากหนทางเดิมมาสู่ทางแห่งความจริงในพระเจ้า
 โดยมีกระบวนการดังนี้
Turn away สำนึกผิด, Turn from หันทิศออกห่าง,  Turn into เดินในทางที่ถูก...

(นิยามโดย Ps.Jack Hayford ศบ.The Church On The Way,USA)

2โครินธ์ 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น

หลังจากนั้นก็จะเป็นการเข้าสู่กระบวนการชำระชีวิต(Sanctification) เพื่อจะไปสู่ความไพบูลย์ตามพระลักษณะของพระเจ้าที่ทรงสร้าง
กระบวนการชำระ(Sanctification) ต้องใช้เวลา เหมือนการอาบน้ำ เราต้องอาบน้ำทุกวัน แม้ว่าเมื่อเราตัดสินใจรับเชื่อ(Be converted) ในพระคริสต์แต่เราต้องรับการชำระชีวิตเพื่อนำเอาขยะ(สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป)ออกไป
เพราะในโลกนี้เต็มไปด้วยความบาป แม้เราจะไม่ได้ทำบาปแต่บาปก็ส่งอิทธิพลต่อเรา ภาพเปรียบเทียบเหมือนเราอยู่ในกองขยะเราได้รับกลิ่นและความแปดเปื้อน เราจึงต้องอาบน้ำชำระตัวอยู่เสมอโดยการสารภาพบาป

 1 ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น

นอกจากนี้เราต้องรับการชำระชีวิตโดยการรักษาบาดแผล หรือรากขมขื่นที่เป็นอิทธิพลของบาปที่ตกทอดผ่านสายโลหิตทางบรรพบุรุษ ดังนั้นเครื่องมือหนึ่งในการชำระชีวิตคือ "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing)

เราต้องทำความเข้าใจว่า  "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing) เป็นการพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ในการรักษา ไม่ใช่ว่าเราคิดว่า เรารอดแล้วผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์และเราจะสมบูรณ์แบบ สิ่งนั้นเป็นทางนิตินัยแต่ในทางพฤตินัย เราจำเป็นต้องรับการชำระชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับพระองค์และผู้ที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือเราคือผู้ที่ทำพันธกิจ "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing)
 
ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เราไม่ยอมรับว่าเราป่วย เมื่อเราป่วยก็ไปทำให้คนอื่นบาดเจ็บหรือป่วยไปด้วย 

ตัวของผมเองได้ทำความเข้าใจและตระหนักถึงสิ่งนี้ และผมก็รับพันธกิจ "การเยียวยารักษาชีวิตภายใน"(Inner Healing) เพื่อช่วยเหลือเอาสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตออกอยู่เรื่อยๆ
แม้แต่ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึง การทำพันธกิจการเยียวยา

ตัวอย่างชีวิตของอัครทูตเปโตร
ท่านได้ค้นพบอัตลักษณ์ชีวิตของท่าน เมื่อท่านพบกับพระเยซูและพระเยซูทรงเรียกให้ท่านเป็นผู้จักคนดั่งจับปลา  ท่านต้องรับการชำระชีวิตให้บริสุทธิ์(Sanctification)นั่นคือการเอาขยะในชีวิตออกเพื่อจะให้พระเจ้าทรงสร้างชีวิตในการเป็นสาวกของพระองค์(มธ.3:11,ยน. 15:3-4 )  
จากความผิดหวังที่เป็นเหตุกระทบความรู้สึกของท่านอย่างรุนแรง(Trauma)ที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจ เพราะพระเยซูถูกตรึงกางเขน และท่านได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูถึง 3 ครั้งก่อนไก่ขัน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับโดยทหารโรมัน(มธ.26:75)

พระเยซูคริสต์ทรงเข้ามารักษาเยียวยาภายในชีวิตของท่าน (ยน. 21:1-17) เหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเยียวยารักษาจิตใจภายในของอัครทูตเปโตร
โดยพระองค์พาเขากลับไปในบรรยากาศที่ท่านคุ้นเคย ที่เคยสนทนากับพระเยซูคริสต์ จับปลาและนั่งสนทนาด้วยกัน

สิ่งที่สำคัญคือ  พระเยซูให้อภัยด้วยความรักที่ปราศจากเงื่อนไขให้กับอัครทูตเปโตร

พระเยซูคริสต์ทรงมอบพระบัญชาของพระองค์ให้กับท่าน นั่นคือ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข(ภาษากรีก คือ อากาเป้ Agape) ไม่ใช่แบบความรักทั่วไป (ภาษากรีก คือ พิเลโอ Phileo) ความรักแท้จึงมาจากพระเจ้า (1ยน.4:7) ความรักจึงเป็นแรงขับเคลื่อน เปลี่ยนจาก”ความกลัว”กลับกลายเป็น”ความกล้า”

นี่เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในชีวิตของเปโตร(1 ยน.4:18) แม้ว่าพระเยซูคริสต์จะได้บอกว่าอัครทูตเปโตรจะต้องตายเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ และให้ตามพระองค์มา (ยน.21:19)
ครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดทำให้ท่านต้องกลัวอีกแล้ว แต่ท่านได้กล้าหาญเทศนาในวัน Pentecost มีคนกลับใจเชื่อถึง 3,000 คนในคราวเดียว (กจ. 2:41)

นี่เป็นก้าวกระโดดในชีวิตของเราด้วย!

ดังนั้นเราจะต้องทบทวนชีวิตของเราในช่วงที่ผ่านมา และรับการเยียวยารักษาด้วยความรักจากพระเจ้า โดยรับพระเมตตาและพระคุณจากพระองค์

โรม 6:23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาป คือ ความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

พระเมตตาคือ เราควรจะได้รับแต่เราไม่ต้องรับ นั่นคือ การพิพากษาลงโทษ เนื่องจากเราทำผิด

พระคุณ คือ เราได้รับในสิ่งที่เราไม่ควรได้รับ นั่นคือ การให้อภัยจากความผิดบาป

ฮีบรู 4:15-16
15 เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป
16 ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ

สำหรับในบทความครั้งนี้ ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน ในครั้งต่อไป เราจะมาศึกษาวิธีจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว ในภาคปฏิบัติต่อไป ถึงวิธีการตัดคำแช่งสาปที่ตกทอดจากบรรพบุรุษ วิธีการจัดการ 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว และวิธีการดูแลรักษาชีวิตของเราเพื่อป้องกันตัวจาก 8 อันธพาลวิญญาณชั่ว

ขอสรุปจบท้ายด้วยคำพูดของ แบลซ ปัสกาล(Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์เอกของโลก กล่าวว่า 
Blaise Pascal
 "มนุษย์ทุกคนมีที่ว่างในหัวใจที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นจะเติมเต็มได้ สิ่งอื่น ๆ ไม่อาจทดแทนและให้ความอิ่มใจแก่มนุษย์ได้เลย
เมื่อเราแสวงหาสิ่งอื่นในโลกนี้ เราจะไม่มีวันค้นพบตัวตนของเราเลย จนเมื่อเรากลับมามีความสัมพันธ์กับพระผู้สร้างในชีวิตของเรา
เมื่อนั้นเราจะพบอัตลักษณ์ "รู้จักและเข้าใจในตัวของเรา"

วันนี้พระเยซูคริสต์ทรงเป็นทางแห่งความรอดและเป็นผู้ประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้กับเราทุกคน เราจึงต้องรับการเติมเต็มจากพระองค์ร่วมกัน
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ พบกันในครั้งหน้าครับ
ยอห์น 10:10   ขโมย(มาร) นั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เรา(พระเยซูคริสต์) ได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น