05 กรกฎาคม 2561

ภาคปฏิบัติการแปลภาษาแปลกๆสำหรับกลุ่มแคร์

ภาคปฏิบัติการแปลภาษาแปลกๆในกลุ่มแคร์

การแปลภาษาแปลกๆนอกจากจะช่วยทำให้ผู้ฟังได้รู้ถึงความหมายของภาษาแปลกๆแล้ว การแปลภาษาแปลกๆยังมีส่วนช่วยในการปลดปล่อยฤทธิ์เดชของพระเจ้ามายังที่ประชุมอีกด้วย การแปลภาษาแปลกๆจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างกลุ่มแคร์เป็นอย่างยิ่ง ในภาคที่นี้ผมจึงขอเสนอภาคปฏิบัติในการแปลภาษาแปลกๆสำหรับกลุ่มแคร์ โดยผมขอกล่าวถึงเคล็ดลับสำคัญสองประการในการแปลภาษาแปลกๆ นั่นก็คืออย่าพูดภาษาแปลกๆพร้อมกันและ ฝึกฝนในการตื่นตัวรับคำแปล

เคล็ดลับ#1 อย่าพูดภาษาแปลกๆพร้อมกัน

การพูดภาษาแปลกๆพร้อมกัน มักจะทำให้การรับคำแปลมีความสับสนและขาดทิศทาง แม้แต่เปาโลเองก็ไม่ได้สนับสนุนการพูดภาษาแปลกๆอย่างพร้อมกัน (ดู 1 โครินธ์ 14)

ดังนั้นหากมีผู้ใดในกลุ่มแคร์เริ่มพูดภาษาแปลกๆ คนอื่นในกลุ่มแคร์ก็ควรเงียบโดยไม่พูดภาษาแปลกๆแทรก และปล่อยให้ผู้ที่พูดคนแรกได้พูดภาษาแปลกๆออกมาเต็มที่

(1 โครินธ์ 14:27) ถ้า​ใคร​จะ​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ จง​ให้​พูด​เพียง​สอง​คน​หรือ​อย่าง​มาก​ที่​สุด​ก็​สาม​คน และ​ให้​พูด​ที​ละ​คน แล้ว​ให้​อีก​คน​หนึ่ง​แปล

เคล็ดลับ#2 ฝึกฝนในการตื่นตัวรับคำแปล
ในระหว่างที่ผู้หนึ่งในแคร์กำลังพูดภาษาแปลกๆ คนอื่นๆในแคร์ก็ควรเงียบและควรตื่นตัวในการรับคำแปล และเมื่อผู้ที่พูดได้พูดภาษาแปลกๆจบแล้ว คนอื่นในแคร์หรือตัวผู้พูดเองก็สามารถปลดปล่อยคำแปลออกมาได้

รายละเอียดของการตื่นตัวรับคำแปลดูได้จาก
แนวทางการแปลภาษาแปลกๆเบื้องต้น
แนวทางการแปลภาษาแปลกๆเบื้องต้น (ตอนที่ 2)

            สิ่งสำคัญที่จะทำให้ของประทานการแปลได้รับการพัฒนาก็คือ เมื่อผู้หนึ่งในแคร์เริ่มพูดภาษาแปลกๆ เราก็ควรจะเงียบและตื่นตัวในการรับคำแปล และเมื่อผู้พูดได้พูดภาษาแปลกๆจบ เราก็สามารถปลดปล่อยคำแปลออกมาได้ การฝึกฝนให้ตัวเองเงียบและตื่นตัวรับคำแปลในระหว่างที่ผู้หนึ่งกำลังพูดภาษาแปลกๆ นับเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ของประทานการแปลภาษาแปลกๆได้รับการพัฒนา

สรุป
เมื่อผู้หนึ่งในแคร์เริ่มพูดภาษาแปลกๆ คนอื่นในแคร์ควรคาดหวังการแปล โดยการอยู่นิ่งๆและตื่นตัวรับคำแปล และเมื่อผู้พูดได้พูดภาษาแปลกๆจบ ก็ควรมีคนในแคร์สักคนหนึ่ง(อาจเป็นตัวผู้พูดเอง)ได้ปลดปล่อยคำแปลออกมา ทุกครั้งที่มีการพูดภาษาแปลกๆ คนในแคร์ควรจะคาดหวังคำแปลเสมอ

ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ผู้ที่พูดภาษาแปลกๆ ไม่ควรพูดนานเกินไป การพูดภาษาแปลกๆอาจจะพูดสักประมาณ 3 -10 วินาที แล้วจึงหยุด (หากจะคาดหวังการแปล การพูดภาษาแปลกๆ 10 วินาที ก็ถือว่านานมากแล้ว) หากผู้ที่พูดยังคงรู้สึกอยากพูดภาษาแปลกๆต่ออีก ผู้พูดก็ควรหยุดพูดและให้ผู้อื่นในแคร์ได้ปลดปล่อยคำแปลให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นผู้พูดค่อยพูดภาษาแปลกๆต่อแล้วให้ผู้อื่นปลดปล่อยคำแปลอีกรอบหนึ่ง

ภาษาแปลกๆกับคำแปล ไม่จำเป็นต้องมีความยาวเท่ากัน
บางครั้งความยาวของภาษาแปลกๆกับความยาวของคำแปลไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกัน บางครั้งภาษาแปลกๆอาจจะยาว แต่คำแปลกลับสั้น บางครั้งภาษาแปลกๆสั้น แต่คำแปลกลับยาว ทั้งนี้เพราะการแปลภาษาแปลกๆเป็นการแปลแบบตีความ(Interpret) ไม่ใช่การแปลแบบคำต่อคำ(Translate)

(ความแตกต่างระหว่างการแปลแบบตีความกับการแปลแบบคำต่อคำ
เพื่อนๆสามารถอ่านได้จาก http://pattamarot.blogspot.com/2018/06/blog-post_32.html )

บางครั้งภาษาแปลกๆที่พูดอาจยืดยาวมาก แต่เนื้อหาและใจความสำคัญอาจมีอยู่ไม่มาก ทำให้คำแปลไม่ยาวนัก บางครั้งภาษาแปลกๆที่พูดอาจสั้นนิดเดียว แต่เนื้อหาและใจความอาจมีรายละเอียดมาก ทำให้คำแปลอาจมีความยาวมากกว่าภาษาแปลกๆที่พูดออกมา

บางครั้งสิ่งที่ได้รับไม่ใช่คำแปลแต่เป็นคำเผยพระวจนะ
          ขณะที่ผู้ฟังภาษาแปลกๆกำลังตื่นตัวรับคำแปลอยู่นั้น สิ่งที่ผู้ฟังได้รับอาจไม่ใช่คำแปลของภาษาแปลกๆ แต่เป็นคำเผยพระวจนะหรือถ้อยคำที่พระเจ้าต้องการสื่อสาร เนื่องจากบางครั้ง การพูดภาษาแปลกๆสามารถปลดปล่อยฤทธิ์เดชมายังที่ประชุมและยังทำให้ของประทานอื่นๆได้รับการกระตุ้นออกมา ด้วยเหตุนี้ระหว่างที่คนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ สิ่งที่ผู้ฟังได้รับอาจจะไม่ใช่คำแปลแต่เป็นคำเผยพระวจนะที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อความของภาษาแปลกๆ ด้วยเหตุนี้บางครั้งเมื่อมีการปลดปล่อยคำแปล อาจจะมีบางคนปลดปล่อยคำแปลที่แตกต่างไปจากคำแปลที่คนอื่นได้รับ ทั้งนี้เป็นเพราะสิ่งที่บางคนปลดปล่อยอาจจะไม่ใช่คำแปลของภาษาแปลกๆ แต่เป็นคำเผยพระวจนะในเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อความของภาษาแปลกๆ

พระคุณจงมีแด่ทุกท่าน
Philip Kavilar


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
หนังสือ ฟังเสียงพระเจ้า เขียนโดย ซินดี้ เจคอปส์
หนังสือ Tongues Interpretation & Prophecy เขียนโดย Don Basham



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น