บทความเรื่อง แนวทางการแปลภาษาแปลกๆเบื้องต้น โดย Philip Kavilar
แนวทางเบื้องต้น
บางครั้งเมื่อเพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆ
เพื่อนๆอาจรู้สึกอย่างคร่าวๆว่าตนเองกำลัง “สรรเสริญ” หรือ “ทูลขอ” หรือ “สู้รบ” อยู่
บางทีเพื่อนๆอาจจะรู้อย่างเจาะจงอีกว่าตัวเองกำลังสรรเสริญในด้านไหนหรือทูลขอในเรื่องอะไร
ความรู้สึกหรือหรือความคิดที่เกิดขึ้นระหว่างการพูดภาษาแปลกๆอยู่นี้คือ “คำแปลของภาษาแปลกๆ” แต่เนื่องด้วยการขาดคำสอนหรือข้อแนะนำ
ทำให้คำแปลเหล่านี้ไม่ได้รับการต่อยอดออกมา
ของประทานการแปลที่หลายคนมีอยู่จึงไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที ในบทความนี้
ผมจึงขอเสนอแนวทางเบื้องต้นในการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด และในสัปดาห์หน้า
ผมอาจลงบทความเกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆที่ผู้อื่นพูด
แนวทางการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด
แนวทางในการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูดนั้น
ผมได้จัดแจงไว้สามขั้นตอนคือ
1.พูดภาษาแปลกๆ
2.ตื่นตัวรับคำแปล
3.ปลดปล่อยคำแปล
โดยแต่ละขั้นตอนมีข้อแนะนำและรายละเอียดดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการแปลภาษาแปลกๆ
1. พูดภาษาแปลกๆ
จุดเริ่มต้นของการแปลภาษาแปลกๆก็คือให้เพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆออกมาก่อน
โดยเพื่อนๆอาจพูดภาษาแปลกๆสักประมาณ 3-10 วินาที (ถ้าเพื่อนๆคาดหวังว่าจะแปลภาษาแปลกๆด้วย
การพูดภาษาแปลกๆ 10 วินาทีถือว่าเป็นการพูดที่ใช้เวลามากแล้ว)
การพูดภาษาแปลกๆเป็นของประทานที่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นเพื่อนๆจึงสามารถกำหนดได้ว่าจะเริ่มพูดภาษาแปลกๆเมื่อไรและจะหยุดเมื่อไรก็ได้
(1 โครินธ์ 14:32)
จิตวิญญาณของพวกผู้เผยพระวจนะนั้น
ย่อมอยู่ในบังคับพวกผู้เผยพระวจนะ
2. ตื่นตัวรับคำแปล
ระหว่างที่เพื่อนๆกำลังพูดภาษาแปลกๆอยู่
ให้เพื่อนๆตื่นตัวในการรับคำแปล
การตื่นตัวรับคำแปลทำได้โดยการใช้หูฟังภาษาแปลกๆที่ตนเองพูดและให้ใจของเราจดจ่อกับภาษาแปลกๆไปด้วย
การตื่นตัวรับคำแปล
= หูฟังภาษาแปลกๆ + ใจจดจ่อกับภาษาแปลกๆ
ในระหว่างการตื่นตัวนี้
“คำแปล” จะค่อยๆก่อตัวขึ้นในความคิด ซึ่ง ปกติแล้วผมจะแบ่งระดับของการแปลเป็นสองระดับคือ
1. รู้เนื้อความอย่างคร่าวๆ เช่น
รู้ว่าภาษาแปลกๆนี้ เป็น “การนมัสการ” หรือ “การวิงวอน” หรือ “การสู้รบ”
2.
รู้เนื้อความอย่างเจาะจง เช่น ถ้าเป็นการนมัสการ
ก็จะรู้อย่างเจาะจงว่าเป็นการนมัสการในทิศทางไหน ถ้าเป็นการวิงวอน
ก็จะเป็นการรู้อย่างเจาะจงว่าเป็นการวิงวอนในเรื่องอะไร หรือถ้าเป็นการสู้รบ
ก็จะเป็นการรู้ว่า เรากำลังสู้รบกับป้อมปราการใด
ระหว่างที่ตื่นตัวรับคำแปลอยู่นี้
ตอนแรกเราจะรู้เนื้อความอย่างคร่าวๆ แต่เมื่อฟังภาษาแปลกๆสักพักหนึ่ง
เราก็จะรู้เนื้อความอย่างเจาะจงมากขึ้น
“คำแปลภาษาแปลกๆ”
ที่ก่อตัวขึ้นไม่จำเป็นต้องเป็นความหมายแบบคำต่อคำ
เพียงแต่เป็นการรู้ใจความสำคัญก็ใช้ได้แล้ว
บางครั้งคำแปลที่ได้รับอาจเป็นถ้อยคำเล็กๆน้อยๆ เช่น “ความยิ่งใหญ่”, “สันติสุข” หรือ “การเติมเต็ม” บางครั้งคำแปลอาจจะนิมิตก็ได้
การตื่นตัวรับคำแปลจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อเพื่อนๆจดจ่อในการฟังภาษาแปลกๆ ถ้าเพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆไปและคิดเรื่องอื่นไป
หรือถ้าเพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆไปและทำกิจกรรมอย่างอื่นตามไปด้วย การตื่นตัวในการรับคำแปลอาจลดถอยลง
ถ้าเป็นได้ระหว่างที่เพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆอยู่นี้
อยากจะให้เพื่อนๆจดจ่อในการฟังภาษาแปลกๆและตื่นตัวในการรับคำแปล
เมื่อคำแปลก่อตัวในเพื่อนๆได้ระดับนึงแล้ว
ขั้นตอนต่อไปก็คือการปลดปล่อยคำแปล
3. ปลดปล่อยคำแปล
เมื่อเพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆได้ระยะหนึ่งและเมื่อคำแปลก่อตัวในเพื่อนๆได้ระดับนึงแล้ว
ก็ให้เพื่อนๆหยุดพูดภาษาแปลกๆ
และนำคำแปลที่อยู่ภายในเพื่อนๆมาปลดปล่อยเป็นถ้อยคำสรรเสริญหรือถ้อยคำทูลขอ
เช่น
ถ้าระหว่างที่เพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆอยู่ แล้วเพื่อนๆรู้สึกว่าตนเองกำลังสรรเสริญในความยิ่งใหญ่พระเจ้า
เมื่อเพื่อนๆหยุดพูดภาษาแปลกๆ
ก็ให้เพื่อนๆนำความรู้สึกที่เป็นคำแปลนี้มาปลดปล่อยเป็นถ้อยคำสรรเสริญ โดยพูดว่า “พระเจ้า
พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ และ...”
ถ้าระหว่างที่เพื่อนๆพูดภาษาแปลกๆอยู่
แล้วเพื่อนๆรู้สึกว่าตนเองกำลังอธิษฐานเผื่อประเทศไทยในเรื่องหนึ่ง
ก็ให้เพื่อนๆนำความรู้สึกหรือความคิดนั้น มาปลดปล่อยเป็นถ้อยคำอธิษฐาน
โดยอาจพูดว่า “พระเจ้า ขอพระองค์ประทานสันติสุขแก่ประเทศไทย และ...”
บางครั้งขณะที่เริ่มจะปลดปล่อยคำแปล
ในตอนแรกคำแปลอาจจะมีนิดหน่อยและไม่ชัดเจนนัก แต่พอได้เริ่มเอ่ยคำแปลออกมา
รายละเอียดและความเจาะจงก็จะค่อยทยอยเข้ามา บางครั้งระหว่างที่พูดภาษาแปลกๆ
เพื่อนๆอาจจะรู้สึกถึงเพียงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
แต่ไม่ได้รู้ว่ายิ่งใหญ่ในทิศทางไหน เมื่อเพื่อนๆเริ่มปลดปล่อยคำแปลออกมา
โดยเริ่มพูดว่า
“พระเจ้าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ และ...”
เมื่อเพื่อนๆเริ่มเอ่ยคำแปลไปเล็กน้อยโดยการพูดว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่...”
ในหลายๆครั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงประทานคำแปลให้เพิ่มเติมหลังจากที่เพื่อนๆเริ่มปลดปล่อยคำแปล
ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆได้รู้อย่างเจาะจงว่าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ในทิศทางไหน
บางครั้งก่อนที่จะปลดปล่อยคำแปล
คำแปลที่อยู่ในตัวเพื่อนๆอาจมีไม่มากนัก บางทีคำแปลที่เพื่อนๆมีอยู่ตอนแรก
อาจเป็นถ้อยคำไม่กี่คำหรือเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเบาๆ
แต่เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องรอให้ได้รับคำแปลอย่างครบถ้วน
หลายๆครั้งเพื่อนๆสามารถนำคำแปลที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยมาปลดปล่อยได้ทันที
และหลายครั้งระหว่างที่เพื่อนๆกำลังปลดปล่อยคำแปล
พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงประทานคำแปลให้เพิ่มเติม
ทบทวน
สามขั้นตอนง่ายๆของการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูดก็คือ
1. พูดภาษาแปลกๆ
2. ตื่นตัวรับคำแปล
3. ปลดปล่อยคำแปล
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ของการแปลภาษาแปลกๆ
และทำให้ของประทานการแปลที่หลับไหลอยู่นั้นได้เกิดการใช้งานออกมามากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนสามขั้นตอนที่ผมเสนอมานี้ เพื่อนๆสามารถปฏิบัติซ้ำวนไปวนมาหลายรอบก็ได้
Philip Kavilar
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
หนังสือ Diversities of Tongues เขียนโดย Gregory Uvieghara
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น