30 มิถุนายน 2560

ดวงอาทิตย์ทรงกลด(Sun Halo) มีความหมายอย่างไร? ตามหลักการพระคริสตธรรมคัมภีร์

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2017 เมื่อเวลาประมาณ10.40 น. ได้เกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ทรงกลด(Sun Halo) เหนือท้องฟ้าในหลายพื้นที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นจนหลายคนได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ พร้อมทั้งนำไปโพสต์และแชร์ต่อๆ กันโลกออนไลน์กันจำนวนมาก
สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการไม่มองที่แสงของดวงอาทิตย์โดยตรงด้วยตาเปล่า  เพราะอาจจะทำให้ตาบอด  
สาเหตุการเกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ทรงกลด(Sun Halo) เกิดขึ้นจากบรรยากาศของโลกในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere)ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นล่างสุดและเป็นที่อยู่ของกลุ่มเมฆจำนวนมากมีอากาศเย็นจัดตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จนทำให้ละอองน้ำในอากาศณเวลานั้นๆ แข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆจำนวนมหาศาลลอยอยู่บนท้องฟ้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและส่องแสงทำมุมกับเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างเหมาะสมจะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสงทำให้เกิดเป็นแถบสีรุ้ง (sprectrum) คล้ายการเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตกขึ้น
อนึ่ง ดวงอาทิตย์ทรงกลดที่เราเห็นในแต่ละครั้งอาจมีแสงสีต่างกันซึ่งแสงสีที่ตาเราสัมผัสได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับการทำมุมของแสดงอาทิตย์และเกล็ดน้ำแข็งแต่โดยทั่วไปเราจะเห็นเป็นแสงสีเหลืองอ่อน ๆ มากที่สุด และอาจเห็นเป็นสีเขียวสีแดง สีน้ำเงินปนแดงได้บ้างตามการสะท้อนของแสงในเวลานั้นและบางครั้งเกล็ดน้ำแข็งนี้จะไปหักเหทางเดินของแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดภาพขยายขึ้นเหมือนกับที่เรามองเลนส์นูนนั่นเอง
(ข้อมูลจาก ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์(LESA) )

สำหรับความเชื่อด้านจิตวิญญาณที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดของคนไทย
คนไทยนับถือดวงอาทิตย์เป็นเทวดาเบื้องบนองค์หนึ่ง สังเกตจากการเรียกนำหน้าว่า “พระ”ส่วนกลดก็ถือเป็นของสูงสำหรับพระเช่น กลดของพระธุดงค์ปรากฏการณ์นี้จึงเปรียบได้กับกลดของพระที่กำลังถูกล้อมรอบไว้ด้วยแสงของดวงอาทิตย์ไว้นั่นเองจึงถือเป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ เป็น มหิธานุภาพของดวงอาทิตย์มีความหมายในทางที่ดี มีมงคลแก่ทุกคนบนโลก

สำหรับคริสตชน เมื่อเราศึกษาจากรากศัพท์ภาษากรีก  คำว่า ฮาโล (Halo หรือ Halos - ἅλως ) ให้ความหมายว่า รัศมี (nimbus, aureole, glory) 

อีกคำที่น่าสนใจ คือ คำว่า อิริส(iris-ἶριςให้ความหมายว่าสายรุ้ง (rainbow) พูดง่ายๆ คือ ดวงอาทิตย์มีรัศมีสีรุ้งล้อมอยู่รอบๆ ตัว

เมื่อศึกษาในพระคัมภีร์ การเกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ทรงกลดมีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์หรือไม่
พระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้โดยตรง เท่าที่ศึกษาแต่มีเหตุการณ์คล้ายๆปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ทรงกลด ดังนี้
ตอนที่อัครทูตเปาโล (เดิมชื่อว่าเซาโล)เดินทางเข้าเมืองดามัสกัส
กิจการฯ  9:3-9
ขณะ​ที่​เซา​โล​เดิน​ทาง​ไป​ใกล้​จะ​ถึง​เมือง​ดา​มัส​กัสทัน​ใด​นั้น​มี​แสง​สว่าง​ส่อง​มา​จาก​ฟ้า​ล้อม​รอบ​ตัว​ท่าน
เซา​โล​จึง​ลุก​ขึ้น​จาก​พื้น เมื่อ​ลืม​ตา​แล้ว​ก็​มอง​อะไร​ไม่​เห็นพวก​เขา​จึง​จูง​มือ​ท่าน​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ดา​มัส​กัส
ตา​ของ​ท่าน​ก็​มืด​มัว​ไป​ถึง​สาม​วันและ​ท่าน​ไม่​ได้​กิน​หรือ​ดื่ม​อะไร​เลย

อัครทูตเปาโลเล่าประสบการณ์นี้ตอนเป็นพยานต่อ​อา​กริป​ปา
 กิจการฯ  26:13 ​ข้า​แต่​กษัตริย์ใน​เวลา​เที่ยง​วัน​ขณะ​กำลัง​เดินทาง​ไปข้า​พระ​บาท​ก็​ได้​เห็น​แสง​สว่าง​กล้า​ยิ่ง​กว่า​แสงอาทิตย์​ส่อง​ลง​มา​จาก​ท้องฟ้า​ล้อม​รอบ​ข้า​พระ​บาท​กับ​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ไป​กับ​ข้า​พระ​บาท

 ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียล เห็นแสงสีรุ้งจากฟ้าและท่านได้เห็นพระสิริของพระเจ้าที่เป็นลักษณะทรวดทรง
เอเสเคียล 1:28 ลักษณะ​ความ​สุกใส​ที่​อยู่​รอบ​นั้น​เหมือนกับ​สัณฐาน​รุ้ง​ที่​ปรากฏ​ใน​เมฆ​เมื่อ​ฝน​ตก   ลักษณะ​ทรวดทรง​แห่ง​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ดังนี้​แหละและ​เมื่อ​ข้าพเจ้า​เห็น​แล้ว ข้าพเจ้า​ก็​ซบ​หน้า​ลง​ถึง​ดินและ​ข้าพเจ้า​ได้​ยิน​เสียง​ท่าน​ผู้​หนึ่ง​ตรัส​

 ไม่แปลกใจเลยว่า ในพระคัมภีร์พันธสัญญาได้บันทึกไว้ว่า ผู้ใดได้เห็นพระเจ้าและจะต้องตายเนื่องจากความบริสุทธ์ของพระเจ้า มีเพียงผู้ที่พระเจ้าอนุญาตเท่านั้นเช่นโมเสสพบพระเจ้าที่ภูเขาซีนาย
แค่การมองแสงของดวงอาทิตย์โดยตรงด้วยตาเปล่า  อาจจะทำให้ตาบอด และหากพบแสงแห่งพระสิริของพระเจ้า จะเป็นอย่างไร?
แต่ในพันธสัญญาใหม่นี้ พระเจ้าทรงทำให้เราได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นที่ประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์พระสิริของพระเจ้าอยู่ในชีวิตของผู้เชื่อ (Abiding in the Glory)
สิ่งที่สำคัญมากกว่า ปรากฏการณ์ของแสงแห่งพระสิริ นั่นคือการประทับอยู่ของพระเจ้า(Presence of God)
สิ่งต่างๆที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เป็นเพียงป้ายบอกทาง ชี้ไปทางองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงประทับอยู่บนสวรรค์
พระคัมภีร์ได้บรรยายไว้ถึงการประกาศพระสิริของพระเจ้าผ่านปรากฏการณ์ธรรมชาติดังนี้
สดุดี 19:1-6
1 ท้อง​ฟ้า​ประ​กาศ​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า และ​พื้น​ฟ้า​สำ​แดง​ผล​งาน​แห่ง​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​องค์
2 วัน​ส่ง​ถ้อย​คำ​ให้​แก่​วันและ​คืน​แจ้ง​ความ​รู้​ให้​แก่​คืน
3 ถ้อย​คำ​ไม่​มี วาจา​ก็​ไม่​มีและ​ไม่​มี​ใคร​ได้​ยิน​เสียง​ฟ้า
4 ถึง​กระ​นั้น เสียง​ของ​มัน​ก็​ออก​ไป​ทั่ว​แผ่น​ดิน​โลกและ​ถ้อย​คำ​ก็​ออก​ไป​ถึง​สุด​ปลาย​พิภพ พระ​องค์​ทรง​ตั้ง​เต็นท์​ไว้​ให้​ดวง​ตะวันณ ที่​นั้น
5 ซึ่ง​ออก​มา​อย่าง​เจ้า​บ่าว​ออก​มา​จาก​ห้อง​โถง​ของ​เขาและ​วิ่ง​ไป​ตาม​วิถี​ด้วย​ความ​ปีติ​ยินดี​อย่าง​ชาย​ฉกรรจ์
6 ดวง​ตะวัน​ขึ้น​มา​จาก​สุด​ปลาย​ฟ้า​ข้าง​หนึ่ง และ​โค​จร​ไป​ถึง​ที่​สุด​ปลาย​อีก​ข้าง​หนึ่งไม่​มี​สิ่ง​ใด​ซ่อน​ให้​พ้น​จาก​ความ​ร้อน​ของ​มัน​ได้

รุ้งเป็นสัญลักษณ์ที่เล็งถึงพันธสัญญาของพระเจ้า ที่ทรงทำไว้กับมนุษย์ตั้งแต่สมัยโนอาห์
ปฐมกาล 9:16-17
16 เมื่อ​มี​รุ้ง​ที่​เมฆ เรา​จะ​ดู​รุ้ง​นั้น เพื่อ​ระลึก​ถึง​พันธ​สัญ​ญา​นิรันดร์​ระหว่าง​พระ​เจ้า​กับ​สิ่ง​มี​ชีวิต​และ​สัตว์​ทั้ง​ปวง​ซึ่ง​อยู่​บน​แผ่น​ดิน”
17 พระ​เจ้า​ตรัส​แก่​โนอาห์​ว่า “นี่​แหละ​เป็น​เครื่อง​หมาย​แห่ง​พันธ​สัญ​ญา​ที่​เรา​ได้​ตั้ง​ไว้​ระหว่าง​เรา​กับ​สัตว์​ทั้ง​ปวง​ซึ่ง​อยู่​บน​แผ่น​ดิน

อิสยาห์ 54:9-10
9 “สำ​หรับ​เรา​แล้ว เรื่อง​นี้​ก็​เหมือน​สมัย​ของ​โน​อาห์เรา​ได้​ปฏิ​ญาณ​ว่า น้ำ​สมัย​โน​อาห์ จะ​ไม่​ท่วม​แผ่น​ดิน​โลก​อีก​อย่าง​ไรเรา​ก็​ปฏิ​ญาณ​ว่า เรา​จะ​ไม่​โกรธ​เจ้า และ​จะ​ไม่​ดุ​ด่า​เจ้า​อีก​อย่าง​นั้น
10 เพราะ​ภูเขา​ทั้ง​หลาย​อาจ​ถูก​เคลื่อน​ย้าย​ไปและ​บรรดา​เนินเขา​อาจ​จะ​คลอน​แคลน แต่​ความ​รัก​มั่น​คง​ของ​เรา​จะ​ไม่​เคลื่อน​ย้าย​ไป​จาก​เจ้าและ​พันธ​สัญ​ญา​แห่ง​สวัสดิ​ภาพ​ของ​เรา​จะ​ไม่​คลอน​แคลน” พระ​ยาห์​เวห์​ผู้​ทรง​สงสาร​เจ้า​ตรัส​ดัง​นี้
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสำแดงภาพของฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราเห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทำให้เราได้ตื่นตระหนักว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งและในทุกพระสัญญาของพระองค์เป็นจริงเสมอ
2 โครินธ์ 1:20 เพราะ​ว่า​พระ​สัญ​ญา​ต่างๆ ของ​พระ​เจ้า​ล้วน​แต่​เป็น​จริง​โดย​พระ​เยซู เพราะ​เหตุ​นี้​เรา​จึง​พูด​ว่า​อา​เมน​โดย​พระ​องค์ ซึ่ง​เป็น​การ​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​เจ้า
ผมเชื่อว่าปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ทรงกลดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีทำให้เตือนใจให้เรามั่นใจถึงพันธสัญญาของพระเจ้า และสิ่งเหล่านี้เป็นข้อเตือนใจว่า  วาระสุดท้ายสิ้นยุคใกล้เข้ามาแล้ว
เราต้องดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังและมีความหวังใจเสมอในพันธสัญญาของพระเจ้า
ถ้าเราเชื่อเราจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น