สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน เชื่อว่าในช่วงเทศกาลอยู่เพิงหรือสุคคท(Sukkot) ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.-4 ต.ค.2015 ที่ผ่านมา เราจะมีประสบการณ์อยู่ภายใต้เพิงแห่งพระสิริ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความยินดีในการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและพี่น้องในพระคริสต์
ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับเทศกาลอยู่เพิงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้อ่านทุกท่านสามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้นะครับ ตาม Link นี้ครับ
สำหรับในปี 5776 นี้ ผมขอเขียนในมุมมองและข้อคิดจากเทศกาลอยู่เพิงที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันที่คนยิวอยู่ในเพิงมาแล้ว 7 วันและวันที่ 8 คือวันที่เรียกว่า "ชิมหัต โทราห์" (Simchat Torah) เป็นวันแห่งการชื่นชมยินดีในพระคำ(Torah)ของพระยาห์เวห์ คนยิวจำนวนมากเต้นรำด้วยถือหนังสือม้วนโทราห์ อ่านตั้งแต่ปฐมกาลข้อแรก และข้อสุดท้ายของเฉลยธรรมบัญญัติ เพื่อแสดงว่าพระวจนะของพระเจ้าไม่มีวันสิ้นสุด มีการนมัสการอย่างชื่นชมยินดีธรรมศาลา(Synagogue)
ในพระธรรมยอห์นบทที่ 7 ได้บันทึกว่า พระเยซูคริสต์ทรงมาร่วมเทศกาลอยู่เพิง
ยน. 7:37-39
37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาล(วันที่ 8 Simchat Torah) ซึ่งเป็นวันยิ่งใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า “ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา
38 และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’”
39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งคนที่วางใจพระองค์จะได้รับ เพราะว่าพระวิญญาณยังไม่สถิตด้วย เพราะพระเยซูยังไม่ได้รับพระเกียรติ
ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับเทศกาลอยู่เพิงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้อ่านทุกท่านสามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้นะครับ ตาม Link นี้ครับ
(เทศกาลอยู่เพิง(Feast of Tabernacles), เทศกาลอยู่เพิง : พระสิริท่ามกลางเรา , เทศกาลอยู่เพิง :นี่เป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดี, , , )
สำหรับในปี 5776 นี้ ผมขอเขียนในมุมมองและข้อคิดจากเทศกาลอยู่เพิงที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันที่คนยิวอยู่ในเพิงมาแล้ว 7 วันและวันที่ 8 คือวันที่เรียกว่า "ชิมหัต โทราห์" (Simchat Torah) เป็นวันแห่งการชื่นชมยินดีในพระคำ(Torah)ของพระยาห์เวห์ คนยิวจำนวนมากเต้นรำด้วยถือหนังสือม้วนโทราห์ อ่านตั้งแต่ปฐมกาลข้อแรก และข้อสุดท้ายของเฉลยธรรมบัญญัติ เพื่อแสดงว่าพระวจนะของพระเจ้าไม่มีวันสิ้นสุด มีการนมัสการอย่างชื่นชมยินดีธรรมศาลา(Synagogue)
ในพระธรรมยอห์นบทที่ 7 ได้บันทึกว่า พระเยซูคริสต์ทรงมาร่วมเทศกาลอยู่เพิง
ยน. 7:37-39
37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาล(วันที่ 8 Simchat Torah) ซึ่งเป็นวันยิ่งใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า “ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา
38 และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’”
39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งคนที่วางใจพระองค์จะได้รับ เพราะว่าพระวิญญาณยังไม่สถิตด้วย เพราะพระเยซูยังไม่ได้รับพระเกียรติ
ในช่วงเทศกาลอยู่เพิงมีพิธีเทน้ำ(
นอกจากนี้ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ ได้กล่าวไว้ใน ยรม. 17:13 ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอาย บรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลก เพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย
ซึ่งเป็นการเผยพระวจนะล่วงหน้าไว้ประมาณ 550 ปี ก่อนที่พระเยซูคริสต์ทรงมาประสูติบนโลกนี้ คำเผยพระวจนะนี้กล่าวถึง พระเยซูว่าพระองค์ทรงเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เป็นทั้งความหวังและเป็นช่วยให้รอด ที่คนยิวได้ละทิ้งไปนั่นเอง พระเยซูจะเข้ามาเติมเต็มให้พวกเขาไม่หิวกระหายอีกต่อไปเมื่อได้พบกลับพระองค์ และพระเยซูคริสต์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นน้ำที่ธำรงชีวิตให้กับพวกเขา
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเหตุการณ์สำคัญในเทศกาลอยู่เพิงในสมัยพระเยซูคริสต์นั้นคือ พระเยซู ผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิต พระวิญญาณของพระองค์ไม่ได้ประหารคนให้ตายแต่ประทานชีวิตรอด
2 คร. 3:6 ผู้ทรงโปรดประทานให้เราสามารถที่จะเป็นพันธกรแห่งพันธสัญญาใหม่ อันมิใช่ประมวลกฎแต่เป็นมาโดยพระวิญญาณ ด้วยว่าประมวลกฎนั้นประหารให้ตาย แต่ส่วนพระวิญญาณประทานชีวิต
ในพระธรรมยอห์น บทที่ 8 ข้อที่ 3 -6 บันทึกว่า
3 พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีพาผู้หญิงคนหนึ่งมาหา หญิงคนนี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี และพวกเขาให้นางยืนอยู่ต่อหน้าประชาชน
4 เขาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะกำลังล่วงประเวณีอยู่
5 ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนอย่างนี้ให้ตาย แล้วท่านจะว่าอย่างไร?”
6 เขาพูดอย่างนี้เพื่อทดลองพระองค์โดยหวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์
แต่พระเยซูน้อมพระกายลงเอานิ้วเขียนที่ดิน
พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีจับหญิงที่ล่วงประเวณี มาพร้อมกับใช้เธอเป็นอุปกรณ์เพื่อจะมาทดลองพระเยซู พวกเขาเรียกพระองค์ว่าเป็น "ท่านอาจารย์(รับบี) " ประมาณว่าท่านทราบไหมว่าพระบัญญัติของพระเจ้าผ่่านทางโมเสสบอกว่าอะไร และต้องลงโทษหญิงคนนี้อย่างไร พระเยซูคริสต์ทรงทราบดีถึงพระบัญญัติของพระเจ้า โทษตามกฏคือต้องประหารเธอให้ตาย!
ตามพระบัญญัตินั้นมี "กฎเรื่องความหึงหวงของสามี"(กดว.5:11-31) หากสามีระแวงให้พาภรรยาไปหาปุโรหิตและปุโรหิตจะวินิจฉัย หากเธอผิดประเวณีจริงก็ให้เอาหินขว้างมีการให้ดื่มน้ำสาบาน
กดว. 5:27 เมื่อให้หญิงนั้นดื่มน้ำแล้ว ถ้านางทำตัวเป็นมลทินและประพฤตินอกใจสามี น้ำที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนั้นจะเข้าในตัวนางและทำให้เจ็บปวดมาก ท้องของนางจะป่องและมดลูกจะลีบไป และนางจะเป็นที่แช่งสาปท่ามกลางชนชาติของนาง
ผู้ที่เป็นปุโรหิตจะบันทึกเรื่องราวคดีความไว้ในสมุดแห่งพระวิหาร ผู้ที่จะเอาหินขว้างคนแรกแสดงว่า เป็นสามีหรือชู้ของนาง เพราะสามีเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องเอาเรื่องได้ตามพระบัญญัติ
ผู้ที่เป็นปุโรหิตจะบันทึกเรื่องราวคดีความไว้ในสมุดแห่งพระวิหาร ผู้ที่จะเอาหินขว้างคนแรกแสดงว่า เป็นสามีหรือชู้ของนาง เพราะสามีเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องเอาเรื่องได้ตามพระบัญญัติ
สายตาประชาชนที่มาที่ลานประตูเมือง มาเฝ้าดูคดีนี้อย่างใจจดใจจ่อว่า คดีนี้จะสิ้นสุดอย่างไร และในเทศกาลอยู่เพิง ช่วงวัน"ชิมหัต โทราห์" รับบีเยซูจะทำอย่างไรกับคดีนี้
เพราะถ้าพระเยซูเพิกเฉยต่อพระบัญญัติ ปล่อยหญิงที่ล่วงประเวณี คนจะดูหมิ่นพระองค์และพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ถ้าพระองค์ทำตามพวกเขาคือ ประหารหญิงที่ล่วงประเวณีคนนี้ พระองค์ก็จะทำผิดต่อพระบิดาซึ่งเปี่ยมด้วยพระคุณและความรัก
แต่ในข้อ 8-11 จะเห็นถึงพระสติปัญญาของพระเยซูในการแก้ไขคดีด้วยหัวใจแห่งการอภัยและพระคุณที่ไม่ละเลยพระบัญญัติ พระเยซูไม่ได้ลบล้างพระบัญญัติแต่ทำให้ครบถ้วนด้วยพระคุณ
7 และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ
พระองค์ก็ยืดพระกายขึ้นตรัสตอบเขาว่า “ใครในพวกท่านไม่มีบาป
ให้เอาหินขว้างนางก่อนเป็นคนแรก”
8 แล้วพระองค์น้อมพระกายลงเอานิ้วเขียนที่ดินอีก9 แต่เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ออกไปทีละคน เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพังกับหญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
10 พระเยซูยืดพระกายขึ้นตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?”
11 นางทูลว่า “ท่านเจ้าข้า ไม่มีใครเลย” แล้วพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก”
มีนักวิชาการพระคัมภีร์หลายท่านตีความ ว่า พระเยซูคริสต์เขียนอะไรที่พื้นดิน บ้างก็ว่าเขียนพระบัญญัติจากพระธรรมกันดารวิถีบทที่ 5 หรือพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 17 ผมคงไม่ได้สรุปว่าพระองค์เขียนพระบัญญัติตอนนี้ แต่ผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงทราบดีถึงพระบัญญัติข้อนี้ดี พระธรรมยอห์นไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าพระองค์เขียนที่ดินว่าอะไร แต่พระองค์ทรงใช้พระบัญญัติของพระเจ้าในการตัดสินคดีนี้
(ผมขอสรุปความจากพระบัญญัติของพระเจ้าจาก กดว.5:11-31 และ ฉธบ. 17:5-7 ดังนี้)
กดว.5:11-31
...12 “จงบอกคนอิสราเอลว่า ถ้าภรรยาของชายคนไหนหลงผิดและประพฤตินอกใจสามี
13 มีชายอื่นมานอนกับนางในที่ลับตาสามีของนาง นางก็มีมลทินแล้วแม้ถูกปิดบังไว้ และแม้ไม่มีพยาน ทั้งจับไม่ได้คาหนังคาเขา
14 จิตหึงหวงก็มาอยู่ในตัวสามี เขาจึงหึงหวงภรรยาผู้มีมลทินนั้น หรือว่ามีจิตหึงหวงอยู่ในสามี เขาจึงหึง15 ให้ชายนั้นพาภรรยาของเขาไปหาปุโรหิต และนำเครื่องบูชาสำหรับภรรยาไปด้วย คือแป้งบาร์เลย์ประมาณหนึ่งกิโลกรัม แต่ไม่ให้เขาเทน้ำมันหรือใส่กำยานในแป้งนั้น เพราะเป็นธัญบูชาเกี่ยวกับความหึงหวง เป็นธัญบูชาแห่งการระลึกคือให้ระลึกถึงความผิด
16 “ปุโรหิตจะนำนางมาใกล้และให้ยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์
17 และปุโรหิตจะเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ในภาชนะดิน แล้วเอาผงคลีจากพื้นพลับพลาใส่ในน้ำนั้น
18 ปุโรหิตจะให้นางยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และแก้มวยผมของนางออก แล้วส่งธัญบูชาแห่งการระลึกให้นางถือไว้ ซึ่งเป็นธัญบูชาแห่งความหึงหวง ส่วนปุโรหิตจะถือน้ำแห่งความขมขื่นที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนั้นไว้
19 จากนั้นปุโรหิตจะให้นางสาบานและพูดกับนางว่า ‘ถ้าไม่มีชายใดมานอนกับเจ้า หรือถ้าเจ้าไม่ได้หลงผิดไปมีมลทิน เมื่อเจ้ายังอยู่กินกับสามี ก็ให้เจ้าพ้นจากน้ำแห่งความขมขื่นที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนี้
20 แต่ถ้าเจ้าหลงผิดในขณะที่เจ้าอยู่กินกับสามีแล้วมีมลทิน โดยชายอื่นที่ไม่ใช่สามีได้นอนกับเจ้า
21 (และให้ปุโรหิตบอกหญิงนั้นกล่าวคำสาบานของการสาปแช่ง ทั้งบอกกับหญิงนั้นว่า) ขอพระยาห์เวห์ทรงทำให้เจ้าเป็นคำแช่ง และคำสาปท่ามกลางชนชาติของเจ้า โดยการที่พระองค์ทรงทำให้มดลูกของเจ้าลีบ และท้องเจ้าป่อง...
27 เมื่อให้หญิงนั้นดื่มน้ำแล้ว ถ้านางทำตัวเป็นมลทินและประพฤตินอกใจสามี น้ำที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนั้นจะเข้าในตัวนางและทำให้เจ็บปวดมาก ท้องของนางจะป่องและมดลูกจะลีบไป และนางจะเป็นที่แช่งสาปท่ามกลางชนชาติของนาง
28 ถ้าหญิงนั้นไม่ได้มีมลทินและนางบริสุทธิ์ นางก็จะพ้นความผิดและตั้งครรภ์
29 “นี่เป็นกฎเรื่องความหึงหวง เมื่อภรรยาได้หลงไปทำตัวให้มีมลทินทั้งที่ยังอยู่กินกับสามี
30 หรือเมื่อมีจิตหึงหวงอยู่ในผู้ชาย และเขาหึงหวงภรรยาของตน เขาต้องให้นางไปยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และปุโรหิตจะปฏิบัติต่อนางตามบัญญัตินี้ทุกประการ
31 ผู้ชายจึงจะพ้นผิด ส่วนผู้หญิงจะต้องรับความผิดของนาง”
ฉธบ. 17:5-7
7 ท่านจงนำชายหรือหญิง ผู้ทำสิ่งชั่วร้ายนั้นออกมาที่ประตูเมือง และท่านจงเอาหินขว้างชายหรือหญิงนั้นเสียให้ตาย
6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปาก จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ ห้ามลงโทษใครถึงตายด้วยพยานปากเดียว
7 ในการประหารชีวิตนั้น ให้พวกพยานลงมือก่อน ต่อไปคนทั้งปวงจึงร่วมมือด้วย แล้วท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน
6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปาก จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ ห้ามลงโทษใครถึงตายด้วยพยานปากเดียว
7 ในการประหารชีวิตนั้น ให้พวกพยานลงมือก่อน ต่อไปคนทั้งปวงจึงร่วมมือด้วย แล้วท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน
คำถามที่สำคัญของพระเยซูคริสต์คือ “ใครในพวกท่านไม่มีบาป ให้เอาหินขว้างนางก่อนเป็นคนแรก”(ยน.8:7) ผลคือ เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ออกไปทีละคน เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพังกับหญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์(ยน.8:9)
ในเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในบริเวณพระวิหาร พระเยซูเอานิ้วเขียนที่ดินในเขตพระวิหาร สิ่งที่พระเยซูทรงเขียนคือ ชื่อคน คดีความ โจทย์และจำเลย ตามพระบัญญัติการเอาความต้องมีพยาน 2 ปาก ( ฉธบ. 17:6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปาก จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ ห้ามลงโทษใครถึงตายด้วยพยานปากเดียว )
แต่เมื่อเหลือพระเยซูกับหญิงล่วงประเวณีเพียง 2 คน มีแต่จำเลย ไม่มีโจทย์ มีแต่พระเยซูคริสต์ที่เป็นพยานในเวลานั้น พยานปากเดียวเอาโทษไม่ได้
ยน.8:10-11
10 พระเยซูยืดพระกายขึ้นตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?”
11 นางทูลว่า “ท่านเจ้าข้า ไม่มีใครเลย” แล้วพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก”
เมื่อพระเยซูตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก”
พระเยซูคริสต์ทรงให้อภัยเธอ แต่สิ่งที่พระองค์กำชับคือ "อย่าทำบาปอีก”
ดังนั้นพระบัญญัติของพระเจ้าที่ให้กับเราเพื่อให้เราได้ทราบถึงความร้ายแรงของบาป เมื่อเราทั้งหลายได้รับการให้อภัยโดยพระคุณ เราควรที่จะกลับใจใหม่และอย่ากลับไปทำบาปอีก เป็นการดูหมิ่นพระคุณที่เราได้รับจากพระเจ้า
รม. 6:14-15
14 บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
15 ถ้าเช่นนั้นจะว่าอย่างไร? เราจะทำบาปเพราะไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณอย่างนั้นหรือ? เปล่าเลย
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นความหวังและแหล่งน้ำแห่งชีวิตในเทศกาลอยู่เพิง
ยรม. 17:13 ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอาย บรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลก เพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย
ในเทศกาลอยู่เพิงนั้น พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า “ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา
และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’” สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งคนที่วางใจพระองค์จะได้รับ
ในเทศกาลอยู่เพิงที่เราได้ฉลองกันอยู่ในทุกปีนั้น แสดงถึงพระเยซู ผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิต ที่อยู่ในชีวิตของเรา ขอให้เรามีประสบการณ์ในเพิงแห่งพระสิริในชีวิตของเรา เอเมน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น