เมื่อศาลสูงสุดของประเทศสหรัฐอเมริการับรองสิทธิในการแต่งงานระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน
โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีคำพิพากษาเมื่อ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยืนยันรัฐธรรมนูญอเมริการับรองสิทธิในการแต่งงานระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน ถือเป็น การออกกฎหมายครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งหมายความว่าแต่ละรัฐจะไม่สามารถมีกฎหมายท้องถิ่นแบนการแต่งงานเกย์ได้อีก และทำให้คู่รักร่วมเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในทั้ง 50 รัฐทั่วอเมริกา
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา (Barack Obama)แห่งสหรัฐฯ ได้เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ระบุว่าคำพิพากษานี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของกระบวนการยุติธรรมในอเมริกาที่เกิดขึ้น “ราวกับสายฟ้าแลบ”
“คำตัดสินนี้ถือเป็นชัยชนะสำหรับอเมริกา… เพราะเป็นการยืนยันสิทธิที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนต่างเชื่อมั่นในใจอยู่แล้ว เมื่อพลเมืองทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เราก็จะมีสังคมที่เสรีมากยิ่งขึ้น”
จากคำสั่งของศาลนี้ทำให้คนที่เป็นพวกรักร่วมเพศได้มีการร่วมฉลองโบกธงสีรุ้งกันทั่วประเทศ และมีการเปลี่ยนรูป profile ใน Facebook เป็นรูปธงสีรุ้ง รวมถึงบุคคลต่างๆได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนด้วยการการเปลี่ยนรูป profile เป็นธงสีรุ้ง
ธงสีรุ้ง หรือ ธงแห่ง LGBT มาจากอักษรตัวแรกของคำว่า Lesbian (เลสเบี้ยน), Gay (เกย์), Bisexual (ไบเซ็กชวล) และ Transgender/transsexual (คนข้ามเพศ) ที่ได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งภายใต้คำชื่อกลุ่ม LGBT สะท้อนถึงความหลากหลายทางเพศและการแสดงออกทางเพศในสังคม ซึ่งคำว่า LGBT มิได้หมายถึงเฉพาะกลุ่มคนรักร่วมเพศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเพศทางเลือกอื่น ๆ อย่างเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ
(ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th, dailynews.co.th, manager.co.th )
(ภาพจาก genderfluidity.tumblr.com)
ในฐานะที่ผมเป็นคริสตชนแล้ว ผมไม่ได้รังเกียจคนที่เป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ ผมเห็นใจในความอ่อนแอของเขา แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาทำ ผมเข้าใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่ผมจะไม่เข้าข้างพวกเขา เพราะมันเป็นเสรีภาพในการดำเนินอยู่ในความบาป
เพราะสิ่งที่เรียกว่า "รักร่วมเพศ" (Homosexual) เป็นความบาป
พระคริสตธรรมกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า "การรักร่วมเพศเป็นความบาป" (ปฐมกาล 19:1-13; เลวีนิติ 18:22; โรม 1:26-27; 1 โครินธ์ 6:9)
โรม 1:26-27
26เพราะเหตุนี้ พระเจ้าทรงปล่อยให้เขามีกิเลสตัณหาอันน่าอัปยศ พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ให้ผิดธรรมชาติไป27ส่วนผู้ชายก็เลิกมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน และเร่าร้อนด้วยไฟราคะตัณหาที่มีต่อกัน ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันน่าละอายอย่างยิ่ง เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา1 โครินธ์ 6:9-10
9ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าหลงผิดเลย พวกที่ล่วงประเวณี พวกไหว้รูปเคารพ พวกผิดผัวผิดเมีย พวกโสเภณีชาย พวกรักร่วมเพศ10พวกขโมย พวกที่โลภ พวกขี้เมา พวกชอบกล่าวร้าย พวกฉ้อโกง จะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
การรักร่วมเพศเป็นผลของการปฏิเสธและไม่เชื่อฟังพระเจ้า เมื่อพวกรักร่มเพศดำเนินอยู่ในความบาปและตั้งใจไม่เชื่อฟังพระวจนะ พระเจ้าจึงทรง “ปล่อยให้เขา” ทำความชั่วร้ายและเลวทรามมากขึ้น เพื่อแสดงให้เขาเห็นถึงชีวิตที่สิ้นหวังและหาประโยชน์ไม่ได้เมื่อออกห่างจากพระเจ้า คนเหล่านี้จะไม่ได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า
ดั่งเช่นตัวอย่างที่พระเจ้าทรงทำลายเมืองโสโดม โกโมราห์ คนทั้ง 2 เมืองนี้เป็นพวก"รักร่วมเพศ" (Homosexual) กันทั้งเมือง พระเจ้าทรงเกลียดชัง และทรงส่งไฟมาทำลายเมืองทั้งเมือง
พระคริสตธรรมกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า "การรักร่วมเพศเป็นความบาป" (ปฐมกาล 19:1-13; เลวีนิติ 18:22; โรม 1:26-27; 1 โครินธ์ 6:9)
โรม 1:26-27
26เพราะเหตุนี้ พระเจ้าทรงปล่อยให้เขามีกิเลสตัณหาอันน่าอัปยศ พวกผู้หญิงของเขาก็เปลี่ยนจากเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ให้ผิดธรรมชาติไป27ส่วนผู้ชายก็เลิกมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงให้ถูกตามธรรมชาติเช่นกัน และเร่าร้อนด้วยไฟราคะตัณหาที่มีต่อกัน ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิจอันน่าละอายอย่างยิ่ง เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา1 โครินธ์ 6:9-10
9ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าหลงผิดเลย พวกที่ล่วงประเวณี พวกไหว้รูปเคารพ พวกผิดผัวผิดเมีย พวกโสเภณีชาย พวกรักร่วมเพศ10พวกขโมย พวกที่โลภ พวกขี้เมา พวกชอบกล่าวร้าย พวกฉ้อโกง จะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
การรักร่วมเพศเป็นผลของการปฏิเสธและไม่เชื่อฟังพระเจ้า เมื่อพวกรักร่มเพศดำเนินอยู่ในความบาปและตั้งใจไม่เชื่อฟังพระวจนะ พระเจ้าจึงทรง “ปล่อยให้เขา” ทำความชั่วร้ายและเลวทรามมากขึ้น เพื่อแสดงให้เขาเห็นถึงชีวิตที่สิ้นหวังและหาประโยชน์ไม่ได้เมื่อออกห่างจากพระเจ้า คนเหล่านี้จะไม่ได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า
ดั่งเช่นตัวอย่างที่พระเจ้าทรงทำลายเมืองโสโดม โกโมราห์ คนทั้ง 2 เมืองนี้เป็นพวก"รักร่วมเพศ" (Homosexual) กันทั้งเมือง พระเจ้าทรงเกลียดชัง และทรงส่งไฟมาทำลายเมืองทั้งเมือง
ปฐมกาล 19:4-5
4 ท่านทั้งสองยังไม่ทันเข้านอน พวกผู้ชายเมืองนั้น คือชายชาวเมืองโสโดมทั้งหนุ่มและแก่ทั้งหมดจากทุกมุมเมืองพากันมาล้อมบ้านนั้นไว้
5 พวกเขาร้องเรียกโลทว่า “พวกผู้ชายที่มาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน จงส่งพวกเขาออกมาให้เรา เราจะได้มีเพศสัมพันธ์กับพวกเขา”
แท้จริงแล้ว เมืองที่ถูกทำลายในเวลานั้น มีถึง 4 เมือง ไม่ใช่ แค่เมืองโสโดม โกโมราห์ เท่านั้น แต่ยังมีอีก 2 เมืองคือ เศโบอิม และอัดมาห์ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะบาปในเรื่องของ "รักร่วมเพศ" เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการที่พวกเข้าดำเนินชีวิตอยู่ในทางของบาป และไม่ยอมกลับใจใหม่ แม้ว่าพระเจ้าจะทรงมีพระเมตตาต้องการให้เขากลับใจใหม่ แต่เขาก็ไม่ยอมกลับใจ แผ่นดินจึงถูกสาปและถุกทำลายด้วยไฟกำมะถัน
เฉลยธรรมบัญญัติ 29:23 คือแผ่นดินทั้งหมดเป็นกำมะถันและเป็นเกลือเพราะถูกเผาไฟ ไม่มีใครปลูกหว่าน และไม่มีอะไรงอกขึ้น เป็นที่ซึ่งหญ้าไม่งอก เป็นการที่ถูกคว่ำอย่างโสโดมและโกโมราห์ อัดมาห์และเศโบอิม ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงคว่ำด้วยความกริ้วและพระพิโรธ
จะเห็นได้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศทรงอิทธิพลของโลก เมื่อมีกฏหมายแบบนี้ออกมาจะส่งผลกระทบให้กับประเทศต่างๆ ตามมา แต่นี่คือความเสื่อมทรามทางจริยธรรมของสังคมของอเมริกา ซึ่งผลท้ายสุด เมื่อพวกเขาเจตนาที่จะดำเนินอยู่ในบาป นำเรื่องที่ผิดบาป มาทำให้ถูกกฏหมาย อาจจะเป็นเหตุทำให้ประเทศได้รับการแช่งสาปตามมาก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตามคริสเตียนในประเทศอเมริกาและผู้นำคริสตจักรหลายแหล่งได้ออกมาคัดค้าน โดยเฉพาะที่รัฐเท็กซัส
ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส
ลงนามผ่านกฏหมายคุ้มครองศิษยาภิ บาล เพื่อดำรงรักษาสิทธิของศิษยาภิ บาลที่จะไม่ประกอบพิธีสมรสใดๆ
ที่ขัดกับความเชื่ออย่างจริ งใจของตน
ทั้งนี้ เป็นความวิตกกังวลของผู้นำคริ สเตียนหลายคน กรณีที่ศาลสูงสหรัฐมีมติรั บรองให้การแต่งงานรักร่วมเพศเป็ นสิ่งที่ชอบด้วยกฏหมายใน
50 รัฐของอเมริกา
ซึ่งอาจเปิดช่องให้คู่รักเกย์ หลายคู่ฟ้องร้องศิษยาภิบาลที่ ไม่ยอมประกอบพิธีสมรสให้ตนได้
ทั้งนี้ เป็นความวิตกกังวลของผู้นำคริ
(ข้อมูลจาก http://gov.texas.gov/news/ signature/21027)
สำหรับเราในฐานะคริสตชนสิ่งที่เราควรจะทำคือการอธิษฐานเผื่อประเทศสหรัฐอเมริกา และผู้นำคริสตจักรต่างๆให้ได้รับการปกป้องจากสิ่งที่เป็นความบาป
ดั่งเช่นอับราฮัมได้เคยอธิษฐานเพื่อปกป้องเมืองโสโดม โกโมราห์ เผื่อจะไม่ถูกทำลาย แต่สุดท้ายเมื่อพวกเขาไม่กลับใจใหม่ คนของพระเจ้าก็จำเป็นต้องออกจากเมืองนั้น ดังเช่นอับราฮัมไปช่วยโลท หลานชายให้ออกจากเมือง ก่อนที่เมืองนั้นจะถูกทำลาย
นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งตามแผนการของพระเจ้าที่ทรงเขย่าคนยิว ชนชาติของพระองค์ ที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องออกจากเมืองกลับสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น