18 มิถุนายน 2558

เคล็ดลับสร้างความมั่งคั่งที่คุณพ่อคนดังใช้สอนลูก

1) วอร์เร็น บัฟเฟตต์: เรียนแค่บทเรียนที่สำคัญก็พอ
เจ้าของฉายา เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา (Oracle of Omaha) ร่วมมือกับคนดังอย่างเจย์ซีและแชคิล โอนีล สร้างการ์ตูนซีรี่ย์ชื่อ “Secret Millionaires Club” ในปี 2013 เพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่งการเรียนรู้ทางการเงิน (Financial Literacy Month) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการธุรกิจแก่เด็กและผู้ปกครอง บัฟเฟตต์กล่าวกับเว็บไซต์ “Yahoo finance” ว่า “เกร็ดความรู้ทั้งหมดที่พูดถึงในการ์ตูนเรื่องซีเคร็ดมิลเลียนแนร์คลับ คือสิ่งที่ผมใช้สอนลูกตัวเอง เราสร้างซีรี่ย์นี้ขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่เด็กๆรวมไปถึงพ่อแม่ เนื้อหาเหล่านี้เข้าใจง่ายและช่วยให้คุณบริหารจัดการธุรกิจในชีวิตได้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่”
ข้อความในเว็บไซต์ “Examiner.com” กล่าวว่าซีรี่ย์ดังกล่าวมีการยกวลีเด็ดๆด้านการเงินมาพูดถึงด้วย เช่น “ยิ่งเรียนมากก็ยิ่งได้มาก,” “เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองและผู้อื่น” และ “หากคุณล้มเหลวที่จะวางแผนแล้ว คุณก็กำลังวางแผนที่จะล้มเหลวในการประกอบธุรกิจ”

2. บิล เกตส์: อย่าหวังพึ่งมรดก
บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์และผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกเพิ่งบริจาคเงินกว่า 26,000,000,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 870,558,000,000 บาท) ของทรัพย์สินในช่วงปี 1994 ถึง 2006 เข้ามูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ไปหมาดๆ นอกจากนี้ เขาและภรรยาเพิ่งเข้าร่วมโครงการกิฟวิ่ง เพลจ ว่าด้วยการบริจาคทรัพย์สินครึ่งหนึ่งตลอดชีวิตและหลังเสียชีวิตไปแล้ว แล้วเขาเหลืออะไรไว้ให้ลูกกันเกตส์กล่าวกับเว็บไซต์ข่าว “Business Insider” ว่า “ผมไม่คิดว่าการให้มรดกลูกๆเป็นความคิดที่เข้าท่าเลย มันไม่ส่งผลดีต่อทั้งลูกผมและสังคมสักนิด”
เขาให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ “Huffington Post” ว่า “ผมคิดว่าการทิ้งสมบัติมหาศาลไว้ให้ลูกๆไม่ส่งผลดีต่อตัวพวกเขาเลยแม้แต่น้อย วอร์เร็น บัฟเฟตต์เป็นผู้หนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้ไว้ในนิตยสาร “Fortune” เมื่อปี 1986 ก่อนพบกัน นั่นทำให้ผมกลับมาทบทวนการตัดสินใจและคิดว่าเขาพูดถูก” มีรายงานว่าเกตส์ตั้งใจจะแบ่งเงิน “เพียง” 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 320ล้านบาท) จากทรัพย์สินทั้งหมดรวม 78,700ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2ล้านล้านบาท) ไว้ให้ลูกแต่ละคน

3. เดวิด เบ็คแฮม: ทำหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่งั้นชวดเงิน
อดีตนักเตะเมเจอร์ลีกและนายแบบรายนี้ตั้งกฎเหล็กเรื่องการทำงานให้ลูกๆ โดยเบ็คแฮมกล่าวกับเว็บไซต์ “ParentDish” ว่า “พวกเขามีหน้าที่ประจำ วางจานข้าวไว้ในอ่างล้างจาน จัดเตียงในตอนเช้า ถ้าไม่ทำ วันนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เงินค่าขนม” โดยในสหรัฐฯมีข้อห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เป็นพิเศษ พ่อแม่จึงเป็นที่มาของรายได้เพียงแหล่งเดียว การสอนให้ลูกๆทำงานแลกเงินช่วยให้พวกเขาเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้น ช่วยให้รู้จักใช้เงินอย่างมีสติ มากกว่าจะซื้อโน่นซื้อนี่ตามอำเภอใจ

4. จอร์จ ลูคัส: การศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น
จอร์จ ลูคัส เศรษฐีพันล้านชื่อดังอีกคนคือผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์สตาร์วอร์สอันลือลั่น คนเดียวกับที่บริจาคเงินมหาศาลเข้าองค์กรสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กยากไร้ โดยลูคัสกล่าวกับเว็บไซต์ “Business Insider” ว่าเขาบริจาคทรัพย์สินกว่าครึ่งหนึ่งให้เด็กยากไร้ มีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น นอกจากนี้นิตยสาร “Times” ยังได้กล่าวถึงนักเขียนบท ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์รายนี้ไว้ว่า ลูคัสไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าให้เด็กๆมีอนาคตทางการศึกษาที่ดีขึ้นและดูเหมือนเขาจะกระตุ้นให้พ่อแม่หันมาให้ความสำคัญกับการศึกษาและเรียนรู้ของลูกๆอย่างจริงจัง
ลูคัสกล่าวกับนิตยสาร “Money” ไว้ว่า ผมจะไม่หยุดสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการศึกษาของเด็กๆทุกช่วงวัย

5. ไมเคิล บลูมเบิร์ก: เงินในกระเป๋ามีค่ามากขึ้นเมื่อใช้
ชายผู้ติดอันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับที่ 13 อย่างไมเคิล บลูมเบิร์กนั้นนอกจากจะเป็นอดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กและผู้ทรงอิทธิพลแห่งบริษัทให้บริการข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์หุ้นยักษ์ใหญ่อย่าง บลูมเบิร์ก แอลพี แล้ว บลูมเบิร์กยังเป็นเศรษฐีใจบุญอีกต่างหากจึงไม่แปลกเลยว่า หนึ่งในคำแนะนำของเขาที่มีให้พ่อแม่คือบริจาคเงินเข้าองค์กรการกุศล โดยเศรษฐีรายนี้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร “Money” ว่า “ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่คุณอยากทำให้ลูกๆและแสดงออกว่ารักพวกเขามากแค่ไหนแล้วล่ะก็ ณ ตอนนี้ สิ่งนั้นคือสนับสนุนองค์กรต่างๆที่ช่วยส่งเสริมให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้นสำหรับพวกเขา”

ขอบคุณข้อมูลจาก 
http://marketeer.co.th/2015/05/richtips-father-2015/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น