28 ตุลาคม 2557

นมัสการเต็มล้นในพระสิริ ตอนที่ 1

เริ่มไปแล้วสำหรับการอธิษฐานและนมัสการในงาน 40 ในพระสิริ เริ่มต้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ที่ 25 ต.ค. 2014 ที่ผ่านมา หลังจากนี้ไปจะไปที่ภาคเหนือคือที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 5 พ.ย.-14 พ.ย. ต่อด้วยภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 16-25 พ.ย. และปิดท้ายที่กรุงเทพฯในวันที่ 26-5 ธ.ค.2014
เชื่อว่านี่จะเป็นวาระเวลาแห่งการรื้อฟื้นประเทศไทย ให้เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ในฝ่ายวิญญาณ จนประเทศไทยจะได้ชื่อเป็นที่รู้จักว่า แผ่นดินแห่งการนมัสการ ตามคำเผยพระวจนะผ่านทางผู้รับใช้ของพระเจ้าคือ ดร.ชัค เพียร์ส  เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ปี 2010 และมีการนมัสการ 40 วัน และสิ่งเหล่านี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว 
(สามารถเข้าไปอ่านสรุปความ คำเผยพระวจนะสำหรับประเทศไทย ได้ตาม link นี้ครับ)

ผมได้เดินทางไปร่วมงานที่จังหวัดนครราชสีมา และจะนำสิ่งที่ได้รับมาแบ่งปันต่อในครั้งต่อไป ครั้งนี้ขอนำสรุปความจากหนังสือ จุมพิตพระพักตร์  ของ แซม ฮินน์ ที่เกี่ยวกับการนมัสการมาแบ่งปันเพื่อเป็นการเตรียมชีวิตเข้าสู่ นมัสการเต็มล้นในพระสิริ ร่วมกันดังนี้ครับ 

พระเจ้าทรงแสวงหาคนเหล่านั้นที่ไม่เพียงรักพระองค์ แต่หลงรักพระองค์  ในพระคัมภีร์เดิมคำภาษาฮีบรูสำหรับการนมัสการ คือ "ชาช่า" shachah שָׁחָה ซึ่งมีความหมายว่า “หมอบลงต่ำ, หมอบกราบลงด้วยความจงรักภักดีต่อราชวงศ์กษัตริย์หรือต่อพระเจ้า” 

ส่วนในพระคัมภีร์ใหม่ คำว่า “นมัสการ” เป็นคำศัพท์ภาษากรีก  คือคำว่า "พอส คูเนโอ" 
proskuneo προσκυνέω  ซึ่งมีความหมายว่า “จูบหรือเหมือนอย่างสุนัขที่เลียมือนายของมัน”

รูปแบบของกรีกคือ คุกเข่าแทบเท้าผู้หนึ่ง และโน้มตัวไปซบข้างหน้าเพื่อแสดงถึงการเทิดทูนบูชา การนมัสการแบบพระคัมภีร์เดิมคือคุกกราบด้วยความรักเทิดทูน ส่วนการนมัสการแบบพระคัมภีร์ใหม่ก็จะมีการจุมพิตเพิ่มเข้าไปด้วย

การนมัสการเป็นการหันเหชีวิตจากการไขว่คว้าและความกังวลของโลกไปที่พระเจ้า เป็นชีวิตที่เอ่อล้นด้วยความรักอันเร่าร้อนต่อพระเจ้า เป็นชีวิตที่เฝ้าจุมพิตพระพักตร์พระเจ้าเรื่อยไป 

พระเจ้าไม่ต้องการให้เราแค่จัดเวลานมัสการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ทรงปรารถนาให้ทั้งชีวิตของเราเป็นการนมัสการแด่พระองค์ อย่างไรก็ตามศัตรูก็พยายามวางกับดักเพื่อจะลักเอาการนมัสการพระเจ้าไปจาก ชีวิตเรา ซึ่งอาจเป็นกับดักของความเย่อหยิ่ง (สภษ.16:18; อสย.14:12-14) กับดักของธรรมเนียมปฏิบัติ (มก.7:13) 

กล่าวคือมนุษย์ใช้หลักการที่สร้างขึ้นเพื่อสอนให้ผู้คนเข้าหา   พระเจ้าในแบบศาสนา ซึ่งโดยมากแล้วเป็นแค่การนมัสการพระเจ้าที่ปาก แต่จิตใจยังห่างไกลจากพระเจ้า 
การนมัสการไม่ใช่การทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาในคริสตจักร แต่การนมัสการผุดขึ้นจากหัวใจที่ได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณ 

การนมัสการที่แท้จริงจะไหลออกจากมือที่สะอาดและใจที่บริสุทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้ที่ตกอยู่ในกับดักของธรรมเนียมปฏิบัติ ก็จะตกอยู่ในกับดักของการตัดสินผู้อื่น และกับดักของวิญญาณแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ด้วย เพราะคนที่ยึดติดกับธรรมเนียมปฏิบัติจะไวในการตัดสินและกล่าวโทษพวกที่ถือ ธรรมเนียมปฏิบัติอย่างอื่น ตราบใดที่เรายังพูดถึงความอ่อนแอของผู้อื่น เราก็ไม่มีเวลาที่จะเปิดให้พระเจ้าทรงชำระเราจากความอ่อนแอของเรา และนั่นจะฉุดรั้งเราไม่ให้เข้าสู่การนมัสการ กับดักอย่างอื่นที่ศัตรูอาจใช้ล่อลวงเราได้อีก คือกับดักของการไม่ให้อภัย กับดักของการนินทา กับดักของวิญญาณศาสนา ผู้นมัสการที่แท้จะแสวงหาความสัมพันธ์กับพระเจ้า ไม่ใช่ระบบศาสนาที่อ้างว่ารู้เรื่องพระเจ้า  

รวมทั้งกับดักของการบ่น ซึ่งมักจะทำให้เราจดจ่ออยู่ที่ปัญหาหรือบุคคลอื่น แทนที่จะจดจ่ออยู่ที่พระเยซู 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น