02 กุมภาพันธ์ 2561

3 หลักการเป็นผู้นำจาก 1เปโตร บทที่5


3 หลักการเป็นผู้นำจาก 1เปโตร บทที่ 
(3 Principles of Biblical Leadership from 1 Peter 5)
โดย แอเรียล บลูเมนเทล  (Ariel Blumenthal)
1 เปโตร 5:2-3 
2 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่านเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใส​  
3 และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น​ 
1.  ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจตามน้ำพระทัยพระเจ้า (2) 
(Not Under compulsion, but voluntarily according to the will of God.)
ในยอห์น 21:15-17 พระเยซูผู้คืนพระชนม์ได้สั่งเปโตรถึง 3 ครั้งว่า จงเลี้ยงลูกแกะ….. จงดูแลแกะ…..จงเลี้ยงแกะ” แน่นอนว่าเราต้องทำมาหาเลี้ยงชี เราต้องใช้เงินเพื่อครอบครัว อาหาร เสื้อผ้า หรือแม้แต่รถยนต์ ฯลฯ การจ่ายเงินค่าจ้างให้ผู้นำคริสตจักรไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เช่นเดียวกันกับสถานที่ทำงานอื่นๆ ผู้ที่มีอำนาจและความรับผิดชอบมาก ก็ควรได้ค่าจ้างที่สูงขึ้น
ก่อนที่ผมจะเป็นพ่อคน ผมได้ไปเรียนชั้นสร้างพ่อแม่โดยมีคู่สามีภรรยาศิษภิบาลคริสตจักรในเยรูเล็มเป็น    ผู้สอน 7ปีให้หลัง  
เปโตรเป็นคนกล้าและแกร่ง เขาถูกกำหนดไว้ให้เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่แก่คนของพระเจ้า ด้วยกำลังของเขาเอง เขาอาจรับคำสั่งนี้ จากพระเยซูภายใต้ความฝืนใจแต่พระเยซูรู้ว่าไม่ใช่เปโตรหรือมนุษย์คนใดที่โดยกำลังของตนจะทำได้เหมือนอย่างพระองค์ที่นำ 
ตามน้ำพระทัยพระเจ้าเขาอาจจะเริ่มด้วยความแข็งแกร่งแต่ท้ายที่สุดแล้วเขาจะล้มลง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าในยอห์น21 
พระเยซูจึงถามคำถามเปโตรทุกครั้งก่อนว่าเปโตร เจ้ารักเราหรือ
และนี่ก็เกี่ยวกับเราแต่ละคนที่เป็นผู้นำด้วย ถ้าเรากำลังฟังพระวิญญาณที่ถามเราอยู่เรื่อยๆด้วยคำถามเดียวกันว่า
เจ้าทำสิ่งนี้เพราะจำใจ หรือเพราะเจ้ารักพระเจ้า” “หากเจ้ารักเราและเข้ามาใกล้เรา นั่นแหละเจ้าจะนำด้วยหัวใจ ความรักและสติปัญญาของเรา แต่ถ้าไม่ ก็ขอให้โชคดี!”
2. ไม่ใช่โลภผลประโยชน์ แต่ทำด้วยความร้อนรน (2
(Not for sordid gain, but with eagerness.)
แต่การเป็นผู้นำที่แท้จริงตามแบบพระองค์ก็คือ แรงจูงใจของเราต้องไม่ได้มาจากความต้องการหรือความปรารถนาเงิน(ที่ต้องมากขึ้นๆ) ใน1โครินธ์ บทที่9 เปาโลได้กล่าวย้ำเตือนว่ากระนั้นเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะข้าพเจ้าจำต้องประกาศ วิบัติแก่ข้าพเจ้าหากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวประเสริฐ!” ผู้นำทุกคนในคริสตจักรต้องมี่ทัศนคติเช่นนี้
 คือ เรากำลังทำสิ่งนี้เพราะพระเจ้าทรงเรียกเรา ให้ของประทานแก่เรา นี่เป็นน้ำพระทัยของพระองค์ในเรา วิบัติแก่ตัวฉัน 
หากฉันไม่ทำตาม ไม่สำคัญว่าจะได้ค่าตอบแทนหรือไม่ หรือได้เท่าไหร่ นี่ไม่ใช่แค่งานเลี้ยงชีพในขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็เป็นความจริงสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่หรือเจ้านาย เราต้องรู้ว่าสิทธิอำนาจทุกอย่างคือของขวัญจากพระเจ้า (โรม13:1) และเป็นสิ่งที่เราควรทำด้วยเพื่อพระสิริพระองค์ด้วยใจร้อนรน ไม่ใช่เพื่อเงินหรือตำแหน่ง
3. ไม่ใช่เหมือนเจ้านายที่ข่มขู่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น (3)
 (Not as Lording it over…but as examples to the flock.)
ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ชัดเจนคือ ลูกคุณจะทำอย่างที่คุณทำ ไม่ใช่เพราะคุณบอกให้เขาทำ  “นำด้วยการเป็นแบบอย่างคือ หลักการที่ง่ายและเป็นที่ยอมรับที่สุดในการเป็นผู้นำ หลายคนประสบผลสำเร็จในการปกครองโดยวิธีสั่งการ”(แบบเผด็จการโดยอาศัยกำลังและอำนาจ แต่การปกครองและอิทธิพลของพวกเขาจะอยู่ได้ไม่นาน ทันทีที่ผู้นำเผด็จการตาย ทุกสิ่งก็ล่มสลายไปด้วย
 แต่เมื่อเรานำจากข้างล่างไม่ใช่ข้างบนคือเป็นแบบอย่างในการเชื่อฟังและความบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา เราจึงจะสามารถสร้างผลที่ยั่งยืนในผู้อื่น ซึ่งจะส่งอิทธิผลต่อไปให้ชนรุ่นต่อไปได้หลังจากที่เราจากไป ใน1โครินธ์ 4:9 เปาโลได้อธิบายถึงอัครทูตว่า  เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าพระเจ้าทรงให้เราเหล่าอัครทูตปรากฏอยู่ท้ายขบวนไม่ได้มีชื่อเสียง หรือยืนเด่นอยู่หน้าแถว แต่ไร้ตัวตน เป็นเหมือนผู้ที่ถูกสาปให้ตาย อ่อนแอ ไร้เกียรติ ฯลฯ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มักไม่เป็นที่รู้จัก แต่นำคนจำนวนมากอย่างเงียบๆ ด้วยชีวิตที่ถ่อมใจ
พระเยซูกล่าวว่า “… และเรียนรู้จากเราเพราะเราสุภาพและถ่อมใจ แล้วจิตวิญญาณของท่านจะพักสงบ เพราะแอกของเรานั้พอเหมาะและภาระของเราก็เบา (มัทธิว 11:29-30)
 ขอบคุณข้อมูลจาก https://tribe.reviveisrael.org/3-principles-of-biblical-leadership/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น