21 กุมภาพันธ์ 2561

อะไรคือการดับพระวิญญาณ?

1 เธสะโลนิกา 5:19-21) อย่าดับพระวิญญาณ อย่าหมิ่นประมาทคำเผยพระวจนะ แต่จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น

   “การดับพระวิญญาณเป็นวลีที่ปรากฏเพียงครั้งเดียวในพระคัมภีร์ ซึ่งบริบทที่วลีนี้ปรากฏมีความเกี่ยวข้องกับคำเผยพระวจนะ

            ปกติแล้ว เมื่อคนเราได้รับคำเผยพระวจนะหรือได้รับพระสัญญาบางอย่าง ในช่วงแรกๆที่พวกเขาเพิ่งจะได้รับพระสัญญานั้น ความเปรมปรีดิ์ก็เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา พวกเขาสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย ยามใดที่พวกเขาคิดถึงถ้อยคำที่พวกเขาได้รับ พวกเขาก็มักจะยิ้มได้และหัวเราะได้ร่ำไป พร้อมกับความหวังในหัวใจว่า พระสัญญานี้จะสำเร็จแน่นอน บ้างก็คิดว่า อีกไม่นานคำเผยพระวจนะนี้ก็จะลุล่วงไปด้วยดี

            ทว่า เมื่อวันเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าพระสัญญาที่เคยได้รับก็ติดขัดและไม่เห็นผลสักที วันเวลาผ่านไป อุปสรรคนานาประการก็เกิดขึ้น เส้นทางที่แรกๆดูเหมือนจะราบรื่นก็พานพบกับทางตัน โอ ในวาระเช่นนี้แหละ ที่คนเราเริ่มสงสัยว่า คำเผยพระวจนะที่ได้รับนี้ ใช่มาจากพระเจ้าหรือไม่? ในวาระเช่นนี้แหละ ที่คนเราเริ่มสงสัยว่า ถ้อยคำที่เราเคยได้รับนั้น เป็นพระสัญญาของพระเจ้าหรือเปล่า? ทว่า เมื่อหัวใจของพวกเราขบคิดอย่างเที่ยงตรง พวกเราก็เห็นถึงการยืนยันจากพระเจ้าอยู่ตลอดมา หลายครั้งหลายครา พระเจ้าก็อยู่ด้วยและยืนยันในพระสัญญานี้อยู่เสมอ

            จากประสบการณ์ของหลายคน สามารถบอกได้ว่า หลายครั้งหลายครา พระสัญญาของพระเจ้าก็ไม่ได้สำเร็จในวิธีที่พวกเราคิด บางครั้งพระเจ้าประทานพระสัญญามาให้ แต่พระสัญญานั้นก็ใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ โอ เพื่อนๆเอ๋ย จงดูอับราฮัมบิดาของพวกเราเป็นแบบอย่าง ท่านได้รับพระสัญญาจากพระเจ้าอย่างจริงแท้แน่นอน และพระองค์ก็ทรงยืนยันพระสัญญานั้นกับอับราฮัมเป็นระยะๆ แต่พระสัญญานั้นก็ใช้เวลาหลายปีกว่าสำเร็จ โอ เพื่อนๆเอ๋ย ให้พวกเรามีอับราฮัมเป็นแบบอย่าง แม้เส้นทางดูเหมือนจะมืดมน แม้ว่าหนทางจะดูตีบตัน แต่อับราฮัมบิดาของพวกเราก็ยังคงมีความเชื่อว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อที่จะทำให้พระสัญญาสำเร็จ

            ฉะนั้นแล้ว การดับพระวิญญาณคืออะไร? ในพระคัมภีร์เมื่อพวกเราดูบริบทของคำว่า ดับพระวิญญาณ พวกเราก็ค้นพบว่า การดับพระวิญญาณดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับ การหมิ่นประมาทคำเผยพระวจนะ กล่าวได้ว่าด้านหนึ่ง การดับพระวิญญาณก็คือการที่พวกเราเริ่มหยุดเชื่อในคำเผยพระวจนะ และเริ่มดูแคลนพระสัญญาของพระเจ้า ซึ่งคนเรามักจะเกิดอาการนี้ เมื่อได้รับพระสัญญามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่เห็นผลสำเร็จเสียที แรกๆที่คนเราเพิ่งได้รับพระสัญญาใหม่ๆมักจะไม่ค่อยมีอาการเช่นนี้ เพราะตอนแรกๆ ไฟยังคงลุกโชนอยู่ ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆก็เริ่มไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไฟที่เคยลุกโชติช่วงในตอนแรกๆก็ค่อยๆริบหรี่ลง จนเริ่มสงสัยในพระสัญญา อย่างไรก็ดี พระคัมภีร์ตอนนี้ ก็ให้แนวทางในการจุดไฟแห่งพระวิญญาณขึ้นมาอีก โอ ขอบคุณพระเจ้า

แนวทางจุดไฟแห่งพระวิญญาณ
(1 เธสะโลนิกา 4:16-19) จง​ชื่น​บาน​อยู่​เสมอ​ จง​อธิษฐาน​อย่าง​สม่ำเสมอ​ จง​ขอบ​พระ​คุณ​ใน​ทุก​กรณี เพราะ​นี่​แหละ​เป็น​น้ำ​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​ปรากฏ​อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ อย่าดับพระวิญญาณ

            โอ เพื่อนๆเอ๋ย จงชื่นบานเถิด แม้ว่าเส้นทางจะดูเหมือนตีบตัน แต่ถ้าเพื่อนๆพิจารณาดูให้ดี เส้นทางนั้นก็ไม่ได้ตีบตันซะทีเดียว แต่ยังคงมีช่องทางและมีแสงสว่างอยู่ แม้ว่ามันจะเล็กไปบ้าง แต่พระเจ้าก็สามารถขยายโอกาสและช่องทางที่เล็กๆนี้ให้กว้างขึ้นได้  โอ ให้พวกเราขอบคุณพระเจ้า สำหรับโอกาสและช่องทางเล็กๆนี้กันเถิด ไม่แน่นะ โอกาสและช่องทางเล็กๆนี้นี่แหละ ที่จะนำไปสู่โอกาสและเส้นทางที่กว้างขวางในอนาคต

            นอกจากการชื่นบานและการขอบพระคุณแล้ว โอ เพื่อนๆเอ๋ย พวกเราต้องอธิษฐานด้วย ดูสิ แม้ดาเนียลจะล่วงรู้คำเผยพระวจนะจากหนังสือเยเรมีย์ว่าพระเจ้าจะนำคนอิสราเอลกลับสู่เยรูซาเล็ม แต่ดาเนียลก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ดาเนียลไม่ได้อยู่นิ่งๆและเอาแต่รอคอยให้คำเผยพระวจนะสำเร็จ แต่ดาเนียลได้มีส่วนร่วมในการทำให้คำเผยพระวจนะนี้สำเร็จ ด้วยการอธิษฐานต่อพระเจ้าให้พระองค์ทรงกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ โอ เพื่อนๆเอ๋ย อย่าเพียงแต่รอคอยให้พระสัญญาสำเร็จเท่านั้น ให้พวกเราลุกขึ้นมา ใช่แล้ว ให้พวกเราลุกขึ้นมา และอธิษฐานต่อพระเจ้า ทูลขอให้พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ให้สำเร็จ โอ ไฟแห่งพระวิญญาณจงลุกโชนท่ามกลางเพื่อนๆเถิด


พระคุณจงมีแด่เพื่อนๆ
Philip Kavilar



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น