โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์(Asher Intrater)
![]() |
อาเชอร์ อินเทรเตอร์(Asher Intrater) |
กว่าร้อยปีมาแล้วที่คริสตจักรต่างๆทั่วโลกสอนเกี่ยวกับการเผยพระวจนะและเราทั้งหลายเชื่อในคำเผยพระวจนะ โดยไม่มีสิ่งใดที่สามารถต้านทานถ้อยคำของพระเจ้าที่จะไม่ให้เกิดขึ้นได้ ทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสกับเราสิ่งเหล่านั้นจะเป็นจริง ในพระวจนะในพระธรรมวิวรณ์ ได้พูดถึงคำเผยพระวจนะโดย 1 ในหัวใจของคำเผยพระวจนะคือ คำพยานเรื่องพระเยซูคริสต์
วิวรณ์ 19:10 แล้วข้าพเจ้าได้ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าเลย ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เหมือนกับท่าน และพวกพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด” เพราะว่าคำพยานกล่าวถึงพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ
และอีกสิ่งหนึ่งนั้นมาจากมุมมองด้านพระคัมภีร์ของคนอิสราเอล และเราจำเป็นต้องทำความเข้าใจสิ่งนี้เพื่อจะดำเนินชีวิตไปสู่ยุคสุดท้าย
หนึ่งในหนทางที่เราจะเข้าใจมุมมองนี้คือการอ่านจากพระธรรมอิสยาห์บทที่ 61 เป็นการเริ่มต้นวันแแห่งการพิพากษาและการรื้อฟื้นอาณาจักรของพระเจ้าในโลกนี้
อิสยาห์ 61:1-3
1 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนที่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปเพื่อปลอบโยนคนชอกช้ำใจ และเพื่อประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ทั้งประกาศการเปิดเรือนจำแก่ผู้ที่ถูกจำจอง
2 เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระยาห์เวห์ และประกาศวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของพวกเรา เพื่อชูใจทุกคนที่ไว้ทุกข์
3 เพื่อจัดเตรียมให้กับพวกที่ไว้ทุกข์ในศิโยน คือให้มงกุฎแทนขี้เถ้าแก่พวกเขา และให้น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์ เสื้อคลุมแห่งการสรรเสริญแทนจิตวิญญาณที่ท้อแท้ แล้วคนจะเรียกพวกเขาว่าต้นโอ๊กแห่งความชอบธรรม ที่พระยาห์เวห์ทรงปลูกไว้เพื่อสำแดงพระสิริของพระองค์
หนทางอื่นๆเราสามารถได้จากการศึกกษาถ้อยคำเผยพระวจนะจากการศึกษาพระธรรมอิสยาห์ทั้งเล่มไปจนถึงพระธรรมมาลาคี และทำความเข้าใจในถ้อยคำเผยพระวจนะที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น
เมื่อศึกษาพระธรรมวิวรณ์ซึ่งเป็นคำเผยพระวจนะเชิงพยากรณ์ที่อัครสาวกยอห์นได้รับเป็นคำเผยพระวจนะซึ่งพยากรณ์ทั้ง 2 ด้านคืออิสราเอลและคริสตจักร ซึ่งเกียวข้องกับคำเผยพระวจนะเชิงพยากรณ์ถึงประเทศต่างๆด้วยเช่นกัน
นี่คือ 10 กุญแจหลัก ที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากการศึกษาประวัติศาสตร์ยิว
แนวคิดของรับบี และเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิสราเอลปัจจุบัน
1) การฟื้นฟูภาษา(Restoring the Language)

เขาได้กลายเป็นบิดาแห่งภาษาฮีบรูสมัยใหม่ เขาย้ายครอบครัวไปอิสราเอลในปี 1881 และลูกชายของเขาเป็นบุคคลแรกที่พูดภาษาฮีบรูเป็นภาษาแม่
ข้าพเจ้าเห็นภาพคู่ขนานคือเรา กลุ่มผู้เชื่อพระเมสสิยาห์ในอิสราเอล เราได้กลับมาสู่ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาฮีบรู แต่เป็นภาษาพระวิญญาณ อย่างที่คริสตจักรยุคแรกได้ทาระหว่างเทศกาลเพ็นเทคอสต์ในพระธรรมกิจการบทที่ 2
2) การคืนดีกันในระดับโลก(Global Reconciliation)
![]() |
Abraham Isaac Kook |
เช่นเดียวกัน
ข้าพเจ้าเชื่อว่าการทรงเรียกของเรา เหล่าผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์(Messianics)จะถูกนามารวมตัวกันจากความหลากหลายในอิสราเอล
เช่น ลัทธิยิวที่เคร่งครัดตามขบถธรรมเนียมประเพณี คนยิวทั่วไป(secular Jews) รวมถึงคริสตจักรสากล(international Ekklesia (church)ด้วย
ตลอดประวัติศาสตร์กลุ่มเหล่านี้เคยเป็นปฏิปักษ์กัน แม้ว่าเราควรจะอยู่ข้างเดียวกัน
ดังนั้นคำพยากรณ์เรื่องยุคสุดท้ายคือการรวมกันเป็นหนึ่งของอิสราเอลและคริสตจักร
3) บันไดสู่การรื้อฟื้น (Stages of Restoration)
เมื่อรับบีกุกพิจารณาถึงอิสราเอลสมัยใหม่
เขาไม่เชื่อว่านี่จะเป็นแผ่นดินของพระเจ้า
แต่แทนที่จะเป็นบันไดขั้นแรกสู่การรื้อฟื้นซึ่งจะนำไปสู่อาณาจักรพระเจ้าได้
จะต้องเกิดการรื้อฟื้นในฝ่ายกายภาพมาสู่แผ่นดินและประชากรชาวอิสราเอลเสียก่อนเพื่อที่การไถ่จะได้เกิดขึ้น
เราก็กาลังพูดถึงในสิ่งเดียวกัน
อิสราเอลสมัยใหม่วันนี้ไม่ใช่แผ่นดินของพระเจ้า
แต่น่าจะเป็นบันไดขั้นแรกของการรื้อฟื้นคืนสภาพที่จะนำไปถึงแผ่นดินของพระเจ้า
การเป็นไซออนนิสต์สุดโต่งและเรียกว่าคือแผ่นดินของพระเจ้าก็ไม่ถูกต้อง
หรือจะปฏิเสธความคิดนี้อย่างสิ้นเชิงก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน
เราอาจกล่าวได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้น
และชุมชนผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์อยู่ตรงกลางของทั้ง2 สิ่ง
4) การอ่านหนังสือผู้เผยพระวจนะ(Reading the Prophets)

พวกเขาก็มีส่วนถูกที่หนุนใจให้อ่
ไม่เพียงแค่อ่านพระคัมภีร์ แต่พยายามนำมาใช้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าเพราะพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับการรื้อฟื้นชนชาติอิสราเอล พระเจ้าจึงเลือกให้เค้าเป็นประธานาธิบดีคนแรกของอิสราเอล
5) การเตรียมพร้อมก่อนจัดตั้งรั
ช่วงเวลาที่อยู่ใต้อาณัตินิคมของอังกฤษ ก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐอิสราเอล เบน กูเรียนตระหนักว่าวันหนึ่งจะต้องมีการจัดตั้งรัฐบาล แต่เรายังไม่พร้อมในเวลานั้น เราจำเป็นต้องสร้างองค์กรที่ทำงานเหมือนรัฐบาล เพื่อเวลานั้นมาถึง เราจะได้พร้อมที่จะเป็นประเทศ เขาจึงจัดตั้งองค์กรที่มีชื่อว่า “ฮิสตาดรุต” ( Histadrut) ซึ่งมีการทำงานเหมือนรัฐบาล จนกระทั่งองค์กรนี้ได้กลายเป็นรัฐบาลจริง
ข้าพเจ้าเชื่อว่านั่นเป็นคำเผยพระวจนะสาหรับคริสตจักร เอ็คคลีเซีย (คริสตจักร) ประกอบไปด้วย2ส่วน ไม่เพียงแค่เฉพาะกลุ่มคนที่รวมตัวกันจากชนชาติต่างๆเป็นกายในพระคริสต์ แต่หมายถึงการปกครองหรือการเป็นพันธมิตร ในฐานะผู้เชื่อ เรารวมตัวกันไม่ใช่แค่เพียงเพื่อดำเนินการคริสตจักร แต่เหมือนว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของ“ฮิสตาดรุต” หรือองค์กรก่อนจัดตั้งรัฐบาล เรากำลังถูกจัดเตรียมให้ทางานในรัฐบาลของเยชูวาห์เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา นั่นคือเหตุผลที่เราเชื่อในอัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาล และอาจารย์ เชื่อในผู้ปกครอง และในโครงสร้างของคริสตจักร เพราะเรากาลังรับการฝึกฝน รัฐบาลไม่สามารถดาเนินการได้ด้วยคนเพียงคนเดียว แต่โดยกลุ่มคน
นั่นคือ แก่นแท้ของการสั่งสอนสาวก คือการเตรียมพร้อมทำหน้าที่ในรัฐบาลของพระองค์
6) การเตรียมพร้อมด้านการทหาร(Military Preparation)
เบน กูเรียนทราบดีว่า เมื่อมีการประกาศให้อิสราเอลเป็นรัฐใหม่ ภายใน24ชั่วโมง ทุกชาติในตะวันออกกลางจะโจมตีอิสราเอล ซึ่งเราไม่พร้อมรับมือ เราไม่มีอาวุธหรือทหาร เราไม่รู้วิธีการต่อสู้ เขาจึงเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่ในองค์กร จัดการอบรมสัมมนา และก่อตั้งกองกำลังทหารในเวลาหนึ่งปีครึ่ง
ข้าพเจ้าเชื่อว่านั่นเป็นคำเผยพระวจนะที่มาจากพระกายของพระเมสสิยาห์ในอิสราเอล เรากำลังมุ่งหน้าสู่สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เรากำลังมุ่งหน้าสู่ช่วงเวลาที่ทุกชาติในโลกจะโจมตีอิสราเอลและคริสเตียน และทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งการกลับมาครั้งที่ 2 ของเยชูวาห์
ข้าพเจ้าเชื่อว่านั่นเป็
ข้าพเจ้าไม่ได้พูดว่าคุณต้องเริ่มเรียนที่จะยิง แต่เราจำเป็นที่ต้องเรียนรู้ที่จะอธิษฐานและเผยพระวจนะ เพื่อทำความเข้าใจข้อพระคัมภีร์และป่าวประกาศพระวจนะของพระเจ้า
7) การเผชิญหน้าของบรรดาประชาชาติ(Confrontation of the Nations)
นายเบนจามิน เนทันยาฮู(Binyamin Netanyahu)นายกรัฐมนตรีของเรา ได้ไปปรากฏตัวที่สหประชาชาติและเผชิญหน้ากับประเทศทั้งหลาย ซึ่งไม่เหมือนกรณีผู้นำโลกอื่นๆที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมาก่อน
ท่านได้กล่าวกับองค์กรสหประชาชาติว่าการตัดสินใจของพวกเขาเป็นการต่อต้านแผ่นดินและประชาชนอิสราเอล ทั้งที่พวกเรานั้นได้รับการมอบหมายจากพระเจ้าให้อาศัยอยู่ที่นี่(อิสราเอล) ท่านได้กล่าวถ้อยคำจากพระคัมภีร์และชี้นำให้พวกเขาตระหนักถึงเรื่องคุณธรรมและมนุษยธรรม ต่อหน้าผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลกอย่างกล้าหาญ
มีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับประเทศอิสราเอล และรวมถึงการที่ตัวแทนของประเทศอิสราเอล ได้อยู่ต่อหน้าการประชุมขององค์กร สหประชาชาติในครั้งนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าเรากำลังจะมีการเริ่มต้นของการเผชิญหน้ากันระหว่างนานาประเทศด้วยความจริงของพระเจ้า และนี่เป็นส่วนหนึ่งของการทรงเรียกของพระเจ้าให้อิสราเอลเป็นผู้นั้น และขณะนี้พระกายของ พระเมสสิยาห์ก็ได้มีการเชื่อมโยงกับประเทศอิสราเอล พวกเรามีคำเผยพระวจนะที่จะเปิดเผยแก่โลกนี้
8) การเปิดโปงกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง(Exposing Radical Islam)
เนทันยาฮู เป็นผู้ซึ่งเข้าใจมากกว่าผู้นำอื่นๆจากทั่วโลก ถึงความรุนแรงของกลุ่มมุสลิมก่อการร้ายว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา และเราจำเป็นต้องต่อสู้กับคนเหล่านั้น ผู้คนถูกเข่นฆ่าอย่างไรความปราณี และไม่มีผู้ใดที่ลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างแท้จริง นอกจากประเทศอิสราเอล ประเทศอิสราเอลได้มีมาตรการบางอย่างถูกกำหนดขึ้นในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ สำหรับคริสตจักรนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาจับอาวุธ แต่จำเป็นที่เราจะสามารถพูดความจริง และเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นว่าเป็นการฆาตกรรม และเป็นวิญญาณต่อต้านพระคริสต์ (Anti-Christ spirit) เมื่อเราได้ส่งผู้คนออกไปเข่นฆ่าผู้อื่นที่ไม่เห็นด้วยกับตนนั้น เป็นการกระทำผิดพระบัญญัติ 10 ประการของพระเจ้า และนั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้าของอิสราเอล ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องจัดการกับสิ่งเหล่านี้
9) การสถาปนาบัลลังก์ของพระเจ้าของกษัตริย์ดาวิด( Establishment of the Throne of David)
ในภาษาฮีบรูไม่มีคำ ที่มีความหมายว่า "นายกรัฐมนตรี" แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านเป็นผู้นำของรัฐบาลของประเทศอิสราเอล ถ้าคุณยังจำได้ถึงคำเผยพระวจนะเกี่ยวกับ "เยชูวาห์ (Yeshua)" (หมายถึงพระเยซูคริสต์ ในภาษาฮีบรู) ตอนพระองค์ประสูติมาหรือไม่ ว่าพระองค์จะได้ ประทับบนบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด และปกครองอยู่เหนือพงศ์พันธ์ของยาโคบ เมื่อ" เยชูวาห์" (พระเยซูคริสต์) เสด็จกลับมา พระองค์จะประทับบนบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดและปกครองโลกนี้จากบางบัลลังก์นั้นตลอดนิรันด์กาล อะไรคือบัลลังก์ บัลลังก์คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมีเก้าอี้ซึ่งเป็นตัวแทน แห่งสิทธิอำนาจของรัฐบาลประเทศอิสราเอล หมายความว่าสิทธิอำนาจของกษัตริย์ดาวิดได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่บนแผ่นดินของอิสราเอล
ขณะนี้ เนทันยาฮู ผู้ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอิสราเอล นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น
ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวว่าเนทันยาฮู เป็นพระเมสสิยาห์(Messiah) ข้าพเจ้าไม่แม้แต่จะบอกว่าท่านเป็นผู้ได้รับการบังเกิดใหม่ แต่โดยตำแหน่ง โครงสร้าง และสิทธิ์ที่อำนาจนั้น ท่านได้นั่งอยู่ในตำแหน่งซึ่ง เปรียบเทียบได้กับบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด
เราเชื่อว่าขณะนี้คำเผยพระวจนะต่างๆนั้นกำลังได้รับการเติมเต็มและทำให้เป็นจริงในโลกมากขึ้นทุกที จนกระทั่งอิสราเอลยุคใหม่และรัฐบาลอิสราเอลจะเชื่อในคำเผยพระจะนะนั้นเป็นเวลากว่า 2000 ปีมาแล้ว ที่คริสตจักรไม่ได้เชื่อเรื่องการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง อย่างถูกต้อง แต่เขากลับเชื่อว่า "เยชูวาห์" (พระเยซูคริสต์) จะเสด็จมาปรากฏครึ่งทางบนท้องฟ้าและรับเจ้าสาวของพระองค์ไป และเสด็จกลับไปยังสวรรค์อีกครั้ง แต่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา และจะไปที่ภูเขามะกอกเทศ และความจริงก็คือเรามีประเทศที่นี่และคณะรัฐบาลพร้อมทั้งเมืองหลวงคือ"เยรูซาเล็ม" และ "เยชูวาห์" (พระเยซูคริสต์) พระองค์จึงสามารถกลับมาเดี๋ยวนี้และปกครองเหนือโลกนี้ในกรุงเยรูซาเล็ม
10) การรับมรดกทางกายภาพ คือ แผ่นดิน(Physically inheriting the Land)
สิ่งสุดท้ายนั้น... สิ่งหนึ่งที่ผู้นำรัฐบาลประเทศอิสราเอลได้ทำ คือการรับประกันว่าเราสามารถอาศัยอยู่และตั้งรกรากในแผ่นดินนี้ เรามีสิทธิ์ที่จะสร้างที่อยู่อาศัย บ้านเรือน ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เศรษฐกิจ และเลี้ยงดูบุตรหลานของเราที่นี่ และนี่เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจว่าทำไมสิ่งนี้จึงเป็นที่เกลียดชังของผู้คนทั่วโลก
ใช่หรือไม่พระคัมภีร์ได้กล่าวว่าเมื่อ "เยชูวาห์" (พระเยซูคริสต์) เสด็จกลับมานั้นธรรมิกชนจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ใช่หรือไม่พระคัมภีร์ได้กล่าวว่
มัทธิว 5:5 “คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
วิธีที่พระเจ้าสัญญาว่าแผ่นดินของพระองค์จะมาตั้งอยู่บนโลกนั้นคือผ่านทางพระสัญญาที่พระองค์มีไว้แก่ชนชาติยิว คือแผ่นดินอิสราเอล ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่ มันก็คงไม่สามารถเกิดขึ้นที่ไหนได้ในโลกนี้ อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าชาวยิวได้อาศัยอยู่ที่นี่นั้นเป็นหมายสำคัญอย่างแน่นอนที่สุดว่า"เยชูวาห์" (พระเยซูคริสต์) กำลังจะเสด็จกลับมาและเราจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
คริสเตียนส่วนใหญ่ได้มีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องมากกว่า 2,000 ปี ว่าเราจะไปอยู่บนสวรรค์ตลอดนิรันด์กาล และทิ้งโลกนี้ไว้กับปฏิปักษ์พระคริสต์ โดยไม่ได้รับการกู้คืนทางฝ่ายกายภาพ และนั่นเป็นคำสอนที่ผิด แต่ถ้าชาวยิวไม่ได้กลับมาที่แผ่นดินอิสราเอล นั่นมันอาจจะเป็นความจริง พันธสัญญาในเรื่องสิทธิของชาวยิวที่จะได้อาศัยอยู่ที่อิสราเอล เป็นสิ่งที่รับประกันถึงสิทธิของคริสเตียน ที่จะได้แผ่นดินโลกและประชาชาติเป็นมรดกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก http://reviveisrael.org
ข้อมูลที่เป็นภาษาไทย http://reviveisrael.org/archive/language/thai/2016
สามารถฟังคำสอนได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=eDFyAf4_nz0&feature=youtu.be&t=16m55s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น