สถานทูตคริสเตียนนานาชาติกรุงเยรูซาเล็ม ประจำประเทศไทย
จดหมายหัวข้ออธิษฐาน อิสยาห์ 62- ประจำเดือน พฤษภาคม2015
เรียนหุ้นส่วนอธิษฐานทุกท่าน
เรากำลังอยู่ในระหว่างสองช่วงเทศกาลพิเศษคือปัสกาและเพนเทคอส เมื่อเราย้อนระลึกช่วงเวลาในหลายครั้งที่พระเยซูปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าสาวกของ พระองค์หลังการฟื้นคืนพระชนม์ พระคัมภีร์ได้บันทึกเหตุการณ์นี้อย่างน้อยสิบครั้ง เริ่มจากนางมารี มักดาลา (ยน. 20:11-18) และจบลงที่อาจารย์เปาโล ( กจ. 9; 1 คร. 15:3-8) ผ่านทางเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อนี้เองที่พวกเขาได้เป็นพยานถึงการฟื้นคืน พระชนม์ของพระองค์ และได้ป่าวประกาศเป็นจริงว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า
(รม.1:4) ทั้ง ชีวิตและพันธกิจของพระเยซูเต็มไปด้วยสง่าราศี แต่ถึงกระนั้นก็จบลงด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนกางเขน พระองค์ถูกทำให้เสียโฉมจนแทบจะจำไม่ได้ สาวกของพระองค์สิ้นหวังและหวาดกลัว หลบซ่อนอยู่หลังประตู แต่เมื่อพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์พร้อมกับพระวรกายใหม่- เต็มไปด้วยสง่าราศีและนิรันดรกาล สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจและเสริมกำลังผู้ติดตามของพระองค์ จนพวกเขากล้าที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเป็นพยานต่อไป เพราะพวกเขาเองก็ได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะได้รับร่างกายอมตะเช่นพระองค์ในวัน ข้างหน้าเหล่าอัครทูตได้ป่าวประกาศว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์และฟื้นขึ้นมา อย่างที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ล่วงหน้า ( กจ. 2:29-32; กจ. 13:34) พวกเขาอ้างอิงสดุดี 16:10 ที่กล่าวว่า เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนคนตายหรือให้ ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น
มีพระคำจากพระ คัมภีร์เดิมหลายข้อที่กล่าวถึงการทนทุกข์ของพระเมสสิยาห์ (อสย. 53, สดด. 22) และ ธรรมชาตินิรันดร์ ของพระองค์ และการครองราชนิรันดร์ (ดนย. 2, 7; อสย. 9:6-7; มคา. 5:2) แต่จริงๆแล้วมีไม่กี่ข้อของแนวทางคำพยากรณ์ ที่พูดอย่างชัดเจนว่าพระองค์จะฟื้นจากความตาย (ดนย. 9:2 สดด. 16:10)
แม้ แต่พระเยซูเองก็ได้พูดถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ด้วยการบอกเป็นนัยสามครั้งในปริศนาเกี่ยวกับสามวันของโยนาห์ในท้องปลาวาฬ แต่ยิ่งกว่านั้นการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์สำคัญอย่างมาก เพราะนั้นคือหัวใจหลักของความเชื่อคริสเตียน พลังอันยิ่งใหญ่และคำสัญญาแห่งการฟื้นคืนของพระองค์นั้นคือการที่พระองค์มี ชัยชนะเหนือพลังแห่งความตายเพื่อพวกเรา และเมื่อเราได้พบพระองค์ เราก็จะเป็นเหมือนพระองค์ (1 ยน. 3:2) อาเมน!
ที่น่าสนใจคือ มีเส้นขนานระหว่างความตายกับการเป็นขึ้นมาของพระเยซู และการเนรเทศกับการรื้อฟื้นของอิสราเอลที่เราได้เห็น อย่างเช่นที่พระเยซูอยู่ในอุโมงค์สามวัน โฮเชยาได้พยากรณ์ว่าอิสราเอลจะถูก “ ฉีก และ “ โบยตี แต่ “ อีกสองวันพระองค์จะทรงให้เราฟื้น พอถึงวันที่สามจะทรงยกเราขึ้น เพื่อเราจะดำรงอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์” (ฮชย 6:1-2) ในนิมิตกระดูกแห้งของเอเสเคียล เขาได้พูดถึงอิสราเอลอย่างชัดเจนว่าเป็นชนชาติที่ขึ้นมาจากหลุมศพและกลับมีชิวิตขึ้นมาใหม่ (อสค. 37)
จริงๆ แล้ว มีข้อพระคำที่พยากรณ์ถึงการรื้อฟื้นของอิสราเอลในวันสุดท้ายนั้นไว้มากมาย ยิ่งกว่านั้นอีกคือการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเมสสิยาห์ และโดยการอ้างอิงข้อพระคัมภีร์เดิม อาจารย์เปาโลสามารถที่จะกล่าวอย่างมั่นคงว่าการรื้อฟื้นของอิสราเอลนั้นจะ เป็นเหมือน “ชีวิตหลังความตาย (รม. 11:15) ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ ธรรมดาจริงๆ! การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูถูกพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแต่มันคือความจริงที่ถูก ซ่อนไว้ ในภายหลังกลายเป็นความประหลาดใจที่ใหญ่ยิ่งแก่เหล่าสาวก และได้ขจัดความสงสัยและความกลัวไปจากพวกเขา เป็นเหตุให้พวกเขาสามารถก้าวไปข้างหน้าและครอบครองโลกนี้
จริงๆ แล้ว มีข้อพระคำที่พยากรณ์ถึงการรื้อฟื้นของอิสราเอลในวันสุดท้ายนั้นไว้มากมาย ยิ่งกว่านั้นอีกคือการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเมสสิยาห์ และโดยการอ้างอิงข้อพระคัมภีร์เดิม อาจารย์เปาโลสามารถที่จะกล่าวอย่างมั่นคงว่าการรื้อฟื้นของอิสราเอลนั้นจะ เป็นเหมือน “ชีวิตหลังความตาย (รม. 11:15) ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ ธรรมดาจริงๆ! การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูถูกพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแต่มันคือความจริงที่ถูก ซ่อนไว้ ในภายหลังกลายเป็นความประหลาดใจที่ใหญ่ยิ่งแก่เหล่าสาวก และได้ขจัดความสงสัยและความกลัวไปจากพวกเขา เป็นเหตุให้พวกเขาสามารถก้าวไปข้างหน้าและครอบครองโลกนี้
ในขณะเดียวกัน การรื้อฟื้นของอิสราเอลได้ถูกสัญญาไว้ทุกที่ในพระคัมภีร์ และไม่ได้มีการซ่อนเร้นใดๆ พระเจ้าได้เขียนไว้อย่างชัดเจน นี่หมายความว่าเราทุกคนต้องรับรู้ และจะไม่มีใครบอกได้ว่าเขาไม่รู้ว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เบื่องหลังสิ่ง นี้
และนั่นหมายความว่าเมื่อเรายืนเคียงข้างอิสราเอล เรากำลังทำงานร่วมกับพระเจ้าในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในวันของ เรา เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถทุ่มทั้งหัวใจ ของประทาน และทรัพยากรของเราเพื่อสิ่งนี้ เรายังสามารถอธิษฐานด้วยความมั่นใจอย่าง เต็มเปี่ยมและคาดหวังที่พระเจ้าจะกระทำให้สำเร็จในทุกสิ่งที่พระองค์เตรียม ไว้เพื่อรื้อฟื้นอิสราเอล ทั้งในชนชาติอิสราเอลและประชากรยิว และในคริสตจักรเช่นกัน ฤทธิ์อำนาจเดียวกันที่นำชีวิตมาสู่อิสราเอลนั้นอยู่กับเรา และทุกๆคนที่หวังใจในพระคริสต์
ขออวยพรจากเยรูซาเล็ม
และนั่นหมายความว่าเมื่อเรายืนเคียงข้างอิสราเอล เรากำลังทำงานร่วมกับพระเจ้าในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในวันของ เรา เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถทุ่มทั้งหัวใจ ของประทาน และทรัพยากรของเราเพื่อสิ่งนี้ เรายังสามารถอธิษฐานด้วยความมั่นใจอย่าง เต็มเปี่ยมและคาดหวังที่พระเจ้าจะกระทำให้สำเร็จในทุกสิ่งที่พระองค์เตรียม ไว้เพื่อรื้อฟื้นอิสราเอล ทั้งในชนชาติอิสราเอลและประชากรยิว และในคริสตจักรเช่นกัน ฤทธิ์อำนาจเดียวกันที่นำชีวิตมาสู่อิสราเอลนั้นอยู่กับเรา และทุกๆคนที่หวังใจในพระคริสต์
ขออวยพรจากเยรูซาเล็ม
เดวิท พาร์สันส์ (David Parsons)
ICEJ Media Director
ผู้อำนวยการแผนกมิเดีย ของสถานฑูตคริสเตียนนานาชาติ ประจำกรุงเยรูซาเล็ม
ขอบคุณน้องมิ้น(นาดารา)แปล และอ.กอล์ฟ(วรณี) ตรวจสอบ
Dear Prayer Partners,
We are currently in that special season between Passover and Pentecost, when we reflect on the repeated times that Jesus appeared to his disciples in his resurrected body. There are at least ten such occasions recorded in Scripture, beginning with Mary Magdalene (John 20:11-18) and concluding with Paul (Acts 9; 1 Corinthians 15:3-8). Through these incredible experiences they became witnesses of his resurrection, which they declared to be proof that he was the Son of God (Romans 1:4).
We are currently in that special season between Passover and Pentecost, when we reflect on the repeated times that Jesus appeared to his disciples in his resurrected body. There are at least ten such occasions recorded in Scripture, beginning with Mary Magdalene (John 20:11-18) and concluding with Paul (Acts 9; 1 Corinthians 15:3-8). Through these incredible experiences they became witnesses of his resurrection, which they declared to be proof that he was the Son of God (Romans 1:4).
The life and ministry of Jesus was glorious, yet it ended with him nailed to a cross, so marred and disfigured one hardly dared to look upon him. His disciples were left discouraged and afraid, hiding behind locked doors. But then he arose from the dead clothed with a new body – glorious and eternal. This inspired and energized his followers so much they risked their lives to tell of it far and wide, since they too were promised this same immortal body one day.
The apostles also proclaimed that Jesus had died and rose again just as the prophets foretold (Acts 2:29-32; Acts 13:34). In making this claim they primarily cited Psalm 16:10, which states: “For You will not leave my soul in Sheol, nor will You allow Your Holy One to see corruption.”
Now there are many Old Testament references to the suffering Messiah (Isaiah 53, Psalm 22, etc.), and also to His eternal nature and everlasting reign (for example, Daniel 2 and 7; Isaiah 9:6-7; Micah 5:2). But there are actually very few prophetic passages which state outright or imply that he would arise from the dead (Daniel 9:26 and Psalm 16:10 are two).
Even Jesus offered mostly veiled references to his coming resurrection, hiding it on three separate occasions inside a riddle about Jonah being three days in the belly of a whale. Yet his resurrection is so important, it lies at the heart of our Christian faith. The great power and promise of his resurrection is that he triumphed for our sake over the power of death. And when we see him, we shall be like him (1 John 3:2). Amen!
Interestingly, there are a number of parallels between the death and resurrection of Jesus, and the exile and restoration of Israel now playing out in our day. Just as Jesus was in the grave three days, Hosea prophesied that Israel would be “torn” and “stricken”, but “after two days He will revive us; on the third day He will raise us up that we may live in His sight” (Hosea 6:1-2).
In his vision of the valley of dry bones, Ezekiel also explicitly speaks of Israel as a nation rising up out of its “graves” and coming to life again (Ezekiel 37).
In fact, there are numerous prophetic passages dealing with the last-days resurrection of Israel – many more than about the resurrection of the Messiah. And based on these Old Testament passages, Paul was able to firmly declare that Israel’s restoration will be nothing less than “life from the dead” (Romans 11:15).
So what a remarkable contrast! The resurrection of Jesus was foretold but it was a hidden truth that in the end came as a great surprise to his followers, yet it so lifted them from their doubts and fears they were propelled to go forth and conquer the world.
On the other hand, the restoration of Israel is promised everywhere in Scripture, and there is nothing hidden about it. God spells it out with precision and clarity. This means we are all accountable for it, and no one can say they did not know His hand was behind it.
On the other hand, the restoration of Israel is promised everywhere in Scripture, and there is nothing hidden about it. God spells it out with precision and clarity. This means we are all accountable for it, and no one can say they did not know His hand was behind it.
This also means that when we stand with Israel, we are working alongside God to accomplish an amazing divine purpose in our day. So we can throw all our heart, talents and resources into it.
It also means that we can pray with great confidence and expectancy for God to accomplish all that He intends in Israel’s restoration – in the Jewish nation and people as well as in the Church. The same resurrection power is at work in our day to bring life to Israel, and to all whose hope is in Christ!
Blessings from Jerusalem!
David Parsons
ICEJ Media Director
ICEJ Media Director
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น