25 กุมภาพันธ์ 2557

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำอธิษฐานอวยพรประจำเดือน

เนื่องจากมีพี่น้องสอบถามเกี่ยวกับเรื่องคำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนที่ผมลงใน Blog จึงขอชี้แจงเพื่อความเข้าใจดังนี้นะครับ

บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมได้แปลและเรียบเรียงจากมาจาก Website  http://arise5.com/   เขียนโดยรอน ซอว์คะ(Ron Sawka) หนึ่งในสมาชิกของสภาอัครทูต Global sphares โดยดร.ชัค เพียร์ส (Dr.Chuck D. Pierce)ซึ่งการแปลความตามอักษร(word for word) เพื่อรักษาความหมายเดิมของต้นฉบับเพื่อเป็นการให้เกียรติของผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนคือ คือ รอน ซอว์คะ(Ron Sawka) ได้เขียนคำนำว่า สาส์นนี้ คือคู่มือการอธิษฐานสำหรับเดือนแต่ละเดือนตามปฏิทินฮีบรู เนื้อหามาจากคำสอนดร.ชัค เพียซ(Dr.Chuck D. Pierce)และดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์ (Dr.Robert Heidler) ในหัวข้อ "เข้าใจเดือนฮีบรูในเชิงเผยพระวจนะ" 

ผมใช้คำว่า  “คำอธิษฐานอวยพรประจำ” แทนคำว่า  “ความหมายของเดือนเชิงการเผยพระวจนะ” เพื่อให้ผู้อ่านได้สามารถเพ่งพินิจ อธิษฐานตาม และประกาศพรนั้นเหนือชีวิต  โดยนำมาเพื่อประกอบการอธิษฐานในการประชุมอธิษฐานการเริ่มต้นเดือนใหม่( Rosh Chodesh) ซึ่งเป็นการถวายเวลาซึ่งเป็น "ผลแรก" ของในแต่ละเดือน

"ทำไมเราต้องมีการฉลองในวันต้นเดือน (Rosh Chodesh) ทำไมต้องมีการถวายผลแรก ทำไมต้องมีการเชื่อถือเรื่องดูดวงจันทร์หรือดวงดาวต่างๆตามแบบปฏิทินฮีบรู?" 

         ขอหนุนใจไว้ดังนี้ว่า เราไม่ได้เลียนแบบความเป็นยิว หรือพยายามเป็นคนยิว เพราะเราไม่สามารถเป็นแบบคนยิวได้ เราไม่จำเป็นต้องไปทำตามพิธีของชาวยิว  แต่เราต้องปรับเวลาของเราเข้าสู่เวลาของพระเจ้า ในปัจจุบันเราอาจจะใช้ปฏิทินสากลคือแบบโรมัน เพื่อรู้เวลาของโลก แต่ในชีวิตในฝ่ายวิญญาณเราต้องปรับเวลาของเราเข้าสู้วาระเวลาของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงกำหนดวาระเวลาต่างๆ โดยให้เราเห็นได้จากหมายสำคัญต่างๆ บอกให้รู้ว่า ถึงวาระ ฤดู ที่จะต้องทำสิ่งใด (ปฐก.1:14 พระเจ้าตรัสว่า  "จงมีดวงสว่างบนฟ้า  เพื่อแยกวันออกจากคืน  ให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดู  วัน  ปี)

            คนยิวในสมัยก่อน ดูหมายสำคัญ(sign) เรื่องเวลาของพระเจ้า ทำความเข้าใจกับการเคลื่อนของดวงสว่างบนฟ้า แต่อำนาจมืดได้ทำให้คนหลงไป ด้วยการครอบงำ บิดเบือนให้กลายเป็นเรื่องโหราศาสตร์ แบบจักรราศี(Horoscope)และเมื่อพูดถึงเรื่องดวงดาว คริสเตียนกลับรีบปฏิเสธ เพราะความกลัวว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น    

            แม้แต่ในสมัยที่พระเยซูคริสต์ประสูติ พวกโหราจารย์ยังดูการเคลื่อนดวงดาว จนได้มาพบกับพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่พวกเขารอคอย (มธ.2)  เราต้องทำการศึกษาเรื่องหมายสำคัญต่างๆเช่น ดวงจันทร์ และดวงดาวแบบ"โหราศาสตร์"  Astrology ไม่ใช่แบบ Horoscope ไม่ใช่เพื่อการดูดวงชะตาแบบหมอดู แต่นี่เป็นดูแล้วคิดพินิจพิเคราะห์ตามวาระเวลาของพระเจ้า
           
                คำว่า "โหราศาสตร์" ตรงกับภาษากรีกว่า Astrology เป็นคำศัพท์เฉพาะมาจากคำว่า Astro ซึ่งแปลว่า ดวงดาว กับอีกคำหนึ่งว่า Logic ซึ่งแปลว่า ตรรกศาสตร์ เมื่อนำคำทั้งสองมารวมกันเป็น Astrology แปลว่า ศาสตร์ที่ว่าด้วยดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ 
   

         สำหรับคริสเตียนเราไม่มีโชคชะตาราศี ไม่ต้องถือฤกษ์ยาม อัครทูตเปาโลได้อธิบายเรื่องนี้ไว้ในพระธรรม โคโลสี 2:15-18   

   15   พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย  พระองค์ได้ทรงประจานเขา  และชนะเขาโดยกางเขนนั้น

   16   เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน  การดื่ม  ในเรื่องเทศกาล  วันต้นเดือน  หรือวันสะบาโต

   17   สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง  แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์

18   อย่าให้ผู้ใดตัดสิทธิ์ของท่าน  ด้วยเขาทำทีถ่อมตัวลง  กราบไหว้ทูตสวรรค์  ใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต  ผยองขึ้นเปล่าๆตามความคิดของเนื้อหนัง

 ฉะนั้นในวันนี้เรามีการประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม และไม่ใช่จุดยืนในความเชื่อที่จะต้องมากถกเถียงกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นเงาที่เล็งถึงพระเยซูคริสต์ และเราต้องเข้าใจในเรื่องวาระเวลาและเทศกาลต่างๆเป็นช่วงเวลาที่พระเจ้ากำหนดให้ไว้เพื่อให้คนของพระเจ้า

 สำหรับคำที่ใช้ในบทความที่เป็นราศีต่างๆ เช่น คำว่า “ราศีมีน” หมายถึง “ปลา กลุ่มดาวปลา” ในเดือนอาดารร์นี้ มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า The month of Pisces, the fishes. เรื่องดวงดาวชาวยิวได้รับอิทธิพลจากกรีก  และโรมัน ซึ่งต่อมาปฏิทินตามสากลก็ตั้งชื่อตามราศีของโรมัน

แม้แต่เดือนในอิสราเอลบางเดือนเช่นเดือนทัมมุส (Tammuz)(ประมาณเดือน  มิ..-..  ก็ตั้งชื่อตามพระของคนต่างชาติ  ชื่อเทพเจ้าของบาบิโลน ซึ่งประยุกต์มาจากพวกบาบิโลน  ยิวได้ตั้งชื่อเดือนนีว่า เดือนทัมมุส เนื่องจากเพื่อระลึกว่า รูปเคารพเป็นเหตุให้บ้านเมืองของตนต้องพินาศย่อยยับ ชื่อเดือนทัลมุส เป็นชื่อของรูปเคารพจริง ๆ แต่ตั้งเพื่อเตือนใจเขาให้หันกลับมาหาพระเจ้า ดังนั้นในเดือนนี้ คนยิวจะอดอาหาร และบรรยากาศของเดือนจะเต็มไปด้วยความเศร้าโศกใจ เพื่อเตือนใจเขาเรื่องพระวิหารถูกทำลายเพราะรูปเคารพ ดังที่กล่าวชื่อรูปเคารพไว้ใน เอเสเคียล 8:14-15 เดือนทัมมุส เป็นเทศกาลไว้ทุกข์ ถือการอดอหาร เพื่อระลึกถึงการที่บาบิโลนมาทำลายพระวิหารของยิวในช่วง ปี 606-587 กคศ. และเป็นการระลึกถึงความเศร้าโศกของโมเสสที่หักแผ่นพระบัญญัติด้วยความโกรธเนื่องจากคนอิสราเอลไปกราบไหว้รูปเคารพ
ในบริบทของเนื้อหาของคำอธิษฐานเป็นการแปลความหมายเชิงสัญลักษณ์ใช้หลักการเดียวกับการตีความหมายในความฝัน โดยเทียบจากพระคัมภีร์ แปลความว่า  เดือนประจำราศีมีน - คือปลา การพบสิ่งจำเป็นในโลกที่ซ่อนอยู่ (เช่น เหรียญทองในปากปลา  มธ. 17:24-28) มีอัตลักษณ์ของคุณในโลกที่มองไม่เห็น อย่าเอาแต่ภาคปฏิบัติ (คืออยากที่จะทำตามคนอื่นเพื่อให้ถูกยอมรับ) เราต้องหาอัตลักษณ์ฝ่ายวิญญาณของเราให้เจอ
เป็นความหมายเชิงการประยุกต์ เพื่อให้กลับไปสู่การศึกษาพระคัมภีร์ไม่ได้นำไปสู่การเชื่อแบบราศีที่ทำให้หลงและออกจากหลักการพระคัมภีร์

สรุปการประยุกต์

1.บทความคำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนเป็นเพียงแค่คู่มือสำหรับใช้ประกอบการอธิษฐานเพื่อป่าวประกาศพระพรประจำเดือน  เราสามารถประยุกต์ตามความเหมาะสมและสิ่งที่เราจะต้องทำคือการอุทิศเวลาของเราซึ่งเป็นผลแรกเพื่อแสวงหาพระเจ้าส่วนตัว


2.เราต้องทำความเข้าใจในเรื่องของวัฒนธรรมของคนยิว ในเรื่องการศึกษาความหมายเชิงการเผยพระววจนะบางสิ่งเป็นภาษาสัญลักษณ์(Type) ต้องมีการแปลความเช่นการนับราศีตามกลุ่มดาวเป็นเรื่องการเคลื่อนของเวลา, ตัวอักษรประจำในแต่ละเดือนอักษรฮีบรูให้ความหมายเป็นภาพสัญลักษณ์ ,อวัยวะของร่างกายเป็นสัญลักษณ์ประจำเดือนที่เล็งถึงการดำเนินชีวิตให้ความสำคัญในเรื่องต่างๆ

3.เราต้องทำความเข้าใจเรื่องการสำแดงของพระเจ้า พระเจ้าสามารถใช้สิ่งต่างๆเพื่อการสำแดงเป็นการเผยพระวจนะ เช่น ดวงดาว การสำแดงผ่านทางความฝัน การตีความหมายเป็นการสำแดงจากพระเจ้า

สดุดี 19:1-2 
  1   ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า  และภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์     
  2   วันส่งถ้อยคำให้แก่วัน  และคืนแจ้งความรู้ให้แก่คืน

โยบ 33:15-16 
   15   ในความฝัน  ในนิมิตกลางคืน  เมื่อคนหลับสนิท  เมื่อเขาเคลิบเคลิ้มอยู่บนที่นอนของเขา
   16   แล้วพระองค์ทรงเบิกหูของมนุษย์  และทรงสั่งสอนอย่างลับๆ

การสำแดงจากพระเจ้าบางครั้งอาจจะไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์เพราะพระคัมภีร์เป็นส่วนหนึ่งในการสำแดงของพระเจ้าไม่ได้ทั้งหมด แต่พระคัมภีร์เป็นมาตรฐานในการวัด(canon) หากมีสิ่งใดที่ผิดหลักการพระคัมภีร์สิ่งนั้นไม่ถูกต้อง
 
อ่านเพิ่มได้จากบทความเรื่อง มิติการสำแดงกับความจริงของพระคัมภีร์

4. เราต้องทำการศึกษาในเรื่องการสำแดงของพระเจ้า โดยกลับไปทบทวนสัมมนาต่างๆที่เคยเรียนมาเช่น มิติแห่งการสำแดง(Revelation realms)  สัมมนา อิสสาคาร์ เป็นต้นเพื่อให้เกิดความสมดุลในการประยุกต์ใช้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น