22 พฤศจิกายน 2556

มิติการสำแดงกับความจริงของพระคัมภีร์

มีคำถามสำหรับคริสตชนในเรื่องมิติการสำแดงกับความจริงของพระคัมภีร์ มีความสอดคล้องกันอย่างไร? การเปิดเผยสำแดง(Revalation) ที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นมาจากพระเจ้าหรือมาจากมารวิญญาณชั่ว  เราจะแยกแยะได้อย่างไร?

คำถามเหล่านี้ เราไม่สามารถอธิบายด้วยหลักการเหตุผลได้ เพราะมันเป็นเรื่องมิติอัศจรรย์ เกินความเข้าใจในความจำกัดของมนุษย์ หลายครั้งมนุษย์จะนำความจำกัดของเรา มาจำกัดพระเจ้าซึ่งพระองค์ไม่จำกัด  

ต้องศึกษาพระคัมภีร์โดยมีความเชื่อในเรื่องฤทธิ์เดชอัศจรรย์ของพระเจ้า แม้แต่การเปิดเผยสำแดงที่พระเจ้าทรงใช้ลาในการเผยพระวจนะกับบาลาอัม(กันดารวิถี 22)  สิ่งต่างๆเช่นต้นไม้หรืออื่นๆก็สามารถนมัสการพระเจ้าได้

สดุดี 96:12   ให้ทุ่งนาเริงโลด  กับสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนั้น  แล้วต้นไม้ทั้งสิ้นของป่าไม้  จะร้องเพลงด้วยความชื่นบาน

การเปิดเผยสำแดงต่างๆกับบุคคลในพระคัมภีร์ เช่น โมเสสได้เห็นการสำแดงของพระเจ้าเป็นพุ่มไม้ติดไฟพูดได้ (อพย.3:1-10) เป็นที่แห่งการทรงสถิต (Into His Presence)

โมเสส ได้พบพระพักตร์กับพระเจ้า และชีวิตของท่านไม่เหมือนเดิม จากผู้ร้ายฆ่าคนหนีคดี กลายเป็นผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่นำการปลดปล่อยทาสมาสู่ชนชาติอิสราเอล เป็นต้น  

สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ไม่ใช่หลักการว่าทุกคนจะต้องทำอย่างนั้นได้

สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องเชื่อในเรื่องฤทธิ์เดชอัศจรรย์ของพระเจ้ามีจริงและยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน  รวมถึงอย่าไปเหมาว่าผู้ที่ทำการอัศจรรย์จะเป็นพวกแม่มด(Witcraft)หรือเป็นพวก Kabbalah (คับบาล่าห์)

แม้แต่อัครทูตเปาโลที่เป็นนักศาสนศาตร์เรียนกับอาจารย์กามาลิเอลก็กล่าวไว้

1โครินธ์ 2:4   คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา  แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุภาพ

1โครินธ์ 4:20   เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้ามิใช่เรื่องของคำพูด (Logos -ความรู้) แต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช(Dunamis-ฤทธิ์เดช)

บางสิ่งพระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกไว้ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีจริง แต่บันทึกได้ไม่หมดโดยเฉพาะเรื่องการอัศจรรย์

ยอห์น 21:25   มีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำ  ถ้าจะเขียนไว้ให้หมดทุกสิ่งข้าพเจ้าคาดว่า  แม้หมดทั้งโลกก็น่าจะไม่พอไว้หนังสือที่จะเขียนนั้น

เราไม่ควรเป็นพวก Only Bible ไม่ใช่ Holy Bible คือเอาแต่ พระคัมภีร์(Holy Bible)เท่านั้น ในสมัยหลังพระธรรมกิจการฯ มีการรวบรวมคำสอนหลักข้อเชื่อต่างๆของอัครทูต(Apostolic creeds)  และมีการรวบรวมพระคัมภีร์(Canon แปลว่าไม้วัด) 

ดังนั้นไม่ใช่ว่าความจริงของพระเจ้าจะมีแค่ในสารบบของ Holy Bible แม้แต่หนังสือหลักลอย(Apocrypha) ยังมีการบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความจริงของพระเจ้า เพียงแต่ไม่ได้ถูกนำมารวบรวม (Canon)เป็นพระคริสตธรรมคัมภีร์(Holy Bible)เท่านั้น

คำที่น่าสนใจเรียนรู้ คือ Holy Bible คำว่า Holy หมายถึง บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ คือ การแยกออกมา ในภาษาฮีบรูคือคำว่า Kadosh :คาโดช

คำว่า "Bible" มาจากคำว่า "bíblos"(ไบบลอส) ในภาษากรีก แปลว่า หนังสือ

หากเราทำรายงาน เราจะเขียนแหล่งข้อมูลอ้างอิงหนังสือ จะใช้คำว่า Bibliography หรือ บรรณานุกรม

สรุปความคือ Holy Bible เป็นหนังสือศักสิทธิ์ที่มีการแยกออกมาเป็นสารบบ(canon) เป็นไม้วัดบรรทัดฐานของการสำแดงความจริงเกี่ยวกับพระวจนะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะพระเจ้าทรงสำแดงในมิติที่เกินความเข้าใจของเราผ่านวิธีการต่างๆ มากมาย

พระเจ้าทรงใช้การสำแดงได้หลายมิติ ทรงใช้เผยพระวจนะผ่านสิ่งต่างๆ เช่นดวงดาวบนท้องฟ้าก็เป็นจอ Display ขนาดใหญ่  ที่พระเจ้าสำแดงการเผยพระวจนะ ดวงจันทร์ก็เป็นตัวกำหนดฤดูกาล วาระเวลาต่างๆ

สดุดี 19:1-2
1 ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า และภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์
วันส่งถ้อยคำให้แก่วัน และคืนแจ้งความรู้ให้แก่คืน
 
สิ่งที่เราต้องระมัดระวังคือ การสำแดงในเรื่องดวงดาวหรือโหราศาสตร์ เพราะสิ่งเหล่านี้วิญญาณชั่วได้ใช้เป็นเครื่องมือดึงความสนใจออกจากทางของพระเจ้า

(สามารถอ่านบทความเรื่อง คริสเตียนกับความเข้าใจเรื่องโหราศาสตร์ ได้ใน blog )


พระเจ้าทรงใช้สื่อต่างๆ ในการเปิดเผยการสำแดงได้ เช่น การพูดเผยพระวจนะ เสียงดนตรี ภาพวาด หรืออื่นๆ  เราจึงไม่ควรใช้ความจำกัดของเรา มาจำกัดพระเจ้าที่ไม่จำกัดว่าการสำแดงมีเฉพาะในพระคัมภีร์เท่านั้น (Only Bible)


เราต้องใช้พระคริสตธรรมคัมภีร์(Holy Bible)เป็นไม้วัดเพื่อวินิจฉัยการสำแดงอื่นๆของพระเจ้าที่เราได้รับเช่นทางนิมิต ภวังค์ ความฝัน การเปิดเผยสำแดงผ่านทางการเผยพระวจนะว่า ขัดแย้งกับหลักการของพระคริสตธรรมคัมภีร์(Holy Bible)ไหม?

หากขัดแย้งแสดงว่าสิ่งนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะไม่สำแดงสิ่งที่ขัดต่อหลักการที่พระองค์กำหนดไว้

1เธสะโลนิกา 5:21   จงพิสูจน์ทุกสิ่ง  สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น

 ยอห์น 4:1  ท่านที่รักทั้งหลาย  อย่าเชื่อวิญญาณเสียทุกๆวิญญาณ  แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่  เพราะว่ามีผู้พยากรณ์เท็จเป็นอันมากจาริกไปในโลก

ฮีบรู 4:12   เพราะว่า  พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ  คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ  ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก  และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้เราทุกคนได้รับการยกระดับการสำแดงจากพระเจ้าดั่งเช่นท่านยอห์น ได้รับเมื่อท่านอยู่ที่เกาะปัทมอส และท่านได้เขียนพระธรรมวิวรณ์

วิวรณ์ 4:1 ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่ และพระสุรเสียงแรกซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้น ได้ตรัสกับข้าพเจ้าดุจเสียงแตรว่า "จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นในภายหน้า"

วันนี้พระเจ้าต้องการให้เราได้รับมิติการสำแดงความจริงของพระองค์
เพื่อจะถ่ายทอดความจริงอันมีชีวิต(Rhema)ต่อไปสู่คนทั้งหลาย เพื่อเขาทั้งหลายได้ประจักษ์แจ้งในความจริงนิรันดร์(Logos)ของพระองค์

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น