“หีบมา ฟ้าเปิด กำแพงระเบิด เกิดการฟื้นฟู(ชีวิตฟื้นฟู)” นี่เป็นสรุปความคิดรวบยอด(Concept) ของการเปิดค่ายประจำปี 2012 UCC camp หัวข้อ “สวรรค์บุกรกโลก” เราได้เห็นภาพของการเดินหามหีบพันธสัญญาเข้ามาในห้องประชุม เป็นภาพเปรียบเทียบถึงการจัดทัพ ขับเคลื่อนตามการทรงนำของพระเจ้าในประวัติศาสตร์ชนชาติอิสราเอล ที่พวกเขาจะเคลื่อนไปที่ใดการทรงสถิตของพระเจ้าจะอยู่ที่นั่น ในรูปของสัญลักษณ์คือเสาเมฆและเสาเพลิง (อพย.13) เล็งถึงการนำและการปกป้องคุ้มภัยโดยพระหัตถ์ของพระยาเวห์
หีบพันธสัญญาจึงเป็นสัญลักษณ์ของการทรงสถิตของพระเจ้า เมื่อหีบพันธสัญญาเคลื่อนมา ฟ้าสวรรค์ก็เปิดออก กำแพงทองสัมฤทธิ์ที่เป็นเสมือนอุปสรรคขัดขวางก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง และการฟื้นฟูใหญ่ในชีวิตของเราจึงเกิดขึ้น เพราะสวรรค์ได้เคลื่อนลงมาบุกรุกชีวิตของเรา
ในวันนี้เราจึงต้องเปิดใจทำความเข้าใจในเรื่องหีบพันธสัญญา เพื่อเตรียมใจของเราให้เป็นสถานที่แห่งการทรงสถิตของพระเจ้า และชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลงตามพระประสงค์ของพระองค์ เรามาร่วมศึกษาเรื่องหีบพันธสัญญาร่วมกัน
นิยามและความหมายของหีบพันธสัญญา(Ark of the Covenant)
หากเราศึกษาในพระคัมภีร์ เราจะพบว่ามีคำเรียกของ “หีบพันธสัญญา” ไว้หลายคำ เช่น คำว่า…
หีบพระโอวาท หรือหีบพระบัญญัติ (Ark of the testimony) (อพย.25:22,อพย.40:3,กดว.3:31,7:89,ยชว.4:16) เป็นคำเรียกแรกสุดของหีบ ทั้งนี้เพื่อบรรจุแผ่นศิลาพระโอวาทของพระเจ้า
หีบพระโอวาท หรือหีบพระบัญญัติ (Ark of the testimony) (อพย.25:22,อพย.40:3,กดว.3:31,7:89,ยชว.4:16) เป็นคำเรียกแรกสุดของหีบ ทั้งนี้เพื่อบรรจุแผ่นศิลาพระโอวาทของพระเจ้า
อพย.25:22 แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงบรรจุพระโอวาทซึ่งเราจะให้ไว้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น (อพย.40:3 จงตั้งหีบพระโอวาทไว้ในพลับพลาและกั้นม่านบังหีบนั้นไว้)
หีบพันธสัญญา (Ark of the Covenant)
(กดว.10:33,ฉธบ.10:8,ยชว.3:3,14,วนฉ.20:27) คำเรียกว่า หีบพันธสัญญา เป็นการที่ย้ำเตือนให้ระลึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะมอบดินแดนแห่งพันธสัญญาให้กับชนชาติอิสราเอล นั่นคือ ดินแดนคานาอัน ซึ่งโยชูวาได้พาคนอิสราเอลเข้าไปครอบครองได้ (กดว.10:33 เขาทั้งหลายก็ออกเดินจากภูเขาของพระเจ้าระยะทางสามวัน หีบพันธสัญญาของพระเจ้านำหน้าเขาไปสามวันเพื่อหาที่พักให้เขา)
หีบแห่งพระเจ้า(Ark of the Lord)
(ยชว.3:13,1 ซมอ.4:6,1 ซมอ.3:3 ,2 ซมอ.6:2,1 พศด.13:5) คำเรียกนี้ เป็นการย้ำเตือนใจถึงการทรงสถิตของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ทำการอัศจรรย์ใหญ่ยิ่งแม้แต่น้ำจอร์แดนยังถูกเปิดออกให้คนอิสราเอลข้ามไปได้ (ยชว.3:13 และเมื่อฝ่าเท้าของปุโรหิตผู้หามหีบแห่งพระเจ้า พระเป็นเจ้าปิ่นสากลพิภพจะลงไปยืนอยู่ในแม่น้ำจอร์แดน น้ำในจอร์แดนจะคั่ง คือน้ำที่ไหลมาจากข้างบน น้ำนั้นจะหยุดเป็นกองเดียว) นอกจากนี้เป็นการยืนยันถึงความใหญ่ยิ่งของพระเจ้าแม้แต่ศัตรูต้องคร้ามกลัว(1ซมอ. 4:6 และเมื่อคนฟีลิสเตียได้ยินเสียงโห่ร้องดังเช่นนั้น เขาก็กล่าวว่า "เสียงโห่ร้องอึกทึกครึกโครมในค่ายของคนฮีบรูนั้นหมายความว่าอะไรกัน" และเขาทราบว่าหีบแห่งพระเจ้าเข้ามาในค่ายแล้ว)
แม้ว่าภายหลังพวกฟิลิสเตียรบชนะคนอิสราเอลและยึดหีบไปได้แต่พระเจ้าก็ไม่ได้สถิตอยู่ด้วย ทำให้พวกเขาได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของอิสราเอล(1ซมอ. 5:7 และเมื่อชาวเมืองอัชโดดเห็นอย่างนั้น เขาทั้งหลายกล่าวว่า "อย่าให้หีบแห่งพระเจ้าของอิสราเอลอยู่กับเราเลย เพราะว่าพระหัตถ์ของพระอยู่เหนือเราและเหนือพระดาโกนพระของเราอย่างหนัก")
หีบแห่งพระเจ้าของอิสราเอล(Ark of the God of Israel)
(1ซมอ.5:7,อพย.25:18-22,วนฉ.20:27-28) คำเรียกนี้จึงบอกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของอิสราเอล
สิ่งที่น่าสังเกตคือในภาษาไทยมีคำหลายคำ แต่ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Ark ซึ่งเป็นคำทับศัพท์ให้ความหมายรวมถึงหีบพันธสัญญา เรือโนอาห์(ปฐก.6) และตะกร้าที่ใส่โมเสสลอยน้ำ (อพย.2:5)
ลักษณะของหีบพันธสัญญา
หีบพันธสัญญาหีบพันธสัญญา พระเจ้าทรงบัญชาให้โมเสสสร้าง ตามพระบัญชาของพระเจ้า (อพย.25:18-22) สร้างโดยเบซาเลลและโอโฮลีอับ(อพย.36-37)และนำไปไว้ในพลับพลา เป็นหีบไม้กระถินเทศหุ้มทองคำทั้งด้านนอกด้านใน มีขนาด 1.22 x 0.76 x 0.76 เมตร
มีเครูบสองตนอยู่ตนละด้าน หันหน้าเข้าหากัน กางปีกออกปกพระที่นั่งแห่งพระกรุณา (ฮบ 9:4-5) หีบนี้ประดิษฐานอยู่ในห้องชั้นในสุดของกระโจมที่ประทับตั้งแต่สมัยโมเสส เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างพระวิหารแล้ว หีบนี้ถูกนำมาประดิษฐานไว้ในห้องชั้นในสุดที่เรียกว่า “อภิสุทธิสถาน” (Holy of Holies) เป็น "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด" ของพลับพลา
สิ่งที่บรรจุอยู่ในหีบพันธสัญญา มี 3 สิ่งคือ บรรจุแผ่นศิลาจารึกพระบัญญัติ 10 ประการ กับโถใส่มานา และไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม
(ฮบ.9:4 มีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบหุ้มด้วยทองคำทุกด้านสำหรับบรรจุพันธสัญญา ภายในหีบนั้นมีโถทองคำใส่มานา และมีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีศิลาสองแผ่นจารึกพันธสัญญา)
แท้ที่จริงสิ่งเหล่านี้คือสัญลักษณ์ที่ทำให้ชนชาติอิสราเอลไม่ลืมพันธสัญญาของพระเจ้า ที่พระองค์ไม่เคยละทิ้งชนชาติของพระองค์
1.โถใส่มานา เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงพันธสัญญาของพระเจ้า พระองค์ทรงพระนามว่า ยาเวห์ยีเรห์(Yahweh Jireh) พระเจ้าผู้ทรงจัดสรรสิ่งที่ดีเสมอ
มานาเป็นอาหารที่ตกจากสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้คนอิสราเอลเมื่อพวกเขาอยู่ใน
ถิ่นทุรกันดาร(อพย.16:31) แม้ว่าพวกเขาจะได้เข้าดินแดนคานาอันที่เต็มไปด้วยน้ำนม น้ำผึ้งที่บริบูรณ์ พวกเขาไม่ต้องรับประทานมานาแล้วแต่จะได้กินผลจากแผ่นดินแห่งพันธสัญญา
โถทองคำที่ใส่มานาเป็นตัวแทนการปฏิเสธของมนุษย์ต่อการจัดสรรเลี้ยงดูของพระ เจ้า ที่พวกอิสราเอลได้บ่นต่อพระเจ้าและโมเสสในถิ่นทุรกันดาร
ดังนั้น เราจึงต้องขอบพระคุณพระเจ้าเสมอในทุกสถานการณ์ และตระหนักว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงจัดสรรสิ่งที่ดีเสมอ
2.ไม้เท้าของอาโรน เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงพันธสัญญาของพระเจ้า พระเจ้ามีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่
("ไม้เท้า" ของหัวหน้าเผ่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจปกครอง ไม้เท้านี้อาจเป็นกิ่งไม้สดก็ได้ ในภาษาฮีบรูคำ matteh מַטֶּה หมายถึง ได้ทั้ง "ไม้เท้า" และ "'เผ่า" ซึ่งเป็นเหมือน "กิ่ง" ที่แตกจากตอ (อสย.11:1)
ไม้เท้าของอาโรนเป็นตัวแทนการปฏิเสธของมนุษย์ต่อผู้นำของพระเจ้า (กดว.16:1-50) ทั้งนี้เพราะมีพวกกบฏโคราห์ ซึ่งเป็นเผ่าเลวี ได้ตั้งตนเป็นกบฏต่อโมเสส และได้ชักจูงให้เผ่าเลวีและอิสราเอลบางส่วนติดตามเขา เนื่องจากไม่พอใจที่โมเสส และอาโรนโมเสสจึงอธิษฐานให้พระเจ้าทรงเลือกว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ โดยให้นำเครื่องหอมไปถวายต่อพระพักตร์พระเจ้าในสถานนมัสการ เมื่อโคราห์และพวกได้เข้าไปถวายเครื่องหอมบูชาแล้วเดินกลับออกมานอกพลับพลานั้น แผ่นดินก็สูบคนเหล่านั้น รวมทั้งครอบครัว และข้าวของทั้งหมดของพวกเขาด้วย แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้กล่าวว่า โมเสสได้พรากชีวิตของคนเหล่านั้น พระเจ้าจึงทรงได้ลงโทษคนอิสราเอล จนกระทั่งโมเสสได้ทูลขอต่อพระเจ้า และทำการถวายเครื่องบูชาลบมลทินให้ การลงทัณฑ์จึงได้ยุติลง แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้เสียชีวิตไปด้วยเหตุการณ์นี้กบฏโคราห์นี้มากถึง 14,700 คน
จากเหตุการณ์กบฏโคราห์ พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้โมเสสนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล และไม้เท้าของอาโรนสลักชื่อ และนำเข้าไปในพลับพลา และทรงตรัสว่า จะทรงสำแดงให้เห็นว่าใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก เมื่อนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าเข้าไปได้ 1 วัน โมเสสจึงได้นำไม้เท้าเหล่านั้นออกมา ปรากฏว่า มีเพียงไม้เท้าของอาโรนเท่านั้น ที่ออกดอกและผลอัลมันด์ อิสราเอลจึงได้ทราบถึงบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ (กดว. 17:8-10)
กดว. 17:10 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงนำไม้เท้าของอาโรนกลับไปวางไว้ต่อพระโอวาท เก็บไว้เป็นหมายสำคัญสำหรับเตือนพวกกบฏ เพื่อเจ้าจะให้เขาทั้งหลายยุติการบ่นว่าเรา เพื่อเขาจะไม่ต้องตาย"
ดังนั้น เราจึงต้องตระหนักถึงสิทธิอำนาจที่พระเจ้าทรงเจิมแต่งตั้ง(รม.13) โดยการเชื่อฟังอย่างนบนอบตามหลักการพระคัมภีร์
3.ศิลา 2 แผ่นที่พระเจ้าได้จารึกพระบัญญัติ 10 ประการ
ศิลา 2 แผ่นจารึกพระบัญญัติ เป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญชาให้กับชนชาติอิสราเอลและบัญชาให้โมเสสทำหีบเพื่อเก็บไว้(อพย.25:22) เพื่อให้นำอ่านพระบัญญัติให้คนอิสราเอลถือรักษา และศิลา 2 แผ่นจารึกพระบัญญัติ เป็นตัวแทนการปฏิเสธของมนุษย์ต่อมาตรฐานความบริสุทธิ์ของพระเจ้า แต่เพราะพระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา พระเจ้าได้เก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ในหีบพันธสัญญาและปิดไว้ด้วยพระที่นั่งกรุณาซึ่งมีปีกของเครูบปกคลุมไว้ (ฮีบรู 9.5) เพียงปีละครั้งที่มหาปุโรหิตจะเข้าไปในอภิสุทธิสถานซึ่งเก็บหีบพันธสัญญาเพื่อประพรมเลือดของสัตวบูชาบนพระที่นั่งกรุณานั้น สิ่งนี้หมายความว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าซึ่งมีสายตาของเครูบเป็นตัวแทนจะไม่มองเห็นถึงสัญลักษณ์การกบฏของมนุษย์ต่อพระเจ้า ตราบใดที่มีเลือดประพรมบนพระที่นั่งกรุณา พระองค์จะมองเพียงเลือดที่ไถ่บาปให้แก่มนุษย์
ในทุกวันนี้ พระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิตของเราและพระองค์ได้ประพรมพระโลหิตของพระองค์เองไว้บนพระที่นั่งกรุณาที่แท้บนสวรรค์(ฮบ.4:14-15) เราจึงเข้าเฝ้าพระเจ้าโดยสิทธิพิเศษผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์บนพระที่นั่งกรุณานั้น เราจึงสามารถยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบตลอดชั่วนิรันดร์
หีบพันธสัญญานำมาซึ่งการทรงสถิตในชีวิต
หีบพันธสัญญาเป็นหัวใจหรือศูนย์กลางที่สร้างความเป็นเอกภาพให้เกิดขึ้นในการนมัสการพระเจ้า สมัยที่อิสราเอลตั้งหลักแหล่งใหม่ๆ หีบนี้อาจเก็บไว้ที่กิลกาล (ยชว.4:15-24) ภายหลังจึงย้ายไปเก็บที่เมืองเบธเอล (วนฉ.20.27) ในสมัยซามูเอล หีบนี้เก็บไว้ที่เมืองชิโลห์ (1ซมอ.3.3)โดยเชื่อว่าหีบใบนี้มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับพระเจ้าจึงมีฤทธานุภาพอยู่ในตัว ดังนั้นในยามเกิดสงคราม พวกเขาจะหามหีบพันธสัญญานำหน้ากองทัพเพื่อบำรุงขวัญบรรดานักรบของพระเจ้า (1ซมอ.4.5-9)
และใช้พระนามใหม่ที่เกี่ยวข้องกับหีบพันธสัญญาว่า "ยาห์เวห์ สะบาโอธ"(Yahweh Sabaoth) แปลว่า "พระเจ้าจอมโยธา" แสดงว่า พระเจ้าทรงจอมทัพของพวกเขา (1ซมอ.4.4)
เมื่อคนฟีลิสเตียมาบุกอิสราเอล(1ซมอ.4:1-22,5:1-0) และได้ยึดหีบพระพันธสัญญาไปวางไว้ในวิหารแห่งพระดาโกน เมื่อเช้าขึ้นมา พระดาโกนก็ล้มคว่ำหน้าลงมายังพื้นดินตรงหน้าหีบพระโอวาท และเมื่อชาวฟีลิสเตียยกพระดาโกนขึ้นตั้ง วันรุ่งขึ้น พระดาโกนก็ล้มลง เศียรพระดาโกนก็หักออก แสดงให้เห็นว่า การมีหีบพันธสัญญา หรือครอบครองบางสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า พระเจ้าทางสถิตอยู่ด้วย สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์เมื่อคนที่ครอบครองสิ่งเหล่านั้นและใช้พระนามใหม่ที่เกี่ยวข้องกับหีบพันธสัญญาว่า "ยาห์เวห์ สะบาโอธ"(Yahweh Sabaoth) แปลว่า "พระเจ้าจอมโยธา" แสดงว่า พระเจ้าทรงจอมทัพของพวกเขา (1ซมอ.4.4)
การประพฤติตนตามที่พระเจ้าทรงปรารถนาต่างหากที่พระเจ้าจะสถิตอยู่ด้วย เพราะเมื่อใดที่เราทำบาป และไม่ยอมกลับใจใหม่ เมื่อนั้นพระสิริของพระเจ้าได้พรากจากเราไปแล้ว!
ต่อมาเมื่อกษัตริย์ดาวิด (2ซมอ.6) ได้นำหีบพันธสัญญากลับมาจากชาวฟีลิสเตีย ได้นำหีบขึ้นเกวียนบรรทุก โดยมีอุสซาห์ และอาบีนาดับเป็นผู้ดูแล เมื่อระหว่างทางโคสะดุด อุสซาห์ได้เอื้อมมือไปจับหีบพระโอวาท พระพิโรธของพระเจ้าก็ขึ้นกับอุสซาห์ และทรงประหารเขาที่นั่นเพราะเขาเหยียดมือออกจับหีบนั้น (ทั้งนี้ เนื่องจากในพระบัญญัติห้ามมิให้บุคคลทั่วไปแตะต้องหีบพระโอวาท การขนส่งหีบพระโอวาทให้กระทำโดยการหาบด้วยคานหาม)
กษัตริย์ดาวิดจึงทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า (1พศด.15)ทรงรับสั่งให้คนเลวีนำหีบพันธสัญญามาที่กรุงเยรูซาเล็ม นำมาไว้ที่เต็นท์ และได้แต่งตั้งให้มีนักร้องเพลงเผยพระวจนะจำนวน 288 คน และนักดนตรี 4,000 คน ที่ทำการปรนนิบัติหน้าพระพักตร์ มีการอธิษฐานวิงวอน ขอบพระคุณ สรรเสริญพระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน นี่คือพลับพลาของดาวิด ที่พระเจ้าทรงพอพระทัยและทรงสถิตอยู่ด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเลย แต่สิ่งนี้ก็เป็นแผนการของพระเจ้าสำหรับอิสราเอล
ภายหลังราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ชนชาติอิสราเอลหันจากทางของพระเจ้า พระเจ้าจึงลงโทษให้พวกเขาพ่ายแพ้สงครามและตกเป็นเชลย กรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารถูกกองทัพบาบิโลนทำลายในปี 587 ก.ค.ศ. หีบพันธสัญญานี้หายไปไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ใดแม้ว่าหีบหายไปแต่พระสิริของพระเจ้าไม่จางหายไปจากชีวิตของเรา
หีบพันธสัญญาเป็นที่แห่งการทรงสถิตของพระเจ้า และปัจจุบัน เราคือพลับพลาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1คร. 3:16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน)
เราจะต้องรักษาชีวิตของเราเสมอไม่กระทำบาปและทำให้พระสิริของพระเจ้า พรากไปจากชีวิตของเราเหมือนดังที่ชาวอิสราเอลทำบาปถูกชาวฟิลิสเตียทำลายเมืองและยึดหีบพันธสัญญาไปได้(1ซมอ.4:1-22) นำความโศกเศร้าแม้แต่ภรรยาฟีเนหัสยังตั้งชื่อลูกเพื่อเตือนใจว่า"พระสิริพรากไปจากอิสราเอลแล้ว" (1ซมอ.4:21 นางให้ชื่อเด็กนั้นว่า อีคาโบด {แปลว่า พระสิริ} หายไปไหน หรือ ไม่มีพระสิริ กล่าวว่า "พระสิริพรากไปจากอิสราเอลแล้ว")
เตรียมชีวิตเคลื่อนไปสู่หีบพันธสัญญาแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า
วว.11:19 แล้วพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ก็เปิด ในพระวิหารนั้นเห็นมีหีบพันธสัญญาของพระองค์ แล้วก็มีสายฟ้าแลบ และเสียงต่างๆฟ้าร้อง แผ่นดินไหว ลูกเห็บก็ตกอย่างหนัก
ในพระธรรมตอนนี้บอกให้เราได้ทราบว่าตอนนี้หีบพันธสัญญาอยู่บนสวรรค์ และในวว.4:1 เป็นภาพวิวรณ์ที่อัครสาวกยอห์น เห็นว่าให้ว่าประตูแห่งสวรรค์เปิดอยู่ และมีคำเชื้อเชิญว่า จงขึ้นมาบนนี้เถิด (Come up here!)ให้เราทั้งหลายได้ขึ้นไปบนนั้น
วว. 4:1 ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่ และพระสุรเสียงแรกซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้น ได้ตรัสกับข้าพเจ้าดุจเสียงแตรว่า "จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นในภายหน้า"
ในค่าย “สวรรค์บุกรุกโลก” ที่ผ่านมา ดร.ซูซาน วัตสัน(Dr.Susan Watson) ได้หนุนใจเราทั้งหลายในชั่วโมงสุดท้ายของการสอนว่า กษัตริย์ดาวิดได้เขียนบทเพลงสดุดีเป็นบทเพลงแห่งการแห่ขึ้น ที่ท่านได้จัดทัพแห่งการนมัสการ ชนเผ่าต่างๆของอิสราเอลเพื่อจะมุ่งหน้าไปสู่การทรงสถิตของพระเจ้าที่ศิโยน ในวันนี้เราจะขึ้นบันไดไตร่ขึ้นไปบนพระวิหารแห่งสวรรค์ เพื่อเคลื่อนไปสู่การทรงสถิตของพระเจ้าที่มากขึ้นและสูงขึ้นในระดับใหม่
ดังนั้นคริสตจักรจึงต้องปลดปล่อยการป่าวประกาศนำสวรรค์มาสู่โลกตามคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ทรงประทับอยู่ในโลกนี้ (มธ.6:10) สิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำนำการปฏิวัติของสวรรค์มาสู่โลกปลดแอกจากการปกครองของมารและเกิดการปฏิรูปจากวิญญาณศาสนา ไปสู่น้ำพระทัยของพระบิดาที่สำเร็จในโลกนี้ พระองค์ทรงทำสำเร็จแล้วที่กางเขน ถึงเวลาที่คริสตจักรต้องสานต่อแผนการความสำเร็จนี้มาสู่โลกในวันนี้
เราจะเคลื่อนไปในระดับแห่งพระสิริที่สูงขึ้น Come up here ขึ้นมาเลย!
Hey! พระเยซูรักเรา และเราก็จะเดินในเส้นทางนี้ เพราะพระองค์อยู่กับเรา!
แท้จริงพระเจ้ายังคงใช้วิธีการของพระองค์ในแบบฉบับของพันธสัญญาเดิมอยู่ไม่น้อย เพราะพระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ตอบลบพระองค์ยังทรงประทานและตอบแทนตามหลักการของการหว่านและการเก็บเกี่ยว เพราะมีวาระ และวิธีการสำหรับทุกสิ่ง
คนพ่ายแพ้คิดว่า การหลงเพลินในบาป ทำบาปแล้วไม่เป็นไร พระเจ้ามีพระคุณ และเมตตา หารู้ไม่ว่า พระเจ้าไม่เพียงมีพระคุณ พระเมตตา แต่พระองค์ทรงความยุติธรรม และชอบธรรมด้วย
Exactly!
ลบขอบคุณที่ได้ความรู้และเรื่องราวของพระเจ้ามากขึ้น
ตอบลบขอบคุณที่ได้ความรู้และเรื่องราวของพระเจ้ามากขึ้น
ตอบลบ