24 พฤษภาคม 2555

Acts 5:12-16_คริสตจักรที่มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์

ศึกษาพระธรรมกิจการของอัครทูต
คริสตจักร "ต้นแบบ"ตามพระบัญชา
กิจการของอัครทูต 5:12-16
12 มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์หลายอย่าง ซึ่งอัครทูตได้ทำด้วยมือของตนในหมู่ประชาชน พวกสาวกอยู่พร้อมกันในเฉลียงของซาโลมอน
13 คนอื่นๆไม่อาจเข้ามาอยู่ด้วย แต่ประชาชนเคารพอัครทูตมาก
14 มีชายหญิงเป็นอันมากที่เชื่อถือ ได้เข้ามาเป็นสาวกของพระเจ้ามากกว่าก่อน
15 จนเขาหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้ถูกเขาบางคน
16 ประชาชนได้ออกมาจากเมืองที่อยู่ล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็ม พาคนป่วย และคนที่มี
ผีโสโครกเบียดเบียนมา และทุกคนก็หาย
อารัมภบท

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน เราได้ศึกษาพระธรรมกิจการฯต่อเนื่องกันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากครั้งที่ผ่านมา ในบทที่ 5:1-11ซึ่งเป็นการชำระคริสตจักรให้บริสุทธิ์โดยพระเจ้า เพื่อทำให้คริสตจักรมีความชอบธรรมและเป็นที่น่ายำเกรงในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และในครั้งนี้เราได้เห็นถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เป็นสัญญาณทำให้เราทั้งหลายได้ตระหนักถึงการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางผู้เชื่อ เมื่อเราเชื่อ เราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เมื่อเราศึกษาพระธรรมกิจการฯ เราจะพบว่าคริสตจักรในสมัยนั้นเป็นต้นแบบของความมีชีวิตชีวา มีความรัก และเต็มไปด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ปกติ แต่เรากลับเห็นได้น้อยมากในคริสตจักรสมัยปัจจุบัน คำถามคือทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น ในวันนี้เราจะมาศึกษาร่วมกัน เพื่อเราจะได้เข้าใจถึงต้นแบบของคริสตจักรที่มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ว่ามีการอัศจรรย์และหมายสำคัญอะไรบ้างที่เราได้รับการเรียนรู้ เราจะมาศึกษาร่วมกัน

1.ข้อสังเกตเพื่อใคร่ครวญ
ในข้อ 12-16 เราได้เห็นถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นอย่างหลากหลายและเป็นที่ประจักษ์แจ้งถึงการทรงสถิตของพระเจ้า เชื่อว่าผู้คนในสมัยนั้นคงจะยำเกรงพระเจ้ามาก ไม่กล้าที่จะทำบาปเพราะเขาเห็นพระเจ้าลงโทษผู้ที่ทำบาปคืออานาเนียและสัปฟีรา ตายไป(กจ.5:1-11)สิ่งที่เกิดขึ้นที่เราสังเกตได้คือ บรรยากาศแห่งความยำเกรงพระเจ้า และความเชื่อในฤทธานุภาพของพระเจ้า นี่เป็นเหตุผลถึงการที่พวกเขาได้เห็นถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย (กจ.2:43 เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญหลายประการ)แม้แต่แค่เงาของอัครทูตเปโตรผ่านก็สามารถเกิดการรักษาโรคได้ (กจ.5:15จนเขาหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้ถูกเขาบางคน)นี่คือความเชื่อที่น่าประทับใจ สิ่งที่สำคัญคือ หมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากฤทธานุภาพของพระเจ้า ไม่ใช่ของอัครทูตหรือผู้ที่ทำ ดังนั้นผู้ที่ทำการอัศจรรย์ต้องมีใจที่ถ่อม ไม่โอ้อวด เพราะสิ่งที่ทำนั้นมาจากการออกพระนามของพระเจ้า คือ พระเยซูคริสต์ และสิ่งที่สำคัญอีกประกาศคือ การแสวงหาพระพักตร์มากกว่าแสวงหาพระหัตถ์ ขอบพระคุณพระเจ้าและสรรเสริญในสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นไม่ได้เห็นแก่สิ่งที่พระองค์กระทำ จะไม่เป็นประโยชน์เลย หากเราแสวงหาการอัศจรรย์ จนทำให้เราหลงระเริงในสิ่งนั้นมากกว่าการที่เรายำเกรงและมุ่งแสวงหาพระเจ้า เพราะแม้แต่ผีการทำการอัศจรรย์ได้ หรือหากทำก็ไม่ส่งผลที่ดีแถมตกเป็นทาสของผีด้วย อย่างกรณีบุตรของเสวา(กจ.19:13-14 13 แต่พวกยิวบางคนที่เที่ยวไปเป็นหมอผีพยายามใช้พระนามของพระเยซูเจ้า ขับผีร้ายว่า "เราสั่งเจ้าโดยพระเยซูซึ่งเปาโลได้ประกาศนั้น" 14 พวกยิวคนหนึ่งชื่อเสวาเป็นปุโรหิตใหญ่ มีบุตรชายเจ็ดคนซึ่งทำอย่างนั้นปรากฏว่าถูกผีกล่าวย้อนให้ และต่อสู้จนต้องหนีตัวเปลือยเปล่าออกไปและบาดเจ็บ
15 ฝ่ายผีร้ายจึงพูดกับเขาว่า "พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล  ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า"
16 คนที่มีผีสิงนั้น จึงกระโดดใส่คนเหล่านั้นและต่อสู้จนชนะเขาได้ เขาต้องหนีออกไปจากเรือนตัวเปล่าและมีบาดเจ็บ)
ในข้อ 17 บรรยายต่อไปว่า "เรื่องนั้นได้ลือกันไปถึงหูคนทั้งปวงที่อยู่ในเมืองเอเฟซัส ทั้งพวกยิวกับพวกกรีก และคนทั้งปวงก็พากันมีความเกรงกลัว และพระนามของพระเยซูเจ้าก็เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ"
หมายสำคัญและการอัศจรรย์นั้น นำมาซึ่งความยำเกรง ยำเกรงเพราะได้ประจักษ์แจ้งถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า หมายสำคัญและการอัศจรรย์สำแดงถึงฤทธานุภาพของพระเจ้าอัครทูตได้รับความเคารพยำเกรง เป็นผลมาจากหมายสำคัญและ การอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำผ่านมือของอัครทูต ไม่มีอำนาจใดอาจต้านทานได้

2.ข้อคิดสะกิดใจ

สิ่งที่เป็นข้อคิดคือเมื่อมีหมายสำคัญการอัศจรรย์ สิ่งที่จะตามมาคือการประกาศข่าวประเสริฐที่แพร่กระจายไป และเห็นถึงการเกิดผลอย่างมาก (กจ.5:14 บรรยายต่อไปว่า
มีชายหญิงเป็นอันมากที่เชื่อถือ ได้เข้ามาเป็นสาวกของพระเจ้ามากกว่าก่อน
นั่นคือ หมายสำคัญและการอัศจรรย์ ไม่เพียงจะนำมาซึ่งความยำเกรงแล้ว ได้นำมาซึ่งการเจริญเติบโต พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า มีทั้งชายและหญิงเป็นอันมาก ที่มาเชื่อถือ และเข้ามาเป็นสาวกมากกว่าก่อน  นั่นคือ ไม่ใช่น้อย ๆ แต่เป็นอันมาก และมากกว่าก่อนเสียอีกด้วย แต่ก่อนเป็นอย่างไร
กจ.2:41 บอกว่า... ประมาณสามพันคน
กจ.2:47 บอกว่า...มีคนมาเชื่อเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
กจ.4:4 บอกว่า...นับเฉพาะผู้ชายมีจำนวนนับได้ห้าพันคน
นั่นแสดงว่า มีการเจริญเติบโตที่ทวีคูณมากยิ่งขึ้นอย่างมากมาย
หมายสำคัญและการอัศจรรย์ ทำให้คนตระหนักว่าพระเจ้าเป็นแหล่งแห่งความช่วยเหลือ
หมายสำคัญและการอัศจรรย์ ทำให้คนตระหนักว่าพระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง
หมายสำคัญและการอัศจรรย์ ทำให้คนตระหนักว่าสามารถเข้ามา พึ่งพาพระเจ้า
ฉะนั้นคริสตจักรจึงเป็นสื่อสวัสดิภาพที่จะนำพระพรของพระเจ้าออกไป หน้าที่ของผู้เชื่อคือการออกไปประกาศข่าวประเสริฐนี้ และเมื่อเราไปเราจะนำพระพรของพระเจ้าไปสู่คนทั้งหลาย และหมายสำคัญและการอัศจรรย์จะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
จะเห็นได้ว่าคริสตจักรในสมัยกิจการฯ ไม่เพียงแต่คนในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น ที่ได้รับพระพร ไม่เพียงแต่คนในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น ที่ได้รับการรักษาโรค
ไม่เพียงแต่คนในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น ที่ได้รับการปลดปล่อยจากผีร้าย
คนรอบ ๆ กรุงเยรูซาเล็มที่พากันออกมา ไม่ว่าคนเจ็บคนป่วย คนที่ผีเข้าก็ได้รับการรักษาให้หายดี  นี่แหละผลของหมายสำคัญและการอัศจรรย์ “ที่นำมาซึ่งพระพร” อย่างทั่วหน้า
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกก็เพื่อการนี้ เพื่อนำพระพรและ การปลดปล่อยมาให้แก่คนทั้งปวง
พระเยซูได้เข้าไปในธรรมศาลาและได้อ่านจากหนังสืออิสยาห์บทที 61 ซึ่งเป็น คำเผยพระวจนะ
ลก. 4:17-19
17 เขาจึงส่งพระคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ค้นพบข้อที่เขียนไว้ว่า
18 พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูก
บีบบังคับเป็นอิสระ
19 และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า
นี่คือภารกิจของพระเยซู พระองค์เสด็จเข้ามา ในโลกนี้เพื่อนำพระพรมาให้คนทั้งปวงพระองค์มาเพื่อนำข่าวดีมาให้คนยากจน พระองค์มาเพื่อร้องประกาศอิสรภาพให้แก่บรรดาเชลย  พระองค์มาเพื่อประกาศให้แก่คนตาบอดว่าเขาจะเห็นได้ พระองค์มาเพื่อปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ และพระองค์มอบหมายงานนี้ให้กับเราทั้งหลายในฐานะของผู้เชื่อที่ต้องออกไปประกาศจนสุดปลายแผ่นดินโลกและออกไปด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ (มธ.28:18-20)(กจ.1:8)
มธ.28:18-20
18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"
กจ.1:8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"

คำถามในวันนี้คือ เราพร้อมหรือยังที่จะเป็นพันธรของข่าวประเสริฐ ที่จะไปปลดปล่อยพันธนาการให้กับคนทั้งหลายจากความบาปความตาย ด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า ?

3.ข้อสรุปเพื่อการประยุกต์ใช้
จากพระธรรมตอนนี้ เราได้หลักการคือหมายสำคัญและการอัศจรรย์ เป็นสิ่งที่สำแดงถึงความประจักษ์แจ้งในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเราต้องมีความคาดหวังที่จะออกไปประกาศข่าวประเสริฐและทำการอัศจรรย์ด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า โดยนำพระพรของพระองค์ไปสู่คนทั้งหลาย
ในวันนี้หมายสำคัญและการอัศจรรย์ ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตของเรา ขอให้เราทั้งหลายมีความเชื่อ เมื่อเราเชื่อเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพร พบกันใหม่ในโอกาสต่อไปครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น