สถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ทำให้เรามีมุมมองใหม่ จากความเข้าใจที่ได้เรียนรู้จักพระเจ้าผ่านในทุกสถานการณ์ และเกิดคำนิยามที่เป็นแบบฉบับของเราเอง
สำหรับผมแล้ว วิกฤตกาลน้ำท่วมครั้งนี้ ขอให้นิยามใหม่ เปลี่ยนจากผู้"ประสบ"ภัยน้ำท่วม เป็นผู้"ผจญภัย" น้ำท่วม เพราะคำว่า "ผจญภัย" เป็นสิ่งที่ตื่นเต้นและท้าทาย ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ การผจญภัยจะมีเส้นทางความสำเร็จที่ปลายทาง เชื่อว่าจะผ่านไปได้ เพราะข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า (ฟิลิปปี 4:13) คงต้องหนุนใจให้ผู้ที่ผจญวิกฤตกาลน้ำท่วมในครั้งนี้ให้สู้ต่อไปผู้ผจญภัยน้ำท่วมทั้งหลาย
ในวิกฤตกาลน้ำท่วมในครั้งนี้ ขอเปรียบเปรยเหตุการณ์ต่างๆในพระคริสตธรรมคัมภีร์ จะเห็นได้ว่ามีหลายสิ่งที่น่าท้าทายทำให้เราได้ผจญภัย เรียนรู้สิ่งใหม่จากพระเจ้า โดยเริ่มต้นจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกสมัยโนอาห์ ใน"ปฐมกาล" จำเป็นต้อง"อพยพ"ผ่าน"ลำธารวิถี"ไม่ใช่"กันดารวิถี" แต่ก็ประสบปัญหาการกันดารอาหาร ไปซื้อของที่ไหน ของใช้ของกินก็หมด แถมราคาแพงกว่าปกติหลายเท่าตัว สถานการณ์ทุกอย่างเป็นบททดสอบที่เราต้องผ่านบททดสอบ จากพระเจ้า แต่เชื่อว่าเราทุกคนจะสอบผ่านได้ เพราะมีการเฉลยข้อสอบไว้แล้ว เมื่อเราได้ไปอ่านในพระธรรม"เฉลยธรรมบัญญัติ" พระเจ้ามีวิถีทางที่ดีกลับเราเสมอ และท้ายสุดเราจะได้ร้องบทเพลง"สดุดี" เนื่องจากพระเจ้าเป็นผู้พลิกฟื้นนำไปสู่สภาพที่ดี
สดุดี 126:1-3
1 เมื่อพระเจ้าทรงให้ศิโยนกลับสู่สภาพดี เราก็เป็นเหมือนคนที่ฝันไป
2 ปากของเราได้หัวเราะเต็มที่ และลิ้นของเราได้เปล่งเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน แล้วเขาได้พูดกันท่ามกลางประชาชาติว่า "พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เขา"
3 พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เรามีความยินดี
ในวันนี้ขอหนุนใจสำหรับผู้ผจญภัยในลำธารวิถี เราต้องต้องผจญกับสิ่งต่างๆ ฉะนั้นต้องเรียนรู้เรียนรู้เพื่อจะฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่เส้นชัยได้ พร้อมผจญภัยร่วมกันแล้วใช่ไหมครับ
รู้จักเส้นทางการผจยภัย
ในการผจญภัยในลำธารวิถี สิ่งที่จะต้องเรียนรู้คือ การทำความเข้าใจ รู้จักน้ำท่วมให้มากขึ้น
ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเรามีวิธีการจัดการน้ำกันอย่างไรเพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้นและลดภาวะตื่นตระหนักอันมาจากมูลที่มากล้นจนเกินไป
ผมประทับใจในข้อมูลต่างๆ ที่ทางหน่วยงานต่างจัดทำขึ้น และส่งข้อมูลให้แก่กันและกันในสังคม Online จนเกิดสุภาษิตใหม่ คือ "น้ำขึ้นให้รีบบอก"เป็นการบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังถึงสิ่งต่างๆเพื่อให้เราได้เตรียมตัวในการผจญภัยกับวิกฤตกาลน้ำท่วมในครั้งนี้
สาเหตุหลักที่น้ำท่วมในครั้งนี้คือ เมื่อก่อนมนุษย์เราเรียนรู้จักธรรมชาติ จึงพยายามปรับตัวเข้ากับสถาพแวดล้อมทางธรรมชาติ แต่เมื่อความเจริญทางเทคโนโลยี่มากขึ้น ทำให้มนุษย์เราเริ่มปรับธรรมชาติเข้ากับวิถีชีวิตของตน ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัย มีการพยายามควบคุมธรรมชาติโดยวิธีการสร้างเขื่อน สร้างแนวป้องกันต่างๆเพื่อป้องภัยทางธรรมชาติ ฉะนั้นมนุษย์จึงดำเนินชีวิตอยู่บนการควบคุมธรรมชาติแทนที่จะปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ และวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้ ทำให้มนุษย์ตระหนักได้ว่า มนุษย์ไม่สามารถควบคุมธรรมชาติ อย่าคิดว่า "เอาอยู่"
ผู้ที่สามารถควบคุมธรรมชาติได้คือพระเจ้า ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งนั่นเอง
สดุดี 33:6-8
6 โดยพระวจนะของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้นมา กับบริวารทั้งปวง ก็ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์
7 พระองค์ทรงรวบรวมน้ำทะเลเหมือนอย่างทำนบ และทรงเก็บที่ลึกไว้ในคลัง
8 ให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นยำเกรงพระเจ้า ให้บรรดาชาวพิภพทั้งปวงยืนตะลึงพรึงเพริดต่อพระองค์
ดังนั้นเราต้องทำความรู้จักน้ำ และเรียนรู้ในการเผชิญจะช่วยให้เราสามารถประเมินสถานการณ์ได้ด้วยตนเองเพื่อวางแผน เตรียมความพร้อม เพื่อให้เราจะไม่ต้องเป็นผู้ประสบภัยแม้ในยามน้ำท่วม เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เตรียมตัวให้พร้อมแม้ต้องอพยพ
เราต้องรวบรวมวิธีการ และข้อควรทำต่างๆ ในการอพยพ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัวออกจากบ้าน การเดินทางไปจนถึงการเข้า ‘Check-in’ ที่ศูนย์อพยพอย่างปลอดภัย หรือไปพักตามบ้านของญาติพี่น้องของเรา การเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆอย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องเตรียมตุนเสบียงให้พร้อม เตรียมสิ่งของอย่างมีสติ โดยการพิจารณาว่าในการใช้ชีวิตโดยปกติของเรานั้น มีความต้องการกิน ต้องการใช้มากหรือน้อยแค่ไหน เพื่อให้ใน สถานการณ์น้ำท่วม แบบนี้ เราจะได้ซื้อของเพื่อ “ตุน” ได้อย่างเหมาะสมและพอดีกับความต้องการ
พึ่งพากันและกัน อย่าเดินอย่างเดียวดาย
น้ำท่วมครั้งใหญ่ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในเรื่องที่เป็นความจำเป็นพื้นฐาน ชีวิตที่ต้องพึ่งพา ความสะดวกสบาย หิว หรือกระหายน้ำขึ้นมาเมื่อไร ก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้ออาหารสำเร็จรูป ซื้อน้ำดื่มบริโภค
เมื่อระบบการผลิต และกระจายสินค้า ซึ่งกระจุกตัวอยู่ในแหล่งเดียวกัน พังทะลายลงเพราะกระแสน้ำ บะหมี่สำเร็จรูป น้ำดื่ม ไข่ไก่ ข้าวสาร ก็หายไปจากชั้นในห้างสรรสินค้า หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ ที่เมื่อก่อนคนในกรุงเทพฯ พูดได้ว่า"หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา" เพราะร้านค้าแบบนี้มีกระจายอยู่ทุกซอกซอย เพราะผู้คนแตกตื่น แห่กันไปซิ้อตุนไว้ ของเก่าหมดไป ในขณะที่ของใหม่ไม่มีเข้ามาเติม เนื่องจากโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าถูกน้ำท่วม แต่วิกฤตกาลน้ำท่วมครั้งนี้ สะท้อนว่า พฤติกรรมของคนในเมืองหลวงต้องเปลี่ยนแปลงไปต้องรู้จักที่จะวางแผนการเก็บอาหารแห้งหรือเครื่องอุปโภคไว้ในยามฉุกเฉิน
ความเสี่ยงที่เป็นเรื่องใกล้ตัวอีกอย่างหนึ่ง คือ ตู้ ATM ที่มีอยู่เต็มไปหมด ไม่แพ้ร้านสะดวกซื้อ กดเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตราบใดที่มีเงินสดในบัญชี แต่ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมหนักจนต้องตัดกระแสไฟฟ้า หรือ รถเขนเงินเข้าไม่ถึง ตู้ ATM กลายเป็นเศษเหล็กที่ไร้ประโยชน์ นายธนาคารต้องประกาศให้ ประชาชนสำรองเงินสดเอาไว้ใช้ เพราะพึ่งตู้ ATM ไมได้แล้ว
น้ำท่วมครั้งนี้ ยังทำให้คนจำนวนไม่น้อย รู้ตัวว่า ตนนั้น เป็นที่พึ่งแห่งตนไม่ได้เลย เราต้องมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยากลำบาก ตามพระธรรมสุภาษิตที่ว่า
สุภาษิต 17:17 มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก
ดังนั้น การพึ่งพาอาศัยกันจึงเป็นการร่วมฝ่าพันวิกฤตไปด้วยกัน หากเรามีความสุขแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่น ความสุขที่เรามีก็จะเป็นสองเท่า เพราะการให้เป็นเหตุให้ได้รับความสุขยิ่งกว่าการรับ (กจ.20:35)แต่หากเรามีความทุกข์ เราแบ่งปันความทุกข์ให้แก่กัน ความทุกข์ที่มีก็จะแบ่งเบาเหลือเพียงครึ่งเดียว
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่มุมมองที่เราจะต้องเผชิญกับมันให้ได้ มีคำกล่าวที่ว่า "ทุกข์" มีไว้เพื่อ "เห็น" ไม่ใช่เพื่อให้"เป็น"
ศบ.ริค วอร์เรน กล่าวว่า "ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นวิกฤตหรือเป็นโอกาสจะถูกกำหนดโดยสิ่งที่คุณทำอะไรกับมัน"
(Whether an event is a crisis or an opportunity is determined by what you do with it.- Rick Warren)
เราสามารถมองปัญหาได้ด้วยความเข้าใจ เห็นถึงปัญหา และใช้วิกฤตเปลี่ยนเป็นโอกาสที่เราจะเข้ามาพึ่งพาพระเจ้า เป็นโอกาสทองของผู้อ่อนแอเข้าหาพระเจ้า
2โครินธ์ 12:9-10
9 แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น" เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า
10 เหตุฉะนั้นเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงชื่นใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า ในการประทุษร้ายต่างๆในความยากลำบาก ในการถูกข่มเหง ในความอับจน เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะแข็งแรงมากเมื่อนั้น
ร่วมฟันฝ่าสู่จุดหมายปลายทาง
การผจญภัยในลำธารวิถีในครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่เราในฐานะคริสตชนที่ดี ที่จะไปสำแดงความรักของพระเจ้าให้คนทั่วไปได้เห็น
ฮีบรู 13:15-16
15 เหตุฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป โดยทางพระองค์นั้น คือคำกล่าวยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์
16 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
คริสเตียนที่เข้าใจเรื่องพระคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง จะอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญพระเจ้า ในทุกสถานการณ์ เป็นสิ่งไม่แปลกที่เรามักพบว่า คนของพระเจ้าอยู่ในที่ใด มักมีเสียงเพลงนมัสการและคำยกย่องสรรเสริญพระเจ้าอยู่ที่ริมฝีปากของเขาเสมอ เช่น ฮาเลลูยา ขอบคุณพระเจ้า ทั้งนี้ เพราะพระเจ้าทรงดีต่อชีวิตของคนของพระองค์เสมอ การยกย่องสรรเสริญพระคริสต์ด้วยการกระทำดี ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถกระทำได้
เราควรมีน้ำใจแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้แก่คนที่ด้อยโอกาสหรือพี่น้องของเราที่ยากลำบากหรือมีน้อยกว่าเรา เพราะสิ่งนี้แหละจะเป็นเครื่องบูชาอันเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
แท้จริง แนวความคิดเกี่ยวกับการกระทำดี เกี่ยวข้องกับการถวายตัวของเรา คือ การอุทิศชีวิตของเราในการกระทำสิ่งที่ดี
รม.12:1-2
1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย
2 อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
เหตุผลที่เราควรกระทำดีต่อคนทั้งปวง เพราะจะเป็นเหตุให้คนมากมายสรรเสริญพระเจ้าจากชีวิตของเรา และเปิดใจต้อนรับพระคุณความรักของพระองค์ในที่สุด
มธ.5:16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
สิ่งนี้เป็นการตอบสนองน้ำพระทัยที่ปรารถนาให้คนทั้งปวงได้รับความรอด อันเป็นการถวายเกียรติพระเจ้า ในเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ให้เราเป็นผู้ผจญภัยและร่วมฝ่าฝันไปสู่หลักชัยได้ และที่สำคัญคือเราจะต้องช่วยกันและกันให้ผ่านวิกฤตกาลในครั้งนี้ให้ผ่านไปได้
(ลงข่าวคริสตชน 14/11/11)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น