เมื่อพูดถึงคำว่า "รัก" ในภาษาไทย อาจจะมีความจำกัด เพราะใช้คำว่า "รัก" เป็นคำเดียวแต่มีความหมายหลายแบบ สำหรับในภาษากรีกซึ่งเป็นรากศัพท์ของภาษาอังกฤษจะใช้คำที่แตกต่างกัน ในระดับต่างๆ ในดีกรีความรักที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
Eros (ἔρως) = ความรักระหว่างเพศ หรือความใคร่
Philia(φιλία)= ความรักฉันสามีภรรยาหรือเพื่อน รักใคร่ผูกพัน
Storgē(στοργή)= ความรักแบบครอบครัว ญาติมิตร
Agape (ἀγάπη) = ความรักที่มาจากพระเจ้า หรือรักแบบไม่มีข้อจำกัด
Eros (เอรอส) (ἔρως) : ความรักระหว่างเพศ หรือความใคร่ รักแบบรักใคร่
แบบผู้ชายรักผู้หญิง ต้องการมี Sex รักแบบนี้คือรักแบบสามีภรรยา แต่ Eros ไม่ได้หมายความถึงทางกายอย่างเดียว หมายถึงจิตใจด้วย แต่เป็นจิตใจเชิงโลกีย์ อันที่จริงความรักแบบนี้ไม่ได้เรียกว่า Love (รัก) แต่เรียกว่า Lust (ใคร่)ที่กล่าวมานั้น เป็นรัก แบบ ต้องการจะได้ ครับ เป็นรักทั่วๆไป แต่รักแบบสุดท้ายนั้น คำนี้ใช้ให้จำกัดความ เช่น ภาพยนตร์แนว Erotic เป็นหนังที่เกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆ
Philia(ฟิเลีย)(φιλία):ความรักฉันสามีภรรยาหรือเพื่อน รักใคร่ผูกพัน
ความรักที่ต้องการที่จะได้ เช่น เพื่อน ฉันรักคุณ ถ้าคุณรักฉัน ชาย-ชาย หญิง-หญิง ก็ได้เป็นความรักบนพื้นฐานตั้งบนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน
คำนี้ใช้เป็นคำประสม เช่น คำว่า Philosophy แปลว่า ปรัชญา คือการรักในการศึกษาหาความรู้
ภาษาอังกฤษ คำว่า Philosophy ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ
Philos(φιλία) ( loving or dear ) แปลว่า ความรัก, ความเลื่อมใส, ความสนใจ
Sophia (Σοφíα) ( wisdom or knowledge) แปลว่า ปัญญา, ความรู้, วิชาการ
ซึ่งรวมความทั้ง 2 คำแล้ว ได้ความหมายว่า ความรักในปัญญา, ความรักในความรู้, ความรักในวิชาการ
Storgē(สเตอร์เก้)(στοργή)= ความรักแบบครอบครัว ญาติมิตร
รักแบบต้องการที่จะรัก หรือรักโดยสัญชาตญาณ หรือรักเพราะว่าต้องรัก เช่น แม่รักลูก
Agape (อากาเป้)(ἀγάπη)= ความรักที่มาจากพระเจ้า หรือรักแบบไม่มีข้อจำกัด
คือรัก แบบที่ต้องการจะให้ คือการที่ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น นอกจากเห็นคนที่เรารัก มีความสุข อันนี้เรียกว่ารักอย่างแท้จริง (กล่าวว่า) เป็นรักของพระเจ้าเป็นรักที่บริสุทธิ์
1ยอห์น 4:8 ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
1ยอห์น 4:16 ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงรู้ และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น
(สำหรับคริสเตียนเน้น เน้นเรื่องนี้มาก จึงได้ชื่อว่าเป็นศาสนาแห่งความรักนั่นเองครับ รักพระเจ้าสุดใจ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง)
ความแตกต่างในคำว่า "รัก"
เราเห็นตัวอย่างเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ (ยน.21:15-17)พระเยซูถามเปโตรว่าเจ้ารักเราหรือ แล้วเปโตรตอบว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" ในคำที่เปโตรใช้คือ คำว่า ฟิเลโอ (Philios) แต่พระเยซูต้องการรักแบบพระองค์ คือ อากาเป้ (Agape) ความรักที่มาจากพระเจ้า หรือรักแบบไม่มีข้อจำกัด
เมื่อรักพระองค์ ก็จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์
ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข เป็นความรักแบบหัวใจพระบิดา ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีเงื่อนเวลา ไม่ต้องจ่ายราคา
ไม่ต้องทำสิ่งใดให้พระองค์ ความรักของพระองค์ไม่สูญสิ้น ทรงรักเราอย่างที่เราเป็นไม่ใช่ในสิ่งที่เราทำ
เพราะพระองค์ทรงเป็นบิดา และเราเป็นบุตรของพระองค์
มัทธิว 7:9-12
9 ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร เมื่อเขาขอขนมปัง
10 หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา
11 เหตุฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์
เราอาจจะใช้เวลาพูดคำว่า"รัก" ได้ในไม่กี่วินาที แต่เราต้องพิสูจน์คำว่า "รัก" ตลอดชีวิตของเรา
หากเราบอกว่า เรารักพระเจ้า เราก็ต้องเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์
ลงในบทความของ Web.คริสตจักรวังธรรม จ.เชียงราย วันที่ 7 ก.พ. 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น