“แรงศรัทธา พลังแห่งการสร้างสรรค์ สิ่งมหัศจรรย์บังเกิด”
ลงในนิตยาสาร กล้าดี ฉบับเดือน ธันวาคม 2010
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับบทความในคอลัมน์เรื่องจากปก (Cover Story) สำหรับในเดือนธันวาคมนี้เป็นเรื่องของ “ศรัทธา”
เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย เพราะมีวันสำคัญคือในวันที่ 5 ธันวาคมเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมใจแห่งความศรัทธาของคนไทยทั้งชาติ
ตลอดระยะเวลา 60 ปีกว่าที่ผ่านมา ภาพที่คนไทยทุกคนเห็นอยู่ประจำคือ พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนชาวไทยมาตลอด ไม่ว่าหนทางที่ทรงเสด็จไปจะลำบากเท่าใด สถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ที่ทุรกันดารเพียงใด หรือมีความอันตรายแค่ไหน แต่หากเป็นสถานที่ที่ซึ่งมีประชาชนที่ประสบความทุกข์ ความลำบาก พระองค์จะไม่ทรงรีรอที่จะเสด็จไปหาประชาชนของพระองค์ ทรงยอมเหนื่อย ยอมลำบาก เพียงเพราะต้องการให้ประชาชนของพระองค์ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องลำบากประโยคสำคัญที่ยังตราตึงหัวใจคนไทยคือ “เราจะครอง แผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม " เป็นประโยคที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองราชย์ในปีพุทธศักราช 2489 ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการไว้ว่าดังนี้ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลามากกว่า 60 ปีแล้ว ท่านทรงตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างมิเคยเสื่อมคลาย
ทำให้ผมนึกถึงบทเพลง “ของขวัญจากก้อนดิน” นี้เป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
เนื้อหาของเพลงเป็นการเชิญชวนคนไทยทุกคนให้รู้รักสามัคคีกันเปรียบเสมือนก้อนดินแต่ละก้อนที่มารวมพลังกันเป็นก้อนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่น่าประทับใจที่เห็นคนไทยรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว
“เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง เปราะบางไร้ค่า ไร้ความหมาย
อ่อนแอเหมือนโคลนไหลไปตามทางเรื่อยไป เมื่อน้ำแห้งไปก็แตกระแหง
มีพลังเพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา เหนี่ยวรั้งเราไว้ให้กล้าแข็ง
รวมผู้คนมากมายให้ทรงพลังแข็งแรง รวมเม็ดดินทุกเม็ดให้เป็นแผ่นดิน
* เราก็รู้พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน ต้องลำบากใจกายไม่เคยสิ้น
เพราะพ่อรู้ พ่อคือ พลังแห่งแผ่นดิน ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป
* หากจะหาของขวัญให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผองจะพร้อมกันได้ไหม
บวกกันเป็นดินเดียวให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่เป็นมา
......ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่แล้วมา
ผู้อ่านทุกท่านครับ เราในฐานะคนไทย เราควรจะร่วมใจกันรักสามัคคีกันและร่วมใจกันทำสิ่งที่ดีเพื่อถวายของขวัญให้กับในหลวงที่รักยิ่งของเรา
ผมเชื่อมั่นว่า ของขวัญที่มีคุณค่านั้น ไม่ใช่มาจากสิ่งที่มีมูลค่าราคาแพง หากแต่เป็นสิ่งที่ให้จากความรักศรัทธาร่วมใจกันเหมือนดังของขวัญจากก้อนดิน แม้จะเป็นดินที่ไร้ค่าแต่เมื่อรวมหลายก้อนจะเป็นปึกแผ่น และกลายเป็นแผ่นดินดังแผ่นดินไทยที่เราอาศัยอยู่ในทุกวันนี้
“แรงศรัทธา จึงเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ สิ่งมหัศจรรย์บังเกิด”
มหาตมะ คานธี ผู้นำคนสำคัญในการเคลื่อนไหวเรียกร้องอิสรภาพของอินเดียจากการเป็นอาณา
นิคมของสหราชอาณาจักรเคยกล่าวไว้ว่า “ความเชื่อเติบโตขึ้นจากภายในแต่ละคนเป็นการส่วนตัว ไม่มีใครสามารถสร้างให้ใครได้ และไม่มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ใดๆ ในโลกนี้ที่สำเร็จได้โดยปราศจากความเชื่อ”
มีการจัดอันดับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ โดยองค์กร The New Open World Corporation (NOWC) ซึ่งผลสรุปสุดท้ายได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เรามาดูความมหัศจรรย์เหล่านั้นที่เกิดจากความเชื่อศรัทธาด้วยกัน
(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki /เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่)
1. โคลอสเซียมแห่งโรม ประเทศอิตาลี
เป็นตึกวงกลมสร้างด้วยหินทรายและอิฐ ภายในอัฒจรรย์จุคนได้ถึง 80,000 คน ใต้อัฒจรรย์และใต้ดินมีห้องไว้ขังสิงโต และนักโทษหลายร้อยห้อง สนามกีฬาแห่งนี้ สร้างขึ้นราว ค.ศ. 72 เพื่อใช้เป็นที่ต่อสู้ระหว่างนักโทษกับสิงโต บางครั้งใช้เป็นที่ประลองอาวุธและความสามารถของบรรดานักรบแห่งกรุงโรม
2.นครเปตราในจอร์แดน
เป็นเมืองที่ประกอบด้วยวิหาร หลุมศพ บันได โรงละคร ที่สร้างโดยการขุดสลักตั้งแต่ยอดเขาลงมาเป็นหลืบลดหลั่นเป็นช่อชั้นอย่างงดงาม สีของหินก็กลมกลืนกัน ตัวตึกสีเลือดนก สีกุหลาบ และสีม่วงเป็นลำดับ สร้างโดยพวกเร่รอนที่ชอบทำธุรกิจค้าขายเครื่องเทศจนร่ำรวยและมีอำนาจ ในราว 300 ปี กคศ.
3.มาชูปิกชู
ประเทศเปรู
สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2526 เพื่อเป็นที่พักอาศัยของผู้ดีชาวอินคา (คล้ายๆ กับบ้านพักตากอากาศของเศรษฐีชาวยุโรป) พื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็นปราสาทและวัดที่สร้างเพื่อถวายแด่ เทพเจ้า ตั้งอยู่บนเทือกเขาที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร
4.กำแพงเมืองจีน
เป็นกำแพงอิฐยักษ์ที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นเมือง และประเทศทั้งประเทศตามพรมแดนด้านเหนือของจีน เป็นกำแพงที่ใหญ่มหึมา มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร มีป้อมตรวจการอยู่บนกำแพงมากกว่า 15,000 แห่ง เริ่มสร้างระหว่าง 243-252 ปี กคศ. ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปี ใช้แรงงานเกณฑ์จากราษฎรทั้งประเทศนับจำนวนล้านคน และมีผู้เสียชีวิตไปนับหมื่นคน เชื่อกันว่า เป็นสิ่งก่อสร้างชนิดเดียวในโลก ที่สามารถเห็นได้เมื่อมองจาก ดวงจันทร์
5.ไครส์ เดอะรีดีมเมอร์ ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล
คือ รูปปั้นพระเยซูขนาดยักษ์ ความสูงถึง 38 เมตร ประดิษฐ์สถานอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด แลนด์มาร์ค ความยิ่งใหญ่ของรูปปั้นนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ไกลออกไปรอบๆ เมืองสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
6. ชีเชน อิตซา ประเทศเม็กซิโก
เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารที่ชาวมายาสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้าผู้กระหายเลือด เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของอารยธรรมมายัน วิหารสร้างซ้อนกันเป็นชั้น วิหารใหญ่สุดชื่อ ''มหาวิหารแห่งนักรบ'' ตรงกลางสร้างเป็นปราสาทเหลี่ยมทึบสูง ใช้เป็นที่ทำพิธีสังเวยเทพเจ้าโดยการโยนเด็กสาวลงไปถวาย
7. ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย
เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งพระเจ้าชาห์เยฮัน สร้างเป็นสุสานฝังศพของพระนางมุมทัชมาฮาล ราชินีอันเป็นที่รักยิ่ง สร้างขึ้นริมฝั่งแม่น้ำยมนาใช้เวลาก่อสร้างถึง 23 ปี ทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวล ใช้เงินก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 50 ล้านเหรียญอเมริกัน
สถานที่เหล่านี้ บางสถานที่จะสร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยจนถึงหลายพันปีที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันนี้ จะเหลือให้เห็นเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังทำให้เรารู้สึกอัศจรรย์ในความยิ่งใหญ่ของมันได้จนถึงปัจจุบันนี้
ความยิ่งใหญ่ของสถานที่เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เราปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของความสำเร็จอย่างอัศจรรย์ ไม่ใช่มาด้วยวิทยาการ หรือสติปัญญา หรือทรัพย์สิน แต่เป็น “พลังแห่งความเชื่อศรัทธา” ของคนในสมัยนั้น
ความศรัทธาจึงเป็นสิ่งที่เกิดความความเชื่อและส่งผลออกมาเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเทียบเหมือนกับการปลูกต้นไม้ เริ่มต้นจากเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อที่หว่านไป เกิดความศรัทธาจึงกลายเป็นต้นไม้ใหญ่
ฉะนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย เมื่อทำสิ่งที่ดีบางครั้งต้องใช้เวลานานกว่าจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่ดีกลับมา
บางครั้งคนที่ทำสิ่งที่ดีก็เริ่มท้อแท้ เพราะบางครั้งทำดีแล้วไม่ได้ดี สังคมจะแย่เพราะคนทำดีท้อแท้ใจ
คำกล่าวที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” กลับกลายเป็น “ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วได้ดีมีถมไป”
ฉะนั้นขอเป็นกำลังใจให้คนที่ทำความดีอย่าเพิ่งท้อใจ รักษาความเชื่อในสิ่งที่เราศรัทธาไว้ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในเรื่องของศาสนา หรือต้นแบบแห่งศรัทธาของชาวไทย คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทำสิ่งที่ดีถวายพ่อหลวงของเรา เป็นของขวัญที่มอบให้ด้วยใจศรัทธา
แม้สิ่งที่ดีที่ได้ทำ อาจจะต้องใช้เวลาที่จะเห็นผล รักษาความศรัทธาไว้ และทำในสิ่งที่เชื่อและเชื่อในสิ่งที่ทำ สิ่งเหล่านั้นจะเป็นพลังที่เกิดการสร้างสรรค์ สิ่งมหัศจรรย์บังเกิดในชีวิต
มีคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวว่า “อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร”
ในวันนี้ วารสารกล้าดี ขอเป็นกำลังใจให้ผู้กล้าทำดี หากท้อแต่ก็อย่าถอย ล้มลงก็จงลุกขึ้นทำต่อ เพราะถ้าไม่ท้อถอย หรือ ล้มเลิก ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งดีที่ได้ทำไป
ความศรัทธาจะเป็นสิ่งที่ยึดมั่นให้ทำต่อไป วันนี้คนที่เริ่มปลูกต้นกล้าแห่งความดี วันหนึ่งต้นกล้านี้จะเป็นกลายเป็นไม้ใหญ่ ที่ทำให้นกในอากาศอาศัยทำรัง และบรรดาสิ่งที่มีชีวิตก็ได้อาศัยร่มเงากำบังแสงแดดและสายฝน
ต้นกล้าดีที่ปลูกในวันนี้จะผลิตดอกผล คือ ความสุขใจ เพราะการให้ได้รับความสุขยิ่งกว่าการรับ
ความดีที่ให้ออกไปจะเป็นที่ประทับใจของผู้รับ และสุขใจสำหรับผู้ที่ให้
ความศรัทธาที่เราได้ทำในสิ่งที่เราเชื่อ และเชื่อในสิ่งที่เราทำ จะเกิดสิ่งยิ่งใหญ่ขึ้น
นี่แหละจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่คงไว้อีกนานเท่านาน!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น