31 พฤษภาคม 2561

การแปลภาษาแปลกๆกับการเผยพระวจนะ (เบื้องต้น)

การแปลภาษาแปลกๆกับการเผยพระวจนะ (เบื้องต้น)โดย Philip Kavilar

การฟื้นฟูที่ถนนอาซูซ่าในปี 1906 ได้ทำให้ภาษาแปลกๆเป็นเรื่องปกติฉันใด
การฟื้นฟูในอนาคต ก็จะทำให้การแปลภาษาแปลกๆเป็นเรื่องปกติฉันนั้น

            ที่ผ่านมา ผมก็ได้ศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆมาพอควร ระหว่างเส้นทางของการค้นคว้านี้ ผมก็ได้พบกับพี่น้องหลายท่านที่แปลภาษาแปลกๆได้ ทว่า ด้วยวัฒนธรรมของโบสถ์และด้วยความเข้าใจที่ไม่ชัดเจน ทำให้พี่น้องหลายท่านไม่ได้มีโอกาสในการแปลภาษาแปลกๆ ผมได้รู้จักกับพี่น้องหลายท่าน ที่หลายครั้งหลายครา เมื่อเขาได้ยินภาษาแปลกๆของผู้อื่น แล้วเขาก็ล่วงรู้อย่างกว้างๆว่า ภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูดอยู่นั้นมีความหมายเกี่ยวกับอะไร และผมก็สันนิษฐานว่า เพื่อนๆบางท่านก็คงเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้ด้วย



            ความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วนประการหนึ่งที่ทำให้การแปลภาษาแปลกๆไม่ค่อยมีให้เห็นก็คือ ความเข้าใจที่คิดว่า บางคนเท่านั้นที่มีของประทานการแปลภาษาแปลกๆ ถ้าใครไม่มีของประทานอันนี้ ก็ไม่สามารถที่จะแปลภาษาแปลกๆได้เลย จริงอยู่ว่าใน (1 โครินธ์ 12:10) ได้อธิบายว่า การแปลภาษาแปลกๆเป็นของประทานอย่างหนึ่ง แต่หากพวกเราเข้าใจว่า ถ้าเราไม่มีของประทานนี้ แล้วเราก็ไม่สามารถแปลภาษาแปลกๆได้เลย พวกเราก็อาจพลาดไปเสียแล้ว

การเผยพระวจนะเป็นของประทานหรือว่าทุกคนก็ทำได้?
       
เมื่อพิจารณาถึงการเผยพระวจนะ ใน (1 โครินธ์ 12) ก็ได้อธิบายว่า การเผยพระวจนะเป็นของประทานอย่างหนึ่ง ทว่า ใน (1 โครินธ์ 14) ก็ได้เขียนไว้ว่า ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้ ข้อพระคัมภีร์หนึ่งเขียนว่า การเผยพระวจนะเป็นของประทาน แต่อีกข้อพระคัมภีร์หนึ่งกลับเขียนว่า ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้
             ประเด็นเกี่ยวกับการเผยพระวจนะนี้ สามารถสรุปได้ว่า ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้เพราะผู้เชื่อทุกคนมีศักยภาพที่จะรับข่าวสารจากพระวิญญาณ (ดู 1 โครินธ์ 14:31) แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)ที่จะเผยพระวจนะได้เก่งและเรียนรู้ได้รวดเร็ว การที่พระคัมภีร์เขียนว่า การเผยพระวจนะเป็นของประทานอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีของประทานเท่านั้นถึงจะเผยพระวจนะได้ แต่หมายความว่าคนที่มีของประทานด้านนี้จะเผยพระวจนะได้เก่งและเรียนรู้ได้เร็ว ส่วนคนที่ไม่มีของประทานด้านการเผยพระวจนะก็สามารถเผยพระวจนะได้ เพียงแต่อาจจะไม่คล่องแคล่วหรือเรียนรู้ได้ไม่เร็วนัก ปกติเวลามีสัมมนาที่สอนเกี่ยวกับการเผยพระวจนะ จะมีบางคนที่เรียนรู้ได้เร็วและสามารถเผยพระวจนะได้คล่องแม้ว่าผู้สอนจะสอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็มีบางคนที่กว่าจะเผยพระวจนะได้คล่องก็อาจต้องใช้เวลามากหน่อย ทั้งนี้ก็เพราะทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้ แต่จะมีบางคนที่สามารถเรียนรู้ได้เร็วและปลดปล่อยถ้อยคำเผยพระวจนะได้คล่องแคล่ว

ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้
แต่บางคน(ที่มีของประทาน)จะเผยพระวจนะได้คล่องและเรียนรู้ได้เร็ว

เกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆ 

ในเรื่องเกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆก็เช่นกัน แม้ว่าพระคัมภีร์จะอธิบายว่า การแปลภาษาแปลกๆเป็นของประทาน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า คนที่มีของประทานเท่านั้นถึงจะแปลภาษาแปลกๆได้ แต่หมายความว่า คนที่มีของประทานด้านการแปลภาษาแปลกๆจะสามารถเรียนรู้เรื่องนี้ได้ไวและสามารถแปลภาษาแปลกๆได้คล่อง กระนั้นคนที่ไม่มีของประทานด้านนี้ก็สามารถแปลภาษาแปลกๆได้เช่นกัน เพียงอาจจะไม่คล่องแคล่วหรืออาจต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้มากหน่อย จากประสบการณ์ของผมที่เคยสอนเรื่องการแปลภาษาแปลกๆ ผมก็พบว่า มีนักเรียนบางคนที่เรียนรู้และเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ผมสอนหรือแนะนำนิดๆหน่อยๆก็สามารถแปลภาษาแปลกๆได้แล้ว แต่ก็มีนักเรียนบางคนที่เข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่เร็วนักและอาจมีการตะตุกตะกักบ้างในการแปลภาษาแปลกๆ แต่ความตะกุกตะกักนี้ก็ลดลงได้ถ้ามีโอกาสได้แปลบ่อยๆ

            สำหรับการเผยพระวจนะนั้น ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้ แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)ที่จะเผยพระวจนะได้เก่งและเติบโตในการเผยพระวจนะได้เร็ว สำหรับการแปลภาษาแปลกๆก็คล้ายคลึงกับการเผยพระวจนะ นั่นคือหลายคนสามารถแปลภาษาแปลกๆได้ แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)ที่จะแปลภาษาแปลกๆได้คล่องและเติบโตในการแปลภาษาแปลกๆได้รวดเร็ว

หลายคนสามารถแปลภาษาแปลกๆได้
แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)จะแปลภาษาแปลกๆได้คล่องและเรียนรู้ได้เร็ว

ข้อพระคัมภีร์ใน (1 โครินธ์ 14:13) บอกเป็นนัยว่า คนที่พูดภาษาแปลกๆได้ก็มีแนวโน้มที่จะแปลได้ด้วย และจากสถิติที่ผมค้นคว้ามา ผมก็พบว่า คนที่แปลภาษาแปลกๆได้ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพูดภาษาแปลกๆได้ด้วย น้อยนักที่จะแปลภาษาแปลกๆได้แต่กลับพูดภาษาแปลกๆไม่ได้ ดังนั้น หากเพื่อนๆสามารถพูดภาษาแปลกๆได้ ก็มีแนวโน้มที่ว่าเพื่อนๆก็จะแปลภาษาแปลกๆได้ด้วย

แล้วจะเริ่มต้นแปลภาษาแปลกๆได้อย่างไร? เปาโลได้ให้ข้อแนะนำเบื้องต้นไว้ในจดหมายโครินธ์ว่า   (1 โครินธ์ 14:13) ฉะนั้น​คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ ก็​ควร​อธิษ​ฐาน​ขอ​ให้​แปล​ได้​ด้วย

จุดเริ่มต้นที่สำคัญของการแปลภาษาแปลกๆก็คือ การอธิษฐานขอให้แปลได้เหตุผลหนึ่งที่บางคนสามารถพูดภาษาแปลกๆได้แต่กลับแปลไม่ได้ ก็เพราะไม่ได้อธิษฐานขอ อย่างที่ยากอบได้เขียนไว้ใน (ยากอบ 4:2) ว่า ท่าน​ไม่​มี​เพราะ​ไม่​ได้​ขอ

ผู้เชื่อหลายคนมีศักยภาพในการแปลภาษาแปลกๆอยู่ ยิ่งถ้าคนที่พูดภาษาแปลกๆได้อยู่แล้ว โอกาสที่พวกเขาจะแปลได้ก็สูงมาก ทว่า เนื่องจากการไม่ได้อธิษฐานขอ เนื่องจากไม่ได้มีการสอนที่ครบถ้วน และเนื่องจากการขาดคำแนะนำที่ดี ทำให้การแปลภาษาแปลกๆที่หลายๆคนมีอยู่นั้นไม่ได้รับการสำแดงออกมา

คำอธิษฐาน
            พระบิดาของพวกเรา ในนามพระเยซูคริสต์ พวกเราป่าวประกาศว่า
ถึงวาระแล้ว ที่การแปลภาษาแปลกๆจะเกิดขึ้นในคริสตจักร
นี่เป็นวาระผู้คนจะได้รับการสอนและแนะแนวทางในเรื่องนี้
พระบิดาของพวกเรา ประทานปัญญาและการสำแดงแก่พวกเรา
เพื่อการแปลภาษาแปลกๆที่หลายคนมีอยู่นั้นจะลุกโชนขึ้นมา
          การแปลภาษาแปลกๆจงเป็นเรื่องปกติในคริสตจักร
                   ให้ผู้คนมีความเข้าใจและคุ้นเคยต่อสิ่งเหล่านี้ ในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน 

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
หนังสือ Your Spiritual Gifts Can Help Your Church Grow เขียนโดย C. Peter Wagner
หนังสือ New Covenant Prophetic Ministry เขียนโดย Jim & Carolyn Welton

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น