หากนับตามปฏิทินของชาวยิวแล้ว ในวันที่ 10 พ.ค.2018
นี้
เป็นวันระลึกถึงวันแห่งการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์(Ascension Day)
ในปี 2018 เราได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาในช่วงวันที่ 30 มี.ค.-7 เม.ย.เราได้สัมผัสถึงชัยชนะและฟ้าสวรรค์กำลังเปิด เพื่อเทพระสิริของพระเจ้าลงมา เป็นการประกาศชัยชนะในวันแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์
เมื่อนับไป 40 วันหลังจากวันแรกของเทศกาลปัสกา จะเป็นวันที่10 พ.ค. เป็นวันที่เราได้ระลึกถึงวันแห่งการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์(Ascension Day)
หลังจากวันนี้นับไปอีก 10 วันจะเป็นวันหลังจากปัสกา 50 วัน จะตรงกับวันที่ 20 พ.ค. เราจะเฉลิมฉลองเทศกาล Pentecost หรือ Shavu'ot
เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็งลงมาที่ห้องชั้นบนในกจ.2 สรรเสริญพระเจ้า! กว่า2,000 ปีมาแล้ว แต่การทรงสถิตของพระองค์ยังอยู่ในชีวิตผู้เชื่อเสมอ
ภายหลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนและทรงฟื้นพระชนม์ขึ้นจากความตาย พระเยซูคริสต์ได้ทรงอยู่กับสาวกของพระองค์อีก 40 วันเพื่อสั่งสอนสาวก
สิ่งที่เป็นสาระสำคัญคือการสอนในเรื่องแผ่นดินสวรรค์ และพระองค์ทรงกำชับใน 2
สิ่งที่เป็นพระมหาบัญชาคือ
การออกไปประกาศและสั่งสอนสร้างสาวก
มัทธิว 28:18-20
18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า
"ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"
นอกจากนี้พระองค์ยังกำชับให้สาวกอย่าออกไปไหนให้คอยที่กรุงเยรูซาเล็มจนกว่าพระวิญญาณของพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อให้สาวกออกไปรับใช้ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณฯ
19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"
นอกจากนี้พระองค์ยังกำชับให้สาวกอย่าออกไปไหนให้คอยที่กรุงเยรูซาเล็มจนกว่าพระวิญญาณของพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อให้สาวกออกไปรับใช้ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณฯ
กิจการของอัครทูต 1:3-8
3 ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
4 เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า "ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ
5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์"
6 เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้แก่ชนอิสราเอลในครั้งนี้หรือ"
7 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์
8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"
เมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสสั่งแล้ว พระองค์ก็ทรงสด็จขึ้นสวรรค์ไปต่อหน้าต่อตาสวรรค์ที่ภูเขามะกอกเทศ
3 ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
4 เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า "ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ
5 เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์"
6 เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้แก่ชนอิสราเอลในครั้งนี้หรือ"
7 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์
8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"
เมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสสั่งแล้ว พระองค์ก็ทรงสด็จขึ้นสวรรค์ไปต่อหน้าต่อตาสวรรค์ที่ภูเขามะกอกเทศ
มาระโก 16:19 ครั้นองค์พระเยซูตรัสแก่เขาจบลงแล้ว ก็ถูกรับเข้าไปในฟ้าสวรรค์ ประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์เป็นหมายสำคัญอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าพระเจ้าทรงชอบพระทัยในทุกสิ่งที่พระองค์ได้กระทำสำเร็จตามแผนการแห่งพันธสัญญาใหม่ของพระเจ้า
กิจการของอัครทูต 2:33–36
33 เหตุฉะนั้นเมื่อทรงเชิดชูพระองค์ขึ้นอยู่ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้า และครั้นพระองค์ได้ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญา พระองค์ได้ทรงเทฤทธิ์เดชนี้ลงมา ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยิน และเห็นแล้ว
34 เหตุว่าท่านดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์แต่ท่านได้กล่าวว่า ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งขวามือของเรา
35 จนกว่าเราจะกระทำให้ศัตรูของเจ้าอยู่ใต้เท้าเจ้า ’
36 เหตุฉะนั้น ให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงทราบแน่นอนว่า พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซูนี้ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขนนั้น ทรงตั้งขึ้นให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์”
พระเจ้าได้ยกชูพระองค์และได้ประทานมงกุฎแห่งสง่าราศีและเกียรติยศให้กับพระองค์
ฮีบรู 2:9 แต่เราก็เห็นพระเยซู
ผู้ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่งนั้น ทรงได้รับพระสิริและพระเกียรติเป็นมงกุฎ
เพราะที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งนี้โดยพระคุณของพระเจ้า
พระองค์จึงได้ทรงชิมความตายเพื่อมนุษย์ทุกคนเพื่อพระนามที่เหนือล้ำยิ่งกว่านามชื่อทั้งปวง
ฟิลิปปี 2:9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุให้เราทั้งหลายที่เป็นสาวกของเยซูพระคริสต์ได้เฉลิมฉลองในวันแห่งการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์และเราทั้งหลายต้องออกไปประกาศเรื่องข่าวประเสริฐนี้จนสุดปลายแผ่นดิน
พระเยซูชาวเมืองนาซาเร็ธ (Nazareth) เป็นเมืองเล็กๆ และไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ แม้แต่ในพระคัมภีร์ยังได้บันทึกไว้ว่า ฟิลิปและนาธานาเอล ได้รับคำเล่าลือถึงเรื่องพระเยซูชาวเมืองนาซาเร็ธ แม้แต่นาธานาเอลยังดูหมิ่นเลยว่า "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ"
แต่สิ่งที่ดีของเมืองนี้คือ พระเยซูคริสต์ พระองค์สำแดงทำให้ทั้งฟิลิปและนาธานาเอลหันมาติดตามเป็นสาวกของพระองค์ และพวกเขาได้เห็นสิ่งอัศจรรรย์ตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์คือ พวกเขาได้เห็นการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูคริสต์
ยอห์น 1:44-51
44 ฟีลิปมาจากเบธไซดาเมืองของอันดรูว์และเปโตร
45 ฟีลิปไปหานาธานาเอลบอกเขาว่า "เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ และที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึง คือ พระเยซู ชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ"
46 นาธานาเอลถามเขาว่า "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ" ฟีลิปตอบว่า "มาดูเถิด"
47 พระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลมาหา พระองค์จึงตรัสถึงเรื่องของตัวเขาว่า "ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย"
48 นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน"
49 นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า "รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล"
50 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เพราะเราบอกท่านว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้นท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก"
51 และพระองค์ตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์"
45 ฟีลิปไปหานาธานาเอลบอกเขาว่า "เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ และที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึง คือ พระเยซู ชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ"
46 นาธานาเอลถามเขาว่า "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ" ฟีลิปตอบว่า "มาดูเถิด"
47 พระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลมาหา พระองค์จึงตรัสถึงเรื่องของตัวเขาว่า "ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย"
48 นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน"
49 นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า "รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล"
50 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เพราะเราบอกท่านว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้นท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก"
51 และพระองค์ตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์"
เมื่อเราเชื่อเราจะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ฟิลิปและนาธานาเอล ท่านมีความเชื่อจึงได้เห็นหมายสำคัญนี้ ผิดกับพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีมีความรู้แต่ขาดความเชื่อ พวกเขาต้องการแสวงหาหมายสำคัญแต่พระเยซูคริสต์ตรัสกับพวกเขาว่า "เขาจะได้เห็นการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์เท่านั้น และพวกเขาไม่กลับใจจะถูกพิพากษา
มัทธิว 12:38-41
38 คราวนั้นมีบางคนในพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสีมาทูลพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าอยากจะเห็นหมายสำคัญจากท่าน”
39 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “คนชาติชั่วและคิดทรยศต่อพระเจ้าแสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ผู้เผยพระวจนะ
40 ด้วยว่า โยนาห์ได้อยู่ในท้องปลามหึมาสามวัน สามคืน ฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดิน สามวันสามคืนฉันนั้น
41 ชนชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนยุคนี้ และจะเป็นตัวอย่างให้คนยุคนี้ได้รับโทษ ด้วยว่าชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเสียใหม่ เพราะคำประกาศของโยนาห์ และซึ่งใหญ่กว่าโยนาห์มีอยู่ที่นี่
ชาวนีนะเวห์กลับใจพ้นจากการพิพากษาด้วยคำประกาศจากโยนาห์ เราทั้งหลายพ้นจากการถูกพิพากษาด้วยข่าวประเสริิฐเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์
เราทั้งหลายที่เป็นผูู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทั้งคนยิวและคนต่างชาติจึงเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อเพื่อจะดำเนินชีวิตให้พร้อม รอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
ในวันนี้แม้ว่าพระเยซูคริสต์จะมาบังเกิดในโลกนี้แบบถ่อมพระทัย
และจากโลกนี้ไปด้วยเสด็จขึ้นสวรรค์ไปแบบเงียบๆ มีคนเห็นเพียงไม่กี่คน แต่ในวันสุดท้ายที่พระองค์จะเสด็จมามาแบบยิ่งใหญ่ ปรากฎท่ามกลางฟ้าสวรรค์ เสด็จมาแบบจอมกษัตราที่ทุกตาจะเห็น ทุกหัวเข่าจะคุกเข่าลงกราบและทุกลิ้นจะสารภาพว่า "พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ขอทรงเสด็จมารับผู้ที่เชื่อไปสู่สวรรค์ของพระองค์"
ขอให้ผู้ที่เสด็จมาในพระนามพระเจ้า ทรงพระเจริญ ! Baruch haba b'shem Adonai!
ขอให้ผู้ที่เสด็จมาในพระนามพระเจ้า ทรงพระเจริญ ! Baruch haba b'shem Adonai!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น