บทความในครั้งนี้ ผมขอแบ่งปันในเรื่องของการมีชีวิตที่เต็มล้นในการทรงสถิต (Divine presence) ซึ่งคริสเตียนจำนวนมากละเลยในการที่จะรักษาชีวิตให้เต็มล้นในการทรงสถิตของพระเจ้า แต่เฝ้าที่จะเข้ามาอธิษฐานเพื่อทูลขอพระพรหรือต้องการได้รับคำตอบจากการอธิษฐานเผื่อที่จะไปทำอะไรต่อไป
เปรียบเสมือนภาพจากเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ตอนที่พระเยซูเสด็จไปเยี่ยมบ้านของนางมารีย์และมารธา ซึ่งบันทึกไว้ในพระธรรมลูกาบทที่ 10:38-42 ผมเชื่อว่าเราคงคุ้นเคยกับเหตุการณ์ตอนนี้ เพราะมารธามัวแต่สาละวนในการปรนนิบัติพระเยซูไปทำโน่นทำนี่เพื่อเอาใจพระเยซู แต่สิ่งที่พระเยซูทรงต้องการคือการมาเยี่ยมเยียนเธอและสนทนากับเธอ
นางมารีย์เข้าใจดีจึงฉวยโอกาสที่มีอยู่คือการได้เข้าไปใกล้ชิดพระองค์ เพราะนี่คือเวลาแห่งการทรงสถิต โอกาสที่จะได้เข้าใกล้ชิดกับพระองค์เป็นสิ่งที่มีคุณค่า และไม่มีใครแย่งชิงเธอไปได้ ตามที่พระเยซูคริสต์บอกนางมารธา เพื่อเตือนให้เธอเข้าใจ
คริสเตียนจำนวนมากต้องการรับพระพรแต่ละเลยความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ประทานพรพร เพราะไม่ได้ตระหนักหรือเข้าใจความสำคัญนี้
Bill Johnson |
บิล จอห์นสัน ( Bill Johnson) ศบ.คริสตจักรเบธเอล(Bethel) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง
“สวรรค์บุกรุกโลก” (heaven invades earth) กล่าวว่า
“เมื่อเราติดตามการอวยพระพรของอาณาจักรพระเจ้า แต่ไม่รับเรื่องการทรงสถิต
นั่นก็คือการติดตามอาณาจักรที่ปราศจากการปกครองของกษัตริย์”
(To pursue the blessings of the
kingdom of God and not His presence, is to pursue a kingdom without a king.)
การทรงสถิตของพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่เราจะต้องให้ความสำคัญและเข้าไปเพื่อรับการทรงสถิต
การทรงสถิตเป็นความใกล้ชิดในความสัมพันธ์และจะนำไปสู่การรับพระพร อย่าหวังเพียงแต่พระพรเท่านั้น
แต่ให้เราเข้ามาสู่การทรงสถิตและรับการปกคลุมชีวิตภายใต้อาณาจักรแห่งพระสิริที่พระเจ้าทรงปกครอง
เราจะต้องทำเข้าใจในสถานภาพความสัมพันธ์ความสัมพันธ์ในฐานะลูกของพระเจ้าเพื่อนำชีวิตสู่การทรงสถิต
การเป็นบุตรของพระเจ้าเป็นสถานภาพที่พระเจ้าประทานให้ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเราทำอะไรจึงได้รับตำแหน่งนี้มา เราเป็นบุตรของพระเจ้าอยู่แล้ว แม้ก่อนหน้าที่เราจะรู้จักพระเจ้า
เราไม่ยอมรับพระองค์ว่าเป็นพ่อ เปรียบเสมือนบุตรน้อยหลงหาย(ลก.15:10-33) จนเมื่อเราได้กลับใจมารู้จักพระเจ้าเหมือนบุตรน้อยที่หลงหายไปได้กลับมา
เราจึงได้ประทานสิทธิในการเป็นบุตรกลับมาอีกครั้ง
พระเจ้าทรงประทานตำแหน่งในการเป็นบุตรให้คือ
เสื้อคลุม
หมายถึง อัตลักษณ์ในชีวิต
ในปฐมกาล เอวากับอาดัมทำผิดเอาใบมะเดื่อมาปิด
เพื่อซ่อนตัวตนหรืออัตลักษณ์ที่สูญเสียไป
แต่พระเจ้าประทานเสื้อหนังสัตว์เพื่อสวมอัตลักษณ์กลับมาใหม่โดยเป็นแผนแห่งการไถ่ผ่านทางพระคริสต์
(ปฐก.3:21 พระเจ้าทรงทำเสื้อด้วยหนังสัตว์ให้อาดัมกับเอวาสวมปกปิดกาย)
การสวมแหวน หมายถึง
การมอบสิทธิอำนาจให้
เมื่อเราเป็นบุตรของพระเจ้าเราจะได้รับสิทธิอำนาจในการทำแทนพระเจ้า ดั่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรทำตามพระทัยของพระบิดา
เมื่อเราเป็นบุตรของพระเจ้าเราจะได้รับสิทธิอำนาจในการทำแทนพระเจ้า ดั่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรทำตามพระทัยของพระบิดา
การสวมรองเท้า หมายถึง
การได้รับสิทธิต่างๆ
ตามธรรมเนียมยิวโบราณ การถอนรองเท้าให้นั้นหมายถึงการยกสิทธิให้ เช่นในกรณีญาติสนิทของนางรูธ ยกรองเท้าให้โบอาสมอบสิทธิในการดูแลนางรูธให้โบอาส (นรธ. 4:7-9)
ดังนั้นพระเจ้าทรงประทานสิทธิให้กับเราในฐานะเป็นบุตร ในการดูแลจัดสรรเมื่อเราอธิษฐานขอต่อพระบิดา (มธ. 7:7-11) พระเจ้าเป็นผู้ทรงความสัตย์จริง พระองค์ได้ทรงเรียกเราให้สัมพันธ์สนิทกับพระบุตรของพระองค์ (1คร. 1:9 ) คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (ยน.14:21 ) นอกจากนี้ยังมีมรดกคือสิ่งที่เราจะได้รับจากพระบิดาสวรรค์ (อฟ.1:18,คส.1:12)
ตามธรรมเนียมยิวโบราณ การถอนรองเท้าให้นั้นหมายถึงการยกสิทธิให้ เช่นในกรณีญาติสนิทของนางรูธ ยกรองเท้าให้โบอาสมอบสิทธิในการดูแลนางรูธให้โบอาส (นรธ. 4:7-9)
ดังนั้นพระเจ้าทรงประทานสิทธิให้กับเราในฐานะเป็นบุตร ในการดูแลจัดสรรเมื่อเราอธิษฐานขอต่อพระบิดา (มธ. 7:7-11) พระเจ้าเป็นผู้ทรงความสัตย์จริง พระองค์ได้ทรงเรียกเราให้สัมพันธ์สนิทกับพระบุตรของพระองค์ (1คร. 1:9 ) คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (ยน.14:21 ) นอกจากนี้ยังมีมรดกคือสิ่งที่เราจะได้รับจากพระบิดาสวรรค์ (อฟ.1:18,คส.1:12)
ให้เราอธิษฐานร่วมกันขอบคุณพระเจ้าในความสัมพันธ์ในฐานะการเป็นบุตร
“พระบิดาเจ้าข้า
ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระบิดาและประทานสิทธิการเป็นบุตรของพระองค์ให้กับลูก
ขอบคุณสำหรับอัตลักษณ์ที่พระองค์มอบให้กับลูกที่ไม่เหือนผู้ใด
ขอบคุณสำหรับสิทธิอำนาจที่พระองค์ประทานให้กับลูกในการทำพระราชกิจของพระองค์และขอบคุณสำหรับการดูแลจัดเตรียมของพระองค์ในชีวิตลูก
ลูกขอบคุณพระบิดาในสวรรค์ ในพระนามพระเยซู อาเมน”
1. ท่านคิดว่ามุมมองเกี่ยวกับพระเจ้าพระบิกามีผลในความสัมพันธ์อย่างไร
2. ท่านคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่เราไม่สมารถมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าในฐานะพระบิดา
3. ท่านคิดว่าเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าในฐานะพระบิดาได้อย่างไร
ข้อคิดคำคมจาก
ริค จอยเนอร์ (Rick
Joyner) ได้กล่าวไว้ว่า เราได้ยินเสียงของพระเจ้าก็เพราะว่าเราเข้าใกล้พระองค์นั่นเอง แกะของพระเจ้าก็ได้ยินเสียงของพระเจ้า
เราได้ยินเสียงของพระเจ้าก็เพราะเรามีความสัมพันธ์กับพระองค์ พระองค์กำลังดึงให้คริสตจักรของพระองค์มาใกล้พระองค์อีกเป็นสองเท่า(double
portion)
2 โครินธ์ 13:14 ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสตเจ้า ความรักแห่งพระเจ้า และความสนิทสนมซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น