บทความครั้งนี้ขอนำข้อคิดจากพระธรรมเอเสเคียลบทที่.47:1-12 มาแบ่งปันนะครับ
2 แล้วท่านจึงนำข้าพเจ้าออกมาทางประตูเหนือ และนำข้าพเจ้าอ้อมไปภายนอกถึงประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นออกมาทางด้านใต้
3 ชายผู้นั้นได้เดินไปทางตะวันออกมีเชือกวัดอยู่ในมือ ท่านวัดได้หนึ่งพันศอก แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป และน้ำลึกเพียงตาตุ่ม
4 แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไปและน้ำลึกถึงเข่า แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน แล้วนำข้าพเจ้าลุยน้ำไป น้ำนั้นลึกเพียงเอว
5 แล้วท่านก็วัดได้อีกหนึ่งพัน และกลายเป็นแม่น้ำที่ข้าพเจ้าลุยข้ามไม่ได้ เพราะน้ำนั้นขึ้นแล้วลึกพอที่จะว่ายได้ เป็นแม่น้ำที่ลุยข้ามไม่ได้
6 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือ”○แล้วท่านก็พาข้าพเจ้ากลับมาตามฝั่งแม่น้ำ
7 ขณะเมื่อข้าพเจ้ากลับ ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นต้นไม้มากมายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำทั้งสองฟาก
8 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลตรงไปทางท้องถิ่นตะวันออก และไหลลงไปถึงอารบา และเมื่อน้ำไหลออกมานั้นไปถึงน้ำทะเล น้ำนั้นก็กลับจืดดี
9 แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์มีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตได้ และที่นั่นมีปลามากมาย เพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต
10 ชาวประมงก็ยืนอยู่ที่ข้างทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิม จะเป็นที่สำหรับตากอวน ปลาในที่นั้นมีหลายชนิด เหมือนปลาในทะเลใหญ่
11 แต่ที่เป็นบึงและหนองน้ำจะไม่จืด ต้องทิ้งไว้ให้เป็นเกลือ
12 ตามฝั่งทั้งสองฟากแม่น้ำ มีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหาร ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานนมัสการ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้เป็นยา”
พระธรรมตอนนี้ เป็นภาพนิมิตที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เอเสเคียล เพื่อพยากรณ์ถึงแผนการที่พระเจ้าจะนำชนชาติอิสราเอลอันเล็งถึงคริสตจักรของพระองค์ ให้ได้เต็มล้นในการทรงสถิตและออกไปเป็นพรต่อคนมากมาย สายน้ำที่ไหลออกจากประตูพระวิหาร เล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เป็นดั่งแม่น้ำแห่งชีวิต ไม่ว่าจะเคลื่อนไปที่ใด ที่นั่นก็มีชีวิตและมีความอุดมสมบูรณ์
1. ลักษณะคนที่มีชีวิตที่เคลื่อนตามสายน้ำแห่งชีวิต(ข้อ 1-6) จะมีลักษณะอย่างไรบ้าง
1.1 เคลื่อนตามการทรงนำ (ข้อ 1-3) ในภาพนิมิตของเอเสเคียล มีชายผู้หนึ่งนำเอเสเคียลไปดูที่ประตูพระวิหาร นำเขาก้าวเดินลงไปในน้ำ และนำเขาไปยังที่ต่างๆ เป็นภาพที่เล็งถึงการทรงนำของพระเจ้า พระองค์ปรารถนาจะนำคริสตจักรและชีวิตของผู้เชื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่พระองค์ทรงตั้งไว้ คนที่จะสามารถเคลื่อนไปสู่แม่น้ำแห่งชีวิตนี้ได้ ต้องมีท่าทีที่ยินดีและยอมอยู่ในการทรงนำของพระเจ้า มีความไว้วางใจ เปิดใจ และยินยอมให้พระองค์เข้ามาทำการในชีวิต ไม่ว่าพระองค์จะทรงนำไปที่ใดก็ตาม
1.2 ลงลึกในประสบการณ์ความสัมพันธ์กับพระเจ้า (ข้อ 3-6) พระวจนะให้ภาพของสายน้ำที่ยิ่งเดินไปก็ยิ่งลึกขึ้น เปรียบได้กับประสบการณ์ในการเดินไปกับพระเจ้า และยิ่งมีความสัมพันธ์ที่ลึกขึ้นในพระองค์ จนถึงระดับความลึกที่ “ลุยข้ามไปไม่ได้ ต้องว่ายน้ำไป” (ข้อ 5) นั่นหมายถึง การถูกห้อมล้อมด้วยกระแสน้ำ คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เคลื่อนไหว มีความดื่มด่ำในพระวิญญาณ จนเป็นคนที่ไวต่อพระสุรเสียงของพระเจ้า และพร้อมจะตอบสนองตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ทันที
2. สิ่งที่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากชีวิตที่เคลื่อนตามสายน้ำแห่งชีวิต (ข้อ 7-12)
2.1 ได้รับการรื้อฟื้นและกลับคืนดีกับพระเจ้า(ข้อ 7-9)
พระวจนะกล่าวว่า “...แม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต” (ข้อ 9) และเมื่อน้ำนั้นไหลไปถึงอารบา หรือทะเลตาย (Dead Sea) น้ำทะเลก็กลับกลายเป็นน้ำจืดที่สรรพชีวิตสามารถดื่ม และอาศัยอยู่ในน้ำนั้นได้ (ข้อ 8) สะท้อนว่า เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเคลื่อนไปที่ใด ที่นั่นจะได้รับการรื้อฟื้น ไม่เพียงแต่ชีวิตของผู้เชื่อ สภาพสังคมที่เราอยู่ก็จะได้เห็นชีวิตและความชอบธรรมของพระเจ้ากลับคืนมาด้วย
2.2 ชีวิตที่เกิดผลบริบูรณ์(ข้อ 10-12)
พระวจนะกล่าวว่า ปลาในแม่น้ำมีมากมายให้คนมาจับกินเป็นอาหารได้ (ข้อ 10) และที่สองฟากฝั่งของแม่น้ำมีต้นไม้ทุกชนิด ที่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน ผลของต้นไม้ใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้เป็นยา (ข้อ 12) คริสตจักรที่เคลื่อนด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเกิดผลและเป็นพรต่อคนมากมายอย่างนี้เช่นกัน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญพระธรรม
- ท่านคิดว่าการดำเนินชีวิตที่เคลื่อนตามการทรงนำของพระวิญญาณฯมีความสำคัญกับชีวิตคริสเตียนอย่างไร?
- ท่านคิดว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคในการลงลึกในความสัมพันธ์กับพระวิญญาณฯ?
- ท่านคิดว่าเราจะรักษาชีวิตที่ลงลึกในความสัมพันธ์กับพระวิญญาณฯ ไว้ได้อย่างไร ?
เอเสเคียล 47: 9 แม่น้ำนั้นไปถึงที่ไหน สัตว์มีชีวิตที่อยู่กันเป็นฝูงก็จะมีชีวิตได้ และที่นั่นมีปลามากมาย เพราะว่าน้ำนี้ไปถึงที่นั่นน้ำทะเลก็จืด เพราะฉะนั้นแม่น้ำไปถึงไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต
ขอพระเจ้าทรงอวยพรให้เรามีชีวิตในการอธิษฐานและเคลื่อนตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ เหมือนดังสายน้ำแห่งชีวิต ที่เราจะแหวกว่ายไปตามสายน้ำของพระองค์โดยไม่ต้องเหนื่อย เนื่องจากใช้แต่กำลังของเรา
“อธิษฐานมาก เหนื่อยน้อย… อธิษฐานน้อย…เหนื่อยมาก ไม่อธิษฐานเลย…เหนื่อยเปล่า”
สดุดี 127:1-2
1 ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า
2 เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืดนอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย
1 ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า
2 เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืดนอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น