26 พฤษภาคม 2556

ส่งต่อไฟแห่งการฟื้นฟู

ในช่วงก่อนค่ายประจำปี 2013 เราได้มีโอกาสเรียนรู้ในเรื่องจุดไฟแห่งการฟื้นฟู ในครั้งนี้เราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องของการ “ส่งต่อไฟแห่งการฟื้นฟู” ร่วมกัน
(บทความต่อเนื่องจาก เรื่อง "จุดไฟแห่งการฟื้นฟู" )



จากพระธรรม ฮีบรู 1:7 กล่าวว่าพระองค์จะทรงบันดาลพวกทูตของพระองค์ให้เป็นดุจลมและทรงบันดาลผู้รับใช้ของพระองค์ให้เป็นดุจเปลวเพลิง

พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์เป็นเหมือนลมหรือไฟซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นในธรรมชาติ   ทูตสวรรค์เป็นวิญญาณผู้รับใช้ ผู้ทำการปรนนิบัติพระองค์  

ในพระธรรมกิจการฯ บทที่ 2 คริสตจักรสมัยแรกเมื่อรับไฟแห่งพระวิญญาณฯ พระเจ้าทรงส่งบรรดาอัครทูต(ผู้ที่ทรงใช้ไป) เริ่มจากเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย สะมาเรียและจนสุดปลายแผ่นดิน เราทั้งหลายก็จะเป็นดังผู้ที่พระเจ้าทรงส่งออกไปเพื่อนำไฟแห่งการฟื้นฟูไปสู่โลกนี้เช่นกัน

เราจึงจำเป็นต้องรับไฟเพื่อการฟื้นใจ(Restoration)  รักษาไฟในเพื่อการฟื้นฟู(Revival)และส่งไฟการฟื้นฟูเพื่อนำการพลิกฟื้นไปสู่ชุมชน(Transformation)   พระเจ้าต้องการที่จะ“ฟื้นใจด้วยไฟแห่งการฟื้นฟู” เราจะได้รับสิ่งต่างๆจากพระเจ้าดังต่อไปนี้

 

1.      รับไฟเพื่อการฟื้นใจ

 ผู้รับใช้พระเจ้า เอลียาห์(อสย.6:1-4) ได้มีประสบการณ์แห่งการรับไฟเพื่อการฟื้นใจด้วยการพบกับทูตของพระเจ้านั่นคือ “เสราฟิม”  เหล่าทูตสวรรค์แห่งไฟ!  ด้วยว่าชื่อของพวกเขา เสราฟิม นั้น หมายถึงบรรดาผู้ที่ลุกเป็นไฟ

ในสภาพของประเทศอิสราเอลในเวลานั้น เป็นช่วงตกต่ำที่สุด นั่นคือการตกเป็นเชลยของบาบิโลน   พระธรรมอิสยาห์ได้กล่าวถึงการพิพากษาและเผยพระวจนะถึงการปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล

สิ่งที่สำคัญของพระธรรมอิสยาห์คือ การเผยพระวจนะถึงการพิพากษาโลกและการครอบครองของพระเมสิยาห์ในวาระสิ้นยุค  พระเจ้าทรงเลือกท่าน และเจิมท่านให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า   ท่านตระหนักว่าท่านเป็นคนบาปและไม่สมควรคู่ควรต่องานพันธกิจนี้  

พระเจ้าจึงใช้ถ่านเพลิงจากแท่นบูชา แตะที่ริมฝีปากของท่าน   ความหมายของ ถ่านเพลิงนี้ คือถ่านเพลิงที่หยิบออกมาจากแท่นบูชา เล็งถึง การถวายบูชาของพระคริสต์ซึ่งได้เอาความผิดบาปอันมากมายของพวกเราทั้งหลายไป!

ถ่านนั้นมีไฟที่มีชีวิตอยู่ข้างใน ซึ่งเล็งถึงชีวิตแห่งการเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์  ก่อนที่พระเจ้าจะใช้เราในการรับใช้  พระเจ้าต้องฉวยเราออกมาจากปากแดนของมารซาตาน

ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงฉวยโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก มหาปุโรหิต(ศคย.3:1-2 )จากมารที่มาปรักปรำท่าน  มารพยายามปรักปรำในความบาปและประจานเรา ต้องการให้เราต้องตายไปในไฟแห่งการพิพากษาเช่นเดียวกับมัน แต่พระเจ้าทรงฉวยเรา เหมือนเอาดุ้นฟื้นออกจากกองไฟ

วันนี้ พระเจ้าทรงไถ่เราแล้ว เราจึงต้องเรากลับใจจากบาป กลับมาหาพระเจ้า และพระองค์จะให้ไฟแห่งการชำระเพื่อทำให้เราบริสุทธิ์ดุจดังทองคำที่ถูกชำระด้วยไฟ

 มารซาตานมักจะพูดถึงอดีตของเรา ต้องการปรักปรำปรับโทษเรา ทั้งนี้เนื่องจากมันชอบพูดถึงอดีตเพราะมันเป็นพวก “ไม่มีอนาคต อนาคตของมันคือ “บึงไฟนรก”

หากในวันนี้ มารมาปรักปรำเราในเรื่องอดีต เราก็บอกมันกลับไปว่า “อนาคตของมันถูกปรับโทษแล้วโดยพระเจ้า”  เราจะต้องรับไฟจากพระเจ้าเพื่อการฟื้นฟูใจ


2.      รักษาไฟการทรงสถิต 

ไฟแห่งการทรงสถิต หมายถึง ไฟที่อยู่ภายในชีวิตของเรา  ในสมัยพระคัมภีร์เดิมปุโรหิตจะเข้าไปในพลับพลา เพื่อรักษาไฟที่แท่นบูชาให้ติดอยู่เสมอไม่ให้มอดดับไป (ลนต. 6:13)     

สิ่งเหล่านี้สัญลักษณ์ที่เล็งถึงชีวิตของเรา เมื่อเราตัดสินใจเชื่อวางใจในพระคริสต์แล้ว พระวิญญาณทรงประทับในชีวิตของเรา เป็นภาพของการจุดไฟที่คันประทีป(Menorah)และมีการเติมน้ำมันอยู่เสมอ เราจะต้องรักษาไฟพระวิญญาณนี้ไม่ให้มอดดับลงไป

ปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของโลกในเทศกาลเพ็นเทคอสต์ ที่บันทึกไว้ในพระธรรมกิจการฯ บทที่ 2:1-20 ไฟของพระวิญญาณเทลงมา บรรดาสาวกก็เต็มล้นด้วยพระวิญญาณมีอาการควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนการเมาเหล้าองุ่น มีการพูดภาษาแปลกๆ และมีการฟื้นฟูใหญ่ ข่าวประเสริฐแพร่ออกไปทั่วโลก

ไฟแห่งฤทธิ์เดชในวันเพ็นเทคอสต์ เป็นกิจการของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงปรากฏ 2 ลักษณะตามการงานของพระองค์ 

ลักษณะแรก คือ  การเคลื่อนไหวเหนือบรรยากาศโลกทรงควบคุมทุกเหตุการณ์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของมนุษย์ทางภายนอก ในภาษากรีกใช้คำว่า “เพลโท (Pletho)” เป็นไฟแห่งการฟื้นฟู เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพระราชกิจของพระองค์เป็นครั้งเป็นคราว สิ่งนี้เป็นปรากฏการณ์ (Phenomenal) ไม่ใช่เหตุการณ์ (Event)  เราจะเห็นได้ว่ามีอาการแปลกๆ เช่นการเมาเหมือนเมาหล้าองุ่น การพูดภาษาแปลกๆ สิ่งเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นเมื่อพระเจ้าต้องการให้มีการฟื้นฟู 

ลักษณะที่ 2 คือ เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าสู่ภายใน ภาษากรีกใช้คำว่า “เพลรู (Pleroo)”  หมายถึง การทรงสถิตเข้าของพระวิญญาณบริสุทธิ์  เมื่อเข้าไปแล้วจะสถิตอยู่อย่างถาวร โดยจะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น  หากเรามีชีวิตติดสนิทกับพระเจ้า  การทรงสถิตจะเพิ่มพูนขึ้นมีสภาวะที่ปรากฏคือ อุปนิสัยจิตใจจะเปลี่ยนไป โดยที่สำแดงออกซึ่งพระฉายของพระองค์   สำแดงออกมาเป็นผลพระวิญญาณ 9 ประการ (กท.5:22-23)และนำการปลดปล่อยออกมาเป็นของประทานพระวิญญาณเพื่อการรับใช้ (1คร.12:28-30,รม.12:6-10)

ดังนั้นเราจึงต้องรักษาไฟแห่งการทรงสถิต(Pleroo)ให้เต็มล้นเพื่อจะส่งต่อไฟแห่งการฟื้นฟูใหญ่ (Pletho) เพื่อพระเจ้าจะทำมาซึ่งการพลิกฟื้นชุมชนของเรา(Transformation)

 เราไม่ต้องรอคอยการฟื้นฟูเพราะการฟื้นฟูมาแล้ว ตั้งแต่ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณฯที่เทลงมาเหนือผู้เชื่อและผู้เชื่อออกไปส่งต่อไฟแห่งการฟื้นฟูไปทั่วโลก จนมาถึงเราทั้งหลาย เราจึงต้องรักษาไฟแห่งการทรงสถิต(Pleroo)ให้เต็มล้นเพื่อจะส่งต่อไฟแห่งการฟื้นฟูใหญ่ (Pletho) เพื่อพระเจ้าจะนำมาซึ่งการพลิกฟื้นชุมชนของเรา(Transformation)  

การฟื้นฟูยิ่งใหญ่จึงเริ่มต้นจากหัวใจที่ใหญ่ยิ่งที่ถ่อมใจยอมให้พระเจ้าทรงใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่มาจากหัวเข่าที่ถ่อมลงร่วมกันอธิษฐานเพื่อการฟื้นฟูใหญ่จะมาสู่พื้นที่ที่เราอยู่

ผู้รับใช้พระเจ้า เอ็ดวิน ออร์  (Edwin Orr) กล่าวว่า  “เมื่อพระเจ้าจะทำการฟื้นฟูใหญ่ พระองค์จะเตรียมคนของพระองค์สำหรับการอธิษฐานเสมอ”

ตัวอย่างเช่น ชุมชนโมราเวียน( Moravians) จัดเวรยามเพื่ออธิษฐานร่วมกัน 24ชม.จำนวน 7 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกันถึง 127 ปี   ชุมชนนี้จึงกลายเป็นฐานการส่งออกมิชชันนารี มีมิชชันนารีถูกส่งออกไป 226 คน ส่งผลกระทบออกไปทั่วโลก แม้กระทั่งจอห์น เวสเลย์ (John Wesley) นักเทศนาฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ก็ได้รับการฟื้นฟูจากชุมชนนี้เช่นกัน
           ในปัจจุบันนี้การอธิษฐานแบบ 24/7 มีปรากฏที่ประเทศเกาหลีใต้ ในปี ค..1973  เดวิด ยอง กี โช ได้เริ่มก่อตั้งภูเขาอธิษฐานที่มีการอธิษฐานทั้งกลางวันและกลางคืน มีคนเป็นล้านได้ไปที่ภูเขาอธิษฐานคริสตจักรท่านได้เติบโตมีสมาชิกกว่า1 คนเป็นคริสตจักรที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันนี้    นี่คือการรักษาไฟแห่งการฟื้นฟูที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องแต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น นั่นคือ

3.      ส่งไฟแห่งการฟื้นฟู  (กจ.1:8 ,กจ.2)

จากพระธรรมกิจการฯ บทที่ 2 เกิดการฟื้นฟูใหญ่ไปทั่วโลก ดังนั้นเมื่อพระเจ้าทรงจุดไฟด้วยพระวิญญาณซึ่งเป็นไฟภายในใจของเรา (pleroo) เราจะต้องส่งไฟแห่งการฟื้นฟูซึ่งเป็นไฟภายนอก(pletho) ออกไป  การฟื้นฟูต้องเริ่มต้นจากคุณภาพชีวิตภายในก่อน ไม่ใช่เน้นปริมาณภายนอก   เราอาจจะมีปริมาณแต่อาจจะไม่มีคุณภาพ แต่ถ้าเรามีคุณภาพสิ่งที่จะตามมาคือปริมาณ   คริสตจักรส่วนใหญ่สนใจในสถิติ  แต่คริสตจักที่เป็นถุงหนังน้ำองุ่นใหม่จะเราสนใจใน “การทรงสถิตมากกว่าสถิติ”ตัวเลข เมื่อคริสตจักรมีคุณภาพจะมีการฟื้นฟูที่เป็นปริมาณที่เป็นผลแสดงออกมา

การฟื้นฟูที่แท้จริงต้องส่งต่อไปสู่คนรุ่นที่สาม  ไม่ใช่การฟื้นฟูหมดที่คนรุ่นแรก  ดังนั้นคริสตจักรจึงต้องเตรียมคนรุ่นต่อไปที่จะส่งต่อการฟื้นฟูครั้งต่อไป 
เราเห็นได้ตัวอย่างจากอาโรน มหาปุโรหิต ที่ผิดพลาดในการเลี้ยงลูกของท่าน 2 คนและบุตรของท่านได้นำไฟต้องห้ามไปบูชาพระเจ้าทำให้เกิดการพิพากษาจากพระเจ้า(ลนต.10:1-2)  มันเป็นวิกฤตร้ายแรงมาก   หากรุ่นหนึ่งได้รับไฟแห่งการฟื้นฟูแต่ไฟแห่งการฟื้นฟูมอดดับไปในรุ่นถัดไป

เราจะต้องเชื่อว่านี่จะเป็นเวลาที่สำคัญของประเทศไทย หลังจากค่ายไฟแห่งการฟื้นฟู 2013 (Revival Fire camp) ขอหนุนใจให้เราได้รักษาชีวิตในการรักษาไฟแห่งการทรงสถิตและส่งต่อการฟื้นฟูไปสู่ผู้อื่น  ไม่ใช่แค่จบลงในค่ายเท่านั้น แต่คาดหวังและเคลื่อนไปสู่วาระเวลาแห่งปีการอัศจรรย์ของพระเจ้าร่วมกันในปีนี้    

เราจะเป็นผู้ที่รับไฟแห่งการฟื้นใจ รักษาไฟแห่งการทรงสถิตและส่งไฟแห่งการฟื้นฟูของพระเจ้าออกไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น