10 มกราคม 2556

สอนลูกปลูกฝังเด็กให้ถูกทาง

วันเสาร์ของสัปดาห์ที่ 2 เดือนมกราคมของทุกปีจะเป็นวันเด็กแห่งชาติ สำหรับในปี 2013 จะตรงกับวันเสาร์ที่ 12 ม.ค.ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้ให้คำขวัญวันเด็กประจำปีนี้ไว้ดังนี้
“รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน”
คำขวัญในปีนี้ได้สะท้อนมุมมองของผู้นำประเทศ นั่นคือ
การให้ความสำคัญกับการฝึกวินัยให้เด็ก ทำให้เด็กมีใจเรียนรู้ เห็นคุณค่าของปัญญา เพื่อนำพาประเทศไปสู่ระดับอาเซียน ดังนั้นเด็กในวันนี้จึงเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติในวันข้างหน้า ที่เราทุกคนไม่ใช่เพียงผู้นำประเทศ หรือสถานศึกษาเท่านั้น แต่ต้องเริ่มด้วยครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยที่ย่อยที่สุดในสังคม ดังนั้นพ่อแม่และผู้ปกครองเด็กต้องสอนลูกหลานและปลูกฝังเด็กให้ถูกทาง เพื่อเป็นการสร้างอนาคตของชาติ มีข้อคิดจากวางแผนอนาคตบทหนึ่งกล่าวว่า "ถ้าวางแผนหนึ่งปี ให้ปลูกข้าว  ถ้าวางแผนยี่สิบปี ให้ปลูกต้นไม้  ถ้าวางแผนร้อยปี ให้สร้างคน" จะเห็นได้ว่าเราต้องให้ความสำคัญในการสอนและปลูกฝังคนตั้งแต่ยังเด็กๆ เพราะเด็กเป็นอนาคตและความหวังใจของชาติ ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่จะไม่มีอนาคต แต่ผู้ใหญ่ที่ดีจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ที่ปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับเด็กที่เป็นคนในรุ่นต่อไป และเมื่อปลูกสิ่งใดไว้ก็จะเก็บเกี่ยวผลที่เกิดขึ้น

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ผมขอนำหลักการจากหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ ที่บอกถึงการสอนลูกปลูกฝังเด็กให้ถูกทางได้ในพระธรรมสุภาษิต ดังนี้
สุภาษิต 2:1-9
1 บุตรชายของเราเอ๋ย ถ้าเจ้ารับคำของเรา และสะสมคำบัญชาของเราไว้กับเจ้า
2 กระทำหูของเจ้าให้ผึ่งเพื่อรับปัญญา และเอียงใจของเจ้าเข้าหาความเข้าใจ
3 เออ ถ้าเจ้าร้องหาความรอบรู้ และเปล่งเสียงของเจ้าหาความเข้าใจ
4 ถ้าเจ้าแสวงปัญญาดุจหาเงิน และเสาะหาปัญญาอย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้
5 นั่นแหละ เจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระเจ้า และพบความรู้ของพระเจ้า
6 เพราะพระเจ้าประทานปัญญา ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
7 พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์
8 ทรงรักษาระวังวิถีของความยุติธรรม และทรงสงวนทางของธรรมิกชนของพระองค์ไว้
9 แล้วเจ้าจะเข้าใจความชอบธรรมและความยุติธรรม และความเที่ยงธรรม คือวิถีที่ดีทุกสาย

จากพระธรรมตอนนี้ กษัตริย์ซาโลมอนเขียนขึ้นเพื่ออบรมสั่งสอนเด็กให้ดำเนินอยู่ในวิถีของพระเจ้า เราได้ข้อคิดเกี่ยวกับการสอนลูกหลานที่เป็นเด็กไว้ดังนี้   

1.สอนให้เห็นคุณค่าปัญญา (ข้อ 1) 
พระวจนะกล่าวว่า “...ถ้าเจ้ารับคำของเรา และสะสมคำบัญชาของเราไว้กับเจ้า...เจ้าจะเข้าใจความ ยำเกรงพระเจ้า และพบความรู้ของพระเจ้า” ในภาษาเดิมคำว่า “รับคำ” ให้ความหมายถึงการซื้อ ซึ่งเป็นภาพของการเห็นคุณค่าสิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วจึงซื้อมาเป็นของตน
ส่วนคำว่า “สะสม” ให้ความหมายถึงการยกย่อง เห็นคุณค่า พระวจนะกล่าวว่า ปัญญามีค่ามากกว่าเงินหรือทองคำ (สภษ.3:14;16:16) ปัญญามาจากพระเจ้า (ข้อ 6) ด้วยเหตุนี้เอง เด็กที่เห็นคุณค่าของปัญญาจึงเห็นคุณค่าของพระเจ้า และแสวงหาพระองค์เพื่อจะได้รับสติปัญญาจากพระองค์

2.สอนให้เพิ่มพูนปัญญา (ข้อ 2-5) 
คำว่า “กระทำหูให้ผึ่ง” ในภาษาเดิมให้ความหมายถึง ให้ความสนใจ ฟังอย่างตั้งใจ เพื่อจะได้ปัญญามากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนคำว่า “เอียงใจ” หมายถึง ขยายออกไป กระทำให้กว้างใหญ่ พระวจนะสอนให้ผู้เชื่อเรียนรู้ที่จะเพิ่มพูนปัญญา (สภษ.9:9;10:14) โดยเฉพาะการเพิ่มพูนปัญญาเพื่อจะเข้าใจและดำเนินอยู่ในวิถีของพระเจ้า

3.สอนให้ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต (ข้อ 1)  คำว่า “รับคำ” ยังให้ความหมายถึง การนำมาใช้อีกด้วย นั่นคือ ไม่เพียงแค่มีปัญญาอยู่ในสมอง แต่ต้องแสดงออกถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา โดยการประพฤติดี มีความชอบธรรม และมีจริยธรรมในจิตใจ

สิ่งที่ทำให้เห็นผลจากการปลูกฝังนั่นคือ 

1.เด็กจะเติบโตเป็นคนดีของสังคม (ข้อ 6-9) 
เด็กที่ถูกสอนให้เห็นคุณค่าปัญญา เพิ่มพูนปัญญา และใช้ปัญญาซึ่งมาจากพระเจ้านั้น เขาจะประพฤติตนอยู่ในทางของพระเจ้า พระวจนะกล่าวว่า เขาจะเข้าใจความชอบธรรม ความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม และวิถีที่ดีทุกสาย (ข้อ 9) เขาจะเติบโตเป็นคนดีของสังคมต่อไป
ฉะนั้นการสอนของผู้ใหญ่ต้องมาจากชีวิตที่เป็นแบบอย่าง เพื่อที่เขาจะเลียนแบบได้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแต่ใช้คำพูดสอนเท่านั้น
ในปัจจุบันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารที่เราเรียกว่ายุค IT (Information Technology) เด็กๆในปัจจุบันมีสังคมออนไลน์ตาม Internet มีข้อมูลความรู้มากมาย อยากรู้อะไร ก็เข้าไป search หาสอบถามอาจารย์กู (Google) หรือ ถามคุณครู Guru ผู้รู้ต่างๆใน web board
ดังนั้นผู้ใหญ่ควรจะให้ความสนใจอย่าปล่อยให้สื่อทาง Internet สอนบุตรหลานของท่านในทางที่ไม่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ลูกหลานของท่านเข้าไปใน website ที่ไม่สมควร

2.เด็กจะดำเนินในทางที่ถูกต้องเหมาะสม (ข้อ 6-9) 
พระวจนะกล่าวว่า พระองค์จะทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์ (ข้อ 7) ทรงสงวนทางของธรรมิกชนของพระองค์ (ข้อ 8) เมื่อเราสอนลูกหลานทั้งฝ่ายกายภาพและฝ่ายวิญญาณให้เขาดำเนินอยู่ในทางของพระเจ้าตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อเขาโตขึ้น เขาก็จะดำเนินในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม พระคำของพระเจ้าจะเป็นดังโล่ปกป้องชีวิตของเขาอย่างถูกต้อง(สดด.17:5;37:31;สภษ.8:36)
เมื่อเขาเติบโตขึ้นจะไม่เป็นเด็กที่มีปัญหากับสังคม เป็นพวกสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนในสังคม เช่นเด็กแว้นบอย สก๊อยเกิร์ล ที่ใช้เวลาว่างไปขี่มอเตอร์ไซด์เสียงดังรบกวนผู้คน หรือไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดทางเรื่องเพศและยาเสพติดที่เป็นปัญหาสังคม


ผมเชื่อว่าเมื่อเราให้ความสำคัญกับเด็กและสอนลูกปลูกฝังเด็กให้ถูกทาง เด็กก็จะเดินในทางที่ถูกต้อง ขอพระเจ้าอวยพรครับ

สุภาษิต 22:6 จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น