เมื่อคนของพระเจ้าไม่ตื่นตระหนก แต่ตระหนักว่าถึงเวลาที่เราต้องกลับใจ กลับมาแสวงหาพระเจ้ามากขึ้น เพื่อขอการรื้อฟื้นคืนสู่สภาพดี เพราะเราได้ทำบาปจึงทำให้เราเสื่อมไปจากพระสิริของพระเจ้า(รม.3:23)ในครั้งนี้พระเจ้าต้องการรื้อฟื้นพระสิริของพระองค์ในชีวิตของเรา
1 ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดี ทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอก อย่างต้นดอกฝรั่น
2 มันจะออกดอกอุดม และเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบานและการร้องเพลง ศักดิ์ศรีของเลบานอนก็จะประทานให้มัน ทั้งความโอ่อ่าตระการของคารเมลและชาโรน ที่เหล่านี้จะเห็นพระสิริของพระเจ้า ความโอ่อ่าตระการของพระเจ้าของพวกเรา
3 จงหนุนกำลังของมือที่อ่อน และกระทำหัวเข่าที่อ่อนให้มั่นคง
4 จงกล่าวกับคนที่มีใจคร้ามกลัวว่า "จงแข็งแรงเถอะ อย่ากลัว ดูเถิด พระเจ้าของท่านทั้งหลาย จะเสด็จมาด้วยการแก้แค้น พระองค์จะเสด็จมาและช่วยท่านให้รอด ด้วยการตอบแทนของพระเจ้า"
5 แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะเปิดออก แล้วหูของคนหูหนวกจะเบิก
6 แล้วคนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะน้ำจะพลุ่งขึ้นมาในป่าดอน และลำธารจะพลุ่งขึ้นในทะเลทราย
จากพระธรรมตอนนี้ เป็นสภาพของคนอิสราเอลต้องเผชิญกับสงคราม และความยากลำบาก ที่เป็นผลพวงจากความบาปจากการทอดทิ้งของพระเจ้า อิสราเอลต้องทุกข์ลำบากอย่างแสนสาหัสจากการรุกรานของชนชาติอัสซีเรีย ที่พระเจ้าส่งมาเพื่อตีสอน ให้อิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า เป็นการรื้อฟื้นคืนสู่สภาพดี เป็นดังภาพ "ฟ้าหลังฝนของคนกลับใจ"
จากสิ่งสลักหักพังจากการถูกเผาทำลาย กลายเป็นสิ่งใหม่ ฝนได้มาทำให้สิ่งมีชีวิตได้งอกงามขึ้นมาใหม่
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ได้ลุกขึ้นเตือนสติให้เขารู้ถึงที่มาของความทุกข์ยาก และให้กลับใจจากบาป พระองค์เปิดเผยให้รู้ถึงแผนการแห่งการช่วยกู้ ชัยชนะและอนาคตที่สดใสในกายภาคหน้า
1 การเกิดผลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (ข้อ 1-2ก)
อิสยาห์เปรียบเทียบภาพแห่งความทุกข์ที่อาณาจักรยูดาห์ถูกล้อมไว้ในยามสงคราม เหมือนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระเจ้าทรงยอมให้ชนชาติของพระองค์เผชิญกับความทุกข์ยากแต่เมื่อถึงเวลาอัน เหมาะสมแล้ว พระองค์ก็จะแทรงแซงและช่วยกู้ ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดี ทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอก เสียงคร่ำครวญร้องไห้กับกลายเป็นเสียงแห่งความปิติยินดี ...และเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบานและการร้องเพลง
เช่นเดียวกับคริสตจักรที่เคยสูญเสียสภาพฝ่ายวิญญาณเป็นเวลานานจะได้สัมผัส ถึงความรู้สึกใหม่ของการเยียวยา พระเจ้าทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นเพราะข่าวประเสริฐที่แพร่ออกไปจะเป็นดังสายน้ำ ที่รดผืนดินให้ชุ่มฉ่ำ คนมากมายจะกลับมาหาพระเจ้าและได้รับความชุ่มฉ่ำในพระองค์ (มธ.24:14)
2 การเทลงมาของพระสิริพระเจ้า ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน (ข้อ 2ข)
...ศักดิ์ศรีของเลบานอนก็จะประทานให้มัน ทั้งความโอ่อ่าตระการของคารเมลและชาโรน ที่เหล่านี้จะเห็นพระสิริของพระเจ้า ความโอ่อ่าตระการของพระเจ้าของพวกเรา
คำว่า “พระสิริ” ในรากศัพท์ภาษาเดิม ("Kabod" ซึ่งเป็นรากศัพท์ของ"ความมีน้ำหนัก" หรือ "ความมีค่าคู่ควร" )ให้ความหมายถึง “เกียรติ ความงดงาม"
ในวาระสุดท้ายพระเจ้าจะกระทำให้ผู้คนเห็นพระสิริของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ในพระวจนะข้อนี้ภูเขาเลบานอน ภูเขาคารเมล ทุ่งชาโรน สถานที่ทั้ง3 แห่งนี้เป็นภาพของสง่าราศี ความมีเกียรติ ซึ่งสะท้อนไปถึงความยิ่งใหญ่ พระเกียรติและพระสิริของพระเจ้า ที่คนจะสามารถประจักษ์อย่างแจ่มชัดในวาระสุดท้าย
เราทุกคนจะนมัสการพระเจ้าในระดับแห่งพระสิริที่สูงขึ้นมากกว่าระดับสายตาที่เรามองจะมองเห็น
ลึกเกินกว่าความเข้าใจในฝ่ายวิญญาณที่เราจะรู้จัก และกว้างมากขึ้นในความเข้าใจแห่งอารมณ์ความรู้สึกที่เราจะสัมผัสได้ เพราะมิติแห่งพระสิริ ไม่มีความจำกัด
3 การพิพากษาศัตรูของเราอย่างเด็ดขาดที่ไม่เคยทำมาก่อน (ข้อ 3-4)
3 จงหนุนกำลังของมือที่อ่อน และกระทำหัวเข่าที่อ่อนให้มั่นคง
4 จงกล่าวกับคนที่มีใจคร้ามกลัวว่า "จงแข็งแรงเถอะ อย่ากลัว ดูเถิด พระเจ้าของท่านทั้งหลาย จะเสด็จมาด้วยการแก้แค้น พระองค์จะเสด็จมาและช่วยท่านให้รอด ด้วยการตอบแทนของพระเจ้า"
พระวจนะข้อนี้กล่าวถึง มือและเข่า ที่อ่อนกำลัง เป็นสภาพความรู้สึกของคนอิสราเอลในเวลานั้นที่ถูกข้าศึก คืออัสซีเรีย บุกเข้าโจมตีโดยล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้ ทหารอิสราเอลในเวลานั้น รู้สึกหมดแรงเพราะความกลัว พวกเขาเห็นว่าทหารของศัตรูมีกำลังเข้มแข็งเหนือกว่าตนเอง เช่นเดียวกับในยามที่เรามองเห็นอุปสรรคปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ แต่พระวจนะกล่าวว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าทุกปัญหา พระองค์จะทรงจัดการกับผู้ที่ขัดขวางแผนการของพระองค์ นั่นคือ มารซาตาน ซึ่งถือเป็นปฏิปักษ์ของพระองค์ พระเจ้าจะไม่ปล่อยไว้ แต่จะทรงจดจำเพื่อพิพากษาโทษอย่างสาสมในวันสุดท้าย (วว.20:10)
วันนี้ให้เรามีกำลังขึ้น ยกมือที่อ่อนล้าขึ้นเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และถ่อมใจให้หัวเข่าที่อ่อนกำลัง ได้นั่งลงเพื่ออธิษฐานต่อพระเจ้า เมื่อก่อนอาจะจะใช้หัวคิดมากกว่า หัวเข่า แต่วันนี้เราต้องใช้หัวเข่าในการทรุดตัวลงอธิษฐานต่อพระเจ้า และยกเสียงของเราเพื่อสรรเสริญพระเจ้า
เสียงแห่งการนมัสการจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ในการทำสงครามฝ่ายวิญญาณ และศัตรูของเราคือมารจะถูกจัดการขั้นเด็ดขาดจากพระเจ้า
4 หมายสำคัญการอัศจรรย์จะเกิดขึ้นมากกว่ายุคก่อน (ข้อ 5-6)
ในวาระสุดท้าย พระเจ้าจะสำแดงฤทธานุภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านความเชื่อของธรรมิกชน พระวจนะให้ภาพของฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่กระทำการอัศจรรย์ ให้นัยน์ตาของคนตาบอดมองเห็นได้ คนหูหนวกสามารถได้ยินเสียงและภาพของคนง่อยที่จะกระโดดได้อย่างกวางและคนใบ้ ที่จะร้องเพลงแห่งความชื่นบานได้ (มธ.11:1-6) สิ่งเหล่านี้ คือ ฤทธิ์เดชที่พระเยซูทรงเคยกระทำมาแล้วในขณะที่ทรงดำเนินอยู่บนโลก และจะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพระองค์ใกล้เสด็จกลับมา เราจะเห็นหมายสำคัญการอัศจรรย์จะเกิดขึ้นมากกว่ายุคก่อน การอัศจรรย์ที่เกินธรรมชาติจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาในวิถีชีวิตของเรา ถ้าเรามีความเชื่อ สิ่งที่เราจะทำไม่ได้จะไม่มีเลย ขอให้เราตั้งมั่นคง และทำส่วนของเราที่เป็นไปได้ให้มากที่สุด และพระเจ้าจะทำในส่วนที่เป็นไปไม่ได้ให้กับเรา
1โครินธ์ 15:58 เหตุฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้าท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าการของท่านจะไร้ประโยชน์ก็หามิได้
ลงข่าวคริสตชน วันที่ 23 มี.ค.2011, ลงในบทความของ Web.CBNsiam.com, ลงข่าวหนังสือพิมพ์ Thai Texas news
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น