11 พฤษภาคม 2563

เหตุใดชนชาติอิสราเอลรับมานาในถิ่นทุรกันดารแล้ว ไม่ต้องแบ่งถวายเป็นสิบลด?


ทำความเข้าใจเรื่องการถวาย

การถวายเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้มนุษย์ถวายพระองค์เพื่อเป็นการแสดงออกถึงหัวใจที่ยอมจำนนให้กับพระองค์และแสดงออกถึงการเชื่อฟังเป็นการกระทำ
แสดงว่า ใจที่เชื่อฟังยอม“จำนน” มีความสำคัญมากกว่า “จำนวน”สิ่งที่นาถวาย
ตามหลักการพระคัมภีร์ให้มีการแบ่งการถวายเป็น 3 ส่วนคือ   ของบริจาค(Contributions), ผลไม้รุ่นแรก(First fruits) และ ทศางค์หรือสิบลด(Tithes) 
สิ่งเหล่านี้เป็นการมอบถวายจากใจให้กับพระเจ้า

เนหะมีย์ 12:43-44
43 43 และเขาทั้งหลายได้ถวายเครื่องสัตวบูชาใหญ่โตในวันนั้น และเปรมปรีดิ์เพราะพระเจ้าทรงกระทำให้เขาเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบานใหญ่ยิ่ง พวกผู้หญิงและเด็กๆ ก็เปรมปรีดิ์ด้วย และความชื่นบานของเยรูซาเล็มก็ได้ยินไปไกล 44 ในวันนั้น เขาแต่งตั้งคนให้ดูแลห้องสำหรับพัสดุ ของบริจาค ผลไม้รุ่นแรก ทศางค์ ให้รวบรวมสิ่งซึ่งกำหนดไว้ในกฎหมายสำหรับปุโรหิตและคนเลวีเข้ามาไว้ในนั้น ตามไร่นาในหัวเมืองเหล่านั้น เพราะยูดาห์เปรมปรีดิ์ด้วยเรื่องบรรดาปุโรหิต และคนเลวีผู้ปรนนิบัติอยู่นั้น



1. ถวายผลแรก (Frist fruits)  เป็นการแสดงถึงการให้ความสำคัญว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นความสำคัญแรกสุดก่อนสิ่งใด แยกสิ่งที่ได้มาเพื่อถวายก่อน

2. ถวายสิบลด(Tithes) เป็นการแสดงถึงการให้ที่มาจาการเชื่อฟัง นำหนึ่งส่วนชักออกมาจากสิบส่วนเพื่อนำมาถวาย

3. ถวายต่าง ๆ (Contributions) เป็นการแสดงถึงการให้ที่มาจากใจนการขอบพระคุณและเป็นพรไปสู่ผู้อื่น


การถวายมีตั้งแต่ก่อนยุคธรรมบัญญัติ

การถวายของคาอินและอาเบล ใน ปฐมกาล  4 :3-7
3 อยู่มาวันหนึ่งคาอินนำพืชผลจากผืนดินมาเป็นของถวายแด่พระยาห์เวห์
4 ส่วนอาเบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวาย พระยาห์เวห์พอพระทัยอาเบลและของถวายของเขา
 5 แต่คาอินกับของถวายของเขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย คาอินก็โกรธยิ่งนัก ก้มหน้าลง
6 พระยาห์เวห์จึงตรัสถามคาอินว่า “ทำไมเจ้าโกรธ? ทำไมหน้าเจ้าบูดบึ้ง?
 7 ถ้าเจ้าทำดี เจ้าก็จะเป็นที่ยอมรับไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้น”

การถวายแบบนี้เป็นการถวายผลแรก อาแบลให้แกะหัวปีแด่พระยาห์เวห์แสดงถึงการให้ความสำคัญแด่พระองค์เป็นลำดับแรกของชีวิต
พระยาห์เวห์จึงพอพระทัยและรับของถวายของอาแบล 
ฮีบรู 11:4  โดยความเชื่อ อาเบลจึงนำเครื่องบูชาที่ดีกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า โดยทางความเชื่อนั้นท่านได้รับการรับรองว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าทรงรับรองของถวายของท่าน แม้ว่าอาเบลตายไปแล้ว แต่โดยทางความเชื่อท่านจึงยังพูดอยู่
  
การถวายสิบลดในยุคก่อนธรรมบัญญัติ

การถวายสิบลดในยุคก่อนที่มีธรรมบัญญัติ  อับราม(อับราฮัม) ถวาย"หนึ่งในสิบ" ของที่ยึดมาได้ ให้กับกษัตริย์เมลคีเซเดค ซึ่งป็นปุโรหิตเป็นผู้รับสิบลดและอวยพร

 ปฐมกาล 14:18-20
18 เมลคีเซเดคผู้เป็นทั้งกษัตริย์ซาเลมและปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด ก็นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมาให้
19 แล้วอวยพรท่าน กล่าวว่า “ขอให้อับรามรับพรจากพระเจ้าผู้สูงสุด
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก  
 20 ขอพระเกียรติเป็นของพระเจ้าผู้สูงสุด ผู้ทรงมอบศัตรูทั้งหลายไว้ในมือของท่าน” อับรามก็มอบหนึ่งในสิบจากข้าวของทั้งหมดนั้นถวายแก่กษัตริย์เมลคีเซเดค  

การถวายในยุคธรรมบัญญัติ(พันธสัญญาเดิม)

เมื่อคนอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ (อพยพ บทที่12 )เมื่ออยู่ในดินแดนถิ่นทุรกันดาร  พระยาห์เวห์จึงประทานธรรมบัญญัติให้กับคนของพระองค์ผ่านทางโมเสส ทำให้การถวายเป็นกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและกำหนดให้คนอิสราเอลในสมัยนั้นต้องถวายต่าง ๆ  ทั้ง ผลไม้รุ่นแรก(First fruits) ,ทศางค์หรือสิบลด(Tithes) และของบริจาค(Contributions) ทั้งนี้เพราะมีชุมชนและระบบปุโรหิตเพื่อรับการถวายแล้ว

เลวีนิติ 23 :9-11
9 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า  10 จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้ามาถึงแผ่นดินซึ่งเราให้เจ้า และเกี่ยวพืชผลของแผ่นดินนั้น พวกเจ้าจงเอาพืชผลส่วนหนึ่งที่เก็บเกี่ยวในรุ่นแรกนำไปให้ปุโรหิต
 11 และปุโรหิตจะนำพืชผลส่วนนั้น ทำพิธีโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ เพื่อพวกเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน

เลวีนิติ 27:30 ทศางค์ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดินเป็นพืชที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดี เป็นของพระยาห์เวห์ เป็นของถวายที่บริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์

การไม่ถวายสิบลดถือเป็นการฉ้อพระเจ้า แต่การถวายถือเป็นการรับพระพร 
มาลาคี 3:8-10
8 “มนุษย์จะฉ้อโกงพระเจ้าหรือ? ที่จริงเจ้าทั้งหลายได้ฉ้อโกงเรา แต่เจ้ากล่าวว่า ‘พวกเราฉ้อโกงพระเจ้าอย่างไร?ก็ฉ้อโกงในเรื่องทศางค์และเครื่องบูชานั่นซี
9 เจ้าทั้งหลายต้องถูกสาปแช่งด้วยคำสาปแช่ง เพราะเจ้าฉ้อโกงเราทั้งชาติ
10 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
  
การถวายในยุคพระคุณ(พันธสัญญาใหม่)
พระเยซูคริสต์ไม่ได้มาลบล้างธรรมบัญญัติแต่ทำให้สมบูรณ์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
มัทธิว 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ

พระเยซูคริสต์ตั้งพันธสัญญาใหม่ ไม่ใช่การปรับโทษแต่ประทานชีวิต
โรม 8:1-2
1 เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์
2 เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย

การถวายจึงเป็นการสมัครใจด้วยการสำนึกในพระคุณ จึงเป็นการมอบถวายชีวิตให้กับพระเจ้า หมายถึง 100% ไม่ใช่แค่ 10 % เท่านั้น 

โรม 12:1  ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน

เราทุกคนที่เชื่อเป็นดั่งปุโรหิต มีส่วนในการถวายตัวรับใช้พระเจ้า

1 เปโตร 2:9 แต่พวกท่านเป็นพงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นประชา​​กรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์

การถวายจึงถวายมากกว่าแค่สิบลดและด้วยใจยินดีไม่ใช่เสียดาย เพื่อเป็นพระพรต่อชุมชน(คริสตจักร)

2 โครินธ์ 9:6-8
6 นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก
 7 แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี
8 และพระเจ้าสามารถประทานพรทุกอย่างแก่ท่านทั้งหลายอย่างเหลือล้น เพื่อว่าเมื่อมีทุกอย่างเพียงพออยู่เสมอ ท่านยังจะมีเหลือล้นสำหรับการดีทุกอย่างด้วย

เมื่อพิจารณาหลักการถวายแล้วจึงมาตอบคำถามในเรื่อง เหตุใดชนชาติอิสราเอลรับมานาในถิ่นทุรกันดารแล้ว ไม่ต้องแบ่งถวายเป็นสิบลด?


1.  เพราะมานาเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานให้ด้วยพระคุณพิเศษ ไม่ใช่สิ่งที่คนอิสราเอลหาหรือทำงานเพื่อจะได้มา

เมื่อคนอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ (อพยพ บทที่12 )เมื่ออยู่ในดินแดนถิ่นทุรกันดาร  พระยาห์เวห์ได้ประทานอาหารให้คนอิสราเอล เป็นสิ่งที่ตกมาจากฟ้า
อพยพ 16:4-5
4 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “นี่แน่ะ เราจะให้อาหารตกลงมาเหมือนฝนจากท้องฟ้าสำหรับพวกเจ้า และทุกๆ วันก็ให้ประชาชนออกไปเก็บแต่พอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ลองใจว่า พวกเขาจะดำเนินตามบัญญัติของเราหรือไม่?
 5 ในวันที่หก เมื่อพวกเขาเตรียมมานาที่นำมา ก็ให้เก็บเพิ่มเป็นสองเท่าของที่พวกเขาเก็บในวันอื่นๆ”

มานาเป็นสิ่งที่พวกคนอิสราเอลได้รับจากพระเจ้าโดยตรง ไม่ต้องทำงานด้วยการปลูกจากแผ่นดิน ดังนั้นจึงไม่ต้องถวายสิบลด เพราะพระเจ้าให้เขาด้วยพระคุณ  จะเห็นได้ว่ามานาเป็นสิ่งที่ให้ชั่วคราว เมื่อคนอิสราเอลปลูกพืชไร่นาแล้วพวกเขาจึงนำมาถวายผลแรกและสิบลด (ลนต.23)

เมื่อคนอิสราเอลจะเข้าแผ่นดินคานาอัน พระเจ้าไม่ได้ประทานมานาแล้ว เพราะเขาจะได้รับผลผลิตจากแผ่นดินที่พระเจ้าประทานให้ และพวกเขาจะต้องทำงานจึงจะได้รับมา

โยชูวา 5:10-12
10 ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล​ได้​ตั้ง​ค่าย​ที่​กิล​กาล และ​ถือ​เทศ​กาล​ปัส​กา​ใน​วัน​ที่​สิบ​สี่​เวลา​เย็น ณ ที่​ราบ​เมือง​เย​รี​โค
11 วัน​รุ่ง​ขึ้น​หลัง​วัน​เทศ​กาล​ปัส​กา วัน​นั้น​เอง​พวก​เขา​ก็​รับ​ประ​ทาน​ผล​จาก​แผ่น​ดิน คือ​ขนม​ไร้​เชื้อ​และ​ข้าว​คั่ว
12 ตั้ง​แต่​วัน​รุ่ง​ขึ้น​มานา​ก็​ขาด​ไป คือ​เมื่อ​เขา​ได้​รับ​ประ​ทาน​ผล​จาก​แผ่น​ดิน ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล​ไม่​มี​มานา​อีก​เลย ใน​ปี​นั้น​เขา​รับ​ประ​ทาน​ผล​จาก​แผ่น​ดิน​

2.  เพราะมานาเป็นสิ่งที่ได้รับก่อนจะมีธรรมบัญญัติ จึงไม่ได้กำหนดให้มีการนำมาถวาย หลังจากมีธรรมบัญญัติแล้ว คนอิสราเอลทำงานได้ผลผลิตจากพืชผลจึงได้นำมาถวายแด่พระยาห์เวห์

3.  เพราะมานาเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เพื่อเขาจะไม่มีความโลภ แต่ให้นับพระพรในการจัดเตรียมของพระยาห์เวห์

พระยาห์เวห์ทรงประทานมานาให้คนอิสราเอลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้เขามีความโลภ แต่ละวันคนอิสราเอลจะได้คนละเท่ากัน และไม่สามารถเก็บได้เกินจากนี้เพราะมันจะเน่าเสียไป 

อพยพ 16:16 นี่เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้คือ ‘ให้ทุกคนเก็บเท่าที่พอรับประทานอิ่ม ให้เก็บคนละสองลิตร ตามจำนวนคนที่พักอยู่ในเต็นท์ของตน’ 

อพยพ 16:20 แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังโมเสส บางคนเหลือไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้นก็มีหนอนขึ้น และบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น

คนอิสราเอลมีการนับ Omer(โอเมอร์) (เป็นหน่วยวัดการตวง 1 โอเมอร์ เท่ากับการเก็บมานากินได้ 1 วันเล็งถึงการจัดสรรของพระเจ้าในแต่ละวัน
อพยพ 16:32 ..."พระเจ้ามีรับสั่งว่า 'จงตวงมานาโอเมอร์หนึ่ง เก็บไว้ตลอดชั่วชาตพันธุ์ของเจ้า เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เห็นอาหารซึ่งเราเลี้ยงเจ้าในถิ่นทุรกันดารนี้ เมื่อเรานำพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์'

    คนอิสราเอลเก็บโถทองคำใส่มานาไว้ในหีบพันธสัญญาเพื่อนับพระพรในการจัดเตรียมของพระยาห์เวห์ ตลอดช่วงเวลาในถิ่นทุรกันดาร   

ฮีบรู 9:4 มีแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอม และมีหีบหุ้มด้วยทองคำทุกด้านสำหรับบรรจุพันธสัญญา ภายในหีบนั้นมีโถทองคำใส่มานา และมีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีศิลาสองแผ่นจารึกพันธสัญญา

การเก็บโถทองคำใส่มานา และมีไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม และมีศิลาสองแผ่นจารึกพันธสัญญา   3 สิ่งคือ การจัดสรร สิทธิอำนาจและพระคำของพระยาห์เวห์

           เมื่อคนอิสราเอลมีการทำไร่ สวนจากแผ่นดินแล้ว จะมีบางคนทำได้มากและบางคนทำได้น้อย ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงให้มีการถวายสิบลด เพื่อให้คนที่มีมากนำมาถวายมากและคนมีน้อยนำมาถวายตามสัดส่วน เพื่อไม่เกิดความโลภ และสิ่งที่ได้ถวายมาก็นำมาเพื่อประโยชน์ต่อชุมชน


4.   เพราะมานาเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานให้คนอิสราเอลโดยพระองค์ทดสอบการเชื่อฟังจากการทำตามผ่านทางคำสั่งโมเสส 
พระยาห์เวห์ไม่ได้ทดสอบการเชื่อฟังของคนอิสราเอลด้วยการให้นำมานามาถวายสิบลด แต่ทดสอบการเชื่อฟังด้วยการให้เก็บพอแต่ละวันและวันที่ 6 จะได้รับสองเท่า วันที่ 7 ไม่ต้องไปเก็บเพราะเป็นวันสะบาโต
อพยพ 16:19-22
19 โมเสสสั่งพวกเขาว่า “อย่าให้ใครเหลือไว้จนรุ่งเช้า”
20 แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังโมเสส บางคนเหลือไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้นก็มีหนอนขึ้น และบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น
21 พวกเขาเก็บกันทุกๆ เช้าเท่าที่คนหนึ่งรับประทานได้ แต่พอแดดออกร้อนจัดแล้วอาหารนั้นก็ละลายไป
22 เมื่อถึงวันที่หก พวกเขาเก็บอาหารสองเท่า คือคนละสี่ลิตร ผู้นำทั้งหมดของชุมนุมชนจึงเข้ามารายงานโมเสส
23 โมเสสบอกพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ทรงบัญชาว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพัก เป็นสะบาโต วันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ จะปิ้งอะไรก็ให้ปิ้ง จะต้มอะไรก็ให้ต้มเสีย และส่วนที่เหลือทั้งหมด จงเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น’ 

  
5.   เพราะมานาเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานให้คนอิสราเอลก่อนที่จะมีระบบปุโรหิตและไม่ได้นำมาเก็บไว้ในคลังเพื่อแจกจ่ายออกไป

พระยาห์เวห์จึงประทานธรรมบัญญัติให้กับคนของพระองค์ผ่านทางโมเสส ทำให้การถวายเป็นกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและกำหนดให้คนอิสราเอลในสมัยนั้นต้องถวายต่าง ๆ  ทั้ง ผลไม้รุ่นแรก(First fruits) ,ทศางค์หรือสิบลด(Tithes) และของบริจาค(Contributions) ทั้งนี้เพราะมีชุมชนและระบบปุโรหิตเพื่อรับการถวายแล้ว
ของถวายต่าง ๆ จึงนำมาเก็บไว้ในคลังเพื่อแจกจ่ายและดูแลผู้รับใช้พระเจ้าเผ่าเลวี แต่สำหรับมานานั้นทุกคนได้รับเท่าเทียมกัน จึงไม่ได้นำมาถวายในคลังของชุมชนเพื่อนำมาเป็นประโยชน์ต่อชุมชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น