31 มีนาคม 2555

Acts 4:14-23_ตอบสนองการขัดขวางข่าวประเสริฐ

ศึกษาพระธรรมกิจการของอัครทูต
คริสตจักร “ต้นแบบ” ตามพระบัญชา

กิจการของอัครทูต 4:14-23
14 เมื่อเขาเห็นคนนั้นที่หายโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่มีข้อคัดค้านที่จะพูดขึ้นได้
15 แต่เมื่อสั่งให้เปโตรกับยอห์นออกไปจากที่ประชุมแล้ว เขาจึงปรึกษากัน
16ว่า"เราจะทำอย่างไรกับคนทั้งสองนี้เพราะการที่เขาได้กระทำหมายสำคัญอันเด่น คนทั้งปวงที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก็รู้กันแล้วและเราปฏิเสธไม่ได้
17แต่ให้เราขู่เข็ญห้ามไม่ให้พูดอ้างชื่อนั้นกับผู้หนึ่งผู้ใดเลย เพื่อเรื่องนี้จะไม่ได้เลื่องลือแพร่หลายไปในหมู่คนทั้งปวง"
18เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมาแล้วห้ามปรามเด็ดขาดไม่ให้พูด หรือสอนออกพระนามของพระเยซูอีกเลย
19 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นตอบเขาว่า "จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้าขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู
20 ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้"
21 เมื่อเขาขู่สำทับท่านทั้งสองนั้นอีก แล้วก็ปล่อยไป ไม่เห็นมีเหตุที่จะทำโทษท่านอย่างไรได้เพราะกลัวคน เหตุว่าคนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้า เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
22 ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยหมายสำคัญนั้นมีอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว
23 เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้วท่านจึงไปหาพวกของท่าน เล่าเรื่องทั้งสิ้นที่พวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ว่าแก่ท่าน
อารัมภบท
เราได้พิจารณาหนังสือกิจการฯ กันมาต่อเนื่อง ในครั้งก่อน บทที่ 4:1-13 บอกถึงการเผชิญกับการขัดขวางข่าวประเสริฐ ซึ่งหากเราอ่านดูในข้อ14-18 เป็นสถานการณ์อันคับขันที่อัครทูตเปโตรและอัครทูตยอห์นต้องเผชิญ คือ การขัดขวางในการประกาศข่าวประเสริฐ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยขู่และห้ามไม่ให้ประกาศข่าวประเสริฐ แต่เราเห็นถึงความ "นิ่ง" ไม่ได้ตื่นตระหนก หวาดกลัวแต่มีการตอบสนองการขัดขวางการประกาศข่าวประเสริฐ ที่เราสามารถที่จะเรียนรู้ได้ ท่านได้ตอบบรรดาสภาชิกสภาแซนเฮดดรินซึ่งขัดขวางไม่ให้ท่านทั้งสองประกาศไปว่า(19)"...จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้า ควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้าขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู..." แสดงให้เห็นความกล้าหาญของท่าน ที่ท่านมีท่าทีในการตอบสนองการขัดขวางข่าวประเสริฐ โดย "ยำเกรงพระเจ้า มากกว่าเกรงใจมนุษย์" ในครั้งนี้เราจะมาพิจารณากันถึงการตอบสนองการขัดขวางข่าวประเสริฐ ว่าจะตอบสนองอย่างไร
1.ข้อสังเกตเพื่อใคร่ครวญ
หากเราศึกษาพระธรรมิกจาฯในบทต่อๆไปจะเห็นได้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ อัครทูตเปโตรและยอห์น ท่านก็ยังสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐต่อไปโดยไม่ได้เกรงอกเกรงใจ บรรดาสมาชิกสภาแซนเฮดดริน สมาชิกสภาฯพวกนี้จึงทนไม่ได้ จึงให้คนไปพาพวกสาวกมา และต่อว่าทำไมยังออกพระนามพระคริสต์อีก ทั้ง ๆ ที่สั่งไม่ให้กทำอีกต่อไป
กจ.5:29 ฝ่ายเปโตรกับอัครทูตอื่นๆตอบว่า "ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้า ยิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ นี่คือ คำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นจุดยืนที่มั่นคงในสถานการณ์ที่ถูกขัดขวางว่า สิทธิอำนาจสูงสุดที่สมควรได้รับการนบนอบเชื่อฟัง คือ พระเจ้า

นี่เป็นการตอบสนองต่อการขัดขวางเพราะข่าวประเสริฐ ที่รักษาจุดยืนในการเชื่อฟังพระเจ้า
สถานการณ์นี้เป็นตัวอย่างซึ่งน่าจับตามอง ที่สะท้อนหลักการของ คริสเตียนที่จำเป็นต้องรักษาจุดยืน และ นบนอบต่อสิทธิอำนาจสูงสุด
เป็นการตระหนักถึงสิทธิอำนาจสูงสุดของพระเจ้า ที่ต้องเชื่อฟัง พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ ที่ให้ประกาศพระนามของพระองค์ไป จนสุดปลายแผ่นดินโลก โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็มก่อน (มธ.28:19-20,กจ.1:8)
เราจำเป็นต้องเชื่อฟังพระเจ้า เราไม่อาจปิดซ่อนความปิติยินดีอันเกิดจากพระพรแห่งข่าวประเสริฐได้ ข่าวประเสริฐเรื่องพระคริสต์จำเป็นต้องถูกประกาศออกไป ผ่านชีวิตของเรา ผ่านคำพูดของเรา
อัครทูตเปาโลก็เป็นตัวอย่างของผู้มีจุดยืนในการเชื่อฟังพระมหาบัญชาของ พระเยซูคริสต์
ท่านประกาศจุดยืนนี้ในขณะที่แก้คดีต่อกษัตริย์อากริปปาอย่างน่าอัศจรรย์และ อย่างน่าประทับใจเป็นที่สุด (กจ.26:19 "ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพระบาทจึงเชื่อฟัง นิมิต ซึ่งมาจากสวรรค์นั้น และมิได้ขัดขืน และในการแก้คดีอย่างมีจุดยืนที่ตั้งใจเชื่อฟังพระเจ้า)เรายังได้เห็นตัวอย่างของบุคคลในพระคัมภีร์ที่เลือกเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความยำเกรง เช่น ดาเนียล และเพื่อนๆ เมื่อท่านเหล่านี้มีจุดยืนที่ยืนหยัดเชื่อฟังพระเจ้า ในขณะที่เผชิญกับการต่อต้านขัดขวาง ผลที่ได้รับเมื่อยืนหยัดเชื่อฟังพระเจ้านั้น ล้วนแต่เป็นพระพรและการช่วยกู้ทั้งสิ้น
นี่คือตัวอย่างที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่า เพียงขอให้เรายืนหยัดเชื่อฟังพระเจ้า จะไม่มีอันตรายใด ๆ มาทำร้ายเราได้ หากพระเจ้าไม่ทรงอนุญาต ดังนั้นสิ่งที่เป็นการตอบสนองคือ การเชื่อฟังพระเจ้าและสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐต่อไป

เพราะเมื่อเชื่อฟังพระเจ้าและสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐต่อไป ในข้อ 20-22 เราจะเห็นได้ว่าทั้งอัครทูตเปโตรและอัครทูตยอห์น ที่สัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐ ท่านพูดตามทุกสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็นที่พระเยซูคริสต์กระทำ เป็นความมั่นใจในความจริงแห่งข่าวประเสริฐ โดยท่านไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด และสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านคือ "ไม่มีใครที่สามารถเอาผิดจากท่านได้ และชีวิตท่านทั้งสองยังเป็นเหตุให้คนสรรเสริญพระเจ้า"(21-22)

ข้อ 21 ตอนต้นบันทึกต่อไปว่า เมื่อเขาขู่สำทับท่านทั้งสองนั้นอีก แล้วก็ปล่อยไป ไม่เห็นมีเหตุที่จะ ทำโทษท่านอย่างไรได้ ...
ปลายข้อ 21-22 บันทึกต่อไปอีกว่า ...เหตุว่าคนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ...ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยหมายสำคัญนั้นมีอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว
2.ข้อคิดสะกิดใจ

เหตุการณ์จากพระธรรมตอนนี้ทำให้ผมได้รับข้อคิดว่า ในทุกสถานการณ์ที่ร้ายจะมีสิ่งที่ดีที่พระเจ้าทรงซ่อนไว้เสมอ เมื่อตอบสนองอย่างถูกต้องคือ "การเชื่อฟังและสัตย์ซื่อ" ผลจากการตอบสนองคือ ชีวิตของเราจะเป็นคำพยานที่ทำให้คนสรรเสริญพระเจ้า แม้จะมีคนที่คิดร้ายพยายามที่จะใส่ข้อหา แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดได้

ข้อคิดอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ การตอบสนองการขัดขวางข่าวประเสริฐ ต้องมีการร่วมใจกันต่อเผชิญการขัดขวางข่าวประเสริฐ
ข้อ 23 บันทึกต่อไปว่า...เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้วท่านจึงไปหาพวกของท่านเล่าเรื่องทั้งสิ้นที่พวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ว่าแก่ท่าน
ทันทีที่อัครทููตเปโตรและอัครทูตยอห์นถูกปล่อยตัว บุคคลกลุ่มแรกที่ท่านนึกถึง คือพี่น้องในความเชื่อทั้งมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่
การต่อสู้ต้องต่อสู้ร่วมกันเป็นชุมชนไม่ใช่เผชิญการต่อต้านอย่างลำพัง เป็นภาพของการผูกพันตัวกันภายในชุมชนอย่างเหนียวแน่น คริสตจักรในสมัยแรกมีความใกล้ชิดผูกพันกัน
กจ.2:46 เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวางทุกวันเรื่อยไป
เป็นภาพของการร่วมทุกข์ร่วมสุขภายในชุมชนอย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงเฉพาะในยามภาวะปกติเท่านั้น แม้ในยามวิกฤตการณ์ก็ยังผูกพันกันไม่ทอดทิ้งกัน ดังเช่น อีกเหตุการณ์หนึ่งเมื่ออัครทูตเปโตรถูกจับจองจำในคุก พระคัมภีร์บอกว่าคริตจักรได้อธิษฐานเผื่อท่านด้วยใจร้อนรน
กจ.12:5 เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำไว้ในคุก แต่ว่าคริสตจักรได้อธิษฐาน
พระเจ้าเพื่อเปโตรด้วยใจร้อนรน และทันทีที่เปโตรได้รับการช่วยจากพระเจ้าโดยส่งทูตสวรรค์ไปช่วยออกจากคุก
บุ
คคลกลุ่มแรกที่อัครทูตเปโตรไปหาทันที ก็คือ พี่น้องในชุมชนผู้เชื่อ
กจ.12:11-12
11 ครั้นเปโตรรู้สึกตัวแล้วจึงว่า "เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ารู้แน่ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงใช้ทูตของพระองค์มาช่วยข้าพเจ้า ให้พ้นจากอำนาจของเฮโรดและพ้นจากการมุ่งร้ายของพวกยิว"
12 เมื่อเปโตรคิดอย่างนั้นแล้ว ก็มาถึงตึกของมารีย์ มารดาของยอห์นผู้มีชื่ออีกว่ามาระโก ที่นั่นมีหลายคนได้ประชุมอธิษฐานกันอยู่
อัครทูตเปาโลและสิลาส ก็เช่นกัน ทันทีที่เป็นอิสระจากการถูกจองจำที่คุกในเมืองฟิลิปปี บุคคลกลุ่มแยกที่ท่านทั้งสองไปหา คือ พี่น้องในชุมชน
กจ.16:40 ท่านทั้งสองจึงออกจากคุก แล้วได้ไปเยี่ยมนางลิเดียเมื่อพบพวก
พี่น้อง ก็พูดจาหนุนใจเขาแล้วก็ลาไป

นี่คือ ตัวอย่างของคริสตจักรต้นแบบเมื่อต้องเผชิญกับการต่อสู้ขัดขวางเพราะข่าวประเสริฐ ไม่มีใครทอดทิ้งใคร ยิ่งมีความทุกข์ยาก ยิ่งผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น
อัครทูตเปาโลเขียนจดหมายถึงพี่น้องคริสเตียนที่เมืองฟิลิปปีถึงความรู้สึกซาบซึ้งใจ ที่พี่น้องร่วมทุกข์กับท่าน ในยามที่ต้องเผชิญกับการข่มเหง และ ต้องทำงานอย่างหนักหน่วง
ฟิลิปปี 4:14-19
14 ถึงกระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่าน ที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า
15 และพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น มาตอนเมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น
16 ถึงแม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ได้ฝากของมาช่วยหลายครั้งหลายหน นั่นคือ การร่วมทุกข์สุของพี่น้องที่ฟิลิปปีที่ดูแลเปาโลอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าท่านจะเดินทางไปทำพระราชกิจ ณ ที่ใด
และอัครทูตเปาโลกล่าวต่อใน ข้อ 17-19 ว่า พระพรของพระเจ้าย่อมมาถึงชีวิตของพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่านเช่นกัน
17 มิใช่ว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะได้รับของให้ แต่ว่าข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้ผลกำไรในบัญชีของท่านมากขึ้น
18 ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัสซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอมเป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า
19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่าน ขาดอยู่นั้นจากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์

เราควรมีความรักความผูกพันกันในชุมชนอย่างเหนียวแน่น ทั้งยามภาวะปกติ และ ภาวะที่ไม่ปกติ ไม่ใช่ยามสุขเราอยู่ แต่พอยามยากก็ตีจาก
รม 12:15 จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้
หมายความว่า ไม่เฉพาะยามสุขที่เราผูกพันกัน แต่ในยามทุกข์เราจะยิ่ง รักผูกพันและไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่ออัครทูตเปโตรและอัครทูตยอห์นต้องเผชิญกับการขัดขวาง ท่านไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้งให้เผชิญตามลำพัง ท่านรู้ว่าพี่น้องในชุมชนมีความห่วงใย
ในขณะที่ทั้งสองถูกจับ 1 คืน ก่อนจะถูกนำตัวออกมาสอบสวน เชื่อแน่ว่า พี่น้องในชุมชนอธิษฐานและรอฟังข่าวด้วยใจจดจ่อทันทีที่ได้รับอิสรภาพ ท่านทั้งสองเดินทางไปหาพี่น้องทันที ในวันนี้เราต้องเห็นความสำคัญของคริสตจักร ที่แม้ว่าอยู่ในประเทศไทย เราไม่ถูกการข่มเหงหรือต่อต้านการประกาศข่าวประเสริฐ เราควรจะอธิษฐานเผื่อและปกป้องกันและกันไว้ เพราะในอนาคตข้างหน้า หากมีการข่มเหงหรือต่อต้าน เราจะสามารถมีกำลังต่อสู้ได้ และเราควรจะอธิษฐานเผื่อคริสตชนในประเทศต่างๆ ที่มีการข่มเหงให้พระเจ้าทรงปกป้องคนเหล่านี้ไว้


3.ข้อสรุปเพื่อการประยุกต์ใช้

ผมขอสรุปหลักการไว้ดังนี้ คือ เมื่อถูกต่อต้านขัดขวางการประกาศข่าวประเสริฐ ให้เรายำเกรงพระเจ้ามากกว่าเกรงใจมนุษย์ ให้เราเชื่อฟังและสัตย์ซื่อทำหน้าที่ของเราต่อไป และอย่าคิดว่าเผชิญการต่อต้านเพียงลำพัง แต่เราควรจะมารวมพลัง ร่วมใจกันอธิษฐานเผื่อกันและกัน

เชื่อว่าเราจะสามารถเผชิญสถานการณ์ทุกสิ่งด้วยชัยชนะจากพระเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพระพร พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. "ให้เรายำเกรงพระเจ้ามากกว่าเกรงใจมนุษย์ ให้เราเชื่อฟังและสัตย์ซื่อทำหน้าที่ของเราต่อไป"

    อาเมน

    ตอบลบ
  2. พระเจ้าทรงเป็นผู้เดียวที่จะเอาผิดต่อการไม่สัตย์ซื่อของเราได้.........

    ตอบลบ