05 ธันวาคม 2561

ได้รับพระสัญญาแล้ว ต้องอธิษฐานต่อหรือไม่?


เมื่อคริสตจักรเริ่มขับเคลื่อนในการเผยพระวจนะ สิ่งหนึ่งที่ตามติดมาก็คือพระสัญญา บางคนอาจได้รับคำเผยพระวจนะว่า “พระเจ้าจะยกระดับคุณในบริษัทที่คุณทำงาน” หรือ “จะมีสายสัมพันธ์สำคัญเกิดขึ้นในธุรกิจของคุณ” ถ้อยคำเผยพระวจนะแบบนี้ ด้านหนึ่งก็อาจเรียกเป็น “พระสัญญา” ก็ได้

        คำถามมีอยู่ว่า เมื่อคนเราได้รับพระสัญญาจากพระเจ้าในเรื่องหนึ่ง ยังจำเป็นอีกหรือไม่ที่จะต้องอธิษฐานในเรื่องนั้น ทั้งนี้มีผู้สอนบางท่านอธิบายว่า เมื่อได้รับพระสัญญา ก็ไม่ต้องอธิษฐานแล้ว เพราะการอธิษฐานทั้งๆที่ได้รับพระสัญญาแล้วนับเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความไม่ไว้วางใจหรือความสงสัย บางคนก็สอนว่าเมื่อได้รับพระสัญญาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอธิษฐาน ขอแค่มีความเชื่อเพื่อรับเอาพระสัญญานั้นก็พอแล้ว บางคนก็สอนว่า เมื่อได้รับพระสัญญาก็ไม่ต้องอธิษฐานทูลขออีก แต่ให้อธิษฐานแบบป่าวประกาศแทน

        ในพระคัมภีร์มีตัวอย่างสำคัญที่ตอบคำถามนี้ได้ดี ดาเนียลเป็นผู้หนึ่งที่รับรู้ถึงพระสัญญาของพระเจ้าว่า พระองค์จะทรงนำพาคนยิวกลับคืนสู่เยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง แม้ดาเนียลจะเชื่อในพระสัญญาและมั่นใจว่าพระเจ้าจะสำเร็จพระสัญญาของพระองค์ แต่ดาเนียลก็มิได้อยู่เฉยๆ และเอาแต่รอคอยพระเจ้าเท่านั้น ทว่าดาเนียลกลับอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้า และยังได้อธิษฐานสะสางอุปสรรคต่างๆที่ขัดขวางการสำเร็จพระสัญญา

        ด้วยเหตุนี้จากตัวอย่างในพระคัมภีร์ เมื่อผู้ใดได้รับพระสัญญาจากพระเจ้า นอกจากที่ผู้นั้นจะต้องมีความเชื่อในพระสัญญาแล้ว ผู้นั้นก็ควรอธิษฐานทั้งทูลขอและป่าวประกาศให้พระเจ้าทรงสำเร็จพระสัญญานั้น หรือบางทีก็อาจต้องอธิษฐานขจัดอุปสรรคต่างๆที่ขัดขวางการสำเร็จพระสัญญา

บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องอธิษฐานต่อด้วยทั้งๆที่พระเจ้าทรงสัญญาแล้ว? เหตุสำคัญที่คนเราต้องอธิษฐานต่อ ก็เพราะว่าการขับเคลื่อนของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก พระองค์ไม่ทรงขับเคลื่อนโดยพละการ พระองค์ไม่ทรงขับเคลื่อนด้วยตัวของพระองค์เองเพียงคนเดียว การขับเคลื่อนของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก ล้วนมาจากการอธิษฐานของมนุษย์แทบทั้งนั้น หากมนุษย์อยู่เฉยๆโดยไม่ได้อธิษฐานต่อพระเจ้า พระองค์ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนสิ่งใดๆบนแผ่นดินโลกได้ ทั้งนี้ใน (ปฐมกาล 1) พระเจ้าได้ทรงมอบสิทธิอำนาจบนแผ่นดินโลกให้กับมนุษย์ แผ่นดินโลกนับเป็นขอบเขตที่เป็นของมนุษย์ ซึ่งพระเจ้าไม่มีสิทธิแทรกแซงใดๆหากมนุษย์ไม่อธิษฐาน

ฉะนั้น เมื่อพระเจ้าประทานพระสัญญาแล้ว พระองค์ก็ต้องขับเคลื่อนให้พระสัญญาสำเร็จ แต่พระองค์ไม่อาจขับเคลื่อนได้เลยหากมนุษย์ไม่ยอมอธิษฐาน การที่มนุษย์อธิษฐาน ด้านหนึ่งก็เป็นการอนุญาตให้พระเจ้าเข้ามาขับเคลื่อนสิ่งต่างๆบนแผ่นดินโลกเพื่อให้สิ่งต่างๆที่พระองค์สัญญาไว้สำเร็จ คำอธิษฐานของมนุษย์เป็นดั่งใบอนุญาตและเป็นดั่งเครื่องมือของพระเจ้า ที่พระองค์จะทรงทำสิ่งที่พระองค์ต่างๆตามพระประสงค์ของพระองค์

บางครั้งพระสัญญาก็สำเร็จอย่างล่าช้าหรือสำเร็จอย่างไม่บริบูรณ์ ด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะการอธิษฐานที่ขาดไป จึงทำให้การขับเคลื่อนของพระเจ้าเกิดการสะดุด อนึ่ง ถ้ามนุษย์อธิษฐานทูลขอ และอธิษฐานสะสางอุปสรรคต่างๆที่ขัดขวางการสำเร็จพระสัญญา ทั้งทูตสวรรค์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็สามารถกระทำการได้คล่องขึ้น การขับเคลื่อนของพระเจ้าก็ไหลลื่น พระสัญญาก็สำเร็จอย่างบริบูรณ์และรวดเร็ว (ตามพระคัมภีร์ มนุษย์สามารถทูลขอให้พระเจ้าทรงเร่งวันเวลา และเร่งการสำเร็จพระสัญญาได้)

บางที อาจเป็นการเหมาะสมที่เพื่อนๆจะทบทวนว่า พระเจ้าประทานพระสัญญาใดให้กับเพื่อนๆผ่านคำเผยพระวจนะ และเมื่อเพื่อนๆได้ตระหนักรู้ถึงพระสัญญาแล้ว นี่อาจเป็นวาระที่พวกเราต้องอธิษฐานเพื่อให้พระสัญญาสำเร็จอย่างบริบูรณ์และรวดเร็ว ชาโลม


พระคุณของพระเยซูคริสต์จงมีแด่เพื่อนๆ
Philip Kavilar



Philip Kavilar นักวิชาการด้านฟิสิกส์ ผู้ศึกษาพระคัมภีร์เป็นงานอดิเรก เป็นผู้ที่มีของประทานด้านวิชาการและการเผยพระวจนะผสมผสานกัน  ท่านมีความปรารถนาที่จะเห็นการร่วมประสานกันระหว่างพี่น้องในสายวิชาการกับพี่น้องในสายฤทธิ์เดช และหนุนใจให้คริสตจักรขับเคลื่อนในการเผยพระวจนะและการแปลภาษาแปลกๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น