04 ตุลาคม 2560

ความหวังใจท่ามกลางทะเลทรายแห่งชีวิต

บทความเรื่อง “ความหวังใจท่ามกลางทะเลทรายแห่งชีวิต” โดย จอย นัฟทาลี 

ชีวิตคนเรามีเส้นทางของการเดินทาง นับจากจุดสตาร์ทออกมาจากท้องแม่ เราก็ได้พบเจอเรื่องราวมากมายผ่านฤดูกาลของชีวิตที่วนเวียนเข้ามา  ทั้งฤดูแห่งความสุข และฤดูแห่งความทุกข์ ฤดูกาลแห่งการหัวเราะและฤดูกาลแห่งการร้องไห้ สิ่งนี้วนเวียนผ่านเข้ามาในชีวิตให้มนุษย์อย่างเราได้ลิ้มรสไปจนตลอดเส้นทางของชีวิต

อันที่จริงชีวิตคนเราก็น่าตื่นเต้นอยู่มิใช่น้อย เนื่องด้วยเราไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นเบื้องหน้าชีวิตของเราบ้าง  พระเจ้ามิได้ทรงให้มนุษย์มีดวงตาที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันพรุ่งนี้  แต่กระนั้นก็ทรงสอนให้เราทั้งหลายวางหัวใจของเราไว้ใน “ความไว้วางใจ” พระองค์ 

ในพระธรรมสดุดี 22 ดาวิดอยู่ในสภาวะทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด ดาวิดถึงขนาดกล่าวออกมาอย่างน่ารันทดใจว่า “ พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” ดาวิดร้องทูลต่อพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน แต่กระนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ทรงตอบ  หลายคนอาจอยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่า “ทะเลทรายของชีวิต” ดังเช่นที่ ดาวิดได้เผชิญ  ปัญหาการเงิน ชักหน้าไม่ถึงหลังในแต่ละเดือน  ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว   ปัญหาการงาน หรือสิ่งอื่นใด และคิดไปว่า “พระองค์ทรงเมินเฉยที่จะช่วยข้าพระองค์ และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์” 

แม้จะมีเสี้ยวนาทีที่ดาวิดคิดว่า พระเจ้าทรง “เมินเฉย” ต่อท่านเสียแล้ว แต่กระนั้นสิ่งที่ดาวิดตอบสนองอย่างรวดเร็วในท่ามกลางความคิดแง่ลบที่เข้ามาในยามเจ็บปวดที่สุดของชีวิตนั้นกลับเป็นการกระทำที่น่าทึ่ง เราเห็นอะไรบ้างจากตัวดาวิด

1. สู้กับความคิดแง่ลบที่เข้ามา ดาวิดสวนกลับความคิดของตัวเองทันทีว่า “ถึงอย่างไร พระองค์ก็ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ พระองค์ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล”  เราเคยสวนกลับความคิดที่ไม่ถูกต้อง ความคิดที่ทำให้เราล้มเหลว อ่อนกำลังหรือไม่

2. หวังใจในพระเจ้าด้วยการหวนมองประสบการณ์ในอดีต - ดาวิดมองย้อนกลับไป และเกิดความมั่นใจ “บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายวางใจในพระองค์ เขาทั้งหลายวางใจ และพระองค์ทรงช่วยกู้เขา  เราน่าจะบอกกับตัวเองว่า “พระเจ้าเคยนำย่างเท้าของข้าพเจ้าให้รอดมาแล้วอย่างไร พระเจ้าก็จะทรงทำเช่นนั้นต่อไปในชีวิตของข้าพระองค์” 

3.  มองเห็นพระคุณพระเจ้าในชีวิตและพึ่งพาพระองค์ต่อไป -ถึงกระนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดา และทรงให้ข้าพระองค์ปลอดภัยอยู่ที่อกแม่  ตั้งแต่คลอดข้าพระองค์ก็ต้องพึ่งพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา” 
ใช่ เราต้องพึ่งพระองค์อย่างถึงที่สุด ดังพระธรรมสุภาษิตบทที่ 3 บอกว่า  “จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้าและอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง” 

4. ตั้งใจจะสรรเสริญ ถวายพระสิริแด่พระเจ้า และบอกเล่าพระนามพระเจ้าให้ผู้คนได้รับรู้อย่างไม่หยุดหย่อน- ข้าพระองค์จะบอกเล่าพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน…” 
ในยามทุกข์ยาก  เราก็ไม่หยุดสรรเสริญพระองค์ การสรรเสริญพระเจ้าจะอยู่ที่ริมฝีปากของเราเสมอไปเป็นนิตย์ 

5. มั่นใจในพระเจ้าและรู้ว่าจะได้รับการช่วยกู้ให้ผ่านพ้นความทุกข์ยากไปได้อย่างแน่นอน- เพราะพระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียนต่อความทุกข์ยากของผู้ที่ทุกข์ใจ และพระองค์มิได้ทรงซ่อนพระพักตร์จากเขา เมื่อเขาร้องทูล พระองค์ทรงฟัง” 

ในท่ามกลางปัญหา ดาวิด “รู้จักพระเจ้า” อย่างแท้จริง และท่านรู้ว่า “พระเจ้าทรงพึ่งพาได้”  ชีวิตของท่านจึงเดินหน้าต่อไป ด้วยความหวังใจ  เช่นกันวันนี้ ความหวังใจของเรา “อยู่ในพระเจ้าเท่านั้น” จงทอดสมอหัวใจไว้ในพระเจ้าเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ไว้วางใจได้ !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น